เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
a mixtape for a friendyour basic trash
แปลเพลง THE 1975 - Nothing Revealed / Everything Denied


  • Title: Nothing Revealed / Everything Denied 

    Artist: The 1975

    Album: Notes On A Conditional Form (2020)


    ไปกันต่อครับคุณผู้ชม กับแทรคที่ชอบที่สุดในอัลบั้มสำหรับเรา Nothing Revealed / Everything Denied แทรคที่ 13 จากอัลบั้ม Notes On A Conditional Form เพลงนี้ฉีกมาเลยกับส่วนผสมที่เป็นแรปแล้วแนวเพลงที่ต่างออกไปด้วย ซึ่งอัลบั้มนี้จะรวมเอาการทดลองแนวเพลงแบบใหม่ ๆ ที่ The 1975 กำลังทำอยู่ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเพลงนี้ผสมผสานเอาทั้งเสียงที่คุ้นเคยกับอะไรใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว 


    โดยในเพลง Nothing Revealed / Everything Denied มีเนื้อหาไปในเชิงตั้งคำถามว่ามนุษย์รวมทั้งตัวแมตตี้เองกำลังตามหาความจริงหรือว่าตามหาอะไรอยู่กันแน่ ตลอดจนการพูดถึงความรู้สึกและบ่นเรื่องที่เขาต้องเจอจากการทำเพลง โดยในเพลงนี้แมตตี้ยอมรับว่าการเขียนเพลงก่อน ๆ นั้นอาจจะมีบางส่วนที่เขาพูดโกหก เป็นเพลงที่พยายามบอกว่าเขาเองก็แยกแยะตัวเองออกจากการเขียนเพลง มันไม่ใช่ตัวเขาจริง ๆ ที่เป็นแบบนั้นหรือแบบที่คนเอาไปพูดหรือคาดหวังกันไปเอง โดยชื่อเพลงนี้เลือกที่จะพูดความจริงในส่วนของเขาเพราะว่า "ถ้าไม่มีอะไรให้เปิดเผย ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอะไรเลย" โดยประโยคนี้ก็เป็นความหมายเดียวกับชื่อเพลง เพราะแมตตี้เลือกที่จะตั้งคำถามและพูดความจริงในเพลงนี้ตามที่เขารู้สึก 



    หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หากขาดตกบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์
    สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมหรือจะติชมได้เสมอนะคะ

    และขอความร่วมมือไม่นำเนื้อหาไปดัดแปลงหรือคัดลอกไปผลิตในรูปแบบอื่นนะคะ ขอขอบคุณค่ะ

    LYRICS AND TRANSLATION 


    Life feels like a lie, I need something to be true

    Is there anybody out there?

    Life feels like there's something missing, maybe it's you

    Is there anybody out there?


    รู้สึกชีวิตเป็นเหมือนเรื่องโกหก ผมต้องการบางอย่างที่เป็นจริง
    มีใครอยู่ข้างนอกนั่นไหมนะ
    รู้สึกเหมือนชีวิตมีบางอย่างขาดหายไป บางทีสิ่งนั้นอาจจะคือคุณ
    มีใครอยู่ข้างนอกนั่นไหม


    • "Life feels like a lie, I need something to be true" ชีวิตที่มีเรื่องราวและอุปสรรคมากมาย ตลอดจนสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้เจอในสังคมปัจจุบันที่ทำให้เขาห่างจากความเป็นจริงและความเข้าใจต่อโลก เกิดเป็นท่อนนี้ที่พูดถึงชีวิตว่าเป็นเหมือนเรื่องโกหก เป็นโลกที่เขาไม่เคยรู้จัก เขาเพียงอยากหาคำตอบและความจริงจากบางอย่างจากโลกใบนี้

    • "Is there anybody out there? Life feels like there's something missing, maybe it's you" แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังร้องเรียกหาใครสักคน เขายังมีความเชื่อว่าสิ่งที่ขาดหายอาจจะเป็นใครสักคนที่สามารถมาเติมเต็มและทำให้ชีวิตมันดีขึ้นมาหน่อย 



    I never fucked in a car, I was lying

    I do it on my bed, lying down, not trying

    Apathy for me is an issue, you see

    I just talk about the things upsetting me

    And I get somewhere, I don't like it

    Get somewhere, change my mind, eh

    Get somewhere but don't find it

    I don't find what I'm looking for


    ผมไม่เคยอึ๊บใครบนรถหรอก ผมโกหก
    ผมทำบนเตียง เอนตัวลง ไม่ได้พยายามขนาดนั้น
    ความไม่แยแสอะไรของผมมันเป็นปัญหา คุณเข้าใจไหม
    ผมแค่อยากพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ผมรำคาญ
    บางที่ที่ผมไปแล้วไม่ชอบมัน
    เดินทางไปบางที่แล้วเปลี่ยนใจ
    เดินทางไปบางทีแล้วหาอะไรไม่เจอ
    ผมไม่เจอสิ่งที่ผมตามหาเลย


    • "I never fucked in a car, I was lying I do it on my bed, lying down, not trying" จากเพลง Sex ที่มีท่อนท่อนนึงที่บอกว่า "คุณถอดรองเท้าไว้หลังรถตู้ เสื้อของผมดูดีมากตอนที่มันพาดอยู่ข้างหลังคุณ" และเพลง Love It If We Made It ที่มีท่อน "เราอึ๊บกันอยู่บนรถ แล้วฉีดเฮโรอีนเข้าร่างกาย" จากทั้งสองเพลงที่สื่อว่าเขาเคยมีอะไรกับคนอื่นบนรถ ในเพลงนี้แมตตี้พูดประโยคที่ตรงกันข้ามเพื่อบอกว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นสักครั้งเดียว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เพลงที่แมตตี้เคยเขียนอาจจะไม่ได้เป็นจริงหรือมาจากตัวตนที่เขาเป็นเองจริง ๆ แต่เป็นอีกตัวละครนึงที่เข้าไปมีส่วนในเพลงนั้นและบรรยากาศในเพลงนั้น เพราะฉะนั้นเขาในเพลงกับชีวิตจริงอาจจะไม่ใช่แบบเดียวกันเหมือนที่ใครต่อใครคิดก็ได้ 

    • "Apathy for me is an issue, you see. I just talk about the things upsetting me" เพราะความไม่แยแสของตัวเขาเองที่ทำให้เป็นปัญหา เขาที่พยายามพูดสิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่พอใจ แต่แล้วการพูดออกไปก็ส่งผลหลายอย่างกับเขา 

    • "And I get somewhere, I don't like it. Get somewhere, change my mind, eh" ด้วยสาเหตุนั้นที่เนื้อเพลงที่เขาเขียนส่งผลจริง ๆ กับเขา ไม่ว่าจะเป็นการถูกคาดหวัง หรือการรวมเขาเข้าไปเป็นคนเดียวกับเนื้อหาในเพลง ข่าวหรือคำพูดหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับเขาเริ่มไปไกลจนถึงจุดที่เขาเริ่มไม่ชอบมัน จนถึงจุดที่เขาอยากเปลี่ยนใจ (ตรงนี้อาจจะหมายถึงเปลี่ยนใจมาพูดความจริงที่เป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองสักครั้งบ้าง เช่น การออกมายอมรับว่าไม่เคยทำแบบในเพลงที่เขียน) 

    • "Get somewhere but don't find it. I don't find what I'm looking for"  ถึงแม้จะพยายามทำหลาย ๆ อย่าง เดินทางและทำทุกอย่างที่คิดว่าดีไปเรื่อย ๆ เขาเองก็ยังไม่เจออะไรที่ตามหาเลย ต่อเนื่องจากข้างบนที่เขาพยายามจะพูดอะไรที่ทำให้เขาไม่ชอบใจออกมา แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะพาไปที่ไหน เพราะที่นี่ที่เขามาถึง เขายังหาสิ่งที่ตามหาไม่ได้ หรือเพราะว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร 






    Yes, and if they catch you slippin'

    Trippin' over your fibbing and elicit

    A ribbing over how they think you should be livin'

    That's life, kind of, maybe take some time off

    You can't live in denial of setting it right

    Because if nothing is revealed, everything denied

    Learn up yourself before you talk it

    They need to see you walk it

    You don't fuck with your poor fans

    You need the rich ones to expand your floor plans


    ใช่แล้ว ถ้าหากพวกเขาเห็นคุณล้ม

    สะดุดกับคำโกหกของคุณแล้วฉกความจริงจากคุณไป

    คำพูดยั่วยุจากพวกเขาที่บอกว่าชีวิตของคุณควรเป็นแบบไหน

    นั่นแหละชีวิต คงเป็นแบบนั้น บางทีเราควรต้องพักบ้าง

    คุณต้องไม่ใช้ชีวิตอยู่กับการแก้ไขพวกคำโกหกให้ถูก

    เพราะว่าถ้าไม่มีอะไรให้เปิดเผย ทุกอย่างก็จะถูกปฏิเสธไปเอง

    เรียนรู้ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป

    พวกเขาอยากเห็นคุณทำมันสำเร็จ

    คุณไม่แยแสแฟน ๆ ที่ยากจน

    คุณแค่ต้องการบางคนที่รวยเพื่อจะช่วยขยายพื้นบ้านตัวเอง


    • "Yes, and if they catch you slippin'. Trippin' over your fibbing and elicit." ในวันที่เราอาจจะผิดพลาดหรือล้มลง คำพูดโกหกที่อาจจะเคยพูดออกไปอาจจะหวนกลับมาทำร้ายเรา จากพวกคนที่ให้ความสนใจ 

    • "You can't live in denial of setting it right because if nothing is revealed, everything denied" เราไม่ควรอยู่กับการไม่ยอมรับแล้วพยายามแก้ไขให้มันถูก เพราะว่าถ้าหากไม่มีอะไรต้องเปิดเผย ก็ไม่มีอะไรต้องฏิเสธ อาจจะหมายถึง การที่เราควรจะเลือกพูดความจริงแทนที่จะโกหกตั้งแต่แรก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้มีใครมาว่า ถ้าหากเราไม่เคยพูดโกหกก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธถ้าหากเราไม่ได้ทำตั้งแต่แรก

    • "Learn up yourself before you talk it. They need to see you walk it.." พวกเขาในที่นี้อาจจะหมายถึงเราหรือกลุ่มคนที่ชอบเขา รับรู้ว่ามีคนอยากเห็นเขาประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกมาก็จะได้ไม่มีใครต้องมาเสียใจรวมทั้งตัวเอง

    • "You don't fuck with your poor fans. You need the rich ones to expand your floor plans." แมตตี้เลือกพูดถึงเรื่องการทรีตแฟนคลับของค่ายหรือศิลปินที่เอาแต่จะทำมาหากินและดึงเงินของกลุ่มที่รวย ๆ เพื่อจะเอาเงินพวกเขาไปทำประโยชน์ให้ตัวเองจนลืมสนใจแฟน ๆ ที่ไม่มีเงินทำแบบนั้น **แมตตี้น่าจะเจาะจงไปทีี่ Meet and greets ที่ราคาสูง ๆ ของศิลปินหลาย ๆ คนที่เคยมีให้เห็น เพราะว่าเขาเคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ไปว่ามันไม่มีเหตุผลแล้วก็ไม่ดีกับแฟนคลับเลยค่ะ 





    You can't figure out, at heart you were lying

    You're doin' in my head with your non-stop trying

    Never gettin' sleep and forgettin' to eat

    I pretend that all these things agree with me

    And I get somewhere but don't like it

    Get somewhere, change my mind, eh

    Get somewhere but don't find it (Find it, find it, find it)

    I don't find what I'm looking for


    คุณคิดอะไรไม่ออก คุณรู้ดีว่ากำลังโกหกตัวเอง
    คุณปั่นหัวผมด้วยความพยายามที่ไร้สิ้นสุด 
    ทั้งไม่ได้นอนแล้วลืมกินข้าว
    ผมเสแสร้งว่าทุกอย่างนี้เห็นด้วยกับผม
    แล้วผมก็ถึงจุดนึงแล้วไม่ชอบมันสักนิด
    ถึงบางจุดที่ผมต้องเปลี่ยนใจ
    ถึงบางจุดที่ผมรู้ว่าไม่เจอมันแล้ว 
    ผมไม่เจออะไรที่ตามหาเลย

    • "You can't figure out, at heart you were lying. You're doin' in my head with your non-stop trying" การโกหกตัวเอง โกหกหัวใจตัวเอง คงไม่ได้ทำให้เขาเจอในสิ่งที่ตามหาหรือความจริงที่เขาอยากรู้ อย่างการที่ปล่อยให้เสียงของคนอื่นหรือตัวเองที่คิดมากไปเรื่อยก็มีแต่จะทำให้แย่ลง

    • "Never gettin' sleep and forgettin' to eat. I pretend that all these things agree with me" สิ่งในหัวเหล่านั้นทำเขาไม่ได้นอนไม่ได้กิน แล้วสุดท้ายก็คิดไปเองว่าคิดถูกแล้วทั้งหมดนั้น






    Life feels like a lie, I need something to be true

    Is there anybody out there?

    Life feels like there's something missing, maybe it's you

    Is there anybody out there?


    รู้สึกชีวิตเป็นเหมือนเรื่องโกหก ผมต้องการบางอย่างที่เป็นจริง
    มีใครอยู่ข้างนอกนั่นไหมนะ
    รู้สึกเหมือนชีวิตมีบางอย่างขาดหายไป บางทีสิ่งนั้นอาจจะเป็นคุณ
    มีใครอยู่ข้างนอกนั่นไหม





    Life feels like a lie, I need something to be true

    Is there anybody out there?

    Life feels like there's something missing, maybe it's you

    Is there anybody out there? (Out there)


    รู้สึกชีวิตเป็นเหมือนเรื่องโกหก ผมต้องการบางอย่างที่เป็นจริง

    มีใครอยู่ข้างนอกนั่นไหมนะ

    รู้สึกเหมือนชีวิตมีบางอย่างขาดหายไป บางทีสิ่งนั้นอาจจะเป็นคุณ

    มีใครอยู่ข้างนอกนั่นไหม


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
สเปนเซอร์ (@fb9316841073021)
ดีงาม
soulwassold (@soulwassold)
ขอบคุณที่แปลนะคะ เป็นเพลงโปรดเราบั้มนี้เหมียนกัน 55555555555555 Sex in the car เห็นภาพมากนะคะนะ