เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
whatfilmbehoramiji
Talk: Tomorrow I Will Date With Yesterday's You
  • เวิ่นถึง Tomorrow I will date with yesterday's you นิดหน่อย

    warning: สปอยล์เต็มขั้นนะ ยังไม่ดูหนังห้ามอ่าน




    ในความหวือหวาของเส้นเวลาที่สวนทางกันอย่างแปลกประหลาดเข้าใจยาก มันกลับเป็นหนังรักที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ไม่ประดิดประดอยที่สุดเรื่องหนึ่ง

    ความสัมพันธ์ของพระเอกกับนางเอกเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยคำว่า รักแรกพบ จีบกันง่ายๆ เดทกันง่ายๆ อะไรก็ดูราบรื่นไปหมด เป็นความรักธรรมดาทั่วไปที่พบเห็นได้ในชีวิตทุกวัน ไม่ต้องพยายามบรรจงตกแต่งให้มันซับซ้อน สร้างสรรค์ หรือยิ่งใหญ่อะไร

    แต่ในความเรียบง่ายเป็นธรรมชาตินั้น เราค่อยๆ สะดุดกับความไม่ปกติ นางเอกมักจะร้องไห้ง่ายๆ ในจังหวะเวลาแปลกๆ ที่เราไม่เข้าใจ แล้วหนังก็มาเฉลยว่า เธอร้องไห้เพราะทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเธอ วันที่พระเอกตกหลุมรักเธอครั้งแรก กลับเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับเขา การกุมมือนางเอกแบบคนรักครั้งแรกของพระเอก คือการจับมือกันครั้งสุดท้ายของเธอ การเรียกชื่อกันโดยไม่มีคำลงท้ายให้ดูห่างเหินเป็นครั้งแรก กลับเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนม และต่อจากนี้เธอจะยิ่งห่างเหินจากเขาไปทุกวัน

    เธอร้องไห้ เพราะรู้ว่าหลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว

    การที่เส้นเวลาของพระเอกนางเอกต่างเดินเข้าไปในอดีตของกันและกัน ทำให้ความสัมพันธ์นี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยั่งยืน เพราะในวันที่พระเอกเพิ่งเริ่มรัก นางเอกก็รักไปแล้วหมดใจ แต่ขณะที่ความรักของพระเอกเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ นางเอกยิ่งค่อยๆ รู้สึกน้อยลงทุกวัน เพราะวันพรุ่งนี้ของเขา คือเมื่อวานสำหรับเธอ เมื่อวานที่เธอยังไม่มีความทรงจำอะไร ไม่รู้สึกกับอะไรที่ได้ทำกับพระเอกนั่นเอง สังเกตจากฉากที่พระเอกบอกรักนางเอก แต่เธอกลับพูดแค่ "อืม" ไม่ตอบกลับมาว่ารักเหมือนวันก่อนที่ความรู้สึกของพวกเขายังเท่ากัน

    เรียกว่า รักเธอเริ่มจากร้อยนับวันนานไปยิ่งน้อยลง ก็คงได้อยู่

    หนังมีกฎแห่งเวลาที่สวนทางเป็นอุปสรรคให้ความรักของพระเอกนางเอกคงทนอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน แต่หากเราเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ในชีวิตจริง ความรักที่เริ่มต้นโดยฝ่ายหนึ่งรู้สึกมากกว่า ทุ่มเทมากกว่า จนเวลาผ่านไปทำให้เหนื่อยล้า และเริ่มเบื่อ เริ่มปล่อยวาง ขณะที่ฝ่ายเคยไม่รู้สึก หัวใจกลับค่อยๆ ถูกกร่อนลงด้วยความพยายามของอีกคน จนเริ่มรัก และรักมากกว่าในวันที่อีกฝ่ายหมดใจในที่สุด เป็นความสัมพันธ์ที่พบเห็นได้ไม่ยากเท่าไร จริงไหม

    ทีนี้ตัดความเหนือจริงออกไป มองในแง่ความเป็นจริง หนังเรื่องนี้สอนให้เรารู้จัก "ประคับประคองความรัก" เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่าเมื่อไรที่เราจะเริ่มเบื่อคนรัก หรือคนรักจะเริ่มเบื่อเรา เมื่อไรที่ความรักของเราจะเริ่มไม่เท่ากัน เมื่อไรที่เขาจะค่อยๆ ห่างเหินเราไปจนกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก

    เมื่อไรที่การจับมือของเราจะกลายเป็นครั้งสุดท้าย

    พอได้รับรู้ความจริงเรื่องกฎของเวลาที่สวนกลับ พระเอกเจ็บปวดเพราะไม่อยากเล่นตามบทที่เขียนไว้ จนกระทั่งคิดทบทวนแล้วจึงเข้าใจว่านางเอกต้องพยายามเพียงใด เชื่อมั่นในความรักของพวกเขาแค่ไหนที่จะประคับประคองความสัมพันธ์ที่มีแต่รอวันสลายนี้ ซึ่งหากพิจารณาจากมุมมองนางเอก วันแรกที่เธอรู้จัก ก็ต้องเป็นแบบให้กับพระเอกที่รักเธอเหลือเกิน(ลองคิดดูว่ามันจะน่าอึดอัดแค่ไหนนะ) วันที่สองก็ต้องไปบ้านพ่อแม่เขาแล้ว วันต่อๆ จากนั้นพระเอกก็ค่อยๆ กลายเป็นคนไม่รู้จักเข้าไปทุกวันเช่นกัน ถ้านางเอกตัดใจแต่เนิ่นๆ ไม่ยึดมั่น ไม่พยายาม ไม่ยอมเจ็บปวด ความรักครั้งนี้ก็ไม่มีวันเป็นไปได้เลย

    และไม่ว่าพระเอกนางเอกจะเล่นไปตามบทที่วางไว้ในไดอารี่หรือไม่ แต่ความรักก็ยังคงเป็นความรัก

    เช่นกัน ในชีวิตจริง ไม่ว่าคนสองคนจะทำทุกอย่างไปตามธรรมเนียมหรือค่านิยมที่สังคมกำหนด จีบกัน กินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยว หรือทำอะไรๆ อย่างที่คนเป็นแฟนกันมักจะทำกันหรือไม่ ถ้าคนมันรักกัน มันก็คือความรักนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องหานิยามหรืออะไรใหม่ๆ มาแต่งแต้มให้มันวิเศษวิโสอะไร บางครั้งมันอาจดูน่าเบื่อ ซ้ำซาก หรือไม่เป็นตัวเอง แต่ถ้าคนสองคนทำมันด้วยกันแล้วมีความสุขก็ไม่เห็นต้องเกี่ยง อย่าไปกลัวการทำตามแบบแผนเลย สำคัญที่ความรู้สึกมากกว่า ว่าเราอยากจะรักแค่ไหน อยากอยู่เคียงข้างกันมากเท่าไร

    และหนังยังแอบบอกใบ้กับเราว่า ใครสักคนที่เป็นของเราจริงๆ ก็จะเป็นของเราเสมอ

    เวลาของสองโลกที่สวนกัน เหมือนจะทำให้พระเอกนางเอก "พบกันเพื่อเพียงผ่าน" ได้พบกันเพียงครั้งหนึ่งทุกๆ ห้าปี แต่ความจริงแล้ว โชคชะตาก็ไม่ได้ใจร้ายเท่าไรนัก ยังยอมให้เขาและเธอได้มีเวลาทำความรู้จักและผูกพัน เป็นคนสำคัญในชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ถึงครั้งละสามสิบวัน แม้จะต้องจากกันด้วยการเป็นคนแปลกหน้าทุกครั้งจนกว่าจะมาพบกันใหม่ก็ตามที และช่วงเวลาสำคัญที่วงโคจรของเขาและเธอมาบรรจบกันพอดีอีกครั้งเมื่อทั้งคู่ต่างอายุยี่สิบปี พวกเขาก็ได้ "รักกัน"

    มันไม่แย่นักหรอกที่จะได้รักใครสักคนในช่วงเวลาสั้นๆ กับคนบางคนแค่เพียงวันเดียวเราก็เอา

    และคู่รักหลายคู่คงเคยประสบเหตุการณ์แบบในเรื่องมาบ้างแหละ คือ รู้จักกัน รักกัน ทะเลาะกัน เลิกกัน ห่างเหิน กลับไปเป็นคนไม่รู้จัก แต่เวลาผ่านไปสักพัก โชคชะตาก็เหวี่ยงเรากลับมาเจอคนคนเดิม และตกหลุมรักคนเดิมๆ นั้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ บางคู่อาจจะรักๆ เลิกๆ วนไปอย่างนี้เกินหนึ่งครั้ง หลายคู่เมื่อเลิกกันแล้วก็กลายเป็นครั้งสุดท้ายไม่มีวันหวนคืนมาอีกเลย แต่เชื่อว่าหลายคู่ลงเอยด้วยการแต่งงานกัน

    อย่างที่บอก คนที่เป็นของเรา อย่างไรเสียเขาก็เป็นของเรา

    สรุปแล้ว Tomorrow I will date with yesterday's you ก็เป็นหนังรักที่เซอร์เรียลกับเรื่องเวลา แต่ดันสมจริงและให้ข้อคิดในการประคับประคองความรักได้อบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน

    หากนางเอกคิดแต่ว่า สุดท้ายยังไงก็ต้องจากกัน เธออาจไม่ไปหา ไม่ไปเจอพระเอกบนรถไฟ และคงไม่มีวันได้เป็นคนรักกันเลยสักวินาที ดังนั้น การได้รักใครสักคน สิ่งสำคัญจึงอาจไม่ใช่การวาดฝันว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป แต่เป็นการพยายามดูแลหัวใจกันให้ดีที่สุด ในระหว่างที่ยังมีเวลาอยู่ด้วยกัน

    เพราะหากเรามัวแต่คิดถึงวันพรุ่งนี้ สักวันสิ่งที่เรียกว่า วันนี้ ก็จะไม่มีตัวตนอีกต่อไป
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in