เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Review all Benedict's work» | F D z | «
ว่ากันว่าเรื่องราวของ Sherlock

  • อีกไม่นานซีรีส์ Sherlock Season 4 ก็ใกล้จะออนแอร์แล้ว (เวลา 3.30 am ของวันที่ 2 มกราคม 2017 ของบ้านเรา) และไม่น่าแปลกใจที่กระแสของ #Sherlock จะกลับมาบูมอีกครั้งในช่วงนี้ 

    หากให้เราท้าวความการรอคอยของ Sherlockian อย่างเราๆ จริงๆต้องบอกว่าระยะเวลาการออนแอร์ของซีรีส์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ต้องใช้ใจในการรอคอยมาก (555+) ซึ่ง Gap ของแต่ละซีซั่นจะมาแบบคงที่ โดยแต่ละซีซั่นจะห่างประมาณ 2 ปี

    Sherlock BBC's Timeline

    Sherlock Season 1: 2010
    v
    Sherlock Season 2: 2012
    v
    Sherlock Special: Many Happy Returns - 2013
    v
    Sherlock Season 3: 2014
    v
    Sherlock Special: The Abominable Bride - Early 2016
    v
    Sherlock Season 4: Early 2017

    *** เอาเข้าจริงตัวซีซั่นที่ 4 ให้ gap ยาวขึ้นมาเป็น 3 ปี เป็นเพราะพวกเบเนดิกต์กับมาร์ตินติดงาน ***

    แต่เชื่อไหมว่า... ต่อให้เหล่าแฟนด้อมรู้ว่าระยะเวลาการรอคอยซีซั่นใหม่ของซีรีส์เรื่องนี้นานแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงเฝ้ารอคอยอย่างไม่ลดละ ต่อให้มีเพียงแค่ข่าวหรือบทความเล็กๆ ทุกคนก็จะกระโดดโล้ดเต้นดีใจเหมือนว่ารู้เวลาออนแอร์ซีซั่นใหม่กันแล้วแบบนั้น (เราก็เป็น 5555555)

    เอาละ เวิ่นเว้อมานานละ เข้าเรื่องกันสักที

    ก่อนที่จะมารับชมกันอีกครั้ง เรามาย้อนความหลังกับซีรีส์เรื่องนี้ดีกว่า...
  • Sherlock Season 1 : นักสืบสุดซึนกับหมอทหารขาเฮ้ว



    เรื่องราวของเชอร์ล็อคในซีซั่นนี้ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการพบกันครั้งแรกของชายโสดทั้งสอง (?) ไม่ๆ... คือเรื่องราวในนี้จะเป็นการพบกันของ Sherlock Holmes นักสืบเอกชนที่นิยามตนเองว่าเขาเป็นที่ปรึกษาให้กับเหล่าตำรวจใน Scotland Yard กับอดีตแพทย์ทหาร Doctor John Watson ที่เพิ่งกลับมาจากสงครามเพราะว่าเขามีปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย (ต้องบอกว่าด้านจิตใจเสียมากกว่า)

    แรกเริ่มที่ทำให้ทั้งสองมาเจอกันนั้นก็เป็นเพราะทั้งคู่ต่างอยากหาแฟลทเมทมาช่วยแชร์ค่าห้อง แต่เจ้ากรรมที่จอห์น (หมอวัตสัน) ดันมีเพื่อนที่บอกว่าเขาเองก็กำลังหาแฟลตเมทให้คนที่เขารู้จักอยู่เช่นกัน

    จากตอนแรกที่จอห์นคิดว่าแฟลทเมตที่เขาจะไปพบหน้าค่าตากันครั้งแรกน่าจะเป็นคนปกติ (...) แบบคนทั่วไป กลับกลายเป็นนักสืบหนุ่มสายแร็พที่รู้ทุกอย่างราวกับว่าเป็นอับดุล (จริงๆคือเป็นคนที่สังเกตรายละเอียดต่างๆได้ดีและมีความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆที่ได้รับพร้อมกับข้อมูลที่มีประโยชน์ในหัว และเขาอธิบายมันว่าสิ่งที่เขาทำไปคือ 'การอนุมาน') 

    การพบกันของทั้งสองฝ่ายนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก (เร็วแบบแร็พนั่นแหละ) และอีกฝ่ายอย่างเชอร์ล็อคก็กลับชอบและตกลงที่จะให้จอห์นเป็นแฟลตเมทร่วมแชร์ค่าห้องด้วยอีก (โดยไม่ถามหมอสักคำ) เลยทำให้ท้ายสุดจอห์นก็เลยมาลงเอยโดยมาอยู่ร่วมกับเชอร์ล็อคแบบงงๆ โดยที่จอห์นเองก็ยังไม่รู้อะไรสักคำว่าอีกคนชื่ออะไร

    แต่ในช่วงขณะเดียวกันก็เกิดคดีฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่องเกิดขึ้น และเพราะเรื่องนี้เองเลยทำให้แฟลตเมทสองคนนี้รู้จักกันและกันมากขึ้น และทำให้จอห์นรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วอาการป่วยของเขามันไม่ได้มาจากร่างกายเลย แต่มาจากจิตใจที่เขาสร้างขึ้นมาเองต่างหาก เขายังคงถวิลหาความตื่นเต้นในการใช้ชีวิตเพียงเท่านั้น และคนที่ทำให้อาการนั้นหายไปได้ก็คือเชอร์ล็อค (แม้เจ้าตัวจะรู้แค่ว่าอีกคนนั้นเป็นแค่อดีตหมอทหารในตอนแรกก็เหอะ 55555)

    โดยหากให้สรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นของแต่ละตอนก็จะเป็นดังนี้

    A Study in Pink

    การพบกันครั้งแรกของคู่หูยอดนักสืบที่ต้องมาสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องร่วมกัน และยังเป็นการเผยความลับแรกว่าแท้จริงแล้วคดีต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นมีบุคคลนิรนาม นามว่า 'Moriary' อยู่เบื้องหลัง

    The Blind Banker

    ยามใดเงินหมดกระเป๋า ยามนั้นก็ออกไปซื้อนมไม่ได้ (ไม่ใช่) เป็นการสืบคดีครั้งถัดมาของทั้งสอง ที่ท้ายสุดทำให้พวกเขารู้อีกว่า เรื่องราวที่เกิดก็กลับไปเชื่อมโยงกับบุคคลนิรนามที่ชื่อว่า 'มอริอาร์ตี้' อีกครั้ง ผ่านเรื่องราวของคดีสัญลักษณ์ประหลาดที่เริ่มต้นที่มีสัญลักษณ์ประหลาดที่ถูกพ่นไปทั่วในแต่ละที่ๆเกี่ยวข้องกับคนแต่ละคนที่คนร้ายหมายหัวไว้ 

    The Great Game


    (แนะนำว่าให้เปิดเพลงนี้ประกอบไปด้วย)

    เมื่อเชอร์ล็อคและจอห์นล่วงรู้แล้ว่าคนที่พวกเขาต่อกรด้วยนั้นไม่ใช่คนธรรมดา นั่นเลยทำให้อีกฝ่ายก็เลยอยากเล่นเกมสนุกๆด้วย แต่มันกลับต้องนำชีวิตของคนหลายคนมาแขวนไว้กับเกมสนุกๆนี้ และทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วแผนของมอริอาร์ตี้ไม่ได้แค่ต้องการให้มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น แต่ความจริงแล้วเขาต้องการสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น

    และเมื่อคุณดูจนจบคุณก็จะบ่นว่า

    ....................ให้ตายเหอะ... เมื่อไหร่ซีซั่นที่ 2 จะมา....................


  • Sherlock Season 2: You jump, I JUMP! 

    หลังจากที่อารมณ์ค้างไปเกือบ 2 ปี พวกเขาก็กลับมาใหม่ โดยที่ยังคงอยู่ในเหตุการณ์เดิม ทั้งสองต่างเล่นแง่กันไปมา แต่ท้ายสุดทุกอย่างก็จบลงด้วยดีและเกิดคดีวุ่นวายเรื่องใหม่ขึ้น (แต่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงถึงมอริอาร์ตี้ในบางคดี)

    และตอนท้ายของซีซั่นนี้ พีคกว่าซีซั่น 1 ก่อนหน้าเยอะมากกกกกกกกกกกก (ก แบบ lim ลู่เข้าสู่ 0)


    A Scandal in Belgravia


    เมื่อราชวงศ์ถูก Blackmail นั่นก็เลยต้องทำให้สองคู่หูมารับคดีแบบฉุกละหุกโดยที่หารู้ไม่ว่ามันก็เกี่ยวข้องกับมอริอาร์ตี้อีกครั้ง (ซึ่งความดีงามของตอนนี้ก็คงไม่พ้น Sherlock in Sheet นี่แหละ

    ตอนนี้ทำให้เราทราบว่า ถึงแม้เชอร์ล็อคจะดูเป็นมนุษย์ไร้ความรู้สึก ไม่สนใจที่จะมีใคร แต่กลับมีคนๆหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกสับสนและสนใจ

    เอาละ เด็กชายเชอร์ล็อคเริ่มสนใจใครบางคนบ้างแล้ว... แต่จะเท่าจอห์นหรือเปล่าก็ว่ากันไป----

    The Hounds of Baskerville 

    ในตอนนี้เราจะได้เห็นถึงความกลัวในจิตใจมนุษย์ต่อสิ่งที่พวกเขาจินตนาการขึ้น (เหมือนคนทีกลัวผีแต่ไม่เคยเห็นผีนั่นแหละ) และตอนนี้ทำให้เราเห็นว่าคำพูดบางคำพูดอาจทำให้ความรู้สึกหรือมิตรภาพจบลงโดยไม่ตั้งใจก็ได้


    เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความทะเยอทะยานของบุคคลหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของใครบางคน (รวมทั้งครอบครัว) ต้องพังลง และทำให้เราได้เห็นว่าความหวาดกลัวของแต่ละคนนั้นเป็นเช่นไร

    (แต่สำหรับเชอร์ล็อคความกลัวนั้นเป็นสิ่งที่สมองสร้างขึ้น ทุกอย่างมันต้องมีเหตุและผลละน่า)

    ปล. ตอนนี้น่ารักค่ะ 555

    The Reichenbach Fall

    เมื่อทุกคนรู้ความจริงและรู้ว่ามอริอาร์ตี้คือคนที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องราวก็เหมือนจะจบลงอย่าง Happy Ending...

    แต่ขอโทษค่ะ นั่นมันไม่เลย...

    เมื่อคนฉลาดอย่างมอริอาร์ตี้รู้ว่าตัวเองกำลังโดนอีกฝ่ายอย่างเชอร์ล็อคเล่นงาน มีหรือที่เขาจะไม่ตอบโต้ และการตอบโต้ของเขานั้นก็ทำให้ชีวิตธรรมดามๆของเชอร์ล็อคต้องพังทลายลง รวมทั้งยังทำให้จอห์นกลับไปอยู่ในห้วงเวลาเดิมๆอีกครั้ง

    เอาเป็นว่า ตอนนี้พีคสุดแล้วจริงๆค่ะ...

  • Sherlock Special: Many Happy Returns , เชอร์ล็อค... นายมัน

    หลังจากเหตุการณ์การตายของเชอร์ล็อคแพร่สะพัดและผ่านไปนานหลายเดือน ก็ยังมีคนที่ทำใจได้และไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจอห์นค่ะ โดยเหตุการณ์มันเริ่มมาจากที่จอห์นได้รับของส่วนตัวของเชอร์ล็อค ซึ่งมันมีแผ่นซีดีที่มีคลิปหนึ่ง ซึ่งเป็นคลิปเก่าๆของเชอร์ล็อคที่บอกสุขสันต์วันเกิดให้แก่เขา

    แม้ตอนพิเศษนี้จะสั้น แต่ก็แก้คิดถึงได้เยอะเลยค่ะ 

  • Sherlock Season 3: อยากจะบอกอะไรก็บอกๆไปนะเชอร์ล็อค

    เป็นซีซั่นที่เริ่มเข้าสู่ความดาร์คอย่างแท้จริง และซีซั่นนี้เราก็จะได้เจอวายรายคนใหม่ นั่นคือพี่ชายของฮันนิบาล เลคเตอร์... (ไม่ใช่) คือ Charles Magnussen (รับบทโดย ลาส มิคเคิลเซ่น)

    อย่างเรื่องราวในซีซั่นนี้จะต่างจากซีซั่นก่อนๆตรงที่เราได้ทราบหน้าค่าตาของคู่ปรับของเชอร์ล็อคตั้งแต่ต้นซีซั่น และในซีซั่นนี้เราก็จะได้ทราบว่าเชอร์ล็อคกลับมาได้อย่างไร และเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับตัวละครบ้าง

    The Empty Hearse

    เป็นการบอกถึงการกลับมาของเชอร์ล็อค รวมทั้งยังทำให้เราได้รู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาคนรอบตัวเขารู้สึกเศร้ามากแค่ไหนกับการจากไปของเขา แม้แต่จอห์นเองก็เช่นกัน

    เรื่องราวในตอนนี้จะเป็นการหา Weakness ของแต่ละคน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ชาร์ลถนัดและเป็นสิ่งที่เชอร์ล็อคต้องมาต่อกรกับชาร์ลได้ยากเอามากๆ

    ในตอนนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวคนรักของจอห์นอย่าง Mary Morstan ได้อย่างน่ารัก (และแมรี่ก็เป็นสาววายที่พร้อมให้จอห์นออกไปตะลุยดุ่ยๆกับเชอร์ล็อคได้ตลอดเวลา)



    The Sign of Three

    จากการหาคู่ด้วยการเดทกับหญิงสาวมาตลอดตั้งแต่ซีซั่น 1 ตอนนี้หมอได้แต่งงานแล้วค่ะ (555555) ในตอนนี้เราจะได้เห็นความเมาปลิ้นของคู่หู่นักสืบ และยังได้สืบคดีบางอย่างที่ดันมาเกี่ยวข้องกับงานแต่งงานของจอห์นและแมรี่ได้

    แม้เบื้องหน้าจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น เบื้องหลังนั้นวายร้ายอย่างชาร์ลก็ยังคงตามเล่นงานคนอื่นๆด้วยการ Blackmail ต่อไป

    แต่ก็นะ มันจะมีอะไรพีคไปยิ่งกว่าที่จอห์นเปิดประตูเข้า 221B มาแล้วเจอผู้หญิงอยู่ในห้องของเชอร์ล็อคล่ะ และมันจะมีอะไรที่น่าเศร้าใจเทียบเท่ากับการที่ได้เห็นเชอร์ล็อคเดินออกมาจากงานแต่งของจอห์นอย่างโดดเดี่ยว



    His Last Vow

    เมื่อจุดอ่อนของเชอร์ล็อคถูกค้นพบ และเรื่องราวในอดีตของแมรี่ถูกเปิดโปง ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

    แมรี่รอเวลามานานกว่าจะได้ลงมือเพื่อที่จะจบชีวิตของชาร์ล ซึ่งมันกลับตรงกับที่เชอร์ล็อคได้รับรู้ว่าอดีตที่แท้จริงของแมรีเป็นเช่นไร

    ในตอนนี้จะมีความหน่วงด้านอารมณ์เล็กๆ ทั้งจอห์นที่ได้รู้ความจริงว่าใครทำร้ายเพื่อนของเขา เชอร์ล็อคที่พยายามปกป้องและแบกรับทุกอย่างไว้โดยที่ยอมสละชีวิตที่เหลือเพื่อให้เพื่อนรักของเขามีความสุขในตอนท้าย และพี่ชายอย่างไมครอฟท์แม้จะดูปากร้าย แต่เขาก็รักน้องชายของเขาสุดใจ

    จะว่าไป...ท้ายของตอนนี้มีประโยคบอกรักแบบไม่มีคำว่ารักเพิ่มขึ้นมาบนโลกด้วยละค่ะ


  • Sherlock Special: The Abominable Bride, ย้อนเวลากลับไป... (หรอ?)

    เป็นตอนที่ถือว่ากลับมาในช่วงที่ซีรีส์เรื่องนี้ควรจะเป็น (ยุควิคทอเรียน) โดยการดำเนินเรื่องของตอนนี้จะเกี่ยวกับคดีๆหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงยุคนั้น และตัวละครทั้งหมดก็ย้อนยุคกลับไป

    แม้ว่าเรื่องราวจะย้อนกลับไปมากแค่ไหน เชอร์ล็อคก็ยังคงมีคู่ปรับคนเดิมตลอดกาล นั่นคือ มอริอาร์ตี้

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นมีคนถูกฆาตกรรมโดยหญิงสาวที่ใครต่อใครต่างออกปากว่าได้ตายไปแล้ว นั่นเลยทำให้คู่หูนักสืบต้องมาสืบคดีว่าแท้จริงเรื่องราวเป็นอย่างไร


  • เอาล่ะ จริงๆเราเองก็อยากเขียนให้ละเอียดมากขึ้นกว่านี้เหมือนกัน แต่กลัวว่าเขียนลงลึกรายละเอียดมากเกินไปจะทำให้เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ชมเต็มๆ กลับไปชมเนื้อเรื่องในซีซั่นเก่าๆไม่สนุก

    อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนมีความสุขและเอนจอยกับซีซั่นใหม่ที่จะมานี้นะคะ

    ปล. หากมีเวลาลองไล่ชมตอนเก่าๆก็ดีนะ เพราะมอฟติสบอกว่าเนื้อเรื่องจะโยงกลับไปหาซีซั่นเก่าๆถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เรามองข้ามไปนะเออ

    // รู้สึกเผาเต่ามาก เพราะเริ่มเขียนในเวลา 4 ทุ่มกว่าๆแล้วซีรีส์จะมาตอนตี 3.30

    สัญญาว่างวดหน้าจะเขียนให้เรียบร้อยกว่านี้เน้อ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in