เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
DOI 1001 ปลายดอยศึกษาSAILOM
SAY BYE AND LIFE CONTINUE - #7

  • วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้วสินะ เวลามันผ่านไปเร็วมาก มากจนเตรียมใจรับไม่ทัน ถึงแม้ว่าจะอยากอยู่ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คงเป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ต่างของเราและใครหลายๆคน   คงจะต้องบอกลากันเท่านี้สินะ

    16    -    12   -     59

    SAY BYE AND  LIFE  CONTINUE


    _____________________________________________

    เช้าแห่งความเศร้า

    ______________________________________________



  • เราอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเท่าไหร่กันนะ
    นานจนครบเจ็ดวันแล้วสินะ 
    สุดท้ายเราคงต้องไปกันเสียที


    เช้าที่เรายังคงใฝ่ฝันถึงแสงสีทองที่สาดส่องในเช้าวันใหม่ของเราที่ใฝ่ฝันว่าจะเห็นสักครั้งหนึ่ง 
    นั้นเลือนลางกว่าที่จะเป็นจริง   ท้แองฟ้าสีเทาที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกที่ชวนนึกให้รู้ว่ามันไม่อาจจะใช่ฤดูหนาวเดือนธันวาคมได้เลย  กระจัดกระจายอยู่เต็มท้องฟ้าสีหม่นในยามเช้าของเวลา 05.30 น.

    สายลม
    "แย่จังเลยนะครับ"


    พี่สุ่น
    "ครับ"

    บรรยากาศเหงาๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลิ่นละอองของสายฝนในอากาศ นั้นกระจายอยู่ทั่วทุกทิศรอบตัวเรา
    "อากาศของหน้าฝนชัดๆ"

    เราสองคนนั่งมองท้องฟ้าและถ่ายภาพท้องฟ้าในตอนนี้  ส่วนพี่สุ่นนั้นสักพักก็ง่วนอยู่กับการเล่นมือถือ
    (ที่ตอนนี้ต่อเน็ตได้แล้ว) การรอคอยท้องฟ้าที่หวังว่าอย่างน้อยจะเปิดให้เราได้เห็นแสงสีทองส่องมาจากท้องฟ้าด้านใดด้านหนึ่งนั้น ช่างน้อยมาก มากพอๆกับการที่ฝนจะตกในระหว่างที่เราเดินทาง

    พี่สุ่น และการรอพระอาทิตย์ตั้งแต่ 5.30

    ทางด้านตะวันตก มีดวงจันทร์ลอยล่องอยู่

    ท้องฟ้าที่เปิดเพียงหย่อมนิดเดียว คิดเป็น 20 เปอร์เซนต์ของท้องฟ้าทั้งหมด ทำให้เราต้องถอนใจ

    มุมด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีแต่เมฆฝนลอยต่ำ 

    ตอนนี้เช้าแล้ว และยังคงได้เห็นแสงจันทร์ลางๆ ที่ส่องมาอยู่


    เรารอจน 7.00 และนี่คือแสงอาทิตย์ที่เราได้เห็น

    เราคงจะไม่รออีกต่อไปที่จะเห็นแสงอาทิตย์   เราเดินไปพร้อมความหนาวเย็น และกลับไปที่บ้านและเตรียมตัวเก็บของเดินทางกลับ

    เราบอกลากับคุณพ่อดวยกอ และ รอคุณพ่อไปเก็บพริกที่สวนเพื่อเอาไปขาย อยู่ที่โรงเรียนสัก 10.10 คุณพ่อดวยกอ ก็กลับมารับเรา ในขณะที่เรายังเล่นเกมส์บอร์ดเกมส์ ที่คราฟของยังไม่เสร็จก็ต้องจบกระดานไปเสียก่อน

    ก่อนที่เราจะกลับไป  เรายังคงเอาหนังสือที่เราไม่ได้อ่านแล้ว เป็นหนังสือวรรณกรรมเยาวชน ห้าสหายผจญภัย ที่เราชอบนั่นแหละ ประมาณห้าเล่ม และก็หนังสือการ์ตูนของ let's comic ให้กับน้องๆและถ่ายภาพที่ระทึกแล้วก็เดินทางกลับเชียงใหม่



    และนั่นคือการบอกลาและเดินทางออกจากบ้านห้วยแห้งจริงๆของเราทั้งสองคน สายลมและพี่เย

    ภาพสุดท้ายคือการส่งเราของครูพริ้วและเด็กๆ เราอยู่ที่รถและมองรถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านไป


  • เช้านี้ถือว่าเป็นเช้าที่เย็นสบาย  มีลมหนาวเจือเข้ากับละอองน้ำในอากาศพัดเข้าปะทะตัวเราไม่เว้นจังหวะ อากาศถือว่าดีมาก และก็น่ากังวลว่าฝนจะตกตลอดเวลา เมฆเทาที่อยู่เต็มท้องฟ้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน
    แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราก็ออกไปที่หลังกะบะและสัมผัสอากาศเย็นตลอดเส้นทางกลับไปอมก๋อย


    เมื่อขึ้นชื่อเรื่องการเดินทาง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอยู่เสมอ  เมื่อรถของเราดันยางรั่วระหว่างการเดินทาง โชคยังดีที่เราเข้ามาที่หมู่บ้านอีกหมู่บ้านและเป็นหมู่บ้านของพี่ชายพ่อดวยกอ นั่นทำให้เราได้แม่แรงในการซ่อมรถของเรานั่นเองครับ
    เราใช้เวลาสัก 30 นาทีในการวิ่งกลับไปเอาแม่แรงมาใช้ในการซ่อมรถและเปลี่ยนยาง และเราก็พร้อมทืี่จะเดินทางต่อ





    หลังจากนี้เราก็เดินทางสะดวกแล้วครับ  ถึงแม่ว่าตลอดทางจะประสบกับสายหมอกเปียกที่มันน่าจะเรียกว่าฝนได้แล้วนั้น  ปะทะใบหน้าเข้ามาเป็นระยะๆ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เรากลับเข้าไปนั่งที่ในตัวรถได้ เป็นบรรยากาศที่แปลกดี  ขามาอากาศนี่ร้อนผ่าว  แต่ขากลับนี่เย็นสบาย




    เมื่อใกล้ถึงตัวอำเภออมก๋อย สิ่งแรกที่เราจะเห็นนั่นก็คือ
    ลานข้าวโล่งๆ ที่กลายเป็นทุ่งเลี้ยงวัวของชาวบ้าน ที่มีฝูงวัวจำนวนมากมาอยู่กันบริเวณนี้ครับ




    เราอยู่ที่อมก๋อยประมาณชั่วโมงนึง เพื่อรอรถโดยสารที่จะเข้าเชียงใหม่ เวลา 14.00 น. 
    ทานข้าว และถ่ายรูปนั่นนี่เล่นๆ รอเวลากลับก็เท่านั้น





  • สุดท้ายและท้ายที่สุดแล้ว 
    งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกลา   การเดินทางของนักล่าฝัน 3 คน
    พี่เย   พี่สุ่น  และสายลม
    ก็ต้องจบลง


    สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอด 7 วัน 6 คืน ในอมก๋อยและหมู่บ้านห้วยแห้ง ถือเป็นความสุขเล็กๆที่สามารถเติมพลังชีวิตเราไม่มากก็น้อย  แม้จะไม่ต้องมีเงินมากมาย แต่เราก็มีความสุขกับชีวิตได้


    ลองมาสัมผัสกับประสบการณ์ออกดอยด้วยกัน
    โอกาสหน้านะครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in