(ขออนุญาติแทนชื่อของน้องนางเอกของเราว่า MC ที่ย่อมาจากคำว่า Main Character นะคะ)
สถานที่: ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (ศกธ.)
คุณ:
คุณวินนี่ ทางเข้าร้านอยู่ในตรอกนี้งั้นเหรอคะ
(พอคุณมาถึงจุดที่ตั้งของร้านอาหาร จู่ ๆ วินนี่ก็ดึงคุณเข้ามาในตรอก ๆ หนึ่งทันที)
วินนี่ คูเปอร์:
คุณปู่เวิร์นรีโนเวตชั้นแรกของบ้านให้เป็นร้านอาหารน่ะค่ะ เพราะงั้นหน้าร้านก็เลยไม่อยู่บนถนนเส้นหลัก
(แต่คงเป็นเพราะว่าร้านตั้งอยู่ในย่านศกธ. ขนาดเป็นเพียงตรอกเล็ก ๆ ก็ยังได้รับการปรับปรุงดูแลเป็นอย่างดี แปลงดอกคามิเลียใกล้ ๆ ส่งกลิ่นหอมลอยมาตามลม ทำให้บรรยากาศในตรอกดูดีเป็นอย่างมาก)
วินนี่ คูเปอร์:
ร้านอยู่ตรงหัวมุมนี่เอง ดอกคามิเลียพวกนี้ดีมากเลยใช่ไหมล่ะคะ คุณปู่เวิร์นเขาปลูกให้ภรรยาของเขาน่ะค่ะ
คุณ:
แบบนี้นี่เอง คุณกรีนคงจะรักภรรยาเขามาก ๆ เลยสินะคะ
‘…’ (คุณแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา)
(หลังจากที่เดินเลี้ยวตรงหัวมุมตรอก คุณก็ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เพราะว่าคุณเห็นใครบางคนที่คุณเคยสนิทกันมาก ๆ มาก่อน แต่ตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้ว เขาที่เคยเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในวัยเด็กของคุณ แต่กลับหายไปจากชีวิตคุณโดยไม่ทิ้งแม้แต่ร่อยรอยใด ๆ ให้เห็นตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน)
คุณ:
ล...ลุค!?
(เขาหันหน้ามาตามเสียงเรียกของคุณพร้อมกับสีหน้าที่เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจ พลันดวงตาสีส้มปะการังคู่นันก็มีประกายแห่งความสุขวาบขึ้นมาทันที)
ลุค เพียร์ซ:
MC เป็นเธอจริง ๆ ใช่ไหม!?
(ลุควิ่งมาหาคุณ รอยยิ้มสว่างสดใสของเขาทำให้คุณนึกถึงบ่ายวันหนึ่งเมื่อแปดปีก่อนขึ้นมา)
[ตัดเข้าภาพเหตุการณ์ในอตีต]
คุณ:
ลุค! ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าอย่าไปนั่งอยู่ขอบหน้าต่างตอนอ่านหนังสือ ถ้านายพลาดตกลงไปขึ้นมาจะเป็นยังไงเล่า
ลุค เพียร์ซ:
โทษทีนะ คงเป็นเพราะว่าฉันคิดนู่นนี่เพลินเลยเผลอมานั่งตรงนี้ด้วยความเคยชินน่ะ
(สายลมอุ่น ๆ ในช่วงบ่ายพัดผ่านยอดไม้ไป เหล่านกขี้เซาที่เกาะอยู่ตรงกิ่งไม้ส่งเสียงจิ๊บ ๆ ออกมาอย่างเกียจคร้าน น้ำเสียงเจือความเศร้าของลุคในตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นนั้นพลันทำให้ความทรงจำกระจ่างชัดขึ้นมา...)
คุณ:
เรื่องที่นายจะไปมหาวิทยาลัยศูนย์กลางแห่งชาติใช่ไหม พอดีแม่โทรหาฉันเมื่อบ่ายแล้วก็เผลอหลุดปากออกมาว่านายไม่ต้องมาโรงเรียนแล้ว
ลุค เพียร์ซ:
ใช่แล้ว ฉันสอบติดแล้วน่ะ อาทิตย์หน้าก็จะไปเมืองหลวงแล้ว
คุณ:
ทั้ง ๆ ที่นายเพิ่งจะอยู่มัธยมปลายปีแรกด้วยซ้ำ แต่สอบติดมหาลัยที่ดีที่สุดของประเทศได้แล้ว! สุดยอดไปเลย!
[กดตรวจสอบใบหน้าของลุค]
ลุค เพียร์ซ:
ทำไมเธอจ้องกันขนาดนั้นล่ะ…
คุณ:
นายดูไม่ค่อยมีความสุขเลย ไม่ชอบคณะที่สอบเข้าไปได้เหรอ
ลุค เพียร์ซ:
ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันโอเคกับคณะวิศวกรรมชีวภาพเลยแหละ แม่ต้องภูมิใจในตัวฉันมากแน่ถ้ารู้ข่าว แต่ว่า...เราสองคนไม่เคยอยู่ห่างกันไกลขนาดนี้มาก่อน เธอจะต้อง...จะต้องเรียนให้ได้เกรดดี ๆ แล้วมาหาฉันที่เมืองหลวงนะ!
คุณ:
ฉันจะไม่สอบเข้ามหาลัยที่เมืองหลวงหรอก เพราะฉันอยากเรียนนิตินี่นา ใคร ๆ ก็รู้ว่าคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสเตลลิสน่ะดีที่สุดแล้ว
[กดตรวจสอบใบหน้าของลุคอีกครั้ง]
ลุค เพียร์ซ:
ฉันเป็นคนสอบติดแท้ ๆ ทำไมเธอถึงดูมีความสุขกว่าฉันเนี่ย
คุณ:
แน่นอนสิ ก็หัวกะทิของชั้นปีหายไปทั้งคน ถึงเวลาที่ฉันจะได้ครองบัลลังก์อันดับหนึ่งนั่นแทนแล้ว!
ลุค เพียร์ซ:
แค่นั้นเองเหรอ ถ้าเธอบอกฉันตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ฉันก็คง-
คุณ:
เฮ้! ฉันไม่ได้อยากให้นายหลีกทางให้ฉันเองซะหน่อย!
ลุค เพียร์ซ:
ฮะ ๆ ต่อให้ฉันไม่ทำแบบนั้น เธอก็เป็นที่หนึ่งของเด็กฝั่งศิลป์อยู่ดี ฉันเศร้าอยู่นะที่เราไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน ฉันนึกว่าเธอจะรู้สึกเสียดายเหมือนฉันซะอีก…
[กดตรวจสอบใบหน้าของลุคอีกหนึ่งครั้ง]
ลุค เพียร์ซ:
มีอะไรติดหน้าฉันอยู่เหรอ ตรงไหนกัน
คุณ:
ไม่มีอะไรแล้ว
[กดตรวจสอบหนังสือที่อยู่บนมือของลุค]
คุณ:
นายจะเอาหนังสือเชอร์ล็อก โฮมส์ของนายไปเมืองหลวงด้วยหรือเปล่า
ลุค เพียร์ซ:
ไม่ล่ะ ฉันจะเก็บมันไว้ที่บ้านพ่อแม่ฉันนี่แหละแล้วก็ทิ้งกุญแจไว้กับเธอ เธอจะได้ไปเอาออกมาอ่านตอนไหนก็ได้
คุณ:
สอบติดมหาวิทยาลัยศูนย์กลางแห่งชาติออกจะเป็นข่าวดี ทำไมทุกคนถึงเก็บเงียบไม่ยอมบอกฉันกันนะ
ลุค เพียร์ซ:
ฉันเป็นคนขอเอาไว้เองเพราะไม่รู้ว่าจะบอกเธอยังไงดีน่ะ หลายปีที่ผ่านมาฉันก็อาศัยอยู่บ้านเธอมาตลอด แถมรบกวนที่บ้านเธอไว้ตั้งเยอะ เพราะงั้น…
คุณ:
เฮ้ ตอนนี้นายเลยจะทำเป็นว่าเราสองคนกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ไม่ใช่ครอบครัวกันแล้วแค่เพราะว่านายย้ายไปเรียนที่มหาลัยงั้นเหรอ
{ Translators’ talk: น้องนางเอกพูดเชิงตัดพ้อ อารมณ์น้อยใจว่าทำไมไม่บอกกันบ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคิดว่าเป็นครอบครัวกันก็น่าจะบอกสิ ส่วนฝั่งลุคก็อารมณ์คนสนิทกันตัวติดกัน กลัวบอกไปแล้วเขารู้สึกแย่ที่ต้องแยกกันกะทันหัน ก็เลิ่กลั่กไม่รู้จะพูดยังไงให้นางเอกไม่เสียใจเลยอึกอักไม่ยอมบอก เพราะไม่รู้จะเริ่มพูดกับเขายังไงดี
ประโยคทั้งจีนทั้งอังกฤษ พอมาไทยแล้วแอบงงทั้งคู่ค่ะ เรากับเพื่อนไม่รู้ว่าจะเรียงประโยคออกมายังไงดีให้ไม่งง เลยขออธิบายเพิ่มไว้แบบนี้นะคะ ขอโทษด้วยค่ะ }
ลุค เพียร์ซ:
มะ...ไม่ใช่แบบนั้น ฉันพูดผิดไปเอง ขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกแย่นะ
[กดตรวจสอบหนังสือที่อยู่บนมือของลุคอีกครั้ง]
คุณ:
ในมือนั่นเชอร์ล็อก โฮมส์เล่มใหม่เหรอ ไม่เหมือนเล่มที่ฉันเห็นเมื่อสองวันก่อนเลย หรือว่าเป็นคนละคอลเล็กชันกัน
ลุค เพียร์ซ:
ไม่ใช่นะ! นะ...นี่มันก็เล่มเดียวกับที่ฉันอ่านวันก่อนนั่นแหละ!
คุณ:
แล้วทำไมต้องพูดเสียงสูงขนาดนั้นด้วยนะ
[กดตรวจสอบหนังสือที่อยู่บนมือของลุคอีกครั้ง]
ลุค เพียร์ซ:
อย่าคิดมากไปเลยน่า ฉันอ่านเชอร์ล็อก โฮมส์เล่มนี้มาตั้งแต่วันก่อนแล้วจริง ๆ
[กดตรวจสอบสร้อยคอ]
คุณ:
ไหน ๆ นายก็จะย้ายเมืองแล้ว จะไม่บอกกันหน่อยเหรอว่าในกล่องที่นายล็อกกุญแจไว้นั่นมีอะไรอยู่?
ลุค เพียร์ซ:
ถือว่าเป็นความลับอย่างสุดท้ายไม่ได้เหรอ เหมือนที่เขาว่ากันว่าในตอนที่ความจริงถูกเปิดเผยออกมา นั่นคือตอนจบของเรื่องราวยังไงล่ะ
{Translators’ talk: ประโยคหลังลุคน่าจะอ้างถึงพวกบทนิยายสืบสวนสอบสวนค่ะ นิยายสอบสวนส่วนใหญ่ก็คือเรื่องจบเวลานักเขียนคลายปมทุกอย่างได้แล้ว ประมาณนั้นน่ะค่ะ}
[กดตรวจสอบสร้อยคออีกครั้ง]
เพราะว่าเธอเป็นคนให้กุญแจดอกนี้มา ดังนั้นฉันจะรักษามันเท่าชีวิตเลย
[กดตรงเครื่องหมายสนทนา]
คุณ:
โอเค ร่าเริงหน่อยน่า สอบติดก่อนจบมอปลายก็เป็นเรื่องที่ดีนี่นา
ลุค เพียร์ซ:
สัญญากันไหมว่าจะวีดิโอคอลกันทุกวัน ถ้าเป็นแบบนั้น การที่ฉันอยู่ห่างจากเธอไปก็คงไม่แย่เท่าไหร่นักหรอก
คุณ:
โอเค ฉันสัญญา
[จบการย้อนความ]
(ทั้งที่เป็นความทรงจำที่ผ่านมานานแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวานกันนะ ผ่านมาตั้งแปดปีแล้ว แต่คุณก็ยังคงจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้อยู่เลย)
ลุค เพียร์ซ:
ฉะ...ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอที่นี่ เธอเป็นยังไงบ้าง?
(คุณกำลังจะถามคำถามเดียวกันกับที่เขาถาม แต่เขากลับเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อนเสียนี่)
คุณ:
ฉันสบายดี นายล่ะเป็นไงบ้าง ฉันไม่ได้ข่าวคราวจากนายเลยหลังจากที่นายย้ายไปเมืองหลวง ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันในที่แบบนี้…ตอนนั้นพ่อ แม่ แล้วก็ฉันติดต่อไปยังมหาวิทยาลัยศูนย์กลางแห่งชาติ เขาบอกว่านายถูกรับเลือกให้ไปเข้าร่วมในการทดลองลับ ๆ อยู่ เพราะงั้น...
ลุค เพียร์ซ:
อ...อืม เป็นโครงการลับระดับประเทศน่ะ ในช่วงของการทดลองฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับบุคคลภายนอก แล้วก็กลับมาที่นี่หลังจากการทดลองสิ้นสุดลง แล้วฉัน-
คุณ:
แล้วนายก็กลับมาโดยไม่ติดต่อหาฉันสักคำ ฉันไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วยซ้ำ!
ลุค เพียร์ซ:
ไม่ใช่แบบนั้น คือฉัน…
(ลุคยื่นมือของเขาออกมาเพื่อจะจับมือคุณ ตอนที่พวกคุณสองคนเด็ก ๆ การจับมือคือวิธีที่เขาใช้ขอโทษคุณเวลาคุณงอนเขา แต่วันนี้…)
คุณ:
ลุค…
(มือของลุคกลับชะงักค้างอยู่กลางอากาศ สุดท้ายเขาก็ดึงมือตัวเองกลับไปไพล่ไว้ด้านหลัง)
ลุค เพียร์ซ:
ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ เธอยกโทษให้ฉันได้ไหม
คุณ:
ฉันไม่ยกโทษให้นายหรอก ก็ฉันไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกนี่นา ตอนนี้ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เห็นหน้านายอีกครั้งนะ!
ลุค เพียร์ซ:
จริงเหรอ เธอดีใจที่ได้เห็นหน้าฉันจริง ๆ เหรอ
(ร่างกายของลุคดูผ่อนคลายลงหลังจากได้ยินคำตอบจากปากคุณ)
คุณ:
แน่นอนสิ แล้วนี่นายจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เลยหรือว่าแค่มาอยู่ชั่วคราวน่ะ
ลุค:
…
(ลุคอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกลับมายิ้มอีกครั้ง)
ลุค เพียร์ซ:
เธออยากให้ฉันอยู่ที่นี่ไหม?
คุณ:
นายจำเป็นต้องได้รับความเห็นจากฉันด้วยเหรอ ตอนนี้นายทำงานให้ประเทศนี่นา ถ้าฉันบอกว่าอยากให้อยู่นายก็จะอยู่ทีนี่ได้เลยหรือไงกัน
ลุค เพียร์ซ:
แน่นอนอยู่แล้ว รอบนี้ฉันจะฟังเธอล่ะ
คุณ:
โอเค ๆ เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนั้นกันทีหลัง ตอนนี้มาคุยกันก่อนดีว่าว่าทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่า…
(สายตาของคุณปะทะเข้ากับพวงกุญแจเชอร์ล็อก โฮมส์ของเขา แล้วความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวคุณทันที)
คุณ:
นักสืบเอกชนที่คุณวินนี่เป็นคนจ้างวาน...คือนายใช่ไหม
จบไปอีกหนึ่งตอนค่ะ เย้! //จุดพลุ
ทุกคนเคยมีโมเมนต์ไม่อยากทำงานกันบ้างไหมคะ
พอฉันไม่อยากทำงานที่อาจารย์ให้มาแล้ว ฉันก็จะมานั่งแปลเธมิสล่ะค่ะ (ฮา)
น่าแปลกนะคะ ทั้ง ๆ ที่เป็นงานแปลเหมือนกันแท้ ๆ แต่ความอยากหรือไม่อยากทำ ณ เวลานั้น ๆ นี่ส่งผลกับงานจริง ๆ ค่ะ
ว่าไป พอเห็นยอดคนเข้ามาอ่านเกิน 100 ก็ตกใจมากเลยค่ะ เพราะว่าไม่ได้เอาลิงก์ไปแปะไว้ไหนเลย ทุกคนหาฉันเจอได้ยังไงเหรอคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะที่เข้ามาอ่านกัน
กำลังคิดว่าถ้าแปลเสร็จครบ 1 ตอนใหญ่ค่อยเอาไปแปะในกลุ่มคอมมูเธมิสใน FB น่ะค่ะ กลัวคนที่เข้ามาอ่านจะรู้สึกค้างกัน เราก็ไม่มั่นใจด้วยว่าจะลงงานได้บ่อยขนาดไหนเพราะไม่มีสต็อกไว้เลย แต่จะพยายามมาบ่อย ๆ นะคะ
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่อยู่ในช่วงปลายเทอมต้นของมหาลัยและกำลังสอบเหมือนกับเรา ขอให้ทุกคนผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดีนะคะ ไม่เจ็บไม่ป่วย หน้าฝนอากาศค่อนข้างเย็นเลยค่ะ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ อย่าหักโหมอ่านหนังสือจนป่วยนะ! คะแนนสอบสำคัญก็จริง แต่ร่างกายและสุขภาพจิตของเราก็สำคัญนะคะ! ทนเรียนออนไลน์มาได้ถึงตอนนี้ เราเก่งกันมาก ๆ แล้วค่ะ :D
(อา แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าคนที่ตัดสินใจดรอปหรือลาออกไม่เก่งนะคะ การที่เราตัดสินใจหยุดอะไรกลางคันมันก็ใช้ความกล้าอย่างมากเหมือนกันค่ะ หากเปลี่ยนเส้นทางชีวิตกันไป ก็ขอให้เส้นทางนั้นสุกสว่างสดใสเหมือนพระอาทิตย์ในประเทศตั้งเหนือเส้นศูนย์สูตรขึ้นมานิดเดียวอย่างประเทศไทยนะคะ)
ขอให้เป็นวันที่ดีของทุกคนค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in