ความอ้างว้างในใจทำให้เราผลักไสทุกคนที่มีอยู่ในชีวิตออกไป
เราไม่ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเปิดใจให้ใครเลย
โลกนี้ไม่ควรรับรู้ความลับของเรา ความลับที่คอยตอกย้ำทุกๆวินาทีของชีวิตว่าเรามันไม่มีค่าคู่ควรกับความรักจากทุกคน
ใช่ เราจมปลัก
เราไม่สามารถก้าวผ่านความรู้สึกอ่อนไหวนี้ได้
ทำไมสิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เราลืมมันไปได้เลย
เรากำลังเยียวยาตัวเอง
เรารู้ว่าเราไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตที่มีอยู่ด้วยการดูถูกดูแคลนตัวเองต่อไปได้
เรากำลังพยายาม
เรารู้ดี
เราเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันไปถึงสองปี
ใครๆต่างก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ได้รู้จักคนเยอะ
ไม่จริงน่า ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเพื่อนกันได้สักหน่อย
ทุกความเปลี่ยนแปลงทำให้เรารู้สึกเป็นตัวประหลาด ไม่เข้าพวก และอยากเดินหนี
ทุกความเปลี่ยนแปลงทำให้กำแพงหนาที่เราสร้างขึ้นขยายอาณาเขตมากขึ้นเรื่อยๆ
สามปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เราไม่เคยหยุดหย่อนกับการก่อสร้างกำแพงนี้เลยจนกระทั่งวินาทีนี้ที่เรากำลังนั่งเขียนสิ่งๆนี้อยู่
บางครั้งกำแพงก็ถูกทำลาย
บางครั้งกำแพงก็ถูกสร้างขึ้นใหม่
บางครั้งเราก็อยากลาออกจากการเป็นตัวเองเหมือนกัน
เมื่อวานเราคุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนคนหนึ่ง
เพื่อนที่เราคิดว่าเขาอาจจะยอมรับความเรื่อยเปื่อยของเราได้
เพื่อนที่เราคิดว่าเขาจะคุ้มค่ากับแรงที่เราจะลงมือทุบกำแพงในครั้งนี้
กำแพงถูกทำลายไปแล้ว
เปลือกที่ห่อหุ้มเราอยู่ได้ถูกกระเทาะออกไปแล้ว
'แล้วเรารู้สึกยังไงละ' คำถามนี้วนอยู่ในหัวเราไปยอมหายไปไหน
'รู้สึกแย่กับเพื่อนว่ะ'
'ไม่น่าพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลย'
'จะหายไปอีกคนมั้ย'
ฯลฯ
แต่ท่ามกลางกระแสความคิดที่ไหลวนเราได้ตกตะกอนความคิดอย่างหนึ่งว่า
ไม่ว่าอดีตที่ผ่านมาจะได้เคยทำให้เรามีบาดแผลมากแค่ไหนมันก็ไม่ควรจะเป็นเหตุผลให้คนในปัจจุบันเป็นผู้ได้รับผลการกระทำนั้น พวกเขาไม่สมควรได้รับบทบาทนั้นอย่างไม่เต็มใจ กล่องความลับนั้นควรถูกฝังกลบไว้ให้เรารู้อยู่เพียงผู้เดียวและเราควรจะเรียนรู้จากการค่อยๆทำลายความสูงของกำแพงเหล่านั้นลงด้วยตัวของเราเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in