เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกศูนย์องศาSoonOngSa
'reverse culture shock' ในกลุ่มเพื่อนตัวเอง
  • ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ 
    ใช่ครับ ใครๆก็มองว่าผมเป็นคนเพื่อนเยอะ

    แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนทุกคนทุกกลุ่มที่อยู่แล้วด้วยรู้สึกปลอดภัยและมีความสุข 

    ผมมีเพื่อนกลุ่มนึงครับ ที่ทุกครั้งจะค่อนข้างรู้สึกปลอดภัย  อบอุ่น สนุก เมื่อได้อยู่ด้วยกัน 

    ผมเคยคิดนะ ว่านี่คือเพื่อนของผม ทุกครั้งที่อยู่กับพวกเขา ความเหนื่่อยล้้้าหรือความรู้สึึกกลัวมันจะหายไปหรือเบาบางลงเสมอ 

    แต่วันนึงคำว่า ของผม ที่ผมแปะป้ายไว้ที่หน้าปากอกพวกเขา 
    มันได้ทำร้ายใจผมเอง 
    ที่จริง..ไม่ว่าจะสิ่งใดในโลก เมื่อเราแปะป้ายไว้ว่า ของเรา 
    มันก็จะถูกใส่ความคาดหวังและความรักในสิ่งนั้นตามไปด้วย 

    ผมถูกเพื่อนหักอกครับ 
    วันนึงเขาก็เลือกคนอื่นมากกว่าผม 
    ในวันนั้นผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น 
    ไม่พยายามจะทำความเข้าใจกับเหตุผลอะไรเลย
    ผมรู้แค่ว่าเขาแคร์คนอื่นมากกว่าผม
    ผมเป็นเพื่อนเขา ใช่ครับ และเขาเป็นเพืือนผม 
    แต่คนนั้นก็เพื่อนเขา ใช่ครับ แต่คนนั้นคืออริของผม

    ในวันที่เพื่อนเกรงอกเกรงใจอริมากกว่าตัวเอง 
    ด้วยนิสัยงี่เง่าส่วนตัว มันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรามีรอยร้าว
    ผมว่ามันไม่ใช่แค่สั่นคลอน แต่มันถึงขั้นร้าว

    หลังจากนั้น รอยร้าวบางๆถูกตีซ้ำอีกที
    ด้วยความไม่สนใจ ในเรื่องว่าการนัดพบครั้งต่อไปจะมีผมหรือเปล่า 
    ไม่มีแม้แต่การยืดยื้อ ไตร่ถาม
    ไม่มีแม้แต่การถามหาสาเหตุ
    มีแค่คำว่า อือ

    ผมเริ่มเดินออกจากพวกเรามาตั้งแต่ตอนนั้น
    ไม่น่าจะถูกสัััััััััััักทีเดียว 
    เพราะที่จริง ผมก็ไม่ได้เดินไปไหน 
    ผมอยู่ที่เดิม 
    พวกเขาก็อยู่ที่เดิม 
    แต่เราแค่ไม่เดินเข้าหากันอีกต่อไป 

    1สัปดาห์ผ่านไป 
    2สัปดาห์ผ่านไป
    ผ่านไปกระทั่งเป็นหลักเดือน 
    ผ่านไปเรื่อยๆ
    ไม่มีการพูดคุย รวมถึงการเจอหน้าใดๆ 
    แม้แต่ทวงถามเรื่องการแตกร้าวของความสัมพันธ์ 

    เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ตามความเร็วของเข็มนาฬิกา 
    เวลาเดินเร็ว โลกก็หมุนเร็ว 
    พาเหตุการณ์พวกนั้นไปไกลจากวันนี้ที่เรายืนอยู่
    แต่มันไม่พาความรู้สึกในเกิดขึ้นออกไปด้วย 

    ผมยังรู้สึกเจ็บปวดเสมอเมื่อวันที่24วนกลับมา 
    ฟังดูแล้ว เหมือนว่าผมรู้สึกจนเกินพอดีใช่ไหมล่ะครับ 
    คงแปรผกผันตามความรู้สึกดีที่มีให้กับพวกเขา


    ข้อความถูกส่งมาหาผมเมื่อคืนก่อน 
    ข้อความเชิญชวนเข้าร่วมงานวันเกิดของใครสักคน
    แน่นอนว่าจาก กลุ่มคนที่ผมจากมานาน 
    ผมเลือกที่จะไม่กดอ่านและตอบอะไร 
    ในตอนนั้น น้ำตาเริ่มคลอออกมา 
    ต้องยอมรับกับตัวเองว่า คิดถึงคนพวกนี้มากแค่ไหน 
    แต่ระบบป้องกันภายมนของผมก็เริ่มทำงานในตอนนั้น แล้วสั่งการร่างกายทันที 
    โดยการส่งข้อความตอบกลับไปถามถึงรายชื่อสมาชิคในงานครั้งนี้ 
    เขากล่าวว่าไม่มีรายชื่ออริของผมอย่างแน่นอน 
    ให้เหตุผลว่า ไม่ได้สนิทกัน 
    ในนาทีนั้น มันทำให้ผมคิดกลับไปในวนที่24หลายเดือนก่อน 
    เขาให้ความเกรงใจและรักษาน้ำใจคนไม่สนิทมากกว่าเราที่ออกปากว่าสนิทอีกเหรอ 
    คืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น 
    และเรามากันถึงจุดนี้ได้ยังไง 
    ผมได้แต่คิดอะไรปนเปในหัวไปเรื่อย และยังไม่ตอบตกลงตามคำเชิญ 

    ผมพยายามทบทวนตัวเอง
    ผมพยายามทบทวนมาตลอด ถึงเรื่องในครั้งนั้น 
    ผมพยายามมองอย่างเป็นกลาง 
    ไม่โทษพวกเขา ไม่โทษตัวเอง ไม่โทษมือที่3 

    ด้วยการตัดสินใจของผม 
    ทำให้ผมมายืนอยู่หน้าร้านอาหารในคืนพระจันทร์เต็มดวง  
    พวกเขามาด้วยกันครับ
    พวกเขามาพร้อมกัน 
    แค่ผมคนเดียวที่มาด้วยรถยนต์โดยสาร 

    ไม่มีคนรับสาย 
    ไม่มีใครอ่านข้อความ 
    ความคิดที่จะพยายามกลับมาเยียวยาที่ผมมี
    กำลังละลายไปตรงนั้น 
    ที่จริงก็เริ่มละลายเรื่อยๆ ระหว่างทางแล้ว

    เสี้ยวนาทีที่ผมกำลังจะหันหลังกลับ
    พร้อมความรู้สึกแย่ที่เต็มอกในตอนนั้น 
    พวกเขาได้ยื้อผมไว้ ด้วยคำง่ายๆ 
    คำที่พูดออกมาแบบไม่ใส่ใจ 

    ผมเข้าไปร่วมวง 
    ความรู้สึกใหม่ ในที่เก่าที่คุ้นเคย 
    เมื่อคืนเหมือนความรู้สึกตอนย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ระหว่างเทอมกลับมาอีกรอบแบบชัดเจน

    เพื่อนๆในห้องสนุกในเรื่องที่เรางงๆ 
    ขำกับมุกที่เราไม่ขำ เพราะจูนวัฒนธรรมเขาไม่ติด คุยเรื่ิองทริปเรื่ิองจิปาถะ เรื่องนั่นนี่ 
    ซึ่งเราไม่มีข้อมูลอะไรร่วมด้วย

    เรียกได้ว่าผมกำลังเกิด culture shock 
    จากการกลับมาเข้ากลุ่มที่เราเคยสนุกและปลอดภัยด้วยมากในอดีต 

    ผมได้แต่นั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกจนมีบางคนสังเกตเห็น
    แต่ก็ทำแค่เห็น 
    ไม่มีการพยายามเจือจางผมให้เข้ากับที่นั่น
    ไม่มีการพูดคุยใดๆ 
    ทุกอย่างขณะนี้น่าอึดอัดและตึงเครียด 

    ผมเหมือนจะเป็นลม 
    ผมเหมือนหูอื้อ 
    นี่ผมอยู่ที่ไหน 
    ทั้งที่รู้จักทุกคน ในระดับที่เรียกได้ว่าสนิท 
    ทั้งที่อยู่ในวงสนทนาและการพูดคุยแบบเดิม 

    ผมรับตัวเองไม่ไหวจนต้องออกมาอ้วกในห้องน้ำ
    ล้างหน้าล้างตา ทั้งที่จิบเบียร์ไปแค่สองอึก
    ผมโทรไปร้องไห้กับรุ่นน้องที่สนิทอีกคน 
    เขาแนะนำให้ค่อยเป็นค่อยไป 
    ผมหวังว่ามันจะดีขึ้นเมื่อผมกลับเข้าไปตรงนั้น

    ผมกลับเข้ามาด้วยสีหน้าผ่อนคลายกว่าเดิม
    เรียกว่าพยายามจะดีกว่า
    ในโต๊ะดูเหมือนจะเกิดความอึดอัดกับสิ่งที่ผมแสดงออกแต่ต้น 
    ทุกคนอาจคิดว่าผมมีปัญหาและกำลังโกรธพวกเขา 
    ไม่ใช่ครับ ผมแค่กำลังปรับตัวเองให้อยู่ที่นี่ให้ได้ปกติ 
    สีหน้าของผมมันชัดเจนว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเราอีกแล้ว 
    อาจเพราะตัวผมเองที่จากที่นี่ไปเป็นเวลานาน


    ที่นี่ไม่ได้มีใครเปลี่ยนไป
    หรือผมเองที่เปลี่ยนไป 
    หรือทั้งเราและพวกเขาไม่มีใครเปลี่ยน 
    เป็นเพียงระยะห่างที่ยังประกอบกันไม่ติด
    หรือจริงๆเราทั้งหมดที่เปลี่ยนไป 
    หรือที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ตัวพวกเราทั้งหมด
    แต่เป็นความสัมพันธ์ของพวกเรานั่นเอง.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in