การท่องเที่ยวเชิงตะลึง! 'ทัวร์จีนปะทะทัวร์ไทย'ใครพีคแค่ไหน ถามใจตัวเองดู?

เราอยู่ในยุคที่การเดินทางท่องเที่ยวทำได้ง่ายแสนง่ายพอ ๆ กับปอกกล้วยเข้าปาก สารพัดโปรโมชันแข่งกันถูกจากสายการบินโลว์คอสท์ (ที่บางทีนักบินก็ประท้วงผู้บริหาร ผู้บริหารก็ออกมาจิกนักบินบ้าง เก๋ ๆ ) ไหนจะอินเตอร์เน็ตที่กว้างไกลยิ่งทำให้อะไร ๆ ก็จองง่าย จองเร็ว จองสะดวก รีวิวก็ดี๊ดีล่อตาล่อใจเหลือเกิน ไม่แปลกจริง ๆ ที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศนั้นประเทศนี้เข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก พอ ๆ กับที่นักท่องเที่ยวไทยโกอินเตอร์ไกลไปทั่วโลก

แต่ที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดช่วงนี้คงหนีไม่พ้นนักท่องเที่ยวชาวจีน (แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคนซะหน่อยนา) มินิมอร์เลยชวนมาถามใจตัวเองดูว่าอะไรระหว่างเที่ยวแบบไทย ๆ ปะทะเที่ยวแบบจีน ๆ ใครจะพีคกว่ากัน


1.ฝากลายมือเอาไว้บนกำแพงเก่า 3,000 ปี Vs. ฝากอินสตาแกรมไว้บนหลักกิโล 



ตกตะลึงกันไปทั่วโลกเมื่อเด็กน้อยชาวจีนวัย 15 ปี (โอเค ไม่เด็กน้อยมาก แต่ก็ถือว่าเป็นเด็กอยู่เนอะ) อวดการคัดตัวจีนอย่างงดงาม (เอ่อ ใช่หรอ) บนแผ่นผนังหินทรายที่มีอักษรภาพยุคไอยคุปต์ อายุกว่า 3,000 ปี ที่วิหารเมืองลุกซอร์  ประเทศอียิปต์

ข้อความก็บ้าน ๆ เขียนประกาศว่าตัวเองได้มาเยือนที่นี่แล้ว (อารมณ์ไปเขียนโต๊ะเพื่อน ป.6 ห้องข้าง ๆ ว่าสมศรีมาเยือนแล้วนะแกอะไรทำนองนั้น) ความพีคก็คือชาวเน็ตจีนเองนี่แหละที่เขาไปควานหาเด็กชายมือบอนที่สุดในประวัติศาสตร์เจอ จนโดนเพื่อนร่วมชาติรุมประณามยกใหญ่ ร้อนถึงพ่อแม่ต้องออกมาขอโทษรัว ๆ (หูยย ถ้าเขาตามตัวกันไม่เจอนี่ก็ไม่รู้สึกหรอว่าที่ตัวเองทำมันไม่โอเค)

ตัดภาพกลับมาที่...





แม้จะไม่ใช่กำแพงอายุหลายพันปี แต่นักท่องเที่ยวไทยก็อยากจารึกไว้บ้างเหมือนกัน แถมไม่ได้บอกแค่ชื่ออะไรมาเยือนเท่านั้น แต่เล่นบอกครบทั้งชื่อ นามสกุล พร้อมฝากอินสตาแกรมลงวันที่ให้เสร็จสรรพ

แถมยังเสนอไอเดียเก๋ ๆ ด้วยล่ะ ว่าไหน ๆ ก็มีแต่คนชอบเขียนแล้ว ทำไมไม่สร้างหลักกิโล อันใหญ่ ๆ ไว้ให้คนเขียนไปเลยล่ะ!? (สงสัยนักร้องชื่อดังของเราจะคิดว่าสถานที่ท่องเที่ยวคือกระทู้พันทิป นึกอยากจะเขียนอะไรก็เขียน นึกจะฝากอินสตาแกรมอะไรก็ฝาก โถ)

2. ยิ่งกว่าเคมเปญเดอะเฟซ ปีนกำแพงเมือง ถ่ายรูปกับเพนกวิน โพสท่ากับโลมา Vs. ซากุระจ๋าขอโน้มกิ่งลงมาถ่ายใกล้ ๆ หน่อยนะ


ใคร ๆ ก็ชอบถ่ายรูป ยิ่งได้ไปดู ไปรู้ ไปเห็นอะไรในต่างแดน ก็คันไม้คันมืออยากถ่ายรูปมาอวดเพื่อน ๆ ชาวโซเชียลแคมกับเขาบ้าง (อันนี้ก็เป็นกันหมดแหละ เข้าใจ ๆ) แต่สกิลในการอยากถ่ายรูปจนทำลายทรัพยากรมันต่างกันจ้ะ

พี่ ๆ นักท่องเที่ยวจีน (บางคน) เขาก็พีคขั้นสุด กำแพงเมืองเชียงใหม่ที่ว่าแน่ก็ปีนขึ้นไปถ่ายรูปมาแล้ว (ต่อให้มีป้ายติดชัดเจนก็เถอะว่าห้ามปีนป่าย)



ยังไม่พอเพราะนักท่องเที่ยวจีนผู้มีอันจะกินเขานิยมไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งไกลกันถึงขั้วโลกใต้ ถ่ายไปก็อยากได้เพนกวินมาเป็นพร็อบ ก็มีวิ่งตามบ้างอะไรบ้าง จนนักอนุรักษ์ต้องออกมาเอ่ยปากเตือนว่า ไม่เอานะพวกเธอ อย่าไปใกล้เพนกวินมันมาก 

โลมาเกยตื้นพี่ ๆ เขาก็ไม่หวั่น ขออุ้มมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ซะหน่อย (โอ๊ยย ไม่กลัวมันตายเลยเนอะพี่เนอะ)



ตัดภาพกลับมาที่...


เป็นดราม่าสุดร้อนแรงเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อหนุ่ม ๆ สาว ๆ ดารานักแสดงจากเมืองไทยไปโน้มกิ่งซากุระที่ญี่ปุ่น ลงมาถ่ายรูปแบบเก๋ ๆ บางคนก็ทักว่าตามมารยาทเขาห้ามแตะต้องกิ่งซากุระเลยนะแก ในขณะที่บางคนก็ออกมาบอกว่า โห มารยาทอะไร คนญี่ปุ่นยังโน้มกิ่งมาถ่ายเลย (คนอื่นผิดเราก็ไม่ต้องผิดตามเขาก็ได้มั้ง)

เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเมื่อสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นออกมาโพสต์กฎระเบียบ และมารยาทในการชมดอกซากุระเอาไว้ โดยข้อหนึ่งในนั้นก็คือไม่เด็ด หรือจับกิ่งซากุระจากต้นนะจ๊ะเด็ก ๆ

3.โห ทัวร์จีนมาทำลายบรรยากาศใน มช. หมดเลย Vs. เฮ้ยย ทุ่งหญ้าข้างทางชาวไทยก็ทำพังได้นะ


สถานที่ยอดฮิตติดอันดับของนักท่องเที่ยวจีนอีกแห่งคงหนีไม่พ้นจังหวัดเชียงใหม่ โดยกระแสแรกเริ่มเดิมทีก็มาจากหนังจีนเรื่อง Lost in Thailand (หนังตั้งแต่ปี 2013 นู่นแหนะ) ที่ถ่ายทำที่จังหวัดเชียงใหม่นี่แหละ ชาวจีนเลยพากันสนอกสนใจมาสัมผัสเสน่ห์แบบเมืองเหนือกันเพียบ (มาเพียบจนล้นจังหวัดจริง ๆ แฮะ)


มาไม่มาเปล่าพี่ ๆ ชาวจีนยังพากันบุกมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนในโรงอาหารที่เคยมีไว้บริการบุคลากรในมหาวิทยาลัยไม่พอ แถมยังไปกางเต๊นท์นอนบริเวณอ่างแก้ว (อ่างเก็บน้ำบรรยากาศชวนฟินภายในมหาวิทยาลัย) เรียกได้ว่าพี่ ๆ นักท่องเที่ยวจีนบุกที มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ราบเป็นหน้ากลองเลยทีเดียว

ตัดภาพกลับมาที่...


ทุ่งหญ้าแสนสวยย่านเกษตร นวมินทร์ ที่ถูกเผยโฉมลงบนโซเชียลมีเดียได้ไม่กี่อึดใจ คนก็แชร์กันสนั่นหวั่นไหว ด้วยความที่เป็นสถานที่ในกรุงขนาดนี้ แค่แชร์ก็ไม่พอหรอกจ้ะ สายฮิปต้องไปตามถ่ายรูปกันด้วย ชั่วข้ามคืนทุ่งหญ้าแสนสวยจึงเต็มไปด้วยเศษขยะอย่างที่เห็น หูยย เห็นมั้ยล่ะจ๊ะไทยหรือจีนถ้าขาดความรับผิดชอบต่อแหล่งท่องเที่ยว ผลก็ออกมาเละตุ้มเป๊ะเหมือนกันนี่แหละ 

4. แผลงฤทธิ์จนวัดร่องขุ่นห้ามเข้า Vs. เหยียบทำลายสวนเขาจนต้องโละแลนด์มาร์คทิ้ง


ได้ไปเยือนเชียงรายทั้งที สถานที่แห่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้แน่ ๆ คือวัดร่องขุ่น โหยย คนไทยยังไม่อยากพลาดเลย แล้วชาวจีนจะพลาดได้ยังไงล่ะ

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว มารยาทการใช้ห้องน้ำของนักท่องเที่ยวชาวจีนบางกลุ่ม  ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยถึงกับปรี๊ดแตก ก็เล่นขับถ่ายแล้วไม่ราดบ้างล่ะ (เจ๊จะรอให้ใครมาราดให้เจ๊เนี่ย)  ทิ้งกระดาษชำระใช้แล้วลงในถังน้ำบ้างล่ะ (คุณพระ คิดจำทำเกี๊ยวน้ำหรืออะไร) จนอาจารย์เฉลิมชัยแกถึงกับต้องประกาศก้องว่า มันคือศิลปะ! (ไม่ใช่ว้อยย) อาจารย์ถึงกับต้องประกาศปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าชมวัดร่องขุ่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เลยทีเดียว

อ่ะ เผื่อว่าบางขั้นตอนมินิมอร์มีความสามารถในการเล่าไม่เข้าถึงอารมณ์ศิลปะ ไปฟังอาจารย์เล่าเอง!

เนี่ย ๆ ดูสินักท่องเที่ยวจีนทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยอ่ะแก ไม่เคารพสถานที่เลยอาจารย์เขาอุตส่าห์สร้างวัดสวย ๆ ให้เราดู

ตัดภาพกลับมาที่นักท่องเที่ยวไทย เราก็ไม่ได้น้อยหน้าเขาแต่อย่างใด เมื่อเราบุกฮอกไกโดจนเขาต้องตัดต้นไม้ที่เป็นแลนด์มาร์คเจ้าปัญหาทิ้ง คุณพระ!


ถึงจะไม่ได้วิจิตรงดงามเหมือนวัดร่องขุ่น แต่เจ้าต้นไม้ (tree of philosophy) ที่เห็นในภาพก็เป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ถ้าใครได้ไปฮอกไกโดก็ต้องแวะไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย 

อ่ะ ถ้าถ่ายบนถนนไกล ๆ แบบนี้ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะถ้าลงไปถ่ายใกล้ถึงต้นไม้มันก็จะสร้างความเสียหายกับพืชผลของคนในพื้นที่ได้ แม้ป้ายจะติดชัดเจนมาตลอดว่า ห้ามเข้าไปถ่ายรูปนะ แต่ก็ไม่วายมีคนย่ำฝ่าเข้าไปถ่ายรูปถึงต้นไม้อยู่ดี! (โอ๊ย อะไรจะขนาดนั้นอ่ะ)

เจ้าของที่ดินตรงนั้นเลยตัดสินใจตัดต้นไม้ทิ้งเพราะเพื่อนที่ปลูกพืชอยู่รอบ ๆ ทนไม่ไหว ความพีคคือตอนเจ้าของที่ดินให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่านักท่องเที่ยวชาติหนึ่งที่มักบุกเข้าไปถ่ายรูปก็คือ แทมทะดะแดมแทมแถ่ม แถ่มแทมแท้มมมม คนไทยนี่เองจ้ะ! (แหม่ ทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ ด้วยแฮะ)

5.นักท่องเที่ยวจีนตากเสื้อใน Vs. นักท่องเที่ยวไทยแอบขึ้นรถไฟญี่ปุ่น


แหม เดินทางตั้งหลายวันบางที่เสื้อใน กางเกงในมันก็ไม่พออ่ะแก จะซักก็ดันแห้งไม่ทัน อาหมวยชาวจีนเลยควักชุดชั้นในทั้งหลายมาผึ่งรับลมตอนที่นั่งอยู่ในสนามบินเชียงใหม่ซะเลย ทันทีที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป กบางคนก็บอก แค่ตากเสื้อในกางเกงในเอง ชิล ๆ ในขณะที่บางคนก็บอกว่าบ้าหรอ งี้ใครจะเอาอะไรมาพาดเต็มสนามบินไปหมดก็ได้ดิ (เออ เนอะ ก็มีสำนึกเรื่องพื้นที่สาธารณะกันนิดนึง)

พีคกว่านี้มีอีกมั้ย ? เมื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยคนหนึ่งได้เข้าไปตั้งกระทู้ในเว็บไซต์สังคมคุณภาพเพื่อรีวิวประสบการณ์ แอบขึ้นรถไฟในญี่ปุ่น (เอ่อ เดี๋ยวนะ ของแบบนี้ต้องอวดด้วยหรอแก) ความภาคภูมิใจคือนางเล่าว่าครอบครัวของนางได้แอบขึ้นรถไฟในญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีตั๋วโดยสาร เพราะตั๋วเต็มหมดแล้ว ไม่อยากรอนานและอากาศก็หนาวด้วย ตอนแอบขึ้นนี่ดี๊ดีนะ วิวก็สวย บลา ๆ ๆ (โอ้โห แบบนี้ก็มีแฮะ)


หนึ่งในประเทศยอดฮิตที่เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวคงหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น พิษรักจากนักท่องเที่ยวจึงไม่ใช่แค่ไทยที่ต้องประสบอยู่เป็นประจำ ญี่ปุ่นนี่เค้าเดือดร้อนไปทั้งประเทศ (แต่เขาก็ไม่ได้เจาะจงมานะ ว่าเป็นนักท่องเที่ยวจากที่ไหน แค่บอกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ)

เดือดร้อนจนประธานสมาคมการท่องเที่ยวเมืองเกียวโตต้องติดป้ายประกาศขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวไว้ทั่วเมือง ข้อห้ามก็ดูพื้น ๆ มาก (แต่ก็เนอะ บางคนก็อาจจะลืม ๆ ไป) เช่น ห้ามนั่งตามข้างถนนหรือบนรั้ว ห้ามเดินสูบบุหรี่ ห้ามเดินไปกินไป ห้ามทิ้งขยะเรี่ยราดโดยไม่คัดแยก ห้ามใช้ไม้เซลฟี่ในที่ที่คนเยอะ


อ่ะ อ่ะ อ่ะ ทั้งหมดที่เล่ามาก็ไม่ได้แปลว่านักท่องเที่ยวชาวจีนหรือชาวไทย (หรือจะชาวอะไรก็ตามแต่) ทั้งหมดจะมีพฤติกรรมแบบที่ว่ามานะ เพราะพฤติกรรมจากคนบางกลุ่ม คนบางคน จะไปเหมารวมว่าเป็นพฤติกรรมจากคนทั้งประเทศก็คงไม่ได้

แต่อย่างน้อย ๆ วีรกรรมสุดพีคเหล่านี้คงจะพอทำให้เราย้อนกลับมาถามใจตัวเองดูได้บ้างว่า เรากำลังเป็นนักท่องเที่ยวแบบที่เราไม่ชอบอยู่หรือเปล่า หรือนักท่องเที่ยวแบบไหนที่เรารู้สึกว่าไม่น่ารักเลย ถ้ามันเริ่มมีอะไรในตัวเราที่ส่อแววแล้ว จะได้เตรียมหยุดพฤติกรรมท่องเที่ยวที่ไม่น่ารักทั้งหลายตั้งแต่วันนี้ สถานที่เที่ยวสวย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแห่งใดบนโลกจะได้อยู่ให้เราเที่ยวไปนาน ๆ เนอะ


ที่มา: news.voicetv.co.thmanager.co.thprachachat.netmanager.co.th,news.sanook.com,thairath.co.th,dek-d.com,mthai.com,matichon.co.th,posttoday.com

ภาพ:posttoday.com,thaihottour.com,wellgousa.com,cnbc.com,gojapango.com