เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลเกม Tear of ThemisCynthia-T
TOT: เนื้อเรื่องหลัก 2-6
  • TOT: รักที่ไม่อาจทานทน 2-6



    [สถานที่: ศูนย์นิทรรศการ]


    (ชายไม่ทราบชื่อพาคุณมายังศูนย์นิทรรศการแห่งใหม่ คุณพบกับวินที่นั่น)



    วิน:

    อรุณสวัสดิ์ครับ MC


    คุณ:

    อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหมอริกเตอร์


    ???:

    เขาคือคนที่ชวนพี่มาที่นี่เหรอ


    (พอวินเห็นคนที่อยู่ด้านหลังคุณ รอยยิ้มของเขาก็ค่อย ๆ หายไป)


    วิน:

    นายก็มาด้วยเหรอ เมเรียส วอน ฮาเกน 

    อืม เพราะว่าเรียนอยู่ที่นี่ ก็ต้องมาดูงานอยู่แล้วสินะ



    เมเรียส:

    วิน…


    คุณ:

    เมเรียส วอน ฮาเกน!?


    (ผู้บริหารเครือแพ็กซ์ และเป็นหุ้นส่วนสำนักงานกฎหมายของคุณ เมเรียส วอน ฮาเก็นคนนั้นอะนะ! นี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้เห็นเขาแบบตัวเป็น ๆ ก่อนหน้านี้คุณเคยเห็นเขาแค่จากข่าวบันเทิงและข่าวธุรกิจ)


    คุณ:

    (เมเรียสคนนี้อะนะ ที่แจ้งเตือนข่าวไร้สาระพวกนั้นพูดถึง!?)


    (สีหน้าตกใจของคุณคงเห็นได้ชัดเกินไป วินก็เลยล่วงรู้ความคิดคุณได้ทันที)


    วิน:

    ใช่ครับ เมเรียส วอน ฮาเกนตัวจริงเสียงจริงเลย


    คุณ:

    ทั้งสองคน…รู้จักกันเหรอคะ


    (คุณสองทั้งสองคนสลับไปมา ดูเหมือนว่า…เมเรียสจะไม่ค่อยอยากเจอหน้าวินเท่าไหร่)


    เมเรียส:

    ก็นะ ใครจะไปดีใจที่เจอหน้าติวเตอร์ส่วนตัวในวันหยุดแบบนี้กัน


    (ติวเตอร์ส่วนตัวเหรอ คุณจำได้ว่าวินอายุน้อยกว่าคุณวิงแค่สองสามปี ส่วนเมเรียสก็อายุอยู่ในช่วง 20 กว่าเหมือนกัน อายุไล่เลี่ยกันเลยไม่ใช่เหรอ)


    วิน:

    เขาเพิ่งกลับจากไปเรียนต่างประเทศมา พอเรียนจบก่อนคนอื่นตอนนี้ก็เลยเรียนป.โทอยู่ที่มหาวิทยาลัยสเตลลิสน่ะครับ คุณพ่อเขาเชื่อว่าการให้เขาเรียนจิตวิทยาไว้เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมก็เลยถูกจ้างให้ไปเป็นติวเตอร์ส่วนตัว เพราะว่าถ้าจ้างคนแก่กว่านี้อาจจะมีปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัย เขาก็เลยเลือกผมครับ


    คุณ:

    (นี่ฉันอ่านง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ หรือสองคนนี้แค่ไหวพริบดีกันนะ พวกเขาตอบคำถามฉันได้หมดเลยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อ้าปากถามด้วยซ้ำ…)


    เมเรียส:

    พอมาคิดดูแล้ว ศาสตราจารย์แก่ ๆ อาจจะไม่ได้แย่นักก็ได้


    วิน:

    ขอบคุณที่พาคนรู้จักผมมาส่งนะครับ พวกเราจะไปดูนิทรรศการศิลปะกันแล้ว คงต้องขอตัวก่อน



    เมเรียส:

    ผมก็สนใจงานอยู่พอดีเลย ไปเดินดูด้วยกันสามคนดีมั้ยครับ



    วิน:

    เด็ก ๆ มักจะติดคนสินะ


    (เมเรียสเลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทว่า วินที่ยืนอยู่ตรงข้ามเมเรียสกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม)


    คุณ:

    คุณหมอริกเตอร์…?


    (คุณหันไปตามทิศที่วินมองอยู่ และพบกับตำรวจที่กำลังเข้าหาพวกคุณจากทางด้านหลังของเมเรียส คุณรู้ว่าเป็นตำรวจจริง ๆ เพราะว่าปืนที่เหน็บอยู่ตรงสะโพกของเขา)


    วิน:

    ผมว่าวันนี้เราคงไม่ได้ชมนิทรรศการศิลปะแล้วละครับ


    คุณ:

    เมเรียส ข้างหลังนาย…


    (เมเรียสเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคุณจึงสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาหันหลังไปดูด้วยคิ้วที่ขมวดยุ่ง พบว่าตนกำลังประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่กำลังยกตราตำรวจขึ้นมา)



    เดเรียส มอร์แกน:

    ผมเดเรียส มอร์แกนจากกรมตำรวจสเตลลิส คุณคือเมเรียส วอน ฮาเกนหรือเปล่าครับ 


    เมเรียส:

    ใช่ครับ


    เดเรียส มอร์แกน:

    เมื่อคืนวันเสาร์ช่วง 9:00 PM ถึง 2:00 AM คุณอยู่ที่ไหนครับ



    เมเรียส:

    เมื่อคืนผมอยู่ในงานเลี้ยงที่โรงแรมแมนนิงพาเลซ พอถึง 7:00 PM ผมก็กลับบ้าน แล้วก็อยู่ในสตูดิโอตัวเองทั้งคืนเลยครับ


    เดเรียส มอร์แกน:

    งานเลี้ยงที่แมนนิงนั่นจัดโดย Mode De Vénus ใช่ไหม


    เมเรียส:

    ครับ เจ้าของงานคือคุณเอสเทลล์ มาริโน เจ้าของ Mode De Vénus 


    เดเรียส มอร์แกน:

    ได้คุยกับคุณมาริโนที่งานเลี้ยงไหมครับ


    เมเรียส:

    แน่นอนครับ ก็งานเลี้ยงเมื่อคืนจัดขึ้นเพื่อฉลองที่ Mode De Vénus ได้รับชัยชนะในงานสเตลลิสแฟชันวีค ผมก็ต้องไปแสดงความยินดีกับเธออยู่แล้ว อ้อ แล้วผมก็ให้ช็อกโกแลตไส้เหล้าเธอไปกล่องนึงด้วย


    เดเรียส มอร์แกน:

    คุณยอมรับว่าคุณให้ช็อกโกแลตไส้เหล้าเธอไปงั้นเหรอครับ


    เมเรียส:

    แล้วผมจะปฏิเสธไปทำไมกัน คุณเจ้าหน้าที่มอร์แกน คุณคงไม่ได้แอบทำงานปาปารัสซี่อยู่ใช่มั้ย


    เดเรียส มอร์แกน:

    เมื่อเช้าทางเราได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกฆาตกรรมในห้อง 1818 โรงแรมแมนนิงพาเลซ



    เดเรียส มอร์แกน:

    ผู้ตายคือเอสเทลล์ มาริโน อายุ 26 ปี รายงานชันสูตรเบื้องต้นระบุว่าเวลาเสียชีวิตของเธออยู่ในช่วงสามทุ่มเมื่อคืนถึงตีสองของวันนี้ สาเหตุการตายเกิดจากการบริโภคช็อกโกแลตไส้เหล้าที่มีพิษเทโทรโดท็อกซินอยู่ ในเมื่อคุณรับสารภาพแล้วว่าคุณให้ช็อกโกแลตคุณมาริโน โปรดตามเรามาด้วยครับ


    เมเรียส:

    เธอถูกฆาตกรรมงั้นเหรอ เรื่องจริงเหรอเนี่ย


    (หลังจากพ้นสภาวะตกใจ เมเรียสก็ส่งยิ้มเชิงเสียดสีให้ทางเดเรียส)


    เมเรียส:

    งั้นตอนนี้ คุณกำลังขอความร่วมมือผมอยู่ หรือว่าจะจับกุมตัวผมกันแน่นะ


    เดเรียส มอร์แกน:

    ทางเราแค่ทำตามขั้นตอนมาตรฐาน คุณวอน ฮาเกน หรือคุณคาดหวังว่าจะได้การดูแลที่มันพิเศษกว่าคนอื่นเหรอ


    เมเรียส:

    เจ้าหน้าที่มอร์แกน ผมไม่ทีทางขอให้คุณทำอะไรแบบนั้นหรอก ผมไปกับคุณแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมยังมีสิทธ์ที่จะว่าจ้างทนายให้ตัวเองใช่มั้ยล่ะครับ


    เดเรียส มอร์แกน:

    ถ้าคุณต้องการก็สามารถทำได้


    (เมเรียสพยักหน้าเหมือนพอใจในคำตอบของเดเรียส เขาหันมาทางคุณพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้า)



    คุณ:

    (หรือเขาคิดจะ…) 


    เมเรียส:

    MC คุณจะมาเป็นทนายให้ผมได้มั้ย


    คุณ:

    (กะแล้วเชียว!)

    นายล้อฉันเล่นแล้ว…


    เมเรียส:

    สถานการณ์ตอนนี้จะเล่นมุกได้ยังไงกัน


    (คุณเกือบตอบรับสายตาคาดหวังของเขาแล้ว ยังดีที่หลักเหตุผลดึงสติคุณไว้ได้)


    คุณ:

    ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านคดีอาญาค่ะ แต่คุณอาร์เท็มจากสำนักงานของเราอาจจะ-


    เมเรียส:

    อาร์เท็ม วิง ผมรู้จักเขา เขาดังมากเลยนี่ เสียดายที่ค่าตัวเขาแพงเกินกว่าผมจะจ่ายไหว แล้วอย่าลืมเรื่องเมื่อเช้าสิ พี่ยังไม่ได้ชดเชยความผิดส่วน 50 ของพี่เลยนะ


    คุณ:

    ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นนะ นายรับรู้ถึงน้ำหนักของข้อกล่าวหาที่นายโดนอยู่มั้ย! คุณวิงน่ะ-


    เมเรียส:

    พี่คิดว่าผมเป็นฆาตกรเหรอครับ ไม่เชื่อในตัวผมเหรอ


    คุณ:

    แน่นอนว่าฉันเชื่-


    (คุณเกือบจะพูดว่าเชื่อในตัวเมเรียสออกไปโดยสัญชาติญาณ คุณเชื่อว่าเขาไม่ได้ฆ่าใคร แต่คุณไม่มีหลักฐานที่จะมารองรับความเชื่อดัวกล่าว คุณจึงใช้หลักการของทนายตอบออกไป)


    คุณ:

    ฉันเชื่อในหลักฐานค่ะ


    เมเรียส:

    ตอบได้ดีนี่ ฟังดูเหมือนคำสัญญาเลยนะ


    คุณ:

    เดี๋ยว! ฉันไม่ได้สัญญาอะไรเลยนะ!


    เมเรียส:

    พี่เชื่อในหลักฐานไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ไปสืบดูก็ไม่ได้หลักฐานมาหรอกนะ ที่ผมเข้าใจจากคำพูดของพี่คือ พี่จะช่วยผมสืบหาหลักฐานไง


    คุณ:

    ไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยเหอะ!



    เมเรียส:

    ไม่สนละ ก็ผมเข้าใจแบบนั้นอะ


    (เมเรียสพยักหน้าเรียกเดเรียสและย้ำเรื่องของเขาอีกครั้ง)


    เมเรียส:

    คุณเจ้าหน้าที่ เธอคนนี้คือทนายของผมครับ จะดีมากถ้าคุณสามารถพาผมและทนายไปที่สถานที่เกิดเหตุได้ ผมอยากเห็นกล่องช็อกโกแลตแพนโดรานั่นด้วยตาตัวเอง


    คุณ:

    บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้สัญญาอะไรกับนายนะ!


    (เดเรียสไม่ได้ขัดบทสนทนาระหว่างคุณกับเขา แค่พาตัวเมเรียสไปเท่านั้น เขาไม่ได้ใส่กุญแจมือเมเรียสด้วย ราวกับไม่เชื่อว่าคนอย่างเมเรียสจะหนียังไงอย่างงั้น)



    วิน:

    ในทางจิตวิทยา เราเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า halo effect เป็นการลำเอียงทางความคิดโดยเกิดจากความประทับใจในตัวคน ๆ หนึ่งสามารถทำให้คนเรามองข้ามด้านที่ไม่ดี หรือจุดอ่อนในตัวคน ๆ นั้นไปได้ 

    ตัวเมเรียสนั้นเป็นผู้สืบทอดเครือแพ็กซ์ที่เป็นธุรกิจของตระกูลวอน ฮาเกน แถมยังเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุด และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน

    หึ ขนาดตัวคุณเจ้าหน้าที่มอร์แกนเองยังไม่เชื่อเลยว่าเขาจะเป็นฆาตกรได้


    คุณ:

    เดาว่าตอนนี้ฉันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากตามเขาไปสินะคะ…


    วิน:

    ไปดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร เราไปกันเลยไหมครับ


    คุณ:

    เรา?


    วิน:

    ครับ ผมจะไปกับคุณด้วย ความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาชญากรรมของผมคงช่วยคุณได้บ้าง


    คุณ:

    ฉันคงรู้สึกแย่ถ้าคุณพลาดชมงานศิลปะที่คุณตั้งใจมาดู คงจะดีกว่าถ้าฉัน-


    วิน:

    การวิเคราะห์คดีอาญานั้นมีความหมายกับงานของผมมากกว่าผลงานศิลปะครับ


    (วินพูดออกมาอย่างจริงใจ นัยน์ตาสีทองของเขาเหมือนจะส่งยิ้มอบอุ่นมายังคุณ คุณไม่อยากปฎิเสธน้ำใจเขาด้วย เนื่องจากเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานนี้ และรู้สึกว่าโดนเขาโน้มน้าวใจได้แบบบอกไม่ถูก)


    คุณ:

    ขอบคุณที่สละเวลาให้นะคะ คุณหมอริกเตอร์


    วิน:

    เราไปกันเถอะครับ เมเรียสรออยู่


    (ไม่ไกลจากคุณนัก เมเรียสดูไม่มีความสุขเท่าไหร่ เขาพองแก้มเหมือนเด็ก ๆ เวลาโดนแย่งของเล่น ดูไปก็น่ารักดี)


    (จู่ ๆ เรื่องที่เมเรียสพูดก่อนหน้านี้ก็วาบเข้ามาในหัวคุณ)


    คุณ:

    (เดี๋ยวนะ เมเรียสบอกว่าตัวเองจ่ายค่าตัวคุณวิงไม่ไหว ถามจริงเหอะ!)




    Note:


    1. เทโทรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) เป็นพิษร้ายแรงถึงตาย สามารถพบได้ในสัตว์น้ำบางชนิด ที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีก็คือพิษในปลาปักเป้าค่ะ
    2. ช็อกโกแลตแพนโดราที่ว่าน่าจะไม่ใช่ชื่อยี่ห้อเพราะลองเช็กกับฉบับญป.มาแล้วไม่มี แต่น่าจะอ้างอิงถึงตำนานกล่องแพนโดราที่เป็นกล่องบรรจุความชั่วร้าย พอถูกเปิดขึ้นมามนุษย์ก็เลยพบกับหายนะ สามารถไปหาอ่านเพิ่มเติมกันได้ค่ะ
    3. Halo Effect ถ้าให้เห็นภาพง่าย ๆ ให้นึกถึงเวลาเราเจอคนหน้าตาดี แต่งตัวดี พูดจาสุภาพ แล้วก็มักจะคิดว่าเขาเป็นคนดี ดูเชื่อถือได้ ไม่น่าเป็นคนทำเรื่องไม่ดี ทั้งที่จริง ๆ ของแบบนี้มันไม่ได้วัดกันด้วยเรื่องหน้าตาท่าทาง แต่เราดันเผลอคิดแบบนั้นไปเรียบร้อยแล้วทั้งที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของเขาเลย ประมาณนั้นค่ะ


    Talk:

    ตอนต่อไปก็เป็นช่วงสืบสวนสอบสวนอีกแล้ว...



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in