เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ขี้บ่นleepaii
ไดอารี่ขี้บ่น : บริจาคเลือดครั้งแรก
  • "Today is gonna be a good day~
    don't care what anybody else say~"


                     เริ่มต้นวันด้วยการเปิดเพลง good day : DNCE ฟัง เพราะว่า วันนี้เป้าหมายของเราคือไปบริจาคเลือด ขอฟังอะไรให้รู้สึกดีๆหน่อย หลังจากศุกร์ที่แล้วไปวัดความดันมาไม่ผ่าน ต่ำเกินไป จริงๆคาดว่าเป็นเพราะเราสอดแขนไปไม่ลึกพอ คุณป้าพยาบาลที่ประจำเสาร์นี้เพิ่งบอก เท่ากับอาทิตย์แล้วไปฟรีเลย โอเค หลังจากเหตุการณ์(เด๋อๆ)ตอนวันศุกร์แล้ว เรานอนเร็วขึ้น ออกกำลังกายนิดหน่อย กินผักบำรุงตัวเองคิดว่าพร้อมแน่นอน

                   เราตื่นเช้ามาเจ็ดโมงนัดกับเพื่อนแปดโมง เพราะรพ.ไม่ไกลจากบ้านมาก ยังไงก็ทัน แต่เราลืมปริ้นท์เอกสารกิจกรรม เพราะเราต้องใช้ยื่นกู้ เลยใช้เวลาหาร้านเน็ตอยู่สักพัก ซึ่งก็ปาไปครึ่งชั่วโมงเหนาะๆ หลังจากนั้นเอกสารพร้อม คนพร้อม เราก็ไปคิวรถสองแถว... เรื่องราวดีๆกำลังเริ่มเกิดขึ้นนั่นแหละ ตอนเราเดินไปถึงคิวนี่ถอดใจไปแล้วครึ่งนึง เจอรถคุณลุงคนนึงที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความขับช้ามาแต่ไหนแต่ไร (เด็กทุกคนพยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุดตอนไปโรงเรียน) คือถ้าสมมติเราขึ้นรถลุงไปก่อน และเพื่อนเราขึ้นคันหลังเรา ไม่ต้องกังวลจะจากจากเพื่อน ถึงโรงเรียนพร้อมกันจ้า แถมเพื่อนถึงก่อนอีก (เก็บกดมากค่ะ ขึ้นสามปีคิดว่าหมดกรรมแล้ว ยังเจออยู่ดี) ครั้งหนึ่ง เราตื่นสาย รีบมากขึ้นรถลุงคันนี้แหละ ตอนเจ็ดโมงครึ่ง ถ้าเป็นรถคันอื่นก็จะทันแถวสายอยู่ แต่ลุงอะเนาะ นู่นเราถึงตอนเค้าปล่อยแถวสายขึ้นห้องกันหมดแล้ว ช้ามากกกกก แล้ววันนี้บุญเก่ามีไม่ถึง รีบมาก เจอลุง เห้อ โอเค เราทนได้! กว่าจะถึงปกติ 15นาที(เลทสุด) เราออกแปดโมง ถึง 8.30 น. ขอบคุณพระเจ้า ดีนะโทรหาเพื่อน เพื่อนต้องไปทำธุระให้แม่ เราเลยเดินหาไรกินที่เซเว่นรอ เพราะกินมาม่ามาแค่ซองเดียว กับน้ำครึ่งขวด 1.5 ลิตร


                   เราเดินมาอีกนิดก็ถึงโรงพยาบาล นั่งรอเพื่อนที่หน้าธนาคารเลือดไปประมาณยี่สิบนาที เพื่อนก็มา เลยเข้าไปเราขอวัดความดันก่อนเลย เพราะความเด๋อคราวแล้วทำให้มันต่ำ กว่าครั้งนี้ต่ำ โอเคเราวัดครั้งแรกได้ 101/84 อัตราการเต้นหัวใจ (PUL) อยู่ที่ 102 ซึ่งเกิน  คุณป้าพยาบาลก็บอกนั่งรอ เรารอสักพักเลยไปวัดรอบสอง ได้ 84/53 PUL 87 นี่แหละเป็นที่มาของความเด๋อ คุณป้าเลยบอกว่า อันนี้สอดแข็งไม่ลึก (ทำไมคุณป้าศุกร์แล้วไม่บอกหนู!!!!!) เราเลยวัดอีกที คราวนี้ผ่าน จำได้แต่ PUL 99 เพราะใบให้เค้าไปแล้ว หลังจากเจาะเลือดนิดหน่อยตรงนิ้วอะไรเรียบร้อย คุณป้าก็บอกขึ้นข้างบนได้ พอถึงห้องบริจาคเราก็ดื่มน้ำไปอีกสองแก้ว พี่ที่อยู่ก็บอกให้นอนเตียงบริจาค เค้าก็เตรียมอุปกรณ์ตั่งๆนานาไป สักพักมันมาแล้วเข็ม (เราไม่เชิงกลัวเข็มอะ ดูได้แต่ไม่ชอบ) เราเลือกจะหันหนีไปตอนเค้าแทงเข้าเส้นเลือด (ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลยเว้ย!) ก็ยังเจ็บอยู่ดี แต่เจ็บแปปเดียว แปปเดียวจริงๆอะ ไม่ถึงสามนาทีก็ชินไม่เจ็บแล้ว เราก็กำบอลไปเรื่อยๆ ประมาณสิบนาทีเลือดก็เต็มแล้ว พี่เค้าก็มาจัดการ แล้วให้เรานั่งอยู่เตียงก่อนสักห้าหกนาที เค้าก็ถามอาการ เวียนหัวมั้ย หน้ามืดมั้ย อยากอาเจียนรึป่าว ซึ่งเราปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็บอกปรกติทุกอย่างค่ะ พี่เค้าก็บอก เปลี่ยนผ้าก๊อตด้วยพอครบสองชั่วโมง แล้วก็กินยาธาตุเหล็กก่อนนอนด้วย ห้ามดื่มกับนม (จำได้หมด มันฝังจัยยยยยยย)

              เราก็ออกจากโรงพยาบาลกับเพื่อน เพื่อนจอดรถไว้ใกล้ๆ น่าจะไม่เกินยี่สิบเมตร อาจจะสิบห้าเมตรนี่เอง เราก็เดินไปกับเพื่อน พอเดินไปเรื่อยๆเราเหนื่อยมาก เหนื่อยแบบเหงื่อแตกเลยอะ หายใจไม่ทัน รู้สึกอึดอัดหน้าอกมาก เลยหยุดเดินที่หน้าเซเว่น ใกล้ๆที่เพื่อนจอดรถ บอกเพื่อนที่ไปบริจาคด้วยกันว่า ไปส่งบขส.หน่อย ไม่ไหว เราเหนื่อย เพื่อนก็มอง คิดว่าเราพูดเล่น (คิดว่าสภาพตอนนั้นเราคงดูปรกติ ไม่หน้าซีดอะไรทำนองนี้บวกกับนิสัยเราค่อนข้างผีบ้า ขี้เล่นนิดนึง) เพื่อนก็เลยไม่เชื่อ เราก็บอกเหนื่อยจริงๆ เพื่อนก็ไม่ตอบ เราก็ถามไม่ไปส่งจริงๆเหรอ เราเลยเดินไปอีกนิด ไม่ไหวละ ห้าก้าวเองมั้ง ตอนนั้นรู้สึกเลย ไม่ไหวแล้ว เลยโบกรถสองแถวกลับบ้านดีกว่า

    เหตุเกิดที่รถสองแถว..

               หลังจากเราขึ้นรถไปได้นิดเดียวเราเริ่มหน้ามืด เริ่มมองทุกอย่างไม่ค่อยเห็น เสียงเริ่มหายไป ทั้งที่รถเพิ่งออกไปสองสามนาทีเองติดไฟแดง ทุกอย่างเริ่มมืดเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงอะไรหายไปหมด ถูกต้องนะค้าบบบ เราวูบไปเลย รู้สึกตัวอีกทีน่าจะมีคนรุมเราอยู่รถจอดที่หน้าโรงพยาบาล ที่ที่เพิ่งจากมา (คุณพระคุณเจ้าบุญเก่าช่วยไว้ เรานั่งรถปลายสองแถวเลยอะ ดีมากที่หัวไม่ตก หรือคนข้างๆช่วยไว้ไม่รู้ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือค่ะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ) ได้ยินแค่เสียงพี่บุรุษพยาบาลบอก น้องครับช่วยยกขาอะไรนู่นนี่ให้นอนเตียง (ซึ่งเราทำไม่ได้ ไม่มีแรงเลยอะ) และเสียงหนึ่งก็ลอดเล็ดออกมา "น้องเป็นลมบ้าหมูแน่ๆเลยอะ เนี่ย ลมบ้าหมูแน่ๆ" และเสียงเดียวกันย้ำอีกรอบ "เป็นลมบ้าหมูแน่นอน เห็นอาการไม่ค่อยดีสักพักละ" (ในใจเรา : ป้าหนูเป็นลมเฉยๆหนูไม่ได้ชักเลย // สิ่งที่ทำได้ : ส่ายหัว) 
    ดีพอมีคนที่ดึงใบที่เราถือออกไปอ่าน ว่าเราไปบริจาคเลือดมา เขาก็รู้ว่าเราบริจาคเลือด ทุกๆอย่างเราเริ่มดีขึ้น เสียงเริ่มกลับมา ภาพเริ่มกลับมาแต่เรายังพูดไม่ได้ จนเข็นไปสักพักถึงตึกฉุกเฉินเราเริ่มพูดได้นิดหน่อย เหมือนไม่มีแรงจะพูดอะ ก็ยื่นบัตรประชาชนให้ไป ถามพี่ขอนั่งได้มั้ย เขาก็กลัวเราล้ม ไม่ให้ มีคนมาเจาะดูน้ำตาลในเลือดเราต่ำมาก เขาก็เข็นเราเข้าห้องฉุกเฉินบอกรอพบหมอ..

    นี่มันวันเหี้ยอะไรกัน!!


              เรารอสักพักคุณหมอก็มาถามอาการถามเรากินข้าวเช้ามั้ย กินขนมนมที่พี่ๆธนาคารเลือดให้รึป่าว กินน้ำเยอะมั้ย เราก็ตอบไปหมด ชั้นกินทุกอย่างเธอให้แล้ว แม้ว่าเธอทำเหมือนกับชั้นไม่กินอะไรเลย (แด่อาการเป็นลม) คุณหมอก็ให้รอไปถึงสิบเอ็ดโมง เราเป็นประมาณสิบโมงกว่าๆ ก็นอนรอ
     
          ระหว่างรอ ก็นอนหันไปมองคุณลุงข้างๆที่นอนกรนสนั่นหวั่นไหว หันมาอีกทางก็คุณป้า เลยโทรบอกแม่ แล้วก็ตีกับแม่นิดหน่อยถึงปานกลาง ลากยาวแค่ครึ่งชม โดยตีเสร็จวางสาย ตีเสร็จวางสายใส่กัน สักพักความขี้เผือกของเราก็เริ่มทำงาน มีคนมาหาคุณลุงเตียงข้างๆเรา หนึ่งคน สองคน ห้าคน... ได้เรื่องว่า คุณลุงเมาเกิดอุบัติเหตุรถชน คู่กรณี(มั้งนะ) เลยโทรติดต่อให้ญาติมารับ โอเค๊ done! เราก็นอนรอ สิบเอ็ดโมงครึ่งไม่มีใครปล่อยเราแม่ก็หาเราไม่เจอ ทะเลาะกันไปอีกสิบนาทีแบบมีโฆษณาคั่นกลาง (คุยเสร็จวาง ตีกันใหม่วาง ตีกันใหม่วาง อีหรอบเดิม) เราด็วยความหงุดหงิด โมโห ป่วย สงสารคนอื่น เพราะเตียงเริ่มยัดกันแล้ว แม่ก็ย่ังหาเราไม่เจอ เราเลยบอกพยาบาลว่าเราขอจัดการทุกอย่างเองได้มั้ย เค้าก็มาวัดความดันเราครั้งสุดท้าย ตอนนั้นอยู่ที่ 90/50 เราก็ไปจ่ายเงิน แล้วก็บอกแม่ว่าอยู่ตรงนี้ แม่ก็มารับ

           เราหิวเลยชวนแม่ไปหาอะไรกิน ก่อนกินเราก็ไปซื้อแดงมะนาวโซดามา (อร่อยมากค่ะ ชอบ) เพราะกลัวเป็นลมอีก เราก็เลือกกินสุกี้ แต่กระนั้นก็ยังมีเรื่องซวยตามมาไม่เลิก (บุญเก่าใช้หมดไปแล้วแน่ๆค่ะ) ด้วยความชอบน้ำจิ้มมากๆ จึงตักไปสี่ช้อน และกำลังจะตักช้อนที่ห้า พระเจ้า ชั้นเห็นแมลงวันตัวนึง นี่มันวันอะไรวะ! ไม่ไหวแล้วเว้ย! นี่ต้องทนสายตารอบข้างมองตั้งกี่คู่ ทำไมนะเหรอ? เพราะสภาพเราเหมือนคนขาดยามาก ขอบตาดำมาก ตัวซีดๆ ปากซีดๆ เดินไปทางไหนมีแต่คนมอง! ตอนแรกคิดว่าสวย แต่ว่าไม่น่าจะใช่ แม่ก็ไปเดินซื้อของเข้าหอให้เรา เราก็นั่งกินคนเดียว พร้อมกับสายตาหลายคู่ (หนูไม่ได้ติดยาาาา หนูไม่จำบายยย) แม่มา เราก็เล่าถึงความผีที่เจอวันนี้ ไม่กงไม่กินแล่วววว แม่บอกจะไปร้านขนมจีนน้ำเงี้ยว(ที่เราชอบมาก รงจากแม่ทำ) เราได้แต่นั่งมอง มันไม่ไหวอะ อยากกินมากๆแต่เหมือนร่างกายไม่เป็นใจ เหนื่อยๆเนือยๆ เหมือนง่วงตลอด แต่ก็ไม่กล้างีบ กลัวเป็นลมอีก 


           แล้วพอกลับมาบ้านเราก็หิวอีก เพราะกินสุกี้ไปแค่นิดเดียว อยากกินส้มตำ หลังจากอาการดีขึ้นเลยขอหน่อยเถอะ คราวนี้อร่อย และกินหมด แต่วันก็ยังไม่จบ เรานอนเปื่อยๆเล่นกับหมาที่พื้น แม่นั่งโซฟาอยู่ จะปั่นหูหมาน้อย แล้วทำโหลที่ใส่ไม้ปั่นหูตก เศษแก้วกระเด็นเข้าหูเราด้วย T^T ชิิ้นใหญ่มาก แต่ไม่ได้บาดหู (ดีนะ ไม่งั้นเข้ารอบที่สามแน่ๆ) จนถึงตอนนี้ นั่งดราฟข้อมูล 10:09 น. ความซวยก็ยังไม่ยอมปล่อยเราไปที่ชอบๆ เรากำลังงมหาแว่น แล้วก็ทับ แกร็ก! ขาแว่นหักสองข้าง ขอบคุณพระเจ้าที่รักหนูขนาดนี้ ขอบคุณค่ะ (ปาดน้ำตา) ไปละ เดี๋ยวมันจะมีเลวร้ายกว่านี้อีก ขอไปนอนก่อน ไม่ไหวแล้ว ขอให้วันเหี้ยๆจบเพียงเท่านี้เทอญ 

    ปล. อยากเชิญชวนทุกคนไปบริจาคเลือดนะคะ อย่างน้อยเลือกเราก็ได้ช่วยคนตั้งหลายคน (สามคนก็ถือว่าเยอะน้า) เพราะชีวิตทุกคนก็มีค่ากันหมดเนอะ อีกอย่าง ถ้าร่างกายทุกคนพร้อมจริงๆ และดวงไม่ซวยจริงๆเหมือนเรา ทุกอย่างน่าจะผ่านไปด้วยดี เพราะเพื่อนเราแค่แขนชาหน่อยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ยังไงก็ลองไปนะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in