เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกบรรณารักษ์tan_fx
บอกลาโรคซึมเศร้า Part 1 : 5 เดือนหลังจากกินยา และหนทางเยียวยาอย่างละเอียด
  • สวัสดีทุกๆ คน เราไม่อยากตายแล้วแหละ

    ครั้งล่าสุดที่เรามาเขียนใน minimore คือ 18 วันหลังจากที่เราได้กินยาต้านเศร้า ตอนนี้ก็ผ่านมา 5 เดือนแล้ว แถมเราก็ใกล้จะหายจากโรคซึมเศร้าแล้วด้วย ก็เลยอยากจะเข้ามาแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ให้ฟังกัน แถมฉลองที่ได้ติด 1 ใน 10 เรื่องเด่นของปีจาก Minimore Makers ด้วย

    https://minimore.com/b/weekly-makers/43

    อันที่จริงตอนแรกป๊าเรามาเล่าให้ฟังว่าเรื่องที่เราเขียนติด 1 ใน 10 เรายังคิดว่าถูกอำเลย แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ต้องขอขอบคุณ minimore ด้วยที่ให้เกียรตินี้กับเรา

    ทีนี้ เรามาดูกันว่า 5 เดือนหลังจากกินยาไป มันเป็นยังไงบ้าง

    - อย่างแรกเลยคืออารมณ์เรานิ่งขึ้นมากแล้ว ไม่มีความคิดอยากจะตายแล้ว
    - อย่างที่สองคือจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจได้ดีขึ้น มันเหมือนมีเบรคให้คอยเหยียบเวลากำลังจะติดสินใจทำอะไร
    - อย่างที่สามคือเรายอมรับกับธรรมชาติของชีวิตได้มากขึ้น

    ไม่ได้จะบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นผลของยา 100% นะ ไม่ใช่ว่ายาต้านเศร้ามันจะวิเศษขนาดนั้น แต่มันก็เป็นผู้ช่วยที่ดี ตอนนี้หมอนัดเรา 4 เดือนครั้งแล้ว จากเดือนละครั้งในตอนแรก ถ้าเราประเมิน เราก็ว่าเรามาได้ 80% ของเส้นทางทั้งหมดแล้วแหละ ถ้าใครอยากจะทำตาม ก็ทำตามนี้ได้นะ

    1. ถ้าใครยังไม่เคยได้ไปพบจิตแพทย์ เราแนะนำอย่างยิ่งเลยว่าให้ลองไปพบดู มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีคนไปเยอะมาก และทุกคนก็ดูปกติกันหมด ไม่เหมือนในหนัง ไม่เหมือนในนิยาย ไม่มีคนรอที่นั่งร้องไห้จอน้ำตาเป็นสายเลือดหรือคุ้มคลั่ง บรรยากาศปกติเหมือนไปโรงพยาบาลทั่วไปนั่นแหละ

    1.1 ถ้าใครสนใจไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็ทำตามนี้ได้เลยนะ
    - ลงทะเบียนผู้ป่วย ทำออนไลน์ก็ได้ http://med.mahidol.ac.th/mr/th/register-thai เข้าลิ้งก์นี้เลย
    - หลังจากได้หมายเลขผู้ป่วย ก็โทรไปที่แผนกจิตเวชผู้ป่วยนอกของรามาที่อาคาร 4 ชั้น 2 เบอร์นี้ 02-201-1235 , 02-201-1726 โทรไปนัดล่วงหน้าได้เลย
    - ไปก่อนเวลานัด ไปรับบัตรประจำตัวผู้ป่วยที่เวชระเบียน แล้วก็ไปที่แผนกจิตเวชที่อาคาร 4 ชั้น 2 ไปเช้าหน่อยก็ดีนะ ไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก แล้วก็รอพบพยาบาลให้ซักประวัติ (ไม่ต้องตกใจ ไม่มีการสืบสวนอะไร แค่ถามตอบพูดคุยธรรมดา) แล้วก็รอพบหมอได้เลย

    - อันนี้สำคัญเลย จดโน้ตไว้ก่อนจะไปพบหมอก็ดีนะ ว่าอยากเล่าอะไรบ้าง อยากถามอะไรบ้าง

    2. ใครที่ตัดสินใจไปพบจิตแพทย์แล้ว ก็ขอให้ทำตามที่คุณหมอแนะนำ ทำตัวเป็นผู้ป่วยที่ดีเนอะ ทานยาตามกำหนดทุกวัน

    3. พยายามจดโน้ตนะ ว่าในช่วงที่ไม่ได้เจอหมอรู้สึกยังไงบ้าง ลงวันที่ไว้ด้วยก็ดี แล้วอยากจะปรึกษาอะไรหมอในครั้งถัดไป เพราะบางทีเจอหมอแล้วเราก็ชอบลืมว่าจะเล่าอะไรดี

    4. "เลิกเสพความเศร้า" อะไรที่อ่านแล้วเศร้า ฟังแล้วเศร้า ดูแล้วเศร้า เลิกให้หมด เพราะยิ่งเสพก็ยิ่งวนจมอยู่กับความเศร้า แล้วเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เรามีหน้าที่ดูแลและเยียวยาตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง เราต้องทำตัวเองให้ดีก่อน เราเลิกเข้า instagram แล้วออกห่าง facebook กับ twitter เลย เพราะมันเป็นที่ๆ มีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆ 1 โพสอวดชีวิตดี๊ดีจนเรารู้สึกว่าเรากาก 2 โพสบ่นนู่นด่านี่ ซึ่งเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย แต่ยิ่งเสพมันก็ยิ่งทำให้จิตใจเราหมอง 

    5. หาเวลาออกกำลังกายและนอนพักผ่อนให้เพียงพอ อันนี้หมอย้ำกับเราบ่อยมาก เพราะพอร่างกายแข็งแรง จิตใจมันก็จะสดชื่น แล้วยิ่งถ้าป่วย หรืออดหลับอดนอน มันจะทำให้เรายิ่งหงอย

    6. หาอะไรทำ และหาความหมายให้กับมัน อย่างเรา เราทำงาน และเราพยายามมองให้เห็นว่างานที่ทำ มันมีคุณค่าอะไรบ้าง ช่วยคนอื่นได้ยังไงบ้าง งานทุกอย่างมันมีข้อดีเสมอและ อยู่ที่เราจะมอง

    7. พักผ่อนแบบพักผ่อนจริงๆ ให้จิตใจมันได้คลาย พอคลายตัวแล้ว นิ่งแล้ว ก็เริ่มพิจารณาความเป็นจริงของชีวิตที่ผ่านมา เอาแต่ละเหตุการณ์มาดู ว่ามันเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น เราตัดสินใจอะไรพลาดไปรึเปล่า เราจะแก้มันในอนาคตได้ยังไงไม่ให้มันผิดซ้ำ เป็นต้น พอดูจบแล้วก็วางมันลงซะ อย่ามุดเข้าไปจมกับมัน

    8. พยายามทำใจยอมรับกับธรรมชาติของชีวิต หลักๆ เลยที่เราพิจารณาอยู่บ่อยๆ ก็คือ

    8.1 อดีตก็คืออดีต มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ไม่ว่ามันจะสวยงามหรือโหดร้ายขนาดไหน มันจบแล้ว ไม่มีแล้ว ปล่อยมัน เราต้องโฟกัสกับปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ กับสิ่งที่มี ถ้าอดีตมันแย่ เราก็แก้ด้วยปัจจุบัน อนาคตมันจะได้ดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าอดีตมันดีแล้ว เราก็ทำปัจจุบันให้ดี รักษามาตรฐาน อนาคตก็จะได้ดี
    8.2 เราควบคุมได้แค่การกระทำของเราและความคาดหวังความพึงใจของเราเท่านั้น ถ้าเราดูแล้วว่าเราทำดีที่สุดแล้ว มันก็คือดีที่สุดแล้วของขณะนั้น มันย้อนกลับไปทำให้ดีกว่านั้นไม่ได้แล้ว มีแต่จะต้องทำปัจจุบัน แล้วถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว แล้วคนอื่นๆ ยังไม่พอใจ มันก็เป็นเรื่องของคนอื่นแล้ว เราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ ความคาดหวังกับความพอใจของคนอื่นมันเป็นเรื่องที่เราบังคับไม่ได้ ทุกคนต้องรับผิดชอบชีวิตและความรู้สึกของตัวเอง
    8.3 สิ่งเล็กๆ รอบๆ ตัวเรา พยายามใส่ใจกับมัน ขอบคุณมัน เราเชื่อว่า สิ่งที่มีอยู่ตรงหน้า คือสิ่งที่ดีที่สุดนะ อย่าไปโหยหาอดีตหรือมัวรอแต่อนาคตเลย
    8.4 พยายามมองตัวเองจากมุมของคนอื่นบ้าง จะได้เห็นภาพตัวเองชัดขึ้น บางทีความเศร้ามันก็ปกคลุมวิสัยทัศน์ของเราไว้
    8.5 ขอบคุณตัวเองด้วยนะ มาได้ถึงตอนนี้ก็เก่งแล้ว ^^

    หลักๆ ก็ประมาณนี้แหละ

    ปล. ขอขอบคุณทุกคนที่อ่าน ที่แชร์ ที่ให้กำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาบอกว่าได้ไปหาหมอแล้ว ขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่โรงพยาบาลรามาธิบดีทุกท่าน ขอบคุณทุกๆ คนรอบตัวและในครอบครัวที่ช่วยให้เราเข้าใกล้เส้ัันชัยที่จะได้บอกลาโรคซึมเศร้า ขอบคุณนะ ขอบคุณ

    ขอให้ทุกคนมีความสุขอย่างยั่งยืนและมั่นคงนะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Aekasit Samre (@fb2732528736995)
ไม่มีตังซื้อยา