เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Article 'n DocumentaryAomm
Do you see, MAN?
  • ‘แกไม่ได้เป็นแฟนหงส์เหรอวะ...ทำไมไปแมนเชสเตอร์ล่ะ’

    เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่าเรารักลิเวอร์พูลยิ่งกว่าทีมฟุตบอลใดๆ คำถามนี้จึงเป็นคำถามที่เจอบ่อยที่สุด หลังจากบอกกับคนรอบข้างว่าจะไปเรียนภาษาที่แมนเชสเตอร์สักหนึ่งเดือน รอยยิ้มเป็นเพียงคำตอบ เพราะตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่านอกจากค่าครองชีพโดยรวมที่ต่ำกว่าลอนดอนแล้ว แมนเชสเตอร์จะมีอะไรให้สนใจ นอกจากทีมคู่อริอย่างปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับทีมเศรษฐีใหม่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็แทบไม่รู้จักแมนเชสเตอร์สักนิด ที่พอนึกได้อีกอย่าง คงจะเป็นวงโอเอซิสละมั้ง

    Greeting from Alexandra

    แมนเชสเตอร์ทักทายผู้มาเยือนด้วยแสงแดดอ่อนๆ พร้อมอากาศเย็นกำลังดีที่แทรกผ่านสเว็ตเชิ้ตสีครีมเข้ามา อเล็กซานดร้าปาร์คเป็นสวนสาธารณะประจำย่านที่พักอยู่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1869 โดยสวนรุ่นคุณทวดนี้ออกแบบให้มีลักษณะเป็นรูปวงรีและทางเดินรอบๆโค้งรับ ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนนั้น ถือว่าเป็นสวนสาธารณะที่แหวกแนวกว่าใคร เพราะในยุควิคตอเรียนมักจะนิยมสร้างสวนสาธาธารณะที่เป็นทรงเหลี่ยมๆทื่อๆเสียมาก และหากเทียบกับสวนเบญจสิริที่ไปเป็นประจำแล้ว ไม่เพียงแต่ขนาดที่ใหญ่กว่า แต่เป็นความร่มรื่น ที่อีกนิดเดียวคงจะแทนที่ด้วยคำว่ารกครึ้มได้ กลิ่นใบไม้ชื้นๆโชยเข้าจมูก ผู้คนเดินสวนมาเป็นระยะ บ้างก็เข็นรถเข็นเด็ก ที่สนามหญ้ามีลูกชายกำลังเตะบอลกับคุณพ่อ อเล็กซานดร้าต้อนรับเด็กเอเชียสองคนด้วยความอบอุ่น จากนั้นมาพวกเราเลยไปหาเธอบ่อยๆ ถือว่าอเล็กซานดร้าเป็นเพื่อนคนแรกที่นี่ของเรากับ อ้อ ลืมบอกไป เรามีเพื่อนสนิทอย่างเมธิตามาด้วย ว่าแต่...แมนเชสเตอร์มีอะไรอีก



    มีมื้อน่ารักจากนักบินอวกาศ

    หลังจากวันแรกที่เข้าไปทำข้อสอบวัดระดับของโรงเรียน ลี คุณครูใจดีพาพวกเราไปทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เด็กต่างชาติกว่าสิบคนเดินตามต้อยๆ เข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าตึกสีดำ และป้ายด้วยสีขาวว่า คอสโมเนาต์ (Kosmonaut) ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหาร แต่เป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะ งานคอนเสิร์ตเล็กๆ (gigs) หรือจะเป็นกิจกรรมเวิร์คช็อปต่างๆ นักบินอวกาศสุดเท่ก็พร้อมเปิดบ้านต้อนรับเช่นกัน

    ว่าแล้ว คนเท่ๆมีห่วงเล็กๆเจาะอยู่ที่จมูกอย่างลีนั้น จะพามาทานอาหารทั้งทีคงไม่ใช่ที่ธรรมดาแน่ๆ
    เมนูอาหารจะเน้นไปทางกลุ่มฮอตด็อก บัน หรือพิซซ่า เนื่องจากได้ลองอยู่แค่เมนูเดียวจึงขอแนะนำว่าพิซซ่าที่นี่อร่อย แต่ชิคาโก ฮอตด็อกส์ก็น่าลองเหมือนกัน อยากจะโอกาสไปนั่งที่คอสโมเนาต์ตอนค่ำสักครั้ง เพราะคงไม่ได้ลิ้มลองเพียงรสชาติอาหาร แต่คงได้อาหารตาอย่างภาพวาดสวยๆ คลอไปด้วยเสียงเพลงรื่นหูจากนักร้องอิสระของแมนเชสเตอร์แน่ๆ เป็นไปอย่างที่เพลงฮิตของไทยบอกว่า เราจะมาพบกันใหม่  ใช่ เราไม่ได้พบกันอีก

    อย่างที่รู้กัน มีศัตรูที่รัก

    ฝนก็ค่อยๆโปรยลงมาทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ คงจะโรแมนติกดี ถ้าเมธิตาพกร่มมาด้วย ฝั่งที่เดินเข้ามาจะเห็นรูปปั้นคนสามคนยืนอยู่ด้วยท่าโพสแบบบอยแบนด์ ซึ่งรู้จักแค่บ๊อบบี้ ชาร์ลตันคนขวามือ ไปอ่านใกล้ๆพบว่าอีกสองท่านนั้นคือ จอร์จ เบสต์ และเดนนิส ลอว์ นักเตะระดับตำนานของผีแดงนี่เอง ก่อนที่จะมาเมธิตาถามว่า ‘ทำไมจะต้องไปชมสนามทีมที่เกลีย-- เอ่อ ชอบน้อยด้วย’ แต่สุดท้ายก็ได้ความเห็นที่ตรงกันว่า มาทั้งทีก็ไปสิ ให้เพื่อนแฟนผีอิจฉาเล่น ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกขอบคุณที่มา และความเห็นที่ตรงกันนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น

    อากาศเย็นๆเจือด้วยสายฝน รวมกับขนาดอันโอ่อ่า โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันนี้ช่างเงียบเหงา ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเป็นตัวละครในภาพยนตร์สักเรื่องของหว่องกาไว หรือนี่จะเป็นที่มาที่แท้จริงของฉายาโรงละครแห่งความฝัน (Thetre of Dreams) กันแน่



    หลังจากหาทางเข้าอยู่พักใหญ่ ก็ได้เข้าไปในโรงละครแห่งความฝันนี้สักที ยืนรอสักพัก เจ้าหน้าที่บุคลิกดูคล้ายเดวิด โบวี่ มาพาพวกเราขึ้นลิฟต์ไป ความตื่นเต้นค่อยๆเพิ่มขึ้นตามจำนวนชั้นของลิฟต์ที่ขึ้นสูง นี่เป็นสนามฟุตบอลแรกที่จะได้มาเยือน เหมือนกับว่าซ้อมตื่นเต้นก่อนไปเยี่ยมทีมรักจริงๆ
    ก่อนที่เสียงลิฟต์จะดึงให้เราหันมาสนใจไกด์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า 

    ได้ฟังประวัติคร่าวๆของสโมสรจากไกด์ พร้อมกันนั้นยังพาไปเยี่ยมชม Munich Tunnel ซึ่งสร้างเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารของพลพรรคปีศาจแดงตกเมื่อปี 1958 ซึ่งหนึ่งในผู้รอดชีวิตก็คือ บ๊อบบี้ ชาร์ลตันที่ยืนต้อนรับเราตอนเข้ามานี่เอง ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร เพราะนักเตะชุดนั้น ถือเป็นดาวรุ่งของยูไนเต็ดในยุคนั้นทีเดียว ขณะนั้นหลายๆสโมสรต่างส่งผู้เล่นมาช่วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (รวมถึงลิเวอร์พูลด้วย) ท่ามกลางความสูญเสีย มิตรภาพของเพื่อนร่วมอาชีพกลับค่อยๆก่อตัวขึ้น (แม้จะคล้ายว่าเป็นศัตรูที่รักก็ตามที) และก็ได้เห็นแล้วว่า กว่าจะเดินทางมาถึงจุดสำเร็จ ยูไนเต็ดต้องก้าวผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อย
    หลังจากนั้น ไกด์คนเดิมพาไปชมห้องแต่งตัวนักกีฬา ซึ่งประดับด้วยรูปนักเตะของสโมสรพร้อมทั้งคำคมเด็ดๆตลอดทาง แอบถ่ายรูปกับเสื้อไรอันส์ กิ๊กส์ ไม่ใช่เพราะเขาคือนักฟุตบอลที่ชื่นชอบ หากแต่เคารพในฐานะที่เขายังเล่นอยู่ แม้เพื่อนร่วมรุ่นอย่างเดวิด แบคแฮมจะกลายเป็นนายแบบชุดชั้นในไปเสียแล้ว
    เราประทับใจเจ้าหน้าที่คนนี้เวลาเล่าเรื่องมาก ภายใต้ใบหน้านิ่งๆ ติดจะดูเหนื่อย กลับมีความน่ารัก เผลอไปเห็นเขาแอบเล่นกับเด็กๆ ในกรุ๊ป ยูไนเต็ดเป็นสนามที่น่ารักขัดกับภาพลักษณ์ในใจเราเหลือเกิน ก่อนจะจบทัวร์วันนี้ด้วยการพาเราไปปล่อยที่พิพิธภัณฑ์สโมสรที่พ่วงด้วยร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจากที่ไปมาหลายสโมสร สถานที่สองแห่งนี้มักจะเป็นบริเวณเดียวกัน ราวกับถูกวางแผนไว้ว่า ดื่มด่ำกับเรื่องราวแล้ว ก็คว้าเรื่องราวกลับบ้านไปสักอย่างสองอย่างแล้วกัน 

    มีมหาวิทยาลัยของผู้ชายในฝัน

    ‘Thank You’
    หลากหลายสำเนียงดังขึ้นขณะทุกคนกำลังลงออกจากรถ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณแก่คนขับรถที่พาเรามาถึงที่หมาย และที่หมายครั้งนี้ไม่ใช่ป้ายพิคคาดิลลี่เช่นทุกวัน เมื่อเรากับเมตัดสินใจว่าจะลองมาปิกนิกที่สวนสาธารณะของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (UoM) มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีอายุพอๆกับอเล็กซานดร้าปาร์ค มีศิษย์เก่าเป็นนักแสดงในดวงใจของเราอย่าง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ซึ่งจบสาขาการแสดงจากที่นี่ ยูโอเอ็มมีชื่อเสียงทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนเป็นอันดับต้นๆของอังกฤษ 



    หลังจากแอบมองผ่านกระจกรถทั้งขาไปและขากลับมานาน ถุงพลาสติกจากร้านขายยาเมืองไทยอยู่ในมือของเมธิตา เดินหาม้านั่งที่แห้งก่อนจะนั่งลงอยู่ตรงนั้น แซนวิชลดราคาจากเทสโก้ 2 ชิ้น พร้อมด้วยกล้วยหอมที่หยิบมาจากครัวของโฮส มองเด็กมหาลัยเดินผ่านไปมา แค่นี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นนักศึกษาที่นี่แล้วล่ะ


    หลังจากอิ่มท้อง ก็เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ Manchester Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัย ภายในเต็มไปด้วยโครงกระดูกของสัตว์และมนุษย์ เน้นหนักไปทางอียิปต์โบราณ รวมถึงจัดแสดงสัตว์และแมลงหลากชนิด แน่นอนว่านอกจากเราแล้ว รอบๆก็มีแต่เด็กๆคว้าแว่นขยายมาส่องผีเสื้อหรือมดเต็มไปหมด เราอ่านป้ายบ้างไม่อ่านบ้าง จึงไม่ค่อยได้สาระเท่าไร แต่ตัวพิพิธภัณฑ์คล้ายเป็นตึกเก่าๆ แค่เดินวนไปตามบันไดก็เพลินแล้ว ที่นี่ไม่ไกลจากสถานที่สำคัญๆมาก ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที เลียบถนนออกซ์ฟอร์ดไปเรื่อยๆก็ถึงใจกลางเมืองพอดี ถ้าจะเริ่มต้นเดินเที่ยวตัวเมืองจากตรงนี้ อีกไม่ถึงอึดใจ (หรือสองอึดใจ) ก็ถึงสภาเมืองหรืออัลเบิร์ต สแควร์แล้วล่ะ

    เหนือผียังมีเรือ(ใบสีฟ้า)

    จริงๆทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้นี้ก็ค่อนข้างคุ้นหูคนไทยอยู่ ไม่ใช่เพราะซิตี้ เพิ่งคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีกมาได้หมาดๆเมื่อปีก่อนหน้าที่เราจะมา แต่เพราะเจ้าของเก่าเป็นคนที่พวกเราต่างคุ้นเคยกันดีต่างหาก พลาดหวังจากการซื้อลิเวอร์พูล ก็มาลงเอยที่เรือเสียที แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆก็เถอะ 

    เสาร์นี้ ซิตี้ไปเยือนลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ สนามที่เราวางแผนจะไปในอีก 2 สัปดาห์พอดี เท่ากับว่าสนามว่าง สามารถไปเยี่ยมชมได้แน่นอน แต่รถโค้ชยังไม่ทันออก คนขับก็ทะเลาะกับผู้โดยสารเสียแล้ว คนอื่นๆที่นั่งอยู่จึงถูกอัปเปหิออกจากรถกันถ้วนหน้า เราสองคนก็ด้วย 

    หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงยี่สิบนาที (ไม่นับตอนที่ลุงคันแรกทะเลาะกับพี่ผู้โดยสาร) พวกเราสองคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสนามเอทิฮัด สเตเดียม สนามประจำทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งตั้งอยู่เยื้องไปทางทิศเหนือของสโมสรร่วมเมือง ว่ากันว่าวันไหนท้องฟ้าสดใสละก็ เราจะสามารถมองเห็นโรงละครแห่งความฝันได้จากอัฒจันทร์ของที่นี่ เจ้าหน้าที่ในชุดวอร์มทำหน้าที่พาเราทัวร์ในครั้งนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนมีครูพละมาเข้าชั้นสอนอยู่เหมือนกัน



    แต่เดิมที่นี่มีชื่อว่า สนามซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ แต่เปลี่ยนมาเรียกเอทิฮัดในปัจจุบัน เพราะเหตุผลทางสปอนเซอร์ มีสนามฟุตบอลประจำสโมสรอีกหลายแห่งที่ใช้ชื่อสปอนเซอร์เป็นชื่อสนาม เช่น เอมิเรตส์สเตเดียม ของอาร์เซนอล แฟนบอลบางส่วนไม่พอใจกับการใช้ชื่อสินค้าเป็นชื่อสนามมากนัก หลายคนให้ความเห็นว่าเหมือนเป็นการลดศักดิ์ศรีของทีม แต่ส่วนที่เห็นด้วยกลับมองว่านี่คือรายได้ก้อนโตที่จะนำมาพัฒนาสโมสรได้ 

    ขณะที่ไกด์กำลังอธิบายถึงถ้วยรางวัลต่างๆ สายตาหลายคู่กลับจับจ้องโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดแมตช์ระหว่างเจ้าของสนามที่เรายืนอยู่ กับทีมรักของเราเอง และเสียงเฮลั่นก็มาจากพวกเรา เมื่อลิเวอร์พูลยิงประตูได้ตั้งแต่นาทีที่ 6 สรุปแล้ว ในกรุ๊ปที่มาด้วยกันมีแฟนหงส์อยู่ถึง 3 คน ไหนจะแฟนปืนอย่างเมธิตาอีก ครูพละของเรา ถึงกับคอตกทีเดียว และช่วงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง

    ทันทีที่ก้าวเข้าไป หญ้าสีเขียวสดตัดกับสีน้ำเงินสดของอัฒจันทร์ ยิ่งมีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าไรเมฆแล้ว คำว่าสวยสด มันเป็นแบบนี้นี่เอง พวกเรามีโอกาสได้พูดคุยกับไกด์ พอเขาทราบว่าเราเป็นคนไทย ชายสูงวัยในชุดวอร์มก็ยิ้มแล้วเล่าว่าเขามีญาติเป็นนักเตะอาชีพอยู่บ้านเรา แต่ไม่รู้ว่าอยู่ทีมอะไร คุณลุงไกด์ชวนคุยเร่ืองฟุตบอลกันต่อสักเล็กน้อยตามประสาแฟนเรือใจเสีย เพราะขณะนั้นลิเวอร์พูลยังนำอยู่ 2-0 น่ะสิ 

    สนามเอทิฮัดมีกิจกรรมสำหรับผู้เข้าชมค่อนข้างมากกว่าโอลด์ แทรฟฟอร์ด นอกเหนือจากกิจกรรมปกติที่สนามอื่นๆมีให้อย่างเข้าชมห้องแต่งตัว ถ่ายรูปกับถ้วยรางวัลที่สโมสรเคยได้ แต่แมนฯซิตี้ให้เราทดลองเป็นนักฟุตบอลที่ยืนสัมภาษณ์หลังเกมตรงอุโมงค์ใต้สนาม หรือจะเป็นถ่ายรูปกับขวดแชมเปญฉลองแชมป์ ให้ความรู้สึกเหมือนงานวันเด็กตามทำเนียบรัฐบาลอยู่เหมือนกัน

    มีความน่ารัก




    บรรยากาศแข็งกระด้าง ผู้คนที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ในทุกที่ที่เราไป กลับมีแต่คนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่เท้าแตะสนามบิน จนถึงตอนกระเป๋าเดินทางเลื่อนมาถึงสถานีรถไฟ ถึงผู้คนจะไม่น่ารักเท่าลิเวอร์พูล แต่อัธยาศัยภายใต้ใบเรียบเฉยๆของเธอก็ไม่แพ้ใคร ความน่ารักแบบแมนเชสเตอร์ซ่อนอยู่ในความเฉยเมยเสมอ และแม้อาหารอาจจะไม่อร่อยเท่าไบรท์ตัน แต่พิซซ่าของคอสโมเนาต์ก็เก๋ไม่เบาเหมือนกัน
    28 วันผ่านไปเร็วกว่าที่คิด

    จากคราบน้ำตาในคืนแรกที่มาถึง กลายมาเป็นคราบน้ำฝนที่เกาะกระจกห้องเรียนคาบสุดท้าย ขอติ๊ต่างไปเองได้หรือเปล่า ว่าแมนเชสเตอร์ก็กำลังร้องไห้ให้เราเช่นกัน (และความซึ้งนี้ก็หมดไป เมื่อเรามาอ่านเจอทีหลังว่า ท่ีนี่ฝนตกปีละ 140 วัน) ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวันจริงๆ ที่เราจะกลับไปเอาคืน น้ำตาลวงๆของเธอ

    MAN, I really see how amazing you are.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in