騎士の誓い。
Fandom : Cherished Sins
Original Publisher : Dek-d or readAwrite
Author : W. Wunderkammer
Note : เนื้อเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Cherished Sinsเป็นการกาวเนื้อเรื่องทิ้งไว้อาจจะนำมาใช้และ/หรือปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมได้เสมอในอนาคต
ผมมีสัตย์สาบานที่ไม่อาจบิดพลิ้วได้
ทั้ง ๆ ที่ผมอยู่ตรงหน้า แต่ว่าทุกคนกลับมองข้ามและลืมเลือนจนตามหาเส้นขอบฟ้าที่ไม่ชัดแจ้ง
ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ไม่น้อยใจหรือโกรธเคือง เพราะผม ‘เลือก’ แล้ว
ความจริงผมไม่ค่อยอยากเล่าถึงเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยต้องเกริ่นที่ไปที่มาให้รู้สักหน่อย จากเรื่องเล่าเก่าแก่มากมายนับไม่ถ้วนบนโลก ไม่ว่าจะไล่เปิดจากเล่มไหน ๆ หรือต่อให้เปิดอ่านจากบันทึกที่เที่ยงตรงที่สุดต่างบันทึกไปในทิศทางเดียวกันว่า...พระเจ้าสร้างโลกนี้ขึ้นมาเพื่อมนุษย์
เพราะฉะนั้นเศษเสี้ยวความฝันที่ผิดพลาดจึงถูกพระเจ้าเรียกว่าอักซารา ผู้เกิดในโคลนตม
กลายเป็นปีศาจเพื่อทำลายมนุษย์ ผลงานที่พระเจ้ารักมากที่สุด
ครอบครัวของผมมีพี่น้องหกคนผมเป็นคนที่สี่
นอกจากพี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็กที่เป็นปีศาจเลือดบริสุทธิ์ เป็นอักซาราแล้ว คนอื่น ๆ รวมทั้งผมต่างเป็น [ซอร์ดิดัส] ถ้อยคำเหยียดหยามที่ใช้เรียกพวกเลือดผสม อันที่จริงมีแค่พี่ชายคนโตกับน้องชายคนเล็กเท่านั้นแหละที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือนะลูกชู้...จากทั้งพ่อและแม่ เอาเถอะ วิถีปีศาจมันก็แบบนี้
พี่ชายคนโตของผมสามารถใช้คำว่าแข็งแกร่งจนยากที่จะโค่นล้มที่สุดในประวัติศาสตร์มาบรรยาย แม้ว่าจะครอบครองสีสันที่ถูกเรียกว่าเศษสวะของเหล่าปีศาจ
พี่สาวคนโตกับพี่สาวคนรองเป็นฝาแฝดกัน ทั้งคู่เป็นครึ่งปีศาจที่ถูกเรียกขานว่าจอมพราย ครึ่งปีศาจผู้มีพลังมากเป็นพิเศษทั้งที่มีสายเลือดมนุษย์ ผมชอบเส้นผมสีแดงของพี่สาวทั้งสองนะ มันมีเสน่ห์และสวยมากจนดึงดูดภูตพรายและเอลฟ์ให้หลงใหล
ส่วนน้องชายคนแรกของผม สมัยเด็กก็อยากชักดาบทำลายใบหน้านั้นอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน เขาหล่อเหลาจนทำให้ลืมวิธีหายใจไปเลยเชียวล่ะ ทว่าพอโตขึ้นกลับสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าจนผมเกือบลืมไปแล้วว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง และในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เขาคือจอมขมังเวท บุรุษหน้ากากเหล็ก
ทว่าน้องชายคนเล็กของครอบครัว...เด็กคนนี้น่าสงสาร เขาเกิดมาในช่วงเหตุการณ์ผลไม้ต้องห้าม
ย้อนกลับไปในยุคปฐมกาลบนแผ่นดินแห่งมารดา เหล่าปฐมบุรุษ บรรพบุรุษของสายเลือดมากมายในปัจจุบันสายเลือดของอักซาราเป็นผู้บุกเบิกปกครองดินแดนรอบนอกก่อนที่เขาจะสร้างมนุษย์ เกิดสงครามขัดแย้งระหว่างเหล่าปฐมบุรุษ ก่อเกิดเป็นสงครามครั้งแรกซึ่งเป็นการเปิดศึกชั่วนิรันดร์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ชื่อสงครามในครั้งนั้นคือ [Forbidden Fruit] เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มนุษยชาติถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดน
และพ่อแม่จบชีวิตลงในสงครามครั้งนั้น แต่ว่าผมไม่เสียใจหรอกนะ เรียกว่าสีหน้าตายด้านกับศพของพวกเขาก็คงไม่ผิด และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นครอบครัวของผมไม่มีใครเสียน้ำตาให้สักหยด เพราะรู้สึกว่าน้ำตามันเปล่าประโยชน์สิ้นดี
แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งผมต้องมานั่งด่าตัวเองว่าหน้าโง่มากที่คิดแบบนั้น
ช่วงที่แผ่นดินต้นกำเนิดล่มสลายลง ทุกชีวิตต่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก ครอบครัวของผมเองก็แตกกระสานซ่านเซ็นกระจัดกระจายกันไปที่น่าเป็นห่วงคือน้องเล็กนั่นแหละ ขอให้มีใครสักคนหนึ่งคอยคุ้มครองเขาด้วย แต่ก่อนหน้านั้นผมพึ่งมาสำเหนียกได้ว่าตัวเองก็มาอยู่ที่ไหนไม่รู้ คือต้องเข้าใจอย่างหนึ่งก่อนนะว่าผมไม่เคยออกจากแผ่นดินต้นกำเนิดเลย ชีวิตค่อนข้างว่างงาน มีแต่กินกับนอนจะไปรู้จักมักจี่อะไรกับแผ่นดินนอกทวีปมู
ช่วงเวลาที่ผมล้มลุกคลุกคลานอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก เกิดการรุกรานและการเผยแพร่อารยธรรมของมนุษย์ พวกเขาวิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่ปีศาจบางกลุ่มยังถูกมนุษย์ล่าไปได้ ถึงจะถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดน ผมยังสังเกตเห็นว่าเผ่าเทพยังคอยปกป้องมนุษย์อยู่เช่นเดิม เขาไม่ต้องการให้มนุษย์รับรู้ว่าเทพคอยปกป้อง แต่จงใจให้อมนุษย์รับรู้
ผมคงได้แต่เหยียดยิ้มหยันกับความจริง
ผมจับดาบฟาดฟันศัตรูอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ แปดเปื้อนไปด้วยกลิ่นเลือดคาวสงครามตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนหยัดดิ้นรนมีชีวิตรอดเพื่อกลับไปหาครอบครัวที่รอคอยผมอยู่ โดยไม่รู้ตัวผมก็ถูกเรียกขานว่าราชันโลหิต ราชสีห์กลางสมรภูมิมอดไหม้
ผมเสแสร้งกลมกลืนอยู่ท่ามกลางมนุษย์นานพอตัว ได้ยินข่าวลือกระจัดกระจายมากมายเกี่ยวกับพี่น้องของผม บางครั้งก็ไปทันพบสาเหตุของข่าวลือ บางครั้งก็ไปไม่ทันหลายครั้งที่ต้องผิดหวังว่าไม่ใช่คนที่ผมตามหา
นานมาก...
นานจริง ๆ กว่าที่พวกเราจะได้กลับมาพบกัน
วันนั้นผมได้ยินข่าวลือหนึ่งถึงปีศาจผู้สร้างพิรุณสีชาดไปทั่วทุกแห่งหนดังกระฉ่อนมาเข้าหู ทันทีที่ผมไปถึงที่นั่น ยังไม่ทันได้ดีใจกว่าเป็นคนที่ผมตามหาก็เข่าแทบทรุด
พี่ชายของผม พี่ชายที่แข็งแกร่งจนไม่มีใครโค่นล้มได้นั่งนิ่งอยู่บนก้อนหินท่ามกลางซากศพมากมายทั้งของมนุษย์ อมนุษย์ ปีศาจ เทพ สีหน้าว่างเปล่าราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว สิ่งที่อยู่ในมือของเขาคือหัวใจบรรจุลงในกล่องแก้วอาบเลือดสีทองของเทพปกรณัม
...ทันทีที่พี่ชายสบสายตากับผม
ผมมองเห็นเพียงความบ้าคลั่ง เขากำลังจะขาดใจ เหมือนคนจะตายไปแล้ว ไม่ไหวแล้ว แต่เขาแข็งแกร่งเกินไป มีเพียงน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม น้ำตาที่ไม่เคยไหล แม้กระทั่งในวันที่พ่อแม่เสียชีวิต
ในระหว่างที่ผมประมือกับเขา เพื่อหยุดเขาทำให้รู้ว่าหัวใจที่บรรจุอยู่ในกล่องแก้วใบนั้นคือหัวใจของน้องชายคนเล็กของผม เด็กคนนั้นถูกตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ถูกฆ่าเพียงเพราะครอบครอง [ดวงตาแห่งโชคชะตา]
น้องชายของผมเป็นนักพยากรณ์เพียงหนึ่งเดียวของโลกใบนี้ที่ล่วงรู้แผนการทั้งหมดของเขา
ผมได้แต่บอกกับพี่ชาย“พี่...พี่รู้ไหมว่าผมอยากฆ่าตัวตายกี่ครั้งกันกับสายเลือดเฮงซวยของตัวเอง แต่ผมเลือกเกิดไม่ได้! พี่ก็เหมือนกัน พวกเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้!! พี่เข้าใจผมไหมพวกเราต่อให้เป็นซอร์ดิดัสถูกขับไล่จากทุกเผ่าพันธุ์ก็ไม่เคยหวาดกลัว เพราะพวกเรามีพี่อยู่ ความมืดมันไม่น่ากลัวหรอกนะเมื่อมีพี่อยู่ด้วย จะความมืดหรือแสงสว่างก็ช่าง สำหรับผม...สำหรับพวกเราแล้ว ความมืดและแสงสว่างเหมือนกัน!!!”
ถึงกระนั้นโชคชะตาไม่เคยปรานีพวกเรา
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างการระหกระเหินแต่...
พี่สาวคนรองของผมจบชีวิตลงด้วยการถูกฆาตกรรม
น้องชายคนโตของผมปลิดชีพของตนเองเพื่อระเบิดพลังเวทมหาศาลที่สะสมมาตลอดสามชั่วอายุคน
บาปของการสังหารหมู่เรียกร้องการชดใช้จากครอบครัวผม วิญญาณแค้นนับร้อยล้านดวงสาปแช่งพวกเรา
“ข้าขอสาปแช่งเจ้าตระกูลของเจ้าจะไม่มีวันสงบสุข ครอบครัวของเจ้าจะต้องตายก่อนอายุขัย แม้ทรัพย์สินและอำนาจของเจ้าก็ไม่อาจช่วยพวกเจ้าได้ตราบชั่วลูกหลาน!!!”
เจตนารมณ์นั้นได้รับการตอบสนองจากเขา
ทว่าพวกเขาดูถูกครอบครัวผมมากเกินไป
ราชินีความตายสีดำ พี่สาวคนโตผู้โหดร้ายและบ้าคลั่งเพราะสูญเสียน้องสาวฝาแฝด ทำลายกองทัพสวรรค์ กรีดยิ้มเย็นชาประกาศก้อง “ที่นี่คือโลกของพวกข้าผู้ถักทอฝัน...จงไสหัวเน่า ๆ ของพวกเจ้าไปซะ!!!”
เพราะความรักของผู้ถักทอฝันจะดำเนินไปสู่จุดจบอันวินาศ พวกเขาจึงไม่ควรมีความรักหรือให้ความรักแก่ใคร
Stolti,radunatevi sotto l’ali possenti.
(เหล่าคนโง่เขลาเอ๋ย จงมาชุมนุมกันภายใต้ปีกแห่งอำนาจนี้)
Venite, con letrombe del lament che echeggian fino al cielo.
(มาเถิด...ด้วยเสียงแตรแห่งความโศกเศร้าที่จักดังกู่ก้องสู่ฟากฟ้า)
Date fuoco allecorone d’ortiche e offritele sull’altare del destino.
(จงแผดเผามงกุฎหนามและถวายมันบนแท่นบูชาแห่งโชคชะตา)
Dal profondodegli abissi vien la Grande Sovrano.[1]
(เมื่อนั้นราชาผู้ยิ่งใหญ่จักหวนคืนกลับมาจากห้วงอเวจี)
มหาราชทรราชและแม่ทัพคู่ใจจึงบันดาลพระราชวังขึ้นท่ามกลางซากศพของเหล่าเทวทูต ปกครองปีศาจทุกพงศ์พันธุ์ สร้างมหาราชวงศ์แห่งผู้ถักทอฝันขึ้นราวกับเย้ยหยันเขา
ซัมบาลา ดินแดนแห่งเส้นขอบฟ้าไม่ปรากฏ
ดินแดนดังกล่าวตั้งอยู่ในมิติคู่ขนานกับโลกมนุษย์และตัวผม [ตัวตนแห่งเส้นขอบฟ้าที่ไม่ชัดแจ้ง] ลงไปนั่งชันเข่ากับพื้น มือแตะที่หน้าอกและค้อมศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพเบื้องหน้าราชา ยินยอมให้สัตย์สาบาน ใช้พลังทั้งหมดที่มีสร้างขึ้น เพื่อครอบครัวเพราะผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว
บัดนี้ในสายตาของมหาราชทรราช พี่ชายของผมแข็งกล้าและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
คนเราไม่มีทางไปจุดสูงสุดได้ หากไม่มีความทะเยอทะยาน นั่งอยู่เฉย ๆ อำนาจหรือชัยชนะไม่มีทางมาหา
และเขาจะต้องชดใช้อย่างสาสม!
End
TALK ::
เขา ที่เอ่ยถึงในเรื่องนี้คือคนเดียวกับ เขาที่พูดถึงในเรื่อง 実は…あの日に君を受け入れることができたら、君を救う事も出来たかもしれない。นะคะ วีค่อนข้างจงใจเขียนให้กำกวมมากที่สุดด้วย (หัวเราะ) คำว่า ‘ผู้ถักทอฝัน’ ที่ใช้ในเรื่องคือความหมายของนามสกุลของพวกเขา เป็นชื่อตระกูลแรก ๆ ที่วีเลือกมาใช้ในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาล้วนเป็นความนึกคิดที่ตกค้างอยู่ในโลกนี้
W. Wunderkammer
[1] 志方あきこ - 復闊の日 ~Prologo~ AkikoShikata - Fukkatsu no Hi (The Day of Revival ~Prologue~) Album: うみねこのなく頃に (2008)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in