?ให้ร้านหนังสือนำทางรัก
?ประชาคม ลุนาชัย เขียน , แพรวสำนักพิมพ์
?เริ่มดอง : 12 พฤษภาคม 2565
?เลิกดอง : 16 พฤษภาคม 2565
ทีแรกตั้งใจทำเพจกับบล็อกขึ้นมาเพื่อ (บังคับตัวเอง) อ่านกองดองที่มีอยู่มหาศาลและดองมาอย่างยาวนาน แต่พอเรื่องนี้วางแผงเท่านั้นแหละ บอกเล้ยยยว่าดองไม่ได้เด้อจ้า เพราะงี้จึงขอทลายกฎจัดการอ่านโดยพลันกับลงมือรีวิวโดยด่วน
และก่อนอื่นใด ขออวยยศและแสดงความยินดีกับผู้แต่ง คุณประชาคม ลุนาชัย ด้วยค่ะกับรางวัลศิลปินแห่งชาติที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ #ปรบมือรัวสามสี่ป้าบป้าบอะ
ทีนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ขอเปิดพิธีรีวิวอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้
?
‘ให้ร้านหนังสือนำทางรัก’ เป็นนิยายรักขนาดสั้นที่วางแผงคู่กับ ‘ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก’ ซึ่งเรื่องหลังตีพิมพ์มาหลายปีแล้วแต่ครั้งนี้นำมาพิมพ์ใหม่ ส่วนเนื้อเรื่องน่ะเหรอ ... แหะๆ จำไม่ค่อยได้แล้วจ้า แต่สรุปคือสามารถอ่านสองเล่มแยกกันได้ ไม่ได้เป็นภาคต่อกันแต่ประการใด
สำหรับสิ่งที่มีเหมือนกันระหว่างสองเรื่องนี้คือร้านหนังสือ ใน ‘ให้ร้านหนังสือนำทางรัก’ จะเป็นร้านหนังสือของสองหนุ่มพี่น้อง บรรเจิดฝัน กับ โจก ที่ได้รับมรดกเป็นตึกจากป้า แล้วทั้งสองคนก็ได้จัดการเปลี่ยนโฉมร้านเช่าหนังสือของป้าให้กลายเป็นร้านหนังสือเล็กๆ ชื่อว่าหัวโจก โดยมีนายโจกเป็นคนดูแล ส่วนบรรเจิดฝันนอกจากช่วยน้องชาย ตัวเขาเองยังเป็นนักเขียนด้วย
คืนวันของบรรเจิดฝันกับโจกควรจะดำเนินไปอย่างเรียบๆ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่มีใครนำเด็กทารกมาทิ้งไว้ในรถซาเล้งของลุงหง่าว จากนั้นความสงสารเอ็นดูก็ถาโถมจู่โจมทุกคนที่ได้เห็นหน้าทารกน้อย คนในละแวกนั้นเลยตกลงกันว่าจะช่วยเลี้ยงดูเด็กหญิงที่ถูกทอดทิ้ง ส่วนคนที่รับหน้าที่เป็นพ่อเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักเขียนหนุ่มโสด ที่ภายหลังเขาตั้งชื่อลูกสาวให้แบบเก๋ๆ ว่าพรำฝน
?
ขอเล่าเรื่องย่อแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ที่เหลือให้ไปตามต่อกันเอง ซึ่งจะบอกว่าใช้เวลาอ่านไม่มากเลย เพราะพลิกหน้าต่อไปเร็วมาก จนตอนหลังพอทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหวก็ถึงขั้นแอบเปิดอ่านตอนจบด้วย (พฤติกรรมนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ อย่าหาทำตาม)
เรื่องนี้งดงามทั้งภาษา เนื้อเรื่อง บรรยากาศ ทุกอย่างมันละมุนใจไปหมด อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงกลิ่นฝน ลมหนาว เสียงพลิกกระดาษ และอีก ฯลฯ แล้วชอบมากกับการที่ชั้นมีประสบการณ์ร่วมกับผู้แต่งที่เล่าถึงร้านหนังสือในเมือง ว่าแล้วเชียวต้องเป็นร้านคิโนะคุกิมิยะ #ตบเข่าฉาด แต่เรื่องขัดใจมีอยู่นะ อย่างเช่นเรื่องความอ่อนไหวเหลือเกินของคุณนักเขียนหนุ่ม แต่แหม พ่อคุณเอ๋ย ตอนรู้ใจตัวเองเนี่ย อ่านไปไอ้ชั้นก็ถึงกับจิกหมอนกรี๊ดตามด้วยเชียว
(แต่ส่วนตัวคิดว่าบรรเจิดฝันเหมาะกับผู้หญิงอีกคนมากกว่า แต่นั่นละฮะทั่นผู้ชม คนที่ควรมี กับ คนที่ต้องมี บรรเจิดฝันเขาต้องเลือกคนหลังสิ)
เป็นนิยายฟีลกู๊ดผสมดราม่าเบาๆ ที่ขอแนะนำค่ะ มันช่างอบอุ่น อบอวลไปด้วยความรักและมิตรภาพระหว่างคนรัก คนแอบรัก คนข้างบ้าน คนที่ใช่-ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และเหนืออื่นใด ชั้นรักในความเอื้ออาทรของคนในชุมชนนี้ รักในความไม่ต้องการครอบครองแต่ปรารถนาให้คนที่เรารักเป็นสุข ฮือ อย่างหลังนี่ทำเอาน้ำตาปริ่ม
สรุปสุดท้ายแบบรวบรัด (จริงๆ คือง่วงแล้วแหละ) ขอเป็นเสียงหนึ่งที่สนับสนุนให้อ่านนิยายไทยขนาดกะทัดรัดเรื่องนี้ค่ะ อยากให้ทุกคนมาตามหาความรักและความหมายของความสุขใจจากร้านหนังสือของบรรเจิดฝันกับโจก ถึงเรื่องจะไม่ได้มาแนวหวือหวาตีลังกาเหมือนนั่งรถไฟเหาะ แต่เชื่อเถอะว่าความง่ายงามก็น่าประทับใจเช่นกัน
ป.ล.ปกสวยม้ากกก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in