เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Monsta x fan-fiction project] : In the time of rain . #สวัสดีคุรสายฝนoycsm_
INTRO : the rain is coming .




  • Pairing : Shownu x Wonho(fem) x I.M 

    - it is just the beginning of their stories.






    the rain brings me ____________.






    สายลมพัดเบาๆในฤดูฝน ท้องฟ้าที่กลับมาสดใสทำให้วอนฮียิ้มออกมาได้ไม่ยาก แสงแดดอ่อนๆที่ส่งลงมาทำให้เจ้าตัวต้องหยิบหมวกออกมาสวม ก่อนที่จะนั่งแกว่งขารอใครบางคนที่ริมสระน้ำ 



    เหมือนกับทุกครั้ง



    “วอนฮี” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นปนกับเสียงหายใจหอบของเจ้าตัว ทำให้เจ้าของชื่อรีบลุกขึ้นมาในทันที

    วอนฮียิ้มกับท่าทางนั้นของชางกยุน คนตรงหน้าใช้แขนตัวเองเช็ดเหงื่อบนใบหน้าหล่อที่ไหลเกือบท่วมตัวพลางส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า

    “อ่ะ ผ้าเช็ดหน้า” เธอตัดสินใจยื่นผ้าเช็ดหน้าลูกไม้สีชมพูอ่อนให้อีกคน “เอาไปสิไม่ต้องซักคืนก็ได้”
    “ขอบคุณครับ” ชางกยุนยิ้มพลางรับผ้าเช็ดหน้าจากมือของคนตรงหน้า

    วอนฮียิ้มรับพลางเอาผมทัดหูแก้เขิน เธอไม่เคยคุยกับเด็กผู้ชายในระยะประชิดมาก่อน แถมยังไม่เคยใจดีให้ใครยืมผ้าเช็ดหน้าง่ายๆอีก 

    จริงๆมันก็ตั้งแต่ที่วอนฮีเผลอตอบตกลงกับคนที่นั่งมองตัวเองอยู่ข้างๆในตอนนี้
    วอนฮีจำไม่ได้หรอกว่าเรื่องอะไร รู้แค่ว่าเราจะต้องไปเดินเล่น ทานข้าว ดูหนังกันอะไรทำนองนี้




    เอ่อ แบบเรียกกันว่าเดทใช่ไหม




    แง น่าอายชะมัด.///////.



    “วอนฮีมารอเรานานไหม”หลังจากที่ชางกยุนนั่งพักพอหายเหนื่อยแล้ว เขาก็ถามอีกคนทันทีเพื่อที่จะทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

    “ไม่นานเลย จริงๆเราแอบมาก่อนเวลาเองแหละ” เด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีเหลืองเข้มน่ารักก้มหน้างุดเพราะรู้สึกแปลกๆกับสายตาของอีกคนที่กำลังมองมา 

    “จริงๆเราก็มาก่อนเวลาเหมือนกัน” ชางกยุนยิ้มพลางเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะแก้มนุ่มที่ขึ้นสีของอีกคนทำเอาเขาไปไม่ถูกเหมือนกัน

    “คือ เราตื่นเต้นนิดหน่อยที่จะได้มาเที่ยวกับนาย ได้ยินว่านายไม่ได้กลับเกาหลีมานานเลยสินะ” วอนฮีพยายามสบตาอีกคน พลางชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อให้พอกลบเกลื่อนสิ่งที่กำลังผิดปกติอยู่ในตอนนี้

    “ครับ เราเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก เพิ่งได้มาต่อเกรด10ที่นี่” 

    “ถึงว่าเราถึงไม่เคยเห็นชางกยุนมาก่อน ทั้งๆที่พี่กีฮยอนดูสนิทกับนายม้ากมาก แต่วันนี้พี่กีฮยอนดันติดธุระพอดี สงสัยคงเหลือกันสองคน” จู่ๆเสียงของวอนฮีก็แผ่วลงตรงกันข้ามกับอุณหภูมิของแก้มนุ่มทั้งสองข้างจนเผลอเอามือปิดหน้าเบาๆเพื่อไม่ให้อีกคนเห็น

    “สองคนหรอครับ” ชางกยุนยิ้มพลางแกะมืออีกคนออก “ไหนหูแดงหมดแล้ว เป็นไข้หรอครับวอนฮี”

    “งือ ออกไปเลยนะ”


    “ถ้าแกล้งจนเราเขินอีกเราจะไม่พาชางกยุนไปเที่ยวสองคนอีกแล้วนะ”




    สุดท้ายสิ่งที่วอนฮีได้รับก็คงเป็นรอยยิ้มอบอุ่นพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่กำลังลูบผมของเธออย่างแผ่วเบา





    .







    ลมพัดแรงขึ้น ท้องฟ้าเริ่มเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีเทา เหมือนฝนทำท่าจะตก วอนฮีรีบลุกจากม้านั่งตัวนั้นเข้าไปหลบอยู่ที่ศาลากลางสวน เธอกอดอกมองเม็ดฝนค่อยๆตกลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับหย่อนตัวลงกับที่นั่ง ไอเย็นจากละอองฝนทำให้เธอยิ้มออกมาให้กับตัวเองอีกครั้ง



    คิดถึงสัมผัสอุ่นของใครบางคนที่เคยอยู่ด้วยกัน



    ฝ่ามือหนาที่คอยกุมมือในตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อย 

    และในเวลาที่ฝนกำลังตกลงมาแบบนี้





    “วอนฮี”




    ใครบางคนกำลังเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงที่คุ้นหูทำให้เธอยิ้มออกมา




    พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับสายฝน





    “พี่ฮยอนอู” วอนฮีโผกอดเจ้าของร่างหนาที่ถือร่มลายลูกไม้ของเธอ คนตัวสูงตกใจจนเผลอปล่อยร่มจนตกพื้น แต่กลับใช้มือลูบผมคนตัวเล็กอย่างปลอบประโลม

    “ไม่ร้องแล้วนะครับ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”






    ท้องฟ้ายังไม่ทันสดใส ฝนก็ตกลงมาอีกแล้ว






    .








    วอนฮีเคยบอกว่าชางกยุนเหมือนกับสายฝน เธอให้เหตุผลว่าอีกคนดูเป็นคนนิ่งๆดูเหงาๆแต่กลับมีด้านที่ทำให้เดาไม่ถูกอยู่เสมอ จนชางกยุนยกให้เธอเป็นเหมือนท้องฟ้าหลังฝนตก แต่ที่จริงเธออยากเป็นท้องฟ้าในวันที่ฝนตกมากกว่า เพราะจะได้อยู่ข้างๆกับสายฝนที่กำลังตกลงมา

    คำตอบนั้นทำให้ชางกยุนหัวเราะ เขายิ้มให้เหมือนทุกครั้ง ก่อนที่จะกุมมือของอีกคนวิ่งหลบฝนไปที่ใต้ตึกเรียน เขาถอดเสื้อสูทออกก่อนที่จะกางมันไว้ด้านหลัง ขยับใบหน้าของตนเข้าใกล้ใบหน้าขึ้นสีน่ารักของอีกคน ชางกยุนกดริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากนุ่มหยุ่นของคนตรงหน้า วอนฮีหลับตาด้วยความตกใจก่อนที่จะรับความอบอุ่นจากฝนที่ตกในตอนแดดจ้า ลำแขนแกร่งโอบกอดอีกคนไว้ในอกก่อนที่จะส่งสัมผัสให้อีกคนมากขึ้น






    จนรู้ตัวอีกทีคุณท้องฟ้าของชางกยุนก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูไปหมดแล้ว






    .








    “พี่ฮยอนอู” วอนฮีถามผู้ชายที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นที่เปียกไปเกือบครึ่งตัว “ลำบากพี่ฮยอนอูอีกแล้ว”

    “ไม่เป็นไร ขอโทษนะที่ต้องมาหลบฝนก่อน ฝนตกหนักมากจริงๆ” ฮยอนอูยิ้มพลางซับน้ำฝนออกจากใบหน้าขาวของอีกคน

    “อืม ฝนตกหนักมากจริงๆ”

    “แต่เดี๋ยวมันก็ซาลง แค่ต้องใช้เวลา” ฮยอนอูพูดขึ้น “ให้เวลากับมันสักหน่อยเดี๋ยวท้องฟ้าก็จะกลับมาสดใสเหมือนเดิม” เขาลูบผมคนที่เด็กกว่าอย่างแผ่วเบาพร้อมกับส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี

    “ขอบคุณนะ” วอนฮียิ้มพร้อมกับดวงตาเล็กของคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นพระจันทร์เสี้ยวในเวลาเดียวกัน






    .







    ใครว่าฝนตกมักจะมีสัญญาณเตือน


    ฝนอาจจะตกในเวลาที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็ได้




    วอนฮีไม่อยากเป็นท้องฟ้าในวันที่ฝนตกอีกแล้ว ทุกอย่างมันดูกลับกันไปหมดตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักกับผู้คนใหม่ๆ ในชีวิตที่ย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชางกยุน มีแต่เธอเองที่อยากจะเติบโตมากกว่านี้ 



    แต่การเติบโตกลับทำให้เธอต้องเสียบางสิ่งบางอย่างไป



    เธอต้องการความรักความเอาใจใส่มากกว่านี้ แต่ในทางกลับกันเธอต้องการใช้ชีวิตอย่างมีอิสระเหมือนกับที่เป็นอยู่



    นึกถึงคำสัญญาสุดท้ายที่ให้ไว้กับพี่ชายข้างบ้านคนเก่าว่าจะจับมืออีกคนเอาไว้ให้นานที่สุด แต่แล้วเธอก็ทำได้เพียงเท่านี้ เธอผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับกีฮยอน




    เธอรู้ดีว่ากีฮยอนทำเพื่อเธอมากขนาดไหน
    เธอรู้ดีว่ากีฮยอนทำเพื่อชางกยุนมากขนาดไหน




    “เราขอโทษ ที่เราไม่มีเวลาให้เธอเลย” น้ำเสียงเธอดูเศร้าๆในตอนที่สบตากับเจ้าของดวงตาคุ้นเคย

    “ไม่เป็นไร” ชางกยุนยิ้มพลางลูบมือขาวน่าถะนุถนอมของอีกคน “ขอบคุณที่มานะ”

    “อื้อ ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้นะ” วอนฮีร้องไห้ออกมา เธอรู้สึกผิดกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยอยู่เคียงข้างอีกคนเลย มีแต่ผู้ชายตรงหน้าที่พร้อมอยู่ข้างเธอเสมอ



    “เราดีใจนะที่ได้เจอเธออีก สบายดีไหม”



    ใช่ ชางกยุนแทบไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธออีกเลย



    ตั้งแต่ที่เราเคารพการตัดสินใจของตัวเองในวันที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย มันทำให้พวกเขาต้องห่างกันสักพัก แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของอีกคนทำให้เธอเลือกที่จะเชื่อใจตัวเองอีกครั้ง 





    เชื่อว่าเธอยังรักอีกคนอยู่จริงๆ



    เพราะในตอนนี้ชางกยุนมีแค่วอนฮีคนเดียว







    .







    ฝนยังคงตกอย่างไม่มีท่าทีว่าจะลดลง วอนฮีรู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางสายฝนกับพี่ชายข้างบ้านสองต่อสอง แม้ว่าฮยอนอูจะเว้นระยะห่างจากเธอไปอีกเสาหนึ่งก็ไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

    เธอไม่เคยถูกชะตากับพี่ชายข้างบ้านคนใหม่เหมือนกับพี่กีฮยอนที่เธอรู้จักตั้งแต่เด็กๆ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายคนนั้นกลับยืนอยู่ข้างเธอในวันที่ฝนตกหนักแบบนี้


    “ฉันบอกกีฮยอนแล้วนะว่าเธอสบายดี” เสียงทุ้มดังขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมพวกเขามาพักใหญ่ “ฝนหยุดตกเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับกันนะ”

    “ค่ะ ฝากขอบคุณพี่กีฮยอนด้วย” วอนฮีเช็ดน้ำตาที่กลั้นไม่ไหวก่อนที่จะสูดลมหายลึกพูดประโยคที่ยากที่จะพูดออกมา “แล้วก็ฝากขอโทษพี่กีฮยอนด้วยนะคะ”

    “อืม ไม่ต้องขอโทษกีฮยอนหรอก” ไม่ทันรู้ตัวฮยอนอูก็ทิ้งตัวลงข้างๆเธออีกครั้ง รั้งร่างเล็กของอีกคนให้หันใบหน้าสวยเข้าหาตัวเขา ก่อนที่จะพูดความในใจที่เก็บมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มสวยของคนตรงหน้า





    “ทีงี้เราจะใจดีกับพี่ได้แล้วยัง”








    .









    โอกาสครั้งที่สองที่วอนฮีมอบให้ตัวเธอเองกลับพังไม่เป็นท่า เธอให้ความสำคัญกับสิ่งรอบตัวมากกว่าและเธอเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นไปด้วยความเคยชิน

    แม้ว่าเพื่อนๆจะอิจฉาที่เธอกับแฟนหนุ่มไม่เคยทะเลาะกันเลยตั้งแต่คบกันมา แต่เธอกลับรู้สึกเฉยที่ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้น แรกๆก็ดีใจที่เราต่างเชื่อใจกัน ดีใจที่ความรักของเราไม่หวือหวาแต่มั่นคง



    ครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบกับชางกยุน

    ก่อนที่จะมานั่งร้องไห้ให้พี่ชายข้างบ้านปลอบแบบนี้





    “ฉันจะไปฝึกงานที่อเมริกา” ชางกยุนพูดขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาคุยกันเรื่องสัพเพเหระได้พักหนึ่ง

    “อืม คงจะไม่ได้เจอกันนานเลยสินะ” วอนฮีตอบแผ่วเบาพลางปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “นานไหม”

    “ก็สักพักเลย ฉันว่าจะทำงานเสริมไปด้วย” ชางกยุนยิ้มพลางลูบมืออีกคนให้รู้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร “จะรีบกลับนะ หลังจากนี้เราคงจะได้เจอกันบ่อยๆ”

    “ยังไง” วอนฮีถาม “ชางกยุนที่ผ่านมานายอยากเจอเราบ้างไหม”

    “อยากสิ วอนฮี” ชางกยุนชะงักที่คนรักของเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

    “นายเคยรู้สึกอยากพาเรากลับบ้านในตอนที่เราไปเที่ยวกับเพื่อนไหม เรารู้ว่านายไว้ใจเรา แต่ทำไมเราถึงไม่รู้เลยว่าที่นายทำมันเกิดจากความรู้สึกรักของนายจริงๆ”




    “จนฉันเองก็คิดว่าความรู้สึกระหว่างเราในตอนนี้มันไม่ใช่คำว่ารักอีกแล้ว ชางกยุน”





    วอนฮีไม่เคยรู้ว่าคำพูดนั้นมันทำให้โลกทั้งใบของชางกยุนพังทลายลงมา


    ความฝันที่ชางกยุนอยากให้มันเกิดขึ้นจบลงแล้วในตอนนั้น มันคงไม่สำคัญอะไรที่เขาจะรีบกลับมาขออีกคนแต่งงานอีกแล้ว ชางกยุนในตอนนี้เหมือนกับผู้แพ้ เพราะทุกอย่างที่วอนฮีพูดเขาก็เชื่อเหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องจริง



    ถึงอย่างนั้นถ้าเขามีโอกาสเขาก็ยังคงมีความปรารถนาดีต่ออีกคนเสมอ








    แต่ในเวลานี้เขาก็ขอพักหัวใจตัวเองไว้ก่อนแล้วกัน







    ‘ขอเชิญผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติโลแกนขึ้นเครื่องได้ที่ประตูหมายเลย 5 ขอบคุณค่ะ’








    TBC.




    see you next rain .












    #สวัสดีคุรสายฝน











    - talk :


    ว่าจะห่างหายจากการเขียนฟิคไปช่วงนึงแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่ต้องมาจับแป้นพิมพ์ทุกทีเลยค่ะ พล็อตเรื่องนี้บินเข้ามาในหัวตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว เขียนในสมุดเรื่อยเปื่อยมาก จนได้ฟังเพลง the good side ของ troye sivan ก็เลยมา! ของมันต้องมี ก็ได้ดังนี้แหละค่ะ

    เรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูฝนของคน 4 คนที่รู้จักกัน แรกๆก็เปิดตัวด้วยรักสี่เศร้าซะเลย ฮือ แต่คงพอเดาได้คร่าวๆแล้วแหละค่ะว่าใครคู่ใคร เราจะแบ่งเรื่องราวเป็น 2 เรื่อง ของแต่ละคู่จะได้เห็นแต่ละด้านแต่ละมุมมองของแต่ละคู่ว่าหลังจากจุดเริ่มต้นตรงนี้ ชีวิตของพวกเขาจะเป็นยังไง แค่คิดก็สนุกแล้วอ่ะค่ะ

    ยังไงก็ฝากโปรเจคเล็กๆนี้ไว้ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าจะสมบูรณ์ไหม แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด 


    หวังว่าพวกคุณจะชอบนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน <3


    ปอลิง.  ฝากเล่นแท็กให้เค้าด้วย แง  คอมเมนต์ หรือมาบ่น มาคุยสัพเพเหระได้เสมอเลย เราไม่กัดจิงๆนะ




    แล้วเจอกันตอนฝนตกครั้งหน้าค่ะ(: 





























เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in