วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 - วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
วันนี้เป็นวันทำงานครั้งแรก ฉันตื่นเต้นจนแทบไม่ได้นอน ส่วนตัวของฉันก็เป็นคนที่วิตกกังวลได้ง่ายอยู่แล้ว การที่ต้องก้าวขาออกจากโซนของการเป็นนิสิตธรรมดาสู่การเป็นนิสิตฝึกงานนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดไว้มากสำหรับคนที่ไม่ได้ออกจาก Saft Zone มานานอย่างฉัน ในใจมีแต่ความกังวลว่าตัวเองจะเป็นภาระให้กับพี่ ๆ ที่ฝึกงาน "ตัวฉันจะสามารถทำตามที่พวกพี่เขาคาดหวังได้ไหม" "ถ้าหากพี่ ๆ ที่ฝึกงานเขาไม่โอเคกับฉันจะทำอย่างไรดี" หรือ "ถ้าฉันทำไม่ดี รุ่นน้องรุ่นต่อ ๆ ไปจะมีโอกาสได้ฝึกงานที่นี่อีกไหม" ในหัวมีแต่ความคิดนี้ตลอดทั้งคืนจนเช้า
เพื่อให้ลดความกังวลนี้ ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันควรจะทำเป็นอย่างแรกคือการสร้างความประทับใจ ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปออฟฟิศที่ฝึกงาน ตอนแรกฉันนึกว่าจะต้องเดินทางนานเกือบ 2 ชั่วโมง ตามที่ Google Map คำนวณไว้ แต่พอเอาเข้าจริงกลับใช้เพียงไม่นาน ฉันเลยเลือกที่จะเดินทาง BTS อารีย์เพื่อเดินไปยังออฟฟิศแทนการนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างหรือเรียก Muvmi (รถตุ๊ก ๆ ไฟฟ้า) จากแอปพลิเคชันตามที่พี่ที่ฝึกงานแนะนำ
เนื่องด้วยเพราะเป็นตอนเช้า อากาศเลยค่อนข้างดี อีกทั้งถนนหนทางก็ดูดี สะอาด มีต้นไม้ร่มรื่น เลยทำให้ความกังวลที่คิดมาตลอดทั้งคืนหายไประหว่างการเดินทางครั้งนี้ (อันที่จริงเพราะฉันหลงทางไปผิดซอยจนลืมเรื่องที่คิดมากกว่า) แต่สุดท้ายฉันก็เดินจนถึงออฟฟิศจนได้ ซึ่งอยู่ในซอยลึกมาก ๆ และเวลาที่ฉันไปถึงก็เช้ากว่าเวลาที่พี่เขานัดไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง 'พี่น้ำ' พี่ที่ออฟฟิศมาเห็นก็เลยชวนให้ไปนั่งข้างในและอ่านหนังสือรอไปพลาง เพราะ 'พี่ส้ม' กับ 'พี่เมษ์' ที่เป็นคนดูแลฉันติดธุระด่วน จึงน่าจะมาช้ากว่าที่นัดไว้ ฉันจึงเลือกหนังสือมาอ่าน 1 เล่มระหว่างรอจนพี่ส้มกับพี่เมษ์มาถึง
เมื่อพี่ส้มมาถึงก็รีบขอโทษเรื่องที่มาสายและเริ่มอธิบายเกี่ยวกับการฝึกงานให้ฟังทันที การฝึกงานอาจจะเน้นเป็นการฝึกงานแบบออนไลน์มากกว่า เนื่องจากเรื่องของการเดินทาง และโรคระบาด โดยภาระงานคร่าว ๆ หลัก ๆ ก็จะมีดังนี้
1. หาต้นฉบับที่น่าสนใจ เหมาะกับแนวทางของสำนักพิมพ์
2. ผลิต Content สำหรับเพจ เช่น เนื้อหาจากหนังสือนิทาน / ข้อมูลเกี่ยวกับการอ่าน / ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก จิตวิทยา
3. กระบวนการบรรณาธิการ
และพี่ส้มก็ยังพูดต่ออีกว่าเนื่องด้วย Kidscape ยังค่อนข้างใหม่สำหรับวงการหนังสือเด็ก ก็อยากที่จะเรียนรู้จากคนที่เรียนสายนี้โดยตรงอย่างคนที่เรียนวรรณกรรมสำหรับเด็กเช่นกัน ซึ่งฉันเองก็ดีใจ ส่วนตัวของฉันเองก็อยากเรียนรู้จากพี่ส้ม พี่เมษ์ ที่มีประสบการณ์จริงเช่นกัน และคิดว่าถึงจะเป็นสำนักพิมพ์ที่ค่อนข้างใหม่ แต่ดูจากผลงานและความสามารถก็คิดว่าพี่ทั้งสองก็เป็นคนที่เก่งมาก ตอนนั้นฉันไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าตัวเองจะสามารถให้อะไรพี่ ๆ เขาได้อย่างที่พี่เขาคาดหวัง แต่ก็จะพยายามให้เต็มที่ที่สุด
วันนั้นพี่ส้มก็พาไปพักรับประทานอาหาร และแนะนำให้รู้จักกับพี่คนอื่น ๆ ในสำนักพิมพ์ รวมถึงพี่ ๆ The 101 percent ที่อยู่ออฟฟิศเดียวกันด้วย พอถึงช่วงบ่ายฉันก็เริ่มทำงานจากการลองคิด Content ลงเพจดูก่อน ซึ่งฉันเลือกหนังสือภาพ "พอกันที สีเทียนจะไม่ทน!" โดยพยายามคิดประเด็นเกี่ยวกับของสิทธิและเสรีภาพ ผ่านการแสดงออกของสีเทียน เพราะเห็นว่าก่อนหน้านี้ทางเพจได้นำเสนอเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านหนังสือเรื่อง "เมื่อสัตว์อยากเลือกตั้ง" ไปแล้ว เมื่อลองเขียนประเด็น เนื้อหาโพสต์ และออกแบบรูปภาพที่จะโพสต์ลงสื่อ ก็ส่งให้พี่ส้มและพี่เมษ์ดูคร่าว ๆ พี่เมษ์ก็เห็นว่าประเด็นน่าสนใจ แต่ทางเพจก็เคยลงเกี่ยวกับเล่มนี้ไปแล้วจึงไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็พี่เมษ์ช่วยแนะนำเต็มที่เกี่ยวกับคำที่ใช้ให้ว่าควรเพิ่มหรือลดอะไรบ้าง พี่ส้มเห็นว่าโอเค จึงให้ไฟล์ภาพต้นฉบับเพื่อลอง Edit ภาพในวันถัดมา
และทุกครั้งที่มีทำงานสำคัญ ๆ ก็มักจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นกับฉันเสมอ...
วันนั้นทั้งวันหลังจากที่พี่ส้มส่งไฟล์ภาพต้นฉบับมาให้เรียบร้อย สัญญาณอินเตอร์เน็ตและไวไฟก็พร้อมใจกันล่มโดยมิได้นัดหมาย ทำให้โหลดหรือส่งไฟล์ภาพได้อย่างยากลำบาก กว่าจะตัดต่อภาพเสร็จก็ผ่านไปหนึ่งวัน ซึ่งก็แอบกังวลกับผลงานของตนเองว่าจะไม่เป็นที่ถูกใจหรือไม่เข้ากับเพจ แต่พี่ส้มก็ตอบกลับมาว่า "โอเคแล้วจ้า" ใจหนึ่งก็ดีใจที่พี่เขาโอเค แต่อีกใจก็คิดว่า "พี่ส้มคะ มันโอเคจริง ๆ ใช่ไหมคะ ช่วยติหนูหน่อยเถอะค่ะ สักนิดก็ยังดี"
นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยากให้มีคนติชิ้นงานของตนเอง...
หลังจากนั้นอีกงานหนึ่งที่ได้รับเมื่อสุดสัปดาห์และก็ยังคงทำอยู่จนถึงตอนที่กำลังเขียนอยู่นี้คือการตรวจและแก้ไขต้นฉบับ 3 เรื่องที่น่าจะได้ตีพิมพ์ในอนาคต ซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าสามารถพูดถึงได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้จึงขออุบอิบไว้ก่อน ถ้าชิ้นงานออกเป็นตัวเล่มเมื่อไร จะมาพูดให้ฟังอีกทีนะ
และยังมีอีกหนึ่งภารกิจที่ตัวฉันเพิ่งไปตะลุยหาข้างนอกมาเมื่อวานจนได้รับไอเทมมาหนึ่งชิ้นนั่นคือการหาต้นฉบับนิทานภาพเรื่องที่น่าสนใจไปเสนอ ซึ่งถ้าถูกสเปคสำนักพิมพ์ ในอนาคตก็อาจจะได้นำไปตีพิมพ์ และเล่มที่ฉันได้มานั้นคือ Wild - Emily Hughes ซึ่งฉันอ่านคำโปรยครั้งแรกก็ถูกใจ อยากอ่านข้างในก็เปิดอ่านไม่ได้เพราะมีพลาสติกหุ้มไว้ จึงตัดสินใจซื้อทันทีอย่างไม่ลังเล ตอนนี้ก็คงต้องลองอ่านดูก่อน ถ้าน่าสนใจก็จะลองนำไปเสนอพี่ส้มกับพี่เมษ์
ปล. เป็นสัปดาห์แรกในการทำงานที่เรียกได้ว่าแทบจะขายวิญญาณกันเลยทีเดียว เพราะต้องปั่นโปรเจกต์ Final ของวิชาเลือกพร้อม ๆ กับแบ่งเวลาไปทำงานของส่วนที่ฝึกงาน จนนาฬิกาชีวิตรวนไปหมด หลังจากนี้ก็คงต้องค่อย ๆ ปรับให้นาฬิกาชีวิตให้กลับไปเป็นเหมือนคนปกติ
สู้ ๆ นะตัวฉัน
สุดท้ายนี้ขอให้ตัวฉันและนักเดินทางทุกคนที่เวลาผ่านมาอ่านได้เห็น...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in