เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กำลังจะออกต่างประเทศครั้งแรก !!8 องศา
คนจีนเค้ากินกันแบบนี้เหรอ
  • หลายๆคนอาจเคยได้ยินมาว่า  คนจีนกินจืด  ไม่กินหวาน  ไม่กินเปรี้ยว  ไม่กินเค็ม  ไม่กินเผ็ด  อ้าว !!  แล้วกินอะไรวะ  คือคนจีนเน้นกินรสชาติอ่อนๆ จืดๆ เหมือนอาหารโรงพยาบาล  แต่จะมันๆ กลิ่นแรงๆ และเลี่ยนกว่า  เลี่ยนแบบกินไม่ทันหมดจานก็ไม่ไหวแล้ว  ไม่รู้ว่าเราเป็นคนเดียวรึป่าว  ไม่ว่าจะเป็นข้าว  ก๋วยเตี๋ยว  เกี๊ยวน้ำ  ขนมอะไรก็ตาม  เลี่ยนนำตลอดเลย  ลองมาไล่ๆดูอาหารที่เรากินตั้งแต่มาอยู่จีนกัน เอาเท่าที่จำได้นะ ...

    มื้อที่จะพูดถึงก่อนคือมือแรกของทริปนี้

    วันแรกที่เรามาถึงจีน  เราจะยังไม่เจอไกด์เพราะเรานัดจ้างไกด์วันที่ 2   เราเลยต้องหามื้อแรกของเรากินกันแถวๆโรงแรม  แต่ก็ไม่ไกลจากย่านถนนคนเดินกวางโจว  เราเจอร้านข้าวที่เป็นประมาณร้านอาหารตามสั่งบ้านเรา  มีเด็กเสิร์ฟเป็นเด็กตี๋ๆใส่แว่นหน้าง่วงๆ  เข้ามาถามเรารัวๆด้วยภาษาจีน  ได้แค่คิดในใจว่า "นั่นไงเล่นกูแล้ว"  สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ  กูขอเมนู  555+  แล้วเราก็ได้เมนูที่ขนาดเกือบเท่าฝาผนังร้านในไว้ในมือ  โคตรโชคดีที่ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษให้อ่านด้วย  จะได้พอรู้ว่าจานไหนวัว จานไหนหมู จานไหนไก่ หรือจานไหนหมา  เพราะอีกสองคนที่มาด้วยกันไม่กินเนื้อวัว  แล้วจานที่เราเลือกก็เป็นข้าวผัดพริกหยวกเนื้อ  เป็นพริกหยวกลูกๆเอามาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ  ผัดรวมกับเนื้อวัวที่ค่อยข้างเหนียวน่าจะพอๆกับยางในรถจักยาน ในราคา 16 หยวน ( ประมาณ 80 บาท )  


    โคตรเยอะ!!  แต่ก็กินได้ง่ายนะ  ไม่เลี่ยนมากในตอนแรก  แต่หลังจากผ่านไปครึ่งจาน  เริ่มกินช้าลง ความเลี่ยนเริ่มครอบงำ  จนเริ่มคิดว่า ทำไมให้ข้าวเยอะจังวะ  กินไม่หมดแน่ๆ   แล้วก็ต้องยอมแพ้ไปก่อนจะกินหมด  ส่วนอีกสองคนน่ะเหรอ  สั่งข้าวผัดไข่  ใช่!!  ข้าวผัดไข่  มาถึงจีนสั่งข้าวผัดไข่  มันบอกว่าสั่งนี่แหละน่าจะปลอดภัยสุดน่าจะกินได้มากสุด  อ่ออีกสองคน ไม่ชอบกินผักอีกด้วย  สนุกละมึง  มาใช้ชีวิตอยู่จีน 7 วันแบบไม่กินผักนี่เหมือนหยามอาตี๋อาหมวยเมืองนี้สุดๆ  เพราะที่นี้อาหารทุกอย่างมีผักทุกจาน  แล้วก็ได้ข้าวผัดไข่มาอีก 2 จานสำหรับ 2 คน  ผลคือเลี่ยนชิบหาย  เลี่ยนแบบ เลี่ยนเลยอ่ะ เหมือนเอาน้ำมันมาหุงข้าว  แค่นั้นไม่พอ  เสือกให้เยอะอีก  เยอะแบบไม่ต้องคิดเยอะเลยว่ายังไง 2 คนนี้ก็กินไม่หมด  แล้วก็ถูก เหลือกันคนละครึ่งจานกว่าๆ  ข้าวผัดไข่จานละ 12 หยวน ( 60 บาท) 2 จาน 24 หยวน  สั่งโค๊กกันไปอีก 2 กระป๋อง กระป๋องละ 3 หยวน (15 บาท)  รวมมื้อแรกในจีนของเราคือ 36 หยวน ( 180 บาท)

    มื้อประทับใจที่สอง

    มื้อเช้าวันแรกในจีน  หลังจากที่ผ่านมื้อข้าวผัดพริกหยวกเนื้อ  ก็พอช่วยให้นอนหลับในคืนแรกได้  ตื่นมาก็ต้องเติมพลังในเช้าวันใหม่  อาหารมื้อแรกสำคัญ  พวกเราเลยเลือก  ข้าวกล่องใน 7-11 5555+  โดยใช้ความคิดที่ว่า  อาหาร 7-11 น่าจะพอเหมือนๆเมืองไทยบ้างว่ะ  ....กล่องแรกคือข้าวราดไข่พะโล้  ที่ในกล่องมีข้าวแยกกับเครื่องพะโล้มาให้เราจัดการอุ่นในไมโครเวฟเอง  แต่กว่าจะได้เวฟกล่องแรกใช้เวลาไปหลายนาที  เพราะเตาไมโคตรเวฟมีแต่ภาษาจีน  ได้แต่มองไอคอนแล้วเอามาเทียบว่าอันเดียวกันป่าวว๊ะ  แต่กว่าจะเทียบตรงแต่ละไอคอนก็ใช้เวลานาน  เพราะแต่ละปุ่นผ่านนิ้วมือชาวจีนมาไม่รู้กี่ชั่วอายุ  จางบ้างชัดบ้าง  สลับกันไป  แต่ก็ทำจนได้กิน  (จุดนี้ไม่รู้ว่าเก่งหรือฟลุ๊ค 555+)  ข้าวราดไข่พะโล้  คะแนนที่ได้คือ  4.5/10  นี่ไม่ใช่พะโล้  ไม่ใช่  นี่มันพะโล้ปลอม  ทำไมรสชาติเป็นแบบนี้  ความเลี่ยนนี่มาจากอะไร โอ้ยยย  3 คนกินรวมกันยังไม่ถึงครึ่งกล่องเลย  ตั้ง  15  หยวน ( 75 บาท)  


    อีก 1 กล่องที่สั่งมา  เป็นไก่ผัดพริกไทยดำ  ที่ไก่มาเป็นชิ้นๆสุกๆขาวๆเหมือนต้องการให้เรามาผัดต่อเอาเองเลย  เพราะไม่ได้มีความผัดพริกไทยดำอะไรตรงไหน  มีแต่พริกไทยดำบดโรยๆ  แต่กล่องพอกินไหวตรงที่ไก่เหมือนผ่านการปรุงมาน้อยนี่ละทำให้ไม่เลี่ยน  แล้วกินกับซื้อที่ทาง 7-11 มีให้ก็พอไหวหน่อย   จะช้าก็ตรงที่เดิมคือเอาเข้าไมโคตรเวฟ  ถึงเราจะเคยเวฟกล่องแรกผ่านแล้ว  แต่ใช่ว่ากล่องสองจะเวฟแบบเดิมได้  เพราะต้องเปลี่ยนการตั้งค่าอีก  งมดูไอคอนกันอีกรอบช้าเท่าเดิม  กับราคา  17 หยวน ( 85บาท )  ให้คะแนนข้าวไก่ผัดพริกไทยดำ  6.5/10  แล้วนี่ก็คือมื้อที่จดจำอีกมื้อหนึ่ง  ได้บทเรียนคืออย่าไว้ใจข้าว 7-11 เสมอไป

    มื้อประทับใจต่อไป

    เกี๊่ยวกุ้งจากจีน  เป็นเกี๊ยวกุ้งที่อร่อยกว่าเกี๊ยวกุ้งในไทยหลายๆที่ที่เคยลองกินเลยแหละแต่เฉพาะเกี๊ยวกุ้งนะ  มีกุ้งความเป็นเกี๊ยวกุ้งที่หนากว่าวิญญานกุ้งแบบไทยๆ  แป้งนุ่มพอดี  1 ชิ้นกินได้ 2 คำ  1 ชามมีหลายลูก  ราคาชามละ  16 หยวน (ประมาณ 80 บาท)  เส้นบะหมี่กับน้ำซุปก็รสชาติจืดๆเหมือนเดิม  ที่น้องลงมีแค่กลิ่นชวนเลี่ยน


    อีกอย่างที่ขัดใจมากๆคือ  ไม่มีน้ำตาล พริก น้ำปลา น้ำส้ม ให้ปรุงแบบของไทย  ขอน้ำตาลไปได้กลับมาคือน้ำอะไรไม่รู้เปรี้ยวๆเค็มๆ  ส่วนที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีให้แค่น้ำพริกเผา  เกี๊ยวน่ะอร่อย  แต่ให้กินอย่างอื่นจืดๆก็ทำใจไม่ได้  เหลือเหมือนเดิม T_T

    อาหารไทยมื้อสุดท้ายในจีน

    คืนสุดท้ายในจีน  เราไปเดินหาของกินที่ถนนคนเดินกวางโจว  แล้วก็เลือกจบที่ร้านอาหารไทย  ที่ดูจากเมนูหน้าร้านแล้วโคตรคิดถึงอาหารไทยจริงๆ  ไม่รอช้าเลย  เปิดประตูเข้าไปก็ตกใจนิดหน่อยในความหรูหราเกินจะเป็นร้านอาหารทั่วไป  แอบกังวลเรื่องราคากันเล็กน้อย  แต่พอเปิดดูเมนูด้านในจริงๆ  ราคาถือว่าพอรับได้  ถ้าไม่สั่งอะไรที่มันพิเศษจริงๆอ่ะนะ   เราเปิดเมนูดูจรถึงเกือบหน้าสุดท้ายก็ยังไม่เจออะไรถูกใจเลยอ่ะ  จนสายตาเลื่อนไปที่รูปอาหารที่เราคุ้นเคยมาตลอด  ผัดกระเพรา  มันคือผัดกระเพราของไทยจริงๆ  ไม่รอช้าเลย  รีบหันไปบอกพนักงานที่ยืนกดดันอยู่ข้างๆเลย (ไม่รู้จะกดดันทำไม  ก้มตัวมารอจด  ถ้าบอกออร์เดอร์เขาช้า  อาจจะหลังงอเป็นกุ้งไปตลอดได้)  เสียดายที่เราเก็บภาพข้าวราดกระเพราหมูไม่ทัน  มันหมดไวเกินจะมานั่งถ่ายรูปอ่ะ  แต่ใครๆก็คงนึกภาพผัดกระเพราออกแหละเนอะ  ไม่ต่างจากไทยเลย  รสชาติดีกว่าบางร้านในไทยด้วยซ้ำ  ใครไปถนนคนเดินกวางโจวลองไปกินนะ  ไม่น่าจะผิดหวังถ้าคิดถึงอาหารไทย  แต่ราคาก็แอบแพง  28 หยวน (ประมาณ 140 บาท)

    แถมสิ่งที่เราชอบอีกอย่าง

    ตู้กดน้ำอัดลมเราเจอตู้กัดน้ำแบบนี้ได้แทบจะทั่วกวางโจว  ซัวเถา  เมืองข้างเคียง  ทุกที่มี  แต่จะแตกต่างกันที่ประเภทของน้ำที่มีให้เลือก  ราคาก็มีตั้ง 2 หยวน ไปจนถึง 8 หยวน  ตั้งแต่น้ำเปล่า  ไปจนถึงเครื่องดื่มชูกำลัง  เราได้ลองโค๊ก  สไปร์ส  น้ำลิ้นจี่  ชามะนาว  น้ำเปล่า  มันโคตรจะโอเคเลยที่เราไม่ต้องสื่อสารยากๆกับคนขาย  มันใช้ง่าย  เลือกน้ำ  หยอดเหรียญ แบงค์  รอรับได้เลย  แค่นี้เลย  



    ส่วนเรื่องรสชาติที่เราชอบที่สุดก็น้ำลิ้นจี่ราคา 4 หยวน  ทั้งรสชาติ ทั้งกลิ่น มันโคตรจะลิ้นจี่  แถมยังมีวุ้นๆลิ้นจี่ผสมด้วย  โคตรดีเลย  ถ้าใครไป  ก็อย่าลืมไปลองกดเล่นนะ  555+

    อันนี้เป็นเรื่องกินส่วนหนึ่งที่เราว่ามันเป็นที่จดจำของเราตอนไปจีนเลยแหละ  ไป 7 วัน ไม่ใช่อยากกินอาหารจีนอยู่แค่ไม่กี่อย่างนะ  แต่เพราะเราเลือกเรื่องความปลอดภัยที่จะสั่งมาแล้วกินได้  เลยเข้าร้านฟาสฟู๊ดซะเยอะอยู่เหมือนกัน  ไม่งั้นคงหมดแรงก่อนหมดวันแน่ๆ  ^^

    บายฮะ ^^