เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Life in Thailand ที่นี่ประเทศไทยNitipoom K.
Me in theaเห้อ
  •      ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังมาก โดยเฉพาะการดูหนังในโรงภาพยนตร์ เพราะการดูหนังในโรงหนัง

         ผู้อ่าน : สรุปมึงจะเรียกโรงหนังหรือโรงภาพยนตร์กันแน่วะ
         นิติภูมิ : นั่นสิ นิติภูมิก็คิดนะว่ามันควรจะเรียกว่าอะไรดี

         เรื่องจะเรียกโรงหนังโรงภาพยนตร์ช่างมันเถอะครับ เหตุผลที่ชอบดูหนังในโรงคือ มันไม่ต้องรอแผ่นออกซ้ำซาก (ซึ่งการรอหนังที่อยากดูเข้าโรงมันก็ทรมานอยู่แล้วละครับ) นี่แหละทำให้ผมชอบไปดูหนังในโรง โรงที่ไปดูประจำก็จะเป็นโรง 1,2,6,7 และ 10 (ผู้อ่าน: กูว่าไม่ใช่แล้วมึง)
    ซึ่งประเด็นหลักในบทนี้ก็คือ.....

        ผู้อ่านท่านหนึ่ง : ห้ะ นี่ยังไม่เข้าเรื่องอีกใช่มั้ย จะอะไรกันนักหนาปั๊ดโธ่
        นิติภูมิ : ผมผิดไปแล้ว ไม่เล่นแล้วครับท่าน

         มาเข้าเรื่องกันเถอะครับ ความจริงตอนแรก (ประมาณเด็กๆจนถึงม.3) ผมแทบไม่มีความคิดที่จะเข้าไปดูหนังในโรงหนังแม้แต่นิดเดียว จุดเปลี่ยนมันเริ่มต้นที่ผมชอบดูรายการที่เกี่ยวกับฟุตบอลรายการหนึ่ง ซึ่งรายการนี้เค้ามีกิจกรรมให้ร่วมสนุกตอบคำถาม บลาๆๆทางเฟสบุ๊คแฟนเพจของรายการ สัปดาห์นึงผมก็ร่วมกิจกรรมไปตามปกติ (ตามประสาคนอยากได้ของฟรี(มีหนังรอบสื่อก็เชิญได้นะครับ อยากดูเรื่องCaptain America :Civil War มากๆ เอ๊ะกูว่าไม่ใช่ละนะ)) 
        วันต่อๆมาผมก็มีชื่ออยู่ในประกาศผลผู้โชคดีได้รับ ตั๋วหนังเครือเ(เซ็นเซอร์)มาสองใบ (ความจริงก่อนหน้านี้ได้รางวัลใหญ่กว่านี้เป็นสายคล้องคอลายสโมสร Liverpool แต่ไม่เกี่ยวกับหัวข้อเลยไม่บอก (ไม่ทันละมึง)) ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมเข้าสู่วงการดูหนังโรงเป็นครั้งแรก (ด้วยตั๋วฟรี)



  •     ก้าวแรกสู่สังเวียนมันก็ต้องมีเมาหมัดเล็กน้อย ผมยืนอึ้งแดกอยู่กับแม่หน้าโรงหนังสองคน คือตั๋วนี่มันใช้ยังไงวะ แล้วมันมีแต่เครื่องขายตั๋วด้วยนะ เท่าที่จำความได้ตอนเด็กคือคนต่อแถวกันเยอะแยะหน้าโรงหนัง แต่นี่มันอะไรกัน!! คนดูหนังแทบไม่มี มีแต่เครื่องขายตั๋วว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิต โชคดีที่ซักพักพนักงานก็เข้ามาช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี (ซึ่งต่อมาโรงที่นั่นก็เป็นโรงประจำของผมในชีวิตการดูหนัง)
        เรื่องที่ผมดูกับแม่ในวันนั้นก็คือ Jurassic world (มีชื่อที่ไทยมากๆว่า จูราสสิคเวิล์ด) ที่ดูเพราะตอนนั้นฉากห้าม Velociraptor ของ Owen (รับบทโดย Chris Pratt) เป็นอะไรที่ดูเฟี้ยวฟ้าวมากสำหรับผม นอกจากนั้นก็อะไรก็ไม่รู้ใส่ส้นสูงวิ่งไ(สปอยล์)
        การเบิกเนตรในวงการนี้ครั้งแรกจะเป็นไปอย่างสนุกสุดแฮปปี้ก็คงจะธรรมดาเกินไป เมื่อต้องเจอกับมนุษย์ลุง(ซึ่งก็คงแก่กว่าผมไม่กี่ปีหรอก)กับครอบครัวซึ่งชะตาต้องกันเข้ามาดูโรงเดียวกันกับผม (นั่งข้างๆกูเลยแหละมึงงงง) วีรกรรมแรกสุดเลยก็คือความไทยของพี่แกครับ เข้าโรงหนังสาย แบบว่ามันจะไม่มีไรให้หนักใจดั่งอุลตร้าแมนยืนทับหน้าอกเลยถ้าพี่แกไม่บัง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่บัง (ผมนั่งอยู่ตรงที่นั่ง D2 ตรงริมทางเดิน) ไม่เป็นไรต่อไปก็คงไม่มีไรแหละมั้ง (ตอนนั้นคิด ซึ่งกูคิดผิด) หลังจากนั้นพี่แกก็โชว์ความเป็นมนุษย์ลุงด้วยการนั่งไขว่ห้างครับ (ซึ่งตีนมึงโดนกูโว้ยยยยย)

       นิติภูมิ : (มองแรง)
       มนุษย์ลุง : (ยังคงดูหนังอย่างสตรองเหมือนเดิม)

       ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้การดูหนังครั้งต่อๆไปของผมจึงยอมจ่ายเพิ่ม 20 บาท เพื่อที่นั่ง Honeymoon (คนบ้าไรฮันนีมูนคนเดียว) ทำให้ไม่เจอเหตุวายป่วงอยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่งครับ ผมกับเพื่อนอีกสามคนชวนกันไปดู Anti-Hero แห่งยุคอย่าง Deadpool (นำแสดงโดย Ryan Reynold) (ซึ่งผมดูพากย์ไทยไปแล้วรอบนึงวันวาเลนไทน์(คนเดียวด้วยนะT^T#โสด))
  •      การดูเดดพูลรอบที่ 2 ของผมเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเปรียบได้กับ "การปฏิวัติอุตสาหกรรม"เลยทีเดียว
    (ผู้อ่าน : เปรียบซะสูงเลยนะมึง) คือผมเปลี่ยนจากการดูหนังพากย์ไทยมาเป็นเสียงต้นฉบับ(หรือที่คนส่วนมากเรียกว่า Soundtrack) แต่ที่เปลี่ยนไม่ใช่เพราะว่าพากย์ไม่ดีนะครับ เหตุสำคัญเกิดจากสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "เด็ก" ครับ เข้ามาปล่อยสกิลพากย์หนังในโรง แต่ก็โอเคครับที่น้องยังแค่บางฉาก อีกอย่างพี่ดูมาก่อนแล้ว พี่อภัยให้ได้ ฮ่าๆๆ
        แต่คนซวยจะหนีเสือยังไงมันก็ต้องมาปะจระเข้อยู่ดี เกือบล่าสุดครับไปดู Zootopia โรงเสียงอังกฤษ ซึ่งคิดว่าจะไม่มีเด็กแล้วนะ แต่ก็นั่นแหละครับ มีจนได้ คือก็ใช้ชีวิตการดูหนังปกติสุขดี ซื้อตั๋วหนังฮันนีมูนแถวB ซื้อข้าวโพดคั่วพันธุ์ก็อดออฟคอร์นพร้อมน้ำอัดลมทองคำหน้าโรงหนังเข้าไปกินด้วย แต่โชคชะตาดันนำพาให้เราสองมาเจอกันจนได้ ผมขอเรียกน้องเค้าว่า "น้องบัวขาว" แล้วกันครับ น้องเค้าอยู่แถวA
    นั่งตรงกับผมพอดีเป๊ะ และแล้วความวายป่วงก็ปะทุขึ้น สงสัยว่าคุณน้องบัวขาวคงเห็นเบาะที่ผมนั่งเป็น
    กระสอบทรายมั้ง วีรกรรมที่อยู่บนจุดสูงสุดเหนือกว่าการถีบเบาะหลายเท่า ผมขอยกย่องวีรกรรมนี้ว่าการซ้อมมวยผ่านเบาะที่นั่งดูหนัง แรงที่ถ่ายทอดมาถึงแผ่นหลังมีมาอยู่ตลอดเรื่อง ยิ่งฉากพีคๆนี่ยิ่งหนักเลย อย่างกับโรงหนัง 4มิติกันเลยทีเดียว
         
         ป้าผู้ปกครองน้องบัวขาว : อย่าไปถีบเบาะเค้าสิลูก เดี๋ยวป้าพาออกไปเลยนะ
         นิติภูมิ(ในใจ) : ถ้ามันจริงอย่างที่มึงพูดก็ดีนะป้า หลังกูนี่น่วมหมดแ....ล้........ววววววว(โดนซ้อม)
         
         คิดไปคิดมาแล้วชีวิตการดูหนังของผมนี่มันสุดยอดจริงๆ #theaเห้อ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in