เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
places to go.ละมุดพรรณ
"พักหัวใจ...แล้วไปตามหาชัมบาลากันเถอะ"
  • 2 วัน 1 คืน กับ 10 บทเรียนที่ได้ จากการปล่อยใจไปกับที่นี่
    “Shambhala In Your Heart Festival @เชียงดาว จ.เชียงใหม่”
    เทศกาลดนตรีที่จะจัดขึ้นเพียงทุกๆ 10 วันในหนึ่งปี
    เป็นการรวมตัวของเหล่า Artists จากนานาประเทศ
    อย่าง ญี่ปุ่น / รัสเซีย / อเมริกา ฯลฯ



    งานนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก.. 
    กายพร้อม ใจพร้อม เงินพร้อม(นิดหน่อย)
    ก็ออกตามหาชัมบาลาได้แล้วววว

    ------------------------------------


    01
    “มุมข้างทางที่เปลี่ยนไป”

    เดินทางจากท่าช้างเผือกเชียงใหม่เข้าสู่เชียงดาว
    ด้วยเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งจากที่ตอนแรกตั้งใจจะไปให้ถึงเชียงดาวไม่เกินเที่ยง แต่สุดท้าย บ่ายก็แล้วเพิ่งได้ขึ้นรถจ้า

    รถก็เป็นรถเมล์พัดลมคันเล็กธรรมดา เบาะธรรมดา คนนั่งก็แสนธรรมดา แต่เส้นทางแบบนี้นี่หาที่กรุงเทพฯ ไม่ได้นะจ๊ะ
    นอกจากจะเห็นแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวๆแล้ว ยังจะพาลัดเลาะ ขึ้นเขาลงห้วย ตุเลงๆผ่านหน้าผาด้วย แอบหวาดเสียวนะทำเล่นไป




    02
    “ไปไหนไป(ด้วย)กัน”

    และนี่ก็คือ “หยก” เพื่อนสนิทผู้ร่วมชะตากรรมของเราเอง ตอนแรกไอเราก็ทำเท่ อยากมาคนเดียว พอเอาเข้าจริงแอบกลัว ทำไงล่ะทีนี้? ก็เลยลองชวนมันดู(เพราะบ้าบอเหมือนกัน) แล้วนางก็ตอบตกลงทันที ทำให้ทริปนี้ กลายเป็นทริปหลุดๆ กับคนหลุดๆถึงสองคน




    03
    “Welcome to Shambhala”

    วินาทีที่ก้าวเท้ามาจนถึงหน้างาน สิ่งแรกที่ปราดเข้ามาในหัวคือ ‘เงียบไปไหมอ่ะ?’ ความรู้สึกตอนนั้นแอบเจื่อนๆ เพราะบรรยากาศตรงนั้นคือเงียบมากกกก และร้อนมากกก
    แต่ขณะเดียวกันเราแอบประทับใจที่เขาลดราคาบัตรให้(เพราะไปวันสุดท้ายพอดี)
    แถมยังได้สร้อยข้อมือถัก handmade ฟรีด้วย อ่ะๆ ถือว่าคุ้มมม



















    04
    “วิวแม่น้ำจากเตียงนอน”

    เปิดสวยๆมายังงั้นแหละ เตียงเติงอะไรไม่มีหรอกจริงๆแบกเต๊นท์มาเองจ้า ที่นี่เค้ามีความเก๋ตรงที่เอาเต๊นท์มากางเองได้ฟรี! หรือจะมาตัวเปล่าแล้วเช่าเอาก็ได้ แต่เราก็อยากจะประหยัดเลยแบกมาเอง มาถึงก็เลือกมุมตามที่ชอบ จนมาเจอตรงนี้แหละ เงียบดี ติดลำธาร จะได้นอนฟังเสียงน้ำเพลินๆ










    05
    “พักใจก็คือพักใจ”

    อีกความลับหนึ่งของที่นี่คือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะ
    แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ? ถือโอกาสนี้แหละตัดขาดจากโลกภายนอกซะ หยุดกังวล แล้วลองจดจ่ออยู่กับสิ่งรอบตัวดูสักตั้ง

    เรารู้สึกเหมือนที่นี่เป็นแหล่งรวมคนที่ตัดขาดกับโลกภายนอกจริงๆนะ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำคือการนั่งโฟกัสกับการทำกิจกรรมด้วยกัน
    อย่าง อ่านบทกลอน / เล่นดนตรีประจำชาติ / ร้องเพลงที่แต่งเอง ถามว่าฟังรู้เรื่องไหมก็ไม่นะ แต่มันรู้สึกอบอุ่นใจเพราะเหมือนเราได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา













    06
    “จงแต่งในแบบที่อยากแต่ง”

    เราชอบที่คนที่นี่ไม่เอาแฟชั่นเลย ไม่มีการมาบรรจงแต่งตัวเพื่อถ่ายรูปอวดกัน หรือแข่งกันว่าใครชิคกว่า คนที่นี่เขาไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวจริงๆ บางคนเอาพรมผืนเดียวห่อตัวเอง(แอบคิดในใจ ถามจริ๊งง) บางคนเอาผ้ามาผูกเพียงเพื่อปิดหน้าอก คือไม่มีใครมาคอยมองหรอกว่าเราจะแต่งตัวยังไง เหมือนพวกเขามีจุดมุ่งหมายแค่มาสนุกด้วยกันแค่นั้น




    07
    “จงทำในสิ่งที่อยากทำ”

    นอกจากจะแต่งตัวตามใจชอบแล้ว ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้เราทำอะไรก็ได้ ตรงไหนก็ได้! แรกๆเราแอบตกใจตอนเดินเล่นแล้วเห็นคนเล่นโยคะกลางแจ้ง หรือเดินผ่านคนที่ยืนเต้นคนเดียวอยู่ใต้ต้นไม้ คือไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็จะไม่มีใครมานั่งจับผิดเรา เพราะฉะนั้นอยากร้องรำทำเพลงอะไรทำเลยจ๊ะ





    อย่างในภาพนี้เป็นกลุ่มคนที่มาจอยกันเล่นเครื่องดนตรีที่ถนัด(โดยมิได้นัดหมาย) แล้วมันก็ออกมาอเมซิ่งมากๆ จนทำให้เราสามารถนั่งฟังเฉยๆได้เป็นชั่วโมงๆเลย







    08
    “ปล่อยใจไปกับเพลง(ที่ไม่เคยฟัง)กันเถอะ”

    นี่แหละทีเด็ดของเทศกาลนี้..
    ใครที่คิดว่ามาชัมบาลาแล้วจะได้กระโดดร้องเพลงสุดฮิตหรือมันส์สุดเหวี่ยงไปกับเสียงกลองล่ะก็
    บายจ้าาาา

    เพลงที่นี่จะเป็นเพลงที่ไม่มีใครได้ยินมาก่อน ส่วนมากจะเป็นเพลง Reggae และ Alternative ที่ถูกแต่งขึ้นโดยนักดนตรีที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่มันได้ฟิวส์มากกกกก จำได้ว่าคืนนั้นเรากับเพื่อนมันส์มากแบบหลุดโลก จนเกือบหาทางกลับเต๊นท์ไม่เจอ




    09
    “เหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย”

    “มายด์ เอาเสื้อกันหนาวไปด้วยสิ เผื่อมันหนาว”

    ประโยคนี้ของแม่ลอยมาทันทีที่ค้นพบว่าอากาศหนาวมากจนเต๊นท์ชื้น และนอนไม่ได้!
    รู้สึกว่านั่นเป็นคืนที่ทรมาณกับความหนาวที่สุดเท่าที่เคยเผชิญมา เสื้อผ้าที่ใส่ในตอนนั้นก็บางมาก เพราะไม่คิดว่าตอนกลางคืนอากาศที่นี่จะหนาว(ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน๊?!)

    สุดท้ายต้องแบกร่างของตัวเองออกมาผึ่งไฟข้างนอกด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ยอมเชื่อแม่ แต่ก็เอาน่ะ ผิดเป็นครู
    มันต้องลำบากแบบนี้สิถึงจะมันส์!










    10
    “HEPOPA”

    นี่คงเป็นสิ่งที่ตรึงใจเราที่สุด
    อย่างที่บอกว่าเทศกาลนี้เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยน้อยมาก ทำให้เทศกาลนี้มีกิจกรรมและแนวเพลงที่ต่างไปจากเทศกาลดนตรีปกติที่จัดขึ้นในประเทศเรา

    Shambhala แห่งนี้จึงคิดคำๆหนึ่งขึ้นมาเพื่อรวมหัวใจของทุกคน ของทุกเชื้อชาติให้รวมกันเป็นหนึ่ง.. นั่นก็คือคำว่า ‘HEPOPA’

    HEPOPA(เฮ-โป-ป้า) มีความหมายตามบริบทที่เปลี่ยนไปในบทสนทนา เป็นได้ทั้งคำขอบคุณ / คำขอโทษ / คำทักทาย / คำกล่าวลา และคำบอกรัก :)

    ------------------------------------




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in