เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
what i'm listeningthefirstofmine
[Album Review] Avalon EP - Gabrielle Aplin



  • ฮัลโหล พอได้กลับมาเขียนบล็อกแนะนำเพลง ก็วนกลับมาที่สาว Gabrielle Aplin อีกแล้วจ้า ทำไมน่ะหรอ ก็เธอปล่อย EP ใหม่ยังไงล่ะ! (ปล่อยวันที่ 6 ตุลาคม 2017 ก็เขียนเสร็จวันนั้นเลย เป็นไงล่ะ)




    รู้จักสาว Gabrielle Aplin มากขึ้นกว่านี้ คลิก




    ปล. ตอนนี้ Gabrielle Aplin ออกมาทำกับค่ายของตัวเองแล้วนะ (Never Fade Records นั่นเอง)



    คำเตือน!!

    ใครที่คิดว่าอัลบั้มนี้จะเหมือนกับอัลบั้ม English Rain หรือ Light Up The Dark นี่ของบอกไว้ก่อนเลยว่าอย่าตั้งความหวังแบบน้านนนนนนนนนนนนนนนน







    เธอบอกว่า แรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มนี้มาจากตอนที่ไปเล่นที่เวที Avalon ใน Glastonbury 2017 โดยใช้ชื่อตามเกาะ Avalon ในตำนานของคิงอาเธอร์



    มีแฟนๆ ถามสาว Gabrielle ว่า ขอ 3 อีโมจิที่สื่อถึง Avalon EP หน่อย สาวนางก็จัดให้ 





    สำหรับอัลบั้มนี้ ยังคงเน้นการเล่นกับ Synth และความ Electronic Pop เป็นหลัก เหมือนกับที่เธอเล่นกับ Miss You EP ไปแล้วนั่นเอง






    เพลงแรกของอัลบั้มนี้ก็คือเพลง Waking up slow ที่ปล่อยออกมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 (เพลงนี้เราเคยรีวิวเอาไว้แล้ว)



    อันนี้เป็นแบบ Lyric Video ได้ Studio Dassie เป็นคนทำให้ เห็นมีคนบอกว่าเป็นแนว Dubstep 

    แล้วเพลงนี้ก็มีเอ็มวีด้วยนะจ๊ะ (อย่าถามว่าต้องการจะสื่ออะไร เพราะเราก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน)



    "All my nights. Taste like gold.
    Yeah, when I'm with you. It's like everything glows
    And all my days. We can lay low.
    Yeah, when we're waking up. We're waking up slow."




    เพลงถัดมาคือเพลง Say Nothing 




    Lyric Video ก็ยังคงได้ Studio Dassie เป็นคนทำให้


    เพลงนี้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่พังไปแล้ว อารมณ์เหมือนกับว่าฉันบอกเธอว่าจะไป แต่ก็อยากให้เธอรั้งฉันเอาไว้ สุดท้ายก็เปล่า ไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆ ออกมาจากปากของเธอ


    Say something to make me stay but you say nothing”



    เพลงที่สามก็คือ Used To Do 




    เพลงนี้จะเป็นอะคูสติกกีตาร์กับเสียงกลองเน้นๆ ที่ไม่ค่อยคล้ายกับทำนองของเพลงอื่นๆ ในชุดเดียวกัน แต่ก็ยังคงพูดถึงเรื่องของความสัมพันธ์อยู่ดี

    Can you hear me? Tell me that you feel it too, 
    do you still know me like you used to do”


    และเพลงสุดท้ายคือเพลง Stay 



    เพลงนี้ได้ Nick Atkinson‏ และ ‏Edd Holloway‏ มาช่วยสาว Gabrielle Aplin เขียน โดยเพลงนี้เขียนขึ้นที่ The Barn (ถ้าให้เดาน่าจะเขียนกันที่ Barn on the Farm ที่ไปเล่นกันปีนี้)

    มีที่ไปร้องกับ Mahogany Session ด้วย (แต่เรากลับชอบแบบ Audio มากกว่า)



    ไปอ่านจากที่มีคนรีวิวมา เขาบอกว่าเพลงนี้ยังคงความเป็น alternative indie-pop เอาไว้ เพลงนี้ให้อารมณ์แบบ เธอคิดว่าฉันจะกลับไปในความสัมพันธ์นั้นหรอ? ประมาณนี้







    สำหรับอัลบั้มนี้ แม้จะมาแหวกแนวจากเดิม แต่เราก็ยังรู้สึกได้ถึงความสายลม แสงแดด ทุ่งหญ้าของ Gabrielle Aplin เหมือนที่เธอเคยบอกเอาไว้ว่าเพลงแต่ละเพลงที่เธอเขียนมา มันไม่ได้ห่างจากความเป็นตัวของเธอเลย เพียงแต่เราคิดไปเองว่ามันต่าง (เราว่ามันต่างแค่เพียงการใช้เครื่องดนตรีที่เอามาประกอบซะมากกว่า ซึ่งพอเธอเอามาทำเป็นอะคูสติก มันก็ยังคงเป็นไปในแบบฉบับของเธอ)


    ถามว่าเราชอบอัลบั้มนี้มั้ย เราชอบ ชอบมากกว่า Miss You EP ซะอีก แม้จะฟังวันนี้วันแรก แต่ก็ทำให้เราติดหูมากกว่าอัลบั้มก่อน แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ชอบอัลบั้มก่อนนะ




    จากที่ฟัง ที่อ่านคอมเมนท์มาคร่าวๆ หลายๆ คนก็ไม่ชอบที่ Gabrielle หลุดไปจากความเป็นโฟลก ความเป็นอะคูสติกเหมือนเก่า แต่เรามองว่านี่คือการพัฒนา การเติบโต และการก้าวไปอีกขั้นของความเป็นนักดนตรี มันอาจจะเป็นก้าวที่เสี่ยง แต่เราว่ามันคุ้มมากๆ นะ ที่จะเลือกเส้นทางใหม่ๆ ให้กับตัวเอง แต่หลายๆ คนก็ชอบ รักความแปลกใหม่ของเพลง แล้วเราก็เชื่อว่า Gabrielle ก็ยังคงความเป็นตัวเองอยู่ในทุกๆ เพลงที่ได้เขียน ได้ทำออกมา (ลองคิดดูสิ ถ้าเอามาทำแบบอิเล็กทรอนิกส์ป็อปแล้ว สาวจะไม่เอาไปทำแบบอะคูสติกหรอ เราเชื่อว่าเธอไม่หลุดความเป็นตัวเองหรอก) และเราก็หวังว่าสาวจะปล่อยแบบ Acoustic มาให้ฟังกัน



    ยังไงก็ขอฝาก EP ใหม่ของ Gabrielle Aplin ไว้ด้วยน้า




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Belynda (@ntkbella)
เราชอบ Used to do ทำนองค่อนข้างแหวกแนวกว่าบั้มที่ผ่านๆ มาของนางดี555555
thefirstofmine (@thefirstofmine)
@ntkbella เห็นด้วยเลย เราว่าการเลือกใช้และการมิกซ์ของเพลงนี้มันแหวกจากเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มด้วยล่ะ 55555