หลายๆคนอาจเคยได้ยินมาว่า คนจีนกินจืด ไม่กินหวาน ไม่กินเปรี้ยว ไม่กินเค็ม ไม่กินเผ็ด อ้าว !! แล้วกินอะไรวะ คือคนจีนเน้นกินรสชาติอ่อนๆ จืดๆ เหมือนอาหารโรงพยาบาล แต่จะมันๆ กลิ่นแรงๆ และเลี่ยนกว่า เลี่ยนแบบกินไม่ทันหมดจานก็ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าเราเป็นคนเดียวรึป่าว ไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยวน้ำ ขนมอะไรก็ตาม เลี่ยนนำตลอดเลย ลองมาไล่ๆดูอาหารที่เรากินตั้งแต่มาอยู่จีนกัน เอาเท่าที่จำได้นะ ...
มื้อที่จะพูดถึงก่อนคือมือแรกของทริปนี้
วันแรกที่เรามาถึงจีน เราจะยังไม่เจอไกด์เพราะเรานัดจ้างไกด์วันที่ 2 เราเลยต้องหามื้อแรกของเรากินกันแถวๆโรงแรม แต่ก็ไม่ไกลจากย่านถนนคนเดินกวางโจว เราเจอร้านข้าวที่เป็นประมาณร้านอาหารตามสั่งบ้านเรา มีเด็กเสิร์ฟเป็นเด็กตี๋ๆใส่แว่นหน้าง่วงๆ เข้ามาถามเรารัวๆด้วยภาษาจีน ได้แค่คิดในใจว่า "นั่นไงเล่นกูแล้ว" สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ กูขอเมนู 555+ แล้วเราก็ได้เมนูที่ขนาดเกือบเท่าฝาผนังร้านในไว้ในมือ โคตรโชคดีที่ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษให้อ่านด้วย จะได้พอรู้ว่าจานไหนวัว จานไหนหมู จานไหนไก่ หรือจานไหนหมา เพราะอีกสองคนที่มาด้วยกันไม่กินเนื้อวัว แล้วจานที่เราเลือกก็เป็นข้าวผัดพริกหยวกเนื้อ เป็นพริกหยวกลูกๆเอามาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผัดรวมกับเนื้อวัวที่ค่อยข้างเหนียวน่าจะพอๆกับยางในรถจักยาน ในราคา 16 หยวน ( ประมาณ 80 บาท )
โคตรเยอะ!! แต่ก็กินได้ง่ายนะ ไม่เลี่ยนมากในตอนแรก แต่หลังจากผ่านไปครึ่งจาน เริ่มกินช้าลง ความเลี่ยนเริ่มครอบงำ จนเริ่มคิดว่า ทำไมให้ข้าวเยอะจังวะ กินไม่หมดแน่ๆ แล้วก็ต้องยอมแพ้ไปก่อนจะกินหมด ส่วนอีกสองคนน่ะเหรอ สั่งข้าวผัดไข่ ใช่!! ข้าวผัดไข่ มาถึงจีนสั่งข้าวผัดไข่ มันบอกว่าสั่งนี่แหละน่าจะปลอดภัยสุดน่าจะกินได้มากสุด อ่ออีกสองคน ไม่ชอบกินผักอีกด้วย สนุกละมึง มาใช้ชีวิตอยู่จีน 7 วันแบบไม่กินผักนี่เหมือนหยามอาตี๋อาหมวยเมืองนี้สุดๆ เพราะที่นี้อาหารทุกอย่างมีผักทุกจาน แล้วก็ได้ข้าวผัดไข่มาอีก 2 จานสำหรับ 2 คน ผลคือเลี่ยนชิบหาย เลี่ยนแบบ เลี่ยนเลยอ่ะ เหมือนเอาน้ำมันมาหุงข้าว แค่นั้นไม่พอ เสือกให้เยอะอีก เยอะแบบไม่ต้องคิดเยอะเลยว่ายังไง 2 คนนี้ก็กินไม่หมด แล้วก็ถูก เหลือกันคนละครึ่งจานกว่าๆ ข้าวผัดไข่จานละ 12 หยวน ( 60 บาท) 2 จาน 24 หยวน สั่งโค๊กกันไปอีก 2 กระป๋อง กระป๋องละ 3 หยวน (15 บาท) รวมมื้อแรกในจีนของเราคือ 36 หยวน ( 180 บาท)
มื้อประทับใจที่สอง
มื้อเช้าวันแรกในจีน หลังจากที่ผ่านมื้อข้าวผัดพริกหยวกเนื้อ ก็พอช่วยให้นอนหลับในคืนแรกได้ ตื่นมาก็ต้องเติมพลังในเช้าวันใหม่ อาหารมื้อแรกสำคัญ พวกเราเลยเลือก ข้าวกล่องใน 7-11 5555+ โดยใช้ความคิดที่ว่า อาหาร 7-11 น่าจะพอเหมือนๆเมืองไทยบ้างว่ะ ....กล่องแรกคือข้าวราดไข่พะโล้ ที่ในกล่องมีข้าวแยกกับเครื่องพะโล้มาให้เราจัดการอุ่นในไมโครเวฟเอง แต่กว่าจะได้เวฟกล่องแรกใช้เวลาไปหลายนาที เพราะเตาไมโคตรเวฟมีแต่ภาษาจีน ได้แต่มองไอคอนแล้วเอามาเทียบว่าอันเดียวกันป่าวว๊ะ แต่กว่าจะเทียบตรงแต่ละไอคอนก็ใช้เวลานาน เพราะแต่ละปุ่นผ่านนิ้วมือชาวจีนมาไม่รู้กี่ชั่วอายุ จางบ้างชัดบ้าง สลับกันไป แต่ก็ทำจนได้กิน (จุดนี้ไม่รู้ว่าเก่งหรือฟลุ๊ค 555+) ข้าวราดไข่พะโล้ คะแนนที่ได้คือ 4.5/10 นี่ไม่ใช่พะโล้ ไม่ใช่ นี่มันพะโล้ปลอม ทำไมรสชาติเป็นแบบนี้ ความเลี่ยนนี่มาจากอะไร โอ้ยยย 3 คนกินรวมกันยังไม่ถึงครึ่งกล่องเลย ตั้ง 15 หยวน ( 75 บาท)
อีก 1 กล่องที่สั่งมา เป็นไก่ผัดพริกไทยดำ ที่ไก่มาเป็นชิ้นๆสุกๆขาวๆเหมือนต้องการให้เรามาผัดต่อเอาเองเลย เพราะไม่ได้มีความผัดพริกไทยดำอะไรตรงไหน มีแต่พริกไทยดำบดโรยๆ แต่กล่องพอกินไหวตรงที่ไก่เหมือนผ่านการปรุงมาน้อยนี่ละทำให้ไม่เลี่ยน แล้วกินกับซื้อที่ทาง 7-11 มีให้ก็พอไหวหน่อย จะช้าก็ตรงที่เดิมคือเอาเข้าไมโคตรเวฟ ถึงเราจะเคยเวฟกล่องแรกผ่านแล้ว แต่ใช่ว่ากล่องสองจะเวฟแบบเดิมได้ เพราะต้องเปลี่ยนการตั้งค่าอีก งมดูไอคอนกันอีกรอบช้าเท่าเดิม กับราคา 17 หยวน ( 85บาท ) ให้คะแนนข้าวไก่ผัดพริกไทยดำ 6.5/10 แล้วนี่ก็คือมื้อที่จดจำอีกมื้อหนึ่ง ได้บทเรียนคืออย่าไว้ใจข้าว 7-11 เสมอไป
มื้อประทับใจต่อไป
เกี๊่ยวกุ้งจากจีน เป็นเกี๊ยวกุ้งที่อร่อยกว่าเกี๊ยวกุ้งในไทยหลายๆที่ที่เคยลองกินเลยแหละแต่เฉพาะเกี๊ยวกุ้งนะ มีกุ้งความเป็นเกี๊ยวกุ้งที่หนากว่าวิญญานกุ้งแบบไทยๆ แป้งนุ่มพอดี 1 ชิ้นกินได้ 2 คำ 1 ชามมีหลายลูก ราคาชามละ 16 หยวน (ประมาณ 80 บาท) เส้นบะหมี่กับน้ำซุปก็รสชาติจืดๆเหมือนเดิม ที่น้องลงมีแค่กลิ่นชวนเลี่ยน
อีกอย่างที่ขัดใจมากๆคือ ไม่มีน้ำตาล พริก น้ำปลา น้ำส้ม ให้ปรุงแบบของไทย ขอน้ำตาลไปได้กลับมาคือน้ำอะไรไม่รู้เปรี้ยวๆเค็มๆ ส่วนที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีให้แค่น้ำพริกเผา เกี๊ยวน่ะอร่อย แต่ให้กินอย่างอื่นจืดๆก็ทำใจไม่ได้ เหลือเหมือนเดิม T_T
อาหารไทยมื้อสุดท้ายในจีน
คืนสุดท้ายในจีน เราไปเดินหาของกินที่ถนนคนเดินกวางโจว แล้วก็เลือกจบที่ร้านอาหารไทย ที่ดูจากเมนูหน้าร้านแล้วโคตรคิดถึงอาหารไทยจริงๆ ไม่รอช้าเลย เปิดประตูเข้าไปก็ตกใจนิดหน่อยในความหรูหราเกินจะเป็นร้านอาหารทั่วไป แอบกังวลเรื่องราคากันเล็กน้อย แต่พอเปิดดูเมนูด้านในจริงๆ ราคาถือว่าพอรับได้ ถ้าไม่สั่งอะไรที่มันพิเศษจริงๆอ่ะนะ เราเปิดเมนูดูจรถึงเกือบหน้าสุดท้ายก็ยังไม่เจออะไรถูกใจเลยอ่ะ จนสายตาเลื่อนไปที่รูปอาหารที่เราคุ้นเคยมาตลอด ผัดกระเพรา มันคือผัดกระเพราของไทยจริงๆ ไม่รอช้าเลย รีบหันไปบอกพนักงานที่ยืนกดดันอยู่ข้างๆเลย (ไม่รู้จะกดดันทำไม ก้มตัวมารอจด ถ้าบอกออร์เดอร์เขาช้า อาจจะหลังงอเป็นกุ้งไปตลอดได้) เสียดายที่เราเก็บภาพข้าวราดกระเพราหมูไม่ทัน มันหมดไวเกินจะมานั่งถ่ายรูปอ่ะ แต่ใครๆก็คงนึกภาพผัดกระเพราออกแหละเนอะ ไม่ต่างจากไทยเลย รสชาติดีกว่าบางร้านในไทยด้วยซ้ำ ใครไปถนนคนเดินกวางโจวลองไปกินนะ ไม่น่าจะผิดหวังถ้าคิดถึงอาหารไทย แต่ราคาก็แอบแพง 28 หยวน (ประมาณ 140 บาท)
แถมสิ่งที่เราชอบอีกอย่าง
ตู้กดน้ำอัดลมเราเจอตู้กัดน้ำแบบนี้ได้แทบจะทั่วกวางโจว ซัวเถา เมืองข้างเคียง ทุกที่มี แต่จะแตกต่างกันที่ประเภทของน้ำที่มีให้เลือก ราคาก็มีตั้ง 2 หยวน ไปจนถึง 8 หยวน ตั้งแต่น้ำเปล่า ไปจนถึงเครื่องดื่มชูกำลัง เราได้ลองโค๊ก สไปร์ส น้ำลิ้นจี่ ชามะนาว น้ำเปล่า มันโคตรจะโอเคเลยที่เราไม่ต้องสื่อสารยากๆกับคนขาย มันใช้ง่าย เลือกน้ำ หยอดเหรียญ แบงค์ รอรับได้เลย แค่นี้เลย
ส่วนเรื่องรสชาติที่เราชอบที่สุดก็น้ำลิ้นจี่ราคา 4 หยวน ทั้งรสชาติ ทั้งกลิ่น มันโคตรจะลิ้นจี่ แถมยังมีวุ้นๆลิ้นจี่ผสมด้วย โคตรดีเลย ถ้าใครไป ก็อย่าลืมไปลองกดเล่นนะ 555+
อันนี้เป็นเรื่องกินส่วนหนึ่งที่เราว่ามันเป็นที่จดจำของเราตอนไปจีนเลยแหละ ไป 7 วัน ไม่ใช่อยากกินอาหารจีนอยู่แค่ไม่กี่อย่างนะ แต่เพราะเราเลือกเรื่องความปลอดภัยที่จะสั่งมาแล้วกินได้ เลยเข้าร้านฟาสฟู๊ดซะเยอะอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นคงหมดแรงก่อนหมดวันแน่ๆ ^^
บายฮะ ^^