I bet you thought your life would change
But you're sat on a train again
Your memories are sceneries for things you said
But never really meant
You build it to a high to say goodbye
Because you're not the same as them
But your death it won't happen to you
It happens to your family and your friends
I pretend
"I bet you thought your life would change but you're sat on a train again" เป็นแนวคิดที่มีต่อการใช้ชีวิตเทียบกับการนั่งรถไฟไปจนสุดสถานีที่เปรียบเทียบสุดปลายทางนั้นเป็นเป้าหมายในชีวิต ที่สุดท้ายแม้จะผ่านไปจนถึงที่หมายแล้ว รถไฟก็ยังต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นแล้วก็เดินรถไปอย่างนั้น เหมือนกับชีวิตเราที่แม้จะตั้งเป้าหมายให้ตัวเองจนทำสำเร็จแต่แล้วยังไง เราก็ยังต้องทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสิ้นสุดที่อะไร เป็นการให้ความหมายของชีวิตที่ไม่ได้มีเป้าหมายอยู่จริง ๆ ผ่านมุมมองที่แมตตี้มอง
"Your memories are sceneries for things you said but never really meant" ยังอยู่บนรถไฟที่ข้างนอกหน้าต่างที่เราเหม่อมองออกไปมีแต่ภาพความทรงจำและคำพูดในอดีตของตัวเองที่กลับมาตอกย้ำ ท่อนนี้แมตตี้ค่อนข้างจะเอนเอียงไปพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ พูดถึงคนพวกที่มีความรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ เช่น ไม่ดีพอกับคนที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับที่คนอื่นจะทำได้ เป็นความรู้สึกที่อยากจะเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นหรืออะไรมากกว่านี้เพื่อที่จะเป็นคนแบบที่อยากเป็น และจริงใจกับคนอื่นมากขึ้น
"You build it to a high to say goodbye because you're not the same as them" ท่อนนี้พูดถึงลักษณะของตัวแมตตี้เองที่พยายามใช้ชีวิตอยู่แบบที่เหมือนกับทุกวันและทุกช่วงเวลาสามารถเป็นจุดจบความตัวเองได้ อารมณ์แบบที่ว่าใช้ชีวิตแขวนอยู่ในเส้นดายแต่ถ้าหากตกหรือตายขึ้นมาจะไม่รู้สึกว่าเสียดายและรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ทำแบบนั้น ส่วนตัวแล้วถ้าพูดถึงตอนนี้คิดว่าอาจจะหมายถึงเรื่องการเขียนเพลงที่พูดความจริงเรื่องสังคมและพยายามประกาศให้คนทุกรุ่นเข้าใจแต่อาจจะมีบ้างที่ไปขัดใจใครเข้าจนต้องเสี่ยงอันตราย
"But your death it won't happen to you, it happens to your family and your friends." ความจริงแล้วท่อนนี้เป็นอีกมุมมองของแมตตี้ต่อการตายหรือการฆ่าตัวตาย ด้วยความที่ว่าไม่มีความเชื่อทางศาสนาและคิดว่าการตายก็เหมือนกับตอนยังไม่เกิด คือจากการไม่มีตัวตนสู่การไม่มีตัวตนอีกครั้ง เขาไม่ได้กลัวความตายเพราะมันแทบจะไม่มีอะไรต่างจากเดิมเลย แมตตี้ก็เลยหาเหตุผลอื่นมารองรับว่าถ้าตายแล้วยังไงต่อ ซึ่งเขาก็คิดถึงแค่คนเบื้องหลังที่เขามีในชีวิตที่อาจเป็นคนพวกนั้นที่จะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำไว้ และเสียใจ ท่อนนี้ไม่ได้ตัดสินคนที่ทำลงไปหรือคิดจะทำ เป็นมุมมองความคิดต่อชีวิตเขาเอง
And I always wanna die, sometimes
I always wanna die, sometimes
"And I always wanna die, sometimes, I always wanna die, sometimes." เหตุผลที่ต้องเป็นประโยคนี้และยังเป็นชื่อเพลงด้วย แมตตี้พูดว่าตอนนี้คำว่า "อยากตาย" ก็กลายเป็นเหมือนมีมที่นิยมใช้กัน ทั้งในชีวิตและโลกออนไลน์ คนต่างใช้มันเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกต่อทุกอย่างที่ไม่ได้อย่างใจ หรืออาจจะเพราะความเบื่อหน่าย และเหน็ดเหนื่อยในการใช้ชีวิต ทุกวันที่มันย่ำอยู่กับที่ เป็นเสมือนการพูดแสดงความรู้สึกว่าอยากตาย เหมือนกับบ่นว่าหิวข้าวอะไรแบบนั้น แมตตี้บอกว่ามันน่าจะเป็นประโยคที่คนเห็นแล้วเข้าใจความรู้สึกที่สุดแล้ว
You win, you lose, you sing the blues
There's no point in buying concrete shoes
I'll refuse
"You win, you lose, you sing the blues" ชีวิตก็ต้องมีดี มีล้ม ถ้าวันไหนที่ไม่ได้ดั่งใจเราก็แค่ฟังเพลงหรือร้องเพลงเศร้า มันก็แค่ปัญหาที่เข้ามายุ่งเหยิงก่อนที่สักวันหนึ่งมันจะหายไป(ตาย) เพราะฉะนั้นก็แค่ก้าวผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ไม่ได้เปรียบเทียบกับอะไรเลย แค่บอกว่าวันที่เจอเรื่องร้าย ๆ ก็ร้องเพลงปลอบตัวเองไปก็แค่นั้น
"There's no point in buying concrete shoes" รองเท้าคอนกรีต เป็นอีกเครื่องมือที่ใช้ฆ่าคนหรือฆ่าตัวตาย ลักษณ์คือการเทปูนลงในกล่องขณะที่เท้าทั้งสองข้างวางอยู่ในนั้นจากนั้นก็ถูกโยนลงน้ำเป็นการปลิดชีวิต ในที่นี้เปรียบเทียบเป็นการทำร้ายตัวเองหรือการปลดชีวิตตัวเอง ต่อให้ชีวิตจะยุ่งเหยิงแต่การจบชีวิตด้วยวิธีแบบนั้นก็ไม่ได้ดูดีซะเท่าไหร่
And I always wanna die, sometimes
I always wanna die, sometimes
I always wanna die
Am I me through geography?
A face collapsed through entropy
I can hardly speak
And when I try it's nothing but a squeak
On the video
Living room for small
If you can't survive, just try
"Am I me through geography?" เป็นการตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าหรือเราจะเป็นแบบนี้เพราะว่ามาจากที่ที่ตัวเองอยู่ เช่น ถ้าหากเกิดในสหรัฐอเมริกา ก็จะต้องนับถือศาสนาคริสต์ ถ้าหากเกิดที่อินเดียก็คงเป็นฮินดู แมตตี้บอกว่ามันประหลาดที่ต้องเกิดมาแล้วอยู่ภายใต้สิ่งต่าง ๆ แบบนี้ ที่เราต่างเป็นคนแบบที่เป็นอยู่เพราะเพียงแค่สถานที่หล่อหลอมให้เป็น
"A face collapsed through entropy entropy" หรือเอนโทรปีเป็นการวัดความไม่แน่นอนของระบบหรือความน่าจะเป็นที่จะเกิดสิ่งต่าง ๆ(x) ท่อนนี้อาจจะหมายถึงความรู้สึกที่อยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงและไม่แน่นอนในสังคม ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด
"I can hardly speak and when I try it's nothing but a squeak" แมตตี้พูดถึงช่วงก่อนที่จะไปเข้ารับการบำบัด เขาสูญเสียความมั่นใจและกลัวการออกไปข้างนอกครั้งนี้ที่จะบำบัดและเปลี่ยนเขาเป็นอีกคน เป็นความรู้สึกกลัวสูญเสียตัวเอง กลัวจะผิดพลาดไปจากเดิม และกลัวการทำให้ตัวเองดีขึ้น
And I always wanna die, sometimes
I always wanna die
Always wanna die
Always wanna die
Always wanna die
And I always wanna die
Always wanna die
Always wanna die, sometimes
Sometimes
Sometimes
Sometimes
I, sometimes, always wanna die
Always wanna die
Always wanna die
Always wanna die, sometimes
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in