คุณถามว่าผมกลัวหรือ
ผมส่ายหน้าแทนการตอบว่าไม่ แต่กลับมุดเข้าไปในอ้อมกอดคุณลึกขึ้น...ลึกขึ้น
แสงสีขาวแลบแปลบปลาบอยู่ใจกลางพายุ ช่องกระจกขุ่นขาวเหนือหน้าต่างไม่อาจกั้นแสงใดๆ ได้ ห้องนอนของเราจึงสว่างพร่างพรายขึ้นชั่วพริบตา
เสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุณแขวนไว้ตรงตู้เสื้อผ้า มองรางๆเหมือนคนคอขาด พัดลมตั้งพื้นที่วางอยู่หลังเก้าอี้ดูหลอกตาเหมือนมีคนนั่งอยู่ ผ้าม่านสีเขียวอ่อนที่คุณชอบนักหนาก็ชักจะพลิ้วเหมือนผ้าสไบผีตานี แม้แต่นาฬิกาแขวนแสนน่ารักที่คุณซื้อให้ก็กลายเป็นกระสือไปเสียฉิบ
ผมหลับตาปี๋เมื่อแสงดับสิ้น เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มแล่นตามมาติดๆ คลื่นเสียงกระแทกเข้าหาฝาบ้าน ขื่อคานกับหน้าต่างไม้ถึงขั้นสั่นกราว หัวใจผมหวิดจะกระโดดหนีออกจากหน้าอก
คุณกอดผมไว้แน่น ปกป้องผมจากความกลัว แต่ก็เย้าแซวผมว่าไหนกันคนไม่กลัว
ผมมองค้อนคุณในความมืดสลัว
คุณยิ้มอ่อนโยนให้ผมอย่างเงียบงันในเสียงฝนพรำ
คุณปลอบผมว่าอย่ากลัวไปเลยเพราะคุณจะอยู่ตรงนี้ข้างๆ ผม จะคอยกอดผมไว้ และตราบใดที่ผมยังอยู่ในอ้อมกอดคุณ จะไม่มีอะไรทำอันตรายผมได้
ผมงึมงำด่าคุณว่าหวานไม่ดูเวล่ำเวลา
คุณหัวเราะ ร่างหนาของคุณสั่นกระเพื่อม เกิดเสียงทุ้มก้องสะท้อนอยู่ในทรวงอกคุณที่แนบติดอยู่ใต้ใบหูผม เสียงหัวเราะของคุณนุ่มนวลแต่ไม่ดังพอจะกลบเสียงฟ้าร้อง
ฟ้าแลบเปล่งประกายแสงแวบวาบกราดเกรี้ยว
ผมหวาดผวา รู้ดีว่าเสียงที่ตามมาจะดังสนั่นกัมปนาทอย่างยิ่งยวด
แต่ไม่รู้เลยว่าคุณจะใช้สองมือปิดหูให้ผม
คุณบอกผมว่าคุณอยู่ตรงนี้ไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัวอีก
ร่างกายคุณโถมทับอยู่เหนือตัวผม ริมฝีปากคุณบดเบียดจูบอันแนบแน่น ราวกับคุณต้องการปิดกั้นรูเล็กรูน้อยไม่ให้อากาศเล็ดลอดเข้าไปในตัวผมได้
วินาทีนั้นร่างกายผมกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศ
จูบของคุณยืนยันทฤษฎีหนึ่งที่ผมเคยเรียนมา
เสียงเคลื่อนที่ผ่านสุญญากาศไม่ได้
ผมไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้องเลย...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in