เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cherished Sins : Origin Storyw. wunderkammer
エスだけじゃ足りないよ、エルに変える私情。
  • エスだけじゃ足りないよ、エルに変える私情。

    Fandom : Cherished Sins

    OriginalPublisher : Dek-d or ReadAWrite

    Author : W. Wunderkammer

    Note : เนื้อเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Cherished Sins เป็นการกาวเนื้อเรื่องทิ้งไว้อาจจะนำมาใช้และ/หรือปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมได้เสมอในอนาคต

     

    “ผู้ชนะ คือ ผู้เขียนประวัติศาสตร์”

                                                                                                                        E.B.Philistia

     

                   นี่ ๆ ท่านปู่เล็กจะไปไหน ทำไมต้องไปด้วย” เสียงหวานใสของเด็กหญิงอายุห้าขวบกระตุกชายกระโปรงของชายหนุ่ม

                ท่านปู่เล็กของเธอหันหน้ากลับมา แสงแดดจากหน้าต่างสาดส่องจนใบหน้าของชายคนนี้ตกอยู่ในเงามืดเห็นเพียงเส้นผมสีทองเหมือนรวงข้าว เขาย่อตัวลงอุ้มเธอขึ้นอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน

                อิชน้อยอย่าร้องไห้สิคะ”

                อิชไม่ได้ร้องสักหน่อย ไม่ได้ร้อง ฮึก!” และเด็กหญิงก็เบะปากน้อย ๆ น้ำตาร่วงเผาะ ๆ ร้อนรนให้ท่านปู่เล็กของเธอรีบปลอบ

                แกล้งอะไรอิชอีกตาแก่”

                มาช ท่านปู่จะไม่อยู่กับพวกเราแล้ว” เธอรีบฟ้องน้องชายฝาแฝดของตัวเอง เด็กชายที่วิ่งแจ้นเข้ามาชะงัก เงยหน้ามองท่านปู่เล็ก เปลี่ยนท่าทีฉับไวไม่แพ้กัน แสดงสีหน้างอแงทั้งอยากลงไปดีดดิ้นบนพื้น แต่ก็อยากกอดขาท่านปู่เล็กไว้ไม่ปล่อยเช่นเดียวกัน ไม่ยอมไม่ยอม มาชไม่ยอมมม

                เอนลิล”

                ฝ่าบาท”

     

                   หญิงสาวสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาบนเตียงเมื่อฝันถึงความทรงจำเก่า ๆ เรือนผมหยักศกสีดำของเธอยาวถึงบั้นเอว ดวงหน้ารูปไข่ดวงตากลมสีเขียวมะกอกประดับแพรขนตาหนา จมูกโด่งเชิดรั้นบ่งบอกความยโสโอหัง และริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อสร้างความขัดแย้งทุกครั้งที่มอง ทั้งสวยบริสุทธิ์และยั่วยวนไปพร้อม ๆ กันราวกับปีศาจมากราคะ เรือนร่างเปลือยเปล่าเผยทรวดทรงองเอวเปรอะเปื้อนโลหิต ไม่ใกล้ไม่ไกลนักเป็นร่างของชายชราผู้น่าสงสารที่ตายตกใต้ฝีมือเธอ

                   “อ่อนจังเลยนะคะ นี่นะเหรอผู้รักษาป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุด” เธอหัวเราะคิกแย้มรอยยิ้มหยามหยัน หยิบผ้าป่านลินินบนพื้นขึ้นคลุมตัวตรงไปยังห้องอาบน้ำ

                   ริมฝีปากอวบอิ่มขยับขับขานเป็นท่วงทำนองเพลงน่าขนลุก “นกอันซูสองหัว หัวหนึ่งตัวผู้ หัวหนึ่งตัวเมีย กระพือปีกนำพาพายุ แลเห็นนั่นไหมปีกหนึ่งแบกความเศร้า ปีกหนึ่งแบกความสุข ท้ายที่สุดแล้วนกสองหัวเหลือเพียงหนึ่ง อีกหัวถูกกินไปแล้ว”

                   หญิงสาวทิ้งตัวลงแช่อ่างอาบน้ำ ขัดชำระผิวกายให้สะอาดหมดจด ทว่าเธอก็หยุดร้อง นัยน์ตาหรี่ลงเหลือบมองกรอบหน้าต่างที่แสงแดดยามเช้าตรู่กำลังสาดส่องเข้ามาภายในห้องถูกแขกไม่ได้รับเชิญบดบัง

                   “จัดการเรียบร้อยแล้ว?” เขาถาม

                   อิชแย้มรอยยิ้ม ขยับตัวเอนหลังพิงขอบอ่าง ใบหน้าเงยขึ้นสบสายตากับคู่สนทนาหญิงสาวไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าน้ำใสสะอาดทำให้มองเห็นเรือนร่างชัดเจน ให้พูดตามตรงคือทั้งเธอและเขาต่างไม่สนใจกฎข้อห้ามตามประเพณีอยู่แล้ว

                   “ใช่ ฝากจัดการที่เหลือต่อด้วย”

                   หญิงสาวลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ หยิบผ้าสะอาดข้างขอบอ่างซับหยดน้ำตามร่างกาย หันหลังให้กับชายคนนั้นที่เพียงแค่ชำเลืองสายตามองมา ไม่มีความรู้สึกหื่นกระหายปะปนอยู่ดวงตาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย มันราบเรียบราวกับว่าหญิงสาวเป็นเพียงกิ่งไม้แห้ง ๆ ที่ตายไปแล้ว ระหว่างแต่งกาย อิช บอกกล่าวสั้น ๆ

                   “ฉันจะไปเยรูซาเลม อยากลองเล่นสนุกกับแม่มดขาวสักหน่อย”

                   “แม่มดขาวคนนั้น...ชาวฮิตไทต์?”

                   “ใช่” เธอตอบ

     

                อิชน้อย ปู่ขอมอบ [เม] ไว้กับหลาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอิชน้อยคืออัศวินแห่งราชวงศ์รอยยิ้มของเอนลิลมีแต่ความขมขื่น สายตาทอดมองดาบที่เด็กหญิงตัวน้อยกอดแนบแน่น

                อิช’ มองดาบสลับกับเอนลิล สีหน้าของเด็กหญิงที่เคยร้องไห้กระจองอแงเมื่อหลายวันก่อนราบเรียบได้อย่างน่าทึ่งผิดแผกจากเด็กอายุห้าขวบทั่ว ๆ ไป

                “จงจำเอาไว้ว่าในโลกนี้แสงสว่างและความดีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถปกครองแผ่นดินให้สงบสุขได้ ดังนั้นหลานจงเป็นหอกดาบที่คอยทำเรื่องสกปรก กำจัดขวากหนามทั้งปวง จงเป็นเงามืดของปะเตซี เพื่อให้ปะเตซีได้ทำแต่คุณธรรมอันสูงส่งตลอดไป หลานจงเป็นแสงสว่างอันชั่วร้ายเลือดเย็นและอำมหิตที่สุด...เหมือนปู่”

                เธออยากแบะปากร้องไห้ แต่รู้ว่ามันเปล่าประโยชน์ เพราะขนาดท่านปู่ใหญ่ยังเปลี่ยนใจคนคนนี้ไม่ได้ แล้วในโลกนี้จะมีใครทำให้ท่านปู่เล็กเปลี่ยนใจได้อีก

                เอนลิลยกมือขึ้นโยกศีรษะของหลานสาว “ไม่ต้องห่วง ปู่จะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”

                ...ปู่เล็ก คนโกหก!

     

                   “นันนา เราไม่อยากไป”

                   อิช’ เงยหน้าสบสีหน้าหมองเศร้าของหญิงสาวที่กำลังถูกครอบครัวของตนเองส่งไปผูกสัมพันธ์ไมตรี เธอยกมือขึ้นกุมมือสตรีตรงหน้า เอ่ยคำพูดปลอบประโลม “อย่าทำสีหน้าเช่นนี้เลยเพคะ พระองค์เหมาะกับรอยยิ้ม หม่อมฉันเคยได้ยินมาว่ากษัตริย์ดาวิดทรงอ่อนโยนมากนะเพคะ”

                   หญิงสาวสามารถพลิกลิ้นเอ่ยตรงกันข้ามทั้งที่ในใจสาปแช่งเขาให้ตายไปหลายประโยคแล้ว เธอส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้...รอยยิ้มที่เธอฝึกมานาน

                   “องค์หญิงรักษาจารีตอย่างเคร่งครัดไม่เคยผ่านชายใด องค์กษัตริย์จะต้องทะนุถนอมพระองค์เป็นอย่างดีแน่นอนเพคะ”

                   บางครั้งเธอก็อยากหัวเราะหยามเหยียด คุณค่าของสตรีขึ้นอยู่กับเยื่อโง่ ๆ ในช่องคลอดงั้นเหรอ? แต่ในเมื่อเชื่อเรื่องนี้นัก เธอก็จะทำให้มันเป็นเรื่องจริงเอง!

                   สำหรับอิช ช่วงชีวิตที่ผ่านมาเธอได้พบทั้งความสูงส่งและตกต่ำ เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่เคยยึดมั่นแหลกสลายเพราะเศษเดนพวกนั้น เคยแม้กระทั่งถูกตีตรวนล่ามโซ่กลายเป็นทาส แต่ก็ยังกระเสือกกระสนดิ้นรนมีชีวิตอยู่ เธอเคยเชื่อ เคยกรีดร้องว่าสักวันท่านปู่เล็กจะกลับมา แต่มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อ [ความจริงของสัตตะกรรม] ถูกเปิดเผย

                   เขาฆ่าท่านปู่เล็กของเธอไปแล้ว

                   ต่อให้ต้องกลายเป็นปีศาจร้าย เธอก็จะลากพวกมันลงนรกไปพร้อมกับเธอ

                   อิช’ คนเดิมจากไปแล้ว จากเด็กหญิงตัวน้อยที่เติบโตขึ้นถูกเหตุการณ์ต่าง ๆ หล่อหลอมจนเป็นอย่างทุกวันนี้ เธอไม่ใช่ไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านที่ไม่รู้จักลู่ลมอีกต่อไป หญิงสาวเรียนรู้ที่จะวางตัวเองเสียใหม่เพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่พวกเขาต้องการต้องใช้วิธีพูดแบบไหน ต้องทำตัวแบบไหนพวกเขาถึงจะไม่หงุดหงิด เธอเริ่มเรียนรู้วิธีการลูบไล้ปรนนิบัติ การใช้เสียงกระซิบโทนเสียงแบบที่ทำให้ผู้คนหวั่นไหว

                   เธอซ่อนความโกรธเกรี้ยวรอวันระเบิดไว้ภายใต้รอยยิ้ม

                   อ่อนหวาน งดงาม แยบยล

                   เก็บงำทุกอย่างไว้เพื่อคิดบัญชีทีหลัง

     

                   “หนึ่งในคำสั่งที่ถูกตราไว้ในลัญจกรแห่งบาป พวกเขาคือผู้แบกรับบาปทั้งปวงที่มนุษย์กระทำ แม้แลกมาด้วยพลังมหาศาล แต่สักวันหนึ่ง...จิตใจของพวกเขาจะแปดเปื้อนด้วยบาปที่ตนแบกรับ และวันใดก็ตามที่แบกรับไม่ไหว บาปนั้นก็จะทำลายตัวเอง แม้ว่าบางคนสามารถเอาตัวรอดจากการทำลายและยังมีความทรงจำเก่าอยู่ แต่ส่วนมากจะถูกลบความทรงจำสำคัญไปเกือบหมด พวกเขาไม่รู้จักกันอีกแล้ว และต่อจากนี้คงไม่ลังเลที่จะฆ่ากันเองด้วย”

                ความจริงที่เธอจดจำได้ขึ้นใจ ความจริงที่ทำให้ครอบครัวของเธอคลุ้มคลั่ง

                ถ้าหากนั่นเป็นพันธนาการของเทพเจ้าแล้วละก็...ฉันก็จะฉีกกระชากมันลงมาเองในฐานะ [เม] แห่งแผ่นดินนี้

                อิช’ จดจำปณิธานของตนเองในวัยเยาว์ไว้อย่างแม่นยำ ตลอดจนคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านปู่เล็กก่อนกลายเป็นหนึ่งในผู้แบกรับบาป

     

                   อิช กำลังรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อปรากฏตัวต่อหน้าเด็กสาวแรกรุ่น รูปร่างบอบบางในชุดนักบวชตามพิธีกรรม เรือนผมยาวสีขาวโพลนดุจเดียวกับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณรวบครึ่งศีรษะสวมมงกุฎข้าวบาร์เลย์กำลังสวดอ้อนวอนต่อเทพีอินันนาที่ตนนับถือ ทุกคำพูดที่เอ่ยสวดแฝงด้วยเสียงกรีดร้องที่ไม่มีใครได้ยิน

                   และทันทีที่เธอปรากฏตัวอิช  จะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่แม่มดขาวเต็มใจคว้าไว้เหมือนคนจมน้ำ เป็นเสมือนที่พึ่งสุดท้าย ต่อให้ไม่รู้ว่าหญิงสาวเป็นเทพเจ้าที่เธอสวดอ้อนวอนจริงหรือไม่อิช  เชยใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมา เห็นดวงตาหลุบต่ำลงแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก

                   สตรีตรงหน้าเธอคือแม่มดขาวที่เธออุตส่าห์เฝ้าฟูมฟักมานานหลายปี

                   แม่มดขาวที่งดงามเสียจนทำในคนคนนั้นลุ่มหลง เพื่อให้เขาได้ลงมือทำบาปซึ่งนำมาสู่ความล่มสลาย

                   [เราขอตอบรับคำอ้อนวอนของเจ้า และมอบจุมพิตนี้ให้แก่เจ้า บัทเชบา]หญิงสาวเอ่ยกระซิบ

                   แววตาในดวงตากลมโตของแม่มดขาววิกลจริตไปเสียแล้ว เธอเยื้องย่างเข้าสู่วังวนแห่งอำนาจพร้อมหยาดน้ำตาแห่งการแก้แค้น ดั่งภาพอันแสนมัวหมองของความชอกช้ำ และเกมแห่งการแลกเปลี่ยนได้เปิดฉากขึ้น

                   อิช  พึมพำร้องเพลงอันน่าขนลุกอย่างมีความสุข “นกอันซูสองหัว หัวหนึ่งตัวผู้ หัวหนึ่งตัวเมียกระพือปีกนำพาพายุ แลเห็นนั่นไหม ปีกหนึ่งแบกความเศร้า ปีกหนึ่งแบกความสุขท้ายที่สุดแล้วนกสองหัวเหลือเพียงหนึ่ง อีกหัวถูกกินไปแล้ว”

     

                   ทีละชั้น ทีละชั้น

                   แผนการของเธอถูกถักทอขึ้นทีละชั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                   เธอลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

                   พ่ายแพ้อีกครั้ง

                   และล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน

                   แม้ว่าจะต้องเริ่มต้นอีกสักกี่ครั้งแต่ถ้าเพื่อ [ความปรารถนา] นี้ก็ไม่เป็นไร

     

    FIN.

     

    TALK ::

    สำหรับเรื่องสั้นนี้เป็นอดีตสลับกับปัจจุบันของตัวละคร (แต่เป็นโคตรของโคตรอดีตสำหรับเนื้อเรื่องปัจจุบัน wwww) วีค่อนข้างชอบ อิช  นะคะ พูดถึงเหตุผลที่เขียนชื่อเธอแบบนี้ เพราะเป็นชื่อสมัยเด็ก อารมณ์ของเด็กตัวเล็ก ๆ พูดไม่ชัดเรียกแทนตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ใช่ชื่อจริงเต็ม ๆ ของเธอนั่นเอง ส่วนมากที่เอามาเขียนเวิ่นเว้อเล่นมักจะเป็นคีย์สำคัญที่ใช้ให้เนื้อเรื่องหลักล้วน ๆ (ฮา) นอกจากนี้เธอยังเป็นตัวละครที่สมัยก่อนคงไม่คิดเขียน เพราะเป็นผู้หญิงสไตล์ที่ตัวเองไม่ค่อยชอบ แต่ตอนนี้มันก็มีสีสันดีนะ อีกอย่างความจริงเกือบเขียน อิช  เสียสติแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่ามีตัวละครเสียสติมากเกินไป เราควรมีคนปกติ (?) บ้าง และตั้งใจเอาไว้ล้อกับ Samuel 13:1-22, Rape of Tamar โดยเฉพาะด้วย

    ปล. ไม่อยากใช้ ข้า/เจ้า สักเท่าไหร่ มาบอกตรงนี้เพราะเห็นยุคสมัยของตัวละครชัดเจน (หัวเราะ)

    ปล. 2 เขา ที่พูดถึงในที่นี้คือเขาเดียวกันกับตอนก่อน ๆ นะคะ วีรเวร แค่ก วีรกรรมเยอะมากคนนี้

    W.Wunderkammer

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in