เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MOVIEone fine day
22 ปี ทอย สตอรี่: เวลาที่หยุดนิ่งของวู้ดดี้และผองเพื่อน
  • ภาพยนตร์ของเล่นมีชีวิตที่โลดแล่นในหัวใจของคนดูมามากกว่า 20 ปี
     
             ไม่น่าเชื่อว่าทอย สตอรี่ ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกของ พิกซาร์ จะครบรอบ 22 ปี ในปี 2560 นี้แล้ว (ออกฉายครั้งแรกในอเมริกา ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538) แม้บางคนอาจจะไม่เคยดู แต่ทุกคนก็ต้องเคยได้ยินเรื่องราวการผจญภัยของของเล่นที่เป็นหนึ่งในตำนานของค่ายพิกซาร์เรื่องนี้แน่นอน วันนี้เราจะมาย้อนความหลังรำลึกถึงหนังเรื่องนี้เพื่อฉลองให้กับ 22 ปีของภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายๆ คน

             ทอย สตอรี่ นำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่ของบรรดาของเล่นต่าง ๆ  ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่านช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งกับบรรดาของเล่นแสนรักของเขา แอนดี้ เป็นเด็กชายตัวน้อยผู้ร่าเริง เขาอาศัยอยู่กับคุณแม่และน้องสาวในบ้านที่แสนอบอุ่น แน่นอนว่าช่วงเวลาที่มีค่าของแอนดี้คือการใช้เวลาอยู่กับจินตนาการอันกว้างไกลและผจญภัยไปกับของเล่นของตัวเอง 

             เด็กชายตัวน้อยหารู้ไม่ว่ายามเมื่อเขาละสายตาหรือเข้าสู่ห้วงนิทรา บรรดาของเล่นทั้งหลายที่นอนนิ่งอยู่ทั่วทุกมุมห้องจะพากันขยับตัวและใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเรื่องปกติ องค์ประกอบทั้งหมดนี้คงเป็นพล็อตสยองขวัญของหนังเขย่าขวัญสักเรื่องได้แน่ ๆ อย่างไรก็ตามพิกซาร์เลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวของเหล่าของเล่นตัวน้อยออกมาในรูปแบบของการผจญภัยที่น่าติดตามและมีการนำเสนอแปลกใหม่เป็นอย่างมาก
              โดยมีตัวละครสำคัญที่เป็นดาวเด่นของเรื่องอย่าง วู้ดดี้ คาวบอยหนุ่มของเล่นคู่ใจที่สุดของแอนดี้ และ บัซ ไลท์เยียร์ นักบินอวกาศหนุ่มผู้ที่ตอนแรกไม่รู้ว่าตนเป็นของเล่น จนกระทั่งมาเจอกับวู้ดดี้และผองเพื่อน ของเล่นทั้งสองที่มาจากต่างถิ่นต่างจักรวาล (ของเล่น) กลับต้องมาอยู่ด้วยกัน และกลายเป็นคู่หูที่ร่วมมือกันทำเรื่องต่าง ๆ มากมาย แม้ในตอนเริ่มแรกนั้นทั้งคู่ไม่มีความเป็นมิตรให้กันซะเลย แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็สามารถละทิฐิช่วยกันหาทางกลับมาหาแอนดี้ได้สำเร็จ



             ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแนวคิดที่ว่าลึก ๆ แล้ว ของเล่นนั้นต้องการให้เด็ก ๆ เล่นกับพวกเขา และความปรารถนานี้เองที่ผลักดันให้บรรดาของเล่นเกิดความหวัง ความกลัว รวมไปถึงความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นในจิตใจและนำไปสู่การกระทำต่าง ๆ ที่แอนดี้เองก็คงจะคาดไม่ถึงว่าในเวลาที่เขาไม่อยู่นั้น บรรดาของเล่นของเขาทำอะไรได้บ้าง ซึ่งเรื่องราวการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นของเหล่าของเล่นก็เป็นที่นิยมของผู้ชมที่รักและผูกพันกับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันพิกซาร์กำลังดำเนินการสร้างภาคที่ 4 ซึ่งมีกำหนดฉายกลางปี 2019

    ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องแรกของพิกซาร์
             ด้วยความที่ทอย สตอรี่ทุบสถิติต่าง ๆ และสร้างปรากฏการณ์มากมาย และทำรายได้ไปถึง 361 ล้านเหรียญ จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจเมื่อคิดว่าภาพยนตร์ใช้งบประมาณเพียง 30 ล้านเหรียญเท่านั้น พิกซาร์เป็นบริษัทเล็ก ๆ และมีทีมงานน้อย ในตอนที่ออกฉายในปี 2538 นั้น พิกซาร์เริ่มทำแอนิเมชันเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วยเทคนิคพิเศษที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือการสร้างโลกของตัวละครจากคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมากในยุคที่ทุกอย่างยังคงหมุนรอบการวาดด้วยมือของการ์ตูนดิสนีย์ ทั้งยังมีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย 
             แต่ ทอย สตอรี่ ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ความสำเร็จที่งดงามของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ทำภาพยนตร์แอนนิเมชันจากคอมพิวเตอร์และเกิดเรื่องอื่นๆ จากค่ายต่างๆ ออกมาเรื่อย ๆ แน่นอนว่าพิกซาร์สามารถรักษามาตรฐานได้อย่างน่าชื่นชม และนั่นทำให้ภาคต่อของทอย สตอรี่หรือ ทอย สตอรี่ 2 นั้น กลายเป็นแอนิเมชันเรื่องแรกที่สามารถทำรายได้สูงกว่าภาคแรก โดยภาคนี้สามารถทำรายได้ในอเมริกาไปกว่า 245 ล้านเหรียญ และกวาดรายได้ทั่วโลกไปอีก 485 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลลูกโลกทองคำ และยังกลายเป็นหนังแอนิชั่นที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2542
             ความสำเร็จที่กล่าวมานี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าในตอนนั้นจอห์น เลสเซ็ตเตอร์ ผู้กำกับทอย สตอรี่ ยอมให้ทำเป็นการ์ตูนทุนต่ำลงแผ่นอย่างที่ดิสนีย์ต้องการ ซึ่งในขณะนั้นดิสนีย์ถือลิขสิทธิ์ตัวละครของสตูดิโอพิกซาร์ทั้งหมด ทำให้เกิดต้องมาเจรจากันสักพัก จบลงด้วยการที่ดิสนีย์ทุ่มเงินซื้อพิกซาร์ซะเลย ดิสนีย์จึงเข้ามาเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ก็ยังให้อิสระกับพิกซาร์ในการผลิตแอนิเมชันของตัวเองอยู่เช่นเดิม
      

    Andy's growing up!
             การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน แม้แต่แอนดี้ที่รักบรรดาผองเพื่อนตัวเล็กของเขามากกว่าสิ่งใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่อาจจะเป็นเช่นเดิมได้อีก เนื้อหาของ ทอย สตอรี่ 3 ที่ตอนนั้นกลายเป็นแอนิเมชันที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก (สถิติปี 2553) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อแอนดี้อายุ 18 ซึ่งพร้อมที่จะออกจากบ้านไปอยู่ด้วยตัวเองแล้ว กาลเวลาทำให้เด็กชายตัวน้อยกลายเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังจะเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เขาในตอนนี้ไม่มีความสนใจที่จะเล่นของเล่นกับชาวแก๊งอีกต่อไป รวมถึงน้องสาวของเขาที่โตขึ้นแล้วและสนใจที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่าเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ แน่นอนว่าเหล่าของเล่นเสียใจมากที่ทั้งสองคนเปลี่ยนไปเช่นนี้ ในที่สุดวันที่พวกเขาไม่อยากให้มาถึงก็เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือวันที่แอนดี้จะโตเป็นผู้ใหญ่และเลิกข้องเกี่ยวกับพวกเขาเนื่องจากมีสิ่งอื่นที่ต้องทำ

     So long, partner ลาก่อน..เพื่อนยาก
             การมอบของเล่นแสนรักให้กับคนอื่นไปทำให้แอนดี้ใจหายไม่น้อย แต่เขาก็ยอมรับได้และยอมแม้กระทั่งให้วู้ดดี้ที่ตอนแรกเขาตั้งใจจะพาไปที่มหาวิทยาลัยด้วยไปอยู่กับเพื่อนตัวอื่น ๆ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดก้าวผ่านความเป็นเด็กไปสู่โลกความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวของแอนดี้ ที่ตัดสินใจจะก้าวต่อไปโดยไม่เอาวู้ดดี้ที่เป็นของเล่นชิ้นที่เขารักและผูกพันมากที่สุดไปด้วย ก่อนจะจากกัน แอนดี้ทิ้งท้ายกับเจ้าของคนใหม่ของบรรดาของเล่นว่าให้ดูแลพวกเขาให้ดี ของเล่นเหล่านี้มีความหมายกับเขามากมายเหลือเกิน..
             เมื่อเขาจะขับรถออกไปนั้น แอนดี้หันไปมองและขอบคุณบรรดาของเล่นเบา ๆ กับตัวเอง นี่คงเป็นการจากลาฝ่ายเดียวในความคิดของแอนดี้ เขาไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าวู้ดดี้เองก็บอกลาเขาว่า “So long, partner” ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก และมองรถที่ขับออกไปจนลับตาเช่นกัน 
             กาลเวลาไม่ได้ทำให้แอนดี้รักบรรดาของเล่นน้อยลง พวกเขายังคงอยู่ในส่วนนึงในหัวใจของเขาและเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้แอนดี้เป็นคนแบบที่เขาเป็นในวันนี้



             การจากลาครั้งนี้เป็นสิ่งที่กระแทกใจผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะเราเองก็เคยมีช่วงเวลาที่สนุกสนานและล้ำค่ากับของเล่นของตัวเองเช่นกัน เมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย ของเล่นเป็นเหมือนเพื่อนที่อยู่ด้วยกันทุกชั่วขณะและเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ให้ความสำคัญมากที่สุด
              ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ได้นำเสนอแค่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของแอนดี้ แต่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นไม่มีอะไรที่เป็นเหมือนเดิมหรือยั่งยืนได้ตลอดไป เราทุกคนในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าครั้งนึงการได้เล่นของเล่นและมีชีวิตวัยเด็กจะเป็นสิ่งที่สนุกสนานและมีความสุขมากเพียงใด แต่ทุกคนก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่  สุดท้ายแล้วแอนดี้ก็ต้องทิ้งของเล่นของเขาไว้ข้างหลังและก้าวต่อไป

             แม้กระทั่งตัววู้ดดี้เองก็ยอมรับความจริงข้อนี้ได้เช่นกัน เขาไม่ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความเศร้า หลังจากที่มองแอนดี้ขับรถออกไปจนลับตา เขาลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง และเตรียมตัวสำหรับการทำหน้าที่ให้ความสนุกสนานกับเจ้าของคนใหม่ แม้ว่าจะเศร้ากับการจากลา แต่เขารู้ว่าเขายังมีเหล่าผองเพื่อนที่จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

             โลกของมนุษย์จำต้องหมุนต่อไป แต่สำหรับบรรดาของเล่นนั้นวันเวลาไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย พวกเขายังคงรอคอยอยู่ที่มุมเดิม แม้ว่าในช่วงเวลานี้จะเป็นอาทิตย์ครบรอบ 22 ปี ของการ์ตูนที่เรารักและผูกพัน แต่เมื่อย้อนกลับไปดูหรือนึกถึงเรื่องราวอบอุ่นหัวใจที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเดิมเสมอ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Anochao Phetcharat (@fb1021894053272)
ผมขอรบกวนสอบถามหน่อยครับ ข้อมูลที่บอกว่า "ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538" ไม่ทราบว่าเป็นการเข้าฉายที่ไทยหรือเปล่าครับ หรือว่าอเมริกา
one fine day (@Ohyaya)
@fb1021894053272 เป็นของที่ไทยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ