เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LAKORNWATCHIES
Special Labor Inspector "Jo Jang Poong" เมื่อเราทุกคนคือแรงงานที่ถูกกดขี่ด้วยกันทั้งนั้น

  • Special Labor Inspector "Jo Jang Poong" ซีรีส์แนวแอคชั่น/คอเมดี้ ว่าด้วยเรื่องราวของ "โจจินกับ" ผู้ชายธรรมดาที่ต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมจากพวกผู้มีอำนาจมาตลอด ตั้งแต่สมัยเป็นนักกีฬายูโดจนต่อออกจากวงการกลายมาเป็นครูพละในตำนานก็มีเรื่องราวว่าทำร้ายนักเรียนจนต้องลาออก และมาลงเอยที่การมุมานะสอบข้าราชการจนผ่านกลายเป็นผู้ตรวจสอบแรงงานในที่สุด มาเอาใจช่วยเขาในการต่อสู้กับพวกผู้มีอำนาจ และร่วมทุกข์สุขกับตัวละครที่เป็นเพียงแรงงานเหมือนกับพวกเรา ว่าเขาต้องเจออะไรบ้าง

    แนะนำตัวละครกันตามธรรมเนียมค่ะ

    โจจินกับ ชายผู้รักในความยุติธรรมต่อต้านกับพวกผู้มีอำนาจมาตลอด


    ชอนด็อกกู อดีตลูกศิษย์ของโจจินกับ ผู้ช่วยมือขวาของเขา เอาเป้นว่าถ้าไม่มีเขา โจจินกับคงโดนไปตั้งแต่แรกแล้ว

    อูโดฮา อดีตลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของโจจินกับ ทนายความแสนเจ้าเล่ห์แห่งมยองซองกรุ๊ป




    "ต่อจากนี้ไปจะมีการแสดงความคิดเห็นของเราปะปนอยู่ด้วยนะคะ
    แล้วเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องด้วยนะคะ"

    ตัวอย่างมาแนวแสบๆก๊วน มากันเป็นแก๊ง แน่นอนค่ะว่าตรงตามปกเป๊ะ เพราะเป็นซีรีส์แอคชั่นคอเมดี้แบบก๊วนๆว่าด้วยเรื่องราวของการต่อสู้กับผู้มีอำนาจ(รอบที่สาม) ติดมุกตลกและเป็นแนว squad กวนๆ ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของผู้ตรวจสอบแรงงานอย่าง "โจจินกับ" ที่พยายามต่อสู้กับระบบการทำงานที่กดขี่แรงงานอย่างไม่เป็นธรรมของกลุ่มบริษัทมยองซองกรุ๊ป และยังฉายไปให้เป็นถึงการที่แรงงานถูกกดขี่ในหลายๆแง่มุมอย่างน่าสนใจ โดยได้นำเสนอปัญหาต่างๆที่แรงงานกลุ่มต่างๆต้องเผชิญ ผ่านการใส่สีสันให้กับตัวละคร เลยทำให้เล่าได้ออกมาไม่เครียดจนเกินไป และยังเชื่อมโยงกับเรา เหล่าคนดูในฐานะแรงงานได้อย่างไม่คาดคิด


    โจจินกับ รับบทโดยคิมดงอุค (ผู้ชายที่รับงานละครปีละเรื่อง เรื่องละคาแรคเตอร์ติดกันมาสี่ปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่ 5 พี่เขาเล่น You are my spring นะคะ ฝากลองรับชมได้ค่ะ 555) ที่มาในลุคอดีตนักยูโดตัวหนาๆหน่อย โจกินกับเป็นผู้ชายเถรตรง ค่อนข้างตรงไปตรงมาด้วย เลยเป็นตัวละครที่ออกจะซื่อๆสักหน่อย เพราะคิดทุกอย่างเป็นเส้นตรง ไม่มีนอกมีใน เลยเป็นตัวละครที่ดูจะมีความตั้งใจที่ดี แต่ช่วงแรกๆคิดไม่ทันพวกผู้มีอำนาจว่าเขาจะพลิกเกมกันอย่างไร
    นอกจากนี้ในมุมของคนที่รักความยุติธรรมแล้ว ซีรีส์ยังให้เห็นภาพครอบครัวที่มีปัญหาของเขา ว่าในโลกแบบนี้การที่เขาเป็นคนแบบนี้ส่งผลอย่างไรต่อคนรอบข้าง แม่ของลูกเขาก็ไม่ชอบที่เขาเป็นคนเถรตรง ยุติธรรมขนาดนี้ เพราะมองว่ามันนำปัญหามาให้ครอบครัว ที่ทำงานก็ไม่ชอบเพราะมองว่าคนแบบนี้เป็นตัวปัญหาให้กับทีม เป็นข้าราชการทำงานเช้าชามเย็นชามก็พอแล้ว จะไปเหนื่อยต่อสู้กับคนพวกนั้นทำไม และก็ยังทำให้เราได้เห็นว่าเขาได้เปลี่ยนความคิดคนรอบข้างไปอย่างไรบ้าง
    คิมดงอุคตีความโจจินกับออกมาได้เป็นที่รักของคนดูแบบเรามาก เป็นตัวละครที่เราเอาใจช่วยเขาให้ผ่านไปได้ในทุกๆเรื่อง เป็นผู้ใหญ่ใจดีในแบบที่เรารู้สึกไว้ใจได้ว่าถ้ามีปัญหาเราจะวิ่งเข้าไปหาเขา (เราชอบมาก เพราะก่อนหน้านี้เราดู find me in your memory มาก่อน เขาเล่นเป็นอีกคาแรคเตอร์หนึ่ง และใน the guest ที่ดูเมื่อปีก่อนก็เป็นอีกแบบหนึ่งเลย เลยค่อนข้างประทับใจมากกับการรับบทนี้ของเขา) ชอบวิธีการออกเสียงของเขาในเรื่องนี้มาก ดูตรงไปตรงมาและโผงผางเข้ากับคาแรคเตอร์มาก


    คงเพราะคนเขียนวางตัวละครอย่างโจจินกับมาให้เป็นคนซื่อๆ เลยต้องส่งเขาคนนี้มาเป็นคนระวังหลังให้อย่าง ซอนด็อกกู ที่ได้คิมคยองนัม คนที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาจาก The king eternal monarch มารับบทเป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบชู้เป็นหลัก ช่วยคนทวงเงินค่าจ้างเป้นรอง ที่ได้แวะวนมาเจอกับครูของเขาอีกครั้ง เลยได้รวมมือกันสืบสวนหาหลักฐานต่างๆในการช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับแรงงานและเริ่มลุกลามไปถึงเบื้องหลังของใช้อำนาจในทางที่ผิดของเหล่าผู้มีอำนาจต่างๆ
    แน่นอนว่าเป็นตัวละครที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะกว่า เลยเป็นคนคอยระวังหลังชั้นดีให้กับโจจินกับ แต่ตัวเขาก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่คิดไม่ทันเลยกลายเป็นส่วนเสริมที่ดีของกันและกันในฐานะของคู่หูกลายๆ กับครูและลูกศิษย์ เป็นตัวละครที่ไม่ซับซ้อน และรักเพื่อนฝูงด้วย
    คิมคยองนัมเล่นออกมาได้น่ารักน่าหยิกมาก ทั้งในมุมของคนที่รู้สึกผิดกับครูมาตลอดเลยกลายมาเป็นคนช่วยเขา หัวหน้าทีมที่รักลูกน้อง ผู้ชายเท่ๆเจ้าของสำนักงานนักสืบ และชายคนนี้ผู้หลงรักเธออย่างหัวปักหัวปำ ดูแล้วชอบเขามาก



    และตัวละครสำคัญของเราที่ถูกวางมาซับซ้อนที่สุดในเรื่องอย่าง อูโดฮา เขาคือคนที่เสียอะไรไปมากมายกับคนกลุ่มนี้ แต่เชื่อว่าโลกมันแย่ เราน่ะก็ต้องสู้แบบนี้เนี่ยแหละเพื่อช่วงชิงอำนาจ เกาะติดผู้มีอำนาจและหาทางช่วงชิงอำนาจ นี่น่าจะเป็นแนวทางในการต่อสู้กับระบบของเขา ทำให้เป็นตัวละครที่เจ้าเล่ห์และรอบจัดมาก ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้อำนาจนั้น เลยดูจะไม่น่าไว้ใจจนวินาทีสุดท้าย

    เป็นตัวละครที่น่าจะมีการพัฒนามากที่สุด แม้ว่าจะรู้สึกว่าจุดเปลี่ยนมันจะดูฉับพลันไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ไม่สมเหตุสมผลขนาดนั้น เพราะเรื่องก็ปูแนวทางให้เขาสามารถมาตรงนี้ได้ เขาค่อยๆหยอดความสงสัยให้กับตัวอูโดฮาว่าอะไรกันแน่คือวิธีการต่อสู้กับความอยุติธรรมที่ควรจะเป็นมาตลอด โดยที่รยูดอคฮวานก็ตีความตัวละครตัวนี้ออกมาได้ทั้งหน้าหมั่นไส้แต่ก็อดที่จะแอบสงสารเขาไม่ได้



    เอาจริงๆเราชอบการสร้างตัวละครของเขามาก เราอาจจะไม่ได้เห็นการพัฒนาตัวละครที่เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจ แต่เขาวางตัวละครทุกตัวในเรื่องมาเป็นคนธรรมดาบนเซตติ้งที่ติดเว่อร์ๆไปสักหน่อย เป็นคนธรรมดาจริงๆ มีในหลายๆแง่มุม และมีหลากหลายเหตุผลในการกระทำ(แม้อาจจะรู้สึกฉับพลันและแปลกๆไปบ้าง) เขาไม่ได้วางตัวละครมาขาวหรือดำจนเกินไป แต่หาเหตุผลให้กับการตัดสินใจแต่ละอย่างของตัวละคร มันเลยน่าสนใจมากขึ้น เพราะในโลกแบบนี้ คนเราก็เป็นแบบนี้เนี่ยแหละ
    จริงๆชอบมากที่จุดร่วมมือร่วมใจของคนในองค์กรการตรวจสอบแรงงานไม่ใช่พระเอกของเราที่หักกับหลายคนเพื่อผดุงความยุติธรรมแต่อย่างไร แต่เป็นพนักงานผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนดี และคอยช่วยเหลือทุกคนในที่ทำงาน เป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงาน มันเป็นจุดที่ทำให้เราเห็นว่าภาที่มันใกล้ตัวมันชัดกว่าไกลตัว พระเอกคอยช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนซึ่งมันเป็นมุมที่ไกลจากตัวข้าราชการพวกนี้ แต่พอเรื่องมันเกิดกับคนที่ทำดีกับเรา และเป็นคนใกล้ตัวเรามันก็ง่ายกว่าที่เราจะตระหนักตรงนี้
    เราว่าเขาสร้างตัวละครมาได้น่าสนใจมาก แต่ตัวละครที่เยอะทำให้อาจจะไม่สามารถลงดีเทลตัวละครได้ลึกมากนักนี่ก็เป็นเรื่องที่ชวนเสียดายสำหรับเรา เพราะตัวละครสมทบตัวอื่นๆมีเสน่ห์จนน่ารู้จักมาก




    "เรื่องพวกนี้อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราสักวัน
    ในฐานะแรงงานคนหนึ่งในฟันเฟืองทุนนิยมแบบนี้"

    นี่คงเป็นคอนเซปต์ที่ใช้เล่าเรื่องนี้ ทีแรกทุกอย่างมันดูยากไปหมดเพราะเขาเล่าจากในมุมของข้าราชการที่มีกระบวนการยุ่งยากไปหมด แถมทำงานเช้าชามเย็นชามไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ไม่ไปยุ่งกับอะไรที่ไม่ควรยุ่งเขาเราก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายไปได้จนเกษียณ เลยอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องทำอะไรนอกกรอบงานที่เราทำได้ ก็แค่ทำงานรับเงินเดือนไปวันๆ แต่โจจินกับที่ท้อแท้กับการใช้ชีวิตแบบนี้ รู้สึกว่าควรจะช่วยเหลืออะไรสักอย่างกับแรงงานได้เลยเริ่มลงมือทำขึ้นมา

    เราชอบความคลิเช่และดูง่ายของเรื่องนี้มาก มันเล่าบนเซตติ้งเว่อร์ๆหน่อย หลายๆคนมีศีลธรรมในหัวใจ ทำให้ทุกเรื่องดูเหมือนจะแก้ปัญหาง่ายกว่าที่เราคิดไว้ แต่เราว่านี้เป็นข้อดีนะ เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าปัญหาพวกนี้มันสามารถถูกแก้ไขได้ เป็นกำลังใจให้เรากับเราในฐานะแรงงานคนหนึ่งที่อาจจะเจอเรื่องแบบนี้ได้ ก็เลยมองว่าเป็นข้อดีจังเลย และเรื่องมันไม่ได้ถูกเล่าอย่างซับซ้อน ซีรีส์เล่าทุกอย่างแบบตรงไปตรงมาตามคาแรคเตอร์ของตัวโจจินกับมันเลยดูเป็นมิตรกับคนดูแบบเรามาก เรียกว่าอาจจะเป็นซีรีส์ที่สร้างภาพดีๆให้เราว่ายังมีหวังว่าสักวันเราอาจจะเจอราชการแบบโจจินกับกับทีมงานของเขาก็ได้


    ปัญหาแรงงานที่ถูกพูดถึงในเรื่องนี้เริ่มกันที่ปัญหาของการจ่ายค่าจ้างล่าช้าให้กับพนักงานขับรถ การบังคับให้คนขับรถสาธารณะทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อประหยัดค่าจ้าง และทำกำไรให้กับบริษัทเดินรถ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจระงับการดำเนินกิจการชั่วคราวเนื่องด้วยว่าเป็นกิจการสัมปทานเดินรถสาธารณะที่ส่งผลกระทบมากมาย และเรื่องก็ทำให้เห็นผลกระทบจริงๆแต่อาจจะหาทางออกให้พระเอกง่ายไปหน่อย ตามสไตล์เรื่อง 555555

    ต่อมาเป็นพนักงานในบริษัทไอทีที่มาทำงานแบบไม่มีสัญญาจ้าง ต้องทำงานอย่างหนักเพราะคำว่าประสบการณ์ยังไม่มากพอที่จะออกไปโตที่อื่น นอกจากการทำงานที่หนักเกินเพราะไม่มีคนช่วยแบ่งเบางานจนส่งผลกับสุขภาพ  เธอยังถูกค้างจ่ายค่าจ้างจากทางบริษัทที่อ้างว่างานเธอไม่ผ่านลูกค้าเลยไม่ได้รับค่าจ้าง และเจอกับปัญหาการลวนลามทางเพศจากผู้ที่มีอำนาจมากกว่าด้วย เราชอบพาร์ทนี้มาก เขาเล่าให้เราเห็นว่าพนักงานออฟฟิศที่นั่งโต๊ะทำงานก็เป็นแรงงานเหมือนกัน และมันเป็นการแซะวัฒนธรรมในการทำงานสายนี้ไว้ได้น่าสนใจด้วย ผ่านเลนส์ข้าราชการที่ทำงานเป็นผู้ตรวจการแรงงาน
    เขาแวะแตะเรื่องการทำงานนอกเหนือหน้าที่ของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ และการทำงานอย่างหนักของพวกเขา ซึ่งก็ถูกเล่าออกมาในแง่แรงงานที่ถูกเอาเปรียบโดยโรงพยาบาล การได้เห็นพยาบาลออกมาบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองและหมอที่ทำงานอย่างหนักในฐานะแรงงานเราว่าแปลกใหม่มาก และยังมีการพูดถึงการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย

    จริงๆเขาแอบพูดถึงพวกลูกกระจ๊อกที่เป็นนักเลงให้กับพวกคนใหญ่คนโตด้วย อันนี้ชอบมากที่เขาเล่าผ่านบทของพระเอกว่า "ต่อให้พวกนายเจ็บป่วยไป คนพวกนี้ก็ไม่ดูแลพวกนายหรอก" อันนี้คือดูแล้วว้าวดี เราไม่คิิดว่าเขาจะพูดถึงคนตรงนี้ในฐานะแรงงานด้วย

    พูดถึงปัญหาด้านความปลอดภัยของคนงานในไซต์ก่อสร้าง ชอบการที่เขาแฟลชแบ็คไปให้ตัวเจ้าของได้คิดบ้างว่าถ้าเป็นตัวเองต้องมาทำงานในมาตรฐานนี้จะเป็นอย่างไร แต่เรื่องที่ยิ่งกว่านั้นคือการทืี่เขาเล่าเรื่องการปัดภาระของการเกิดอุบัติเหตุในไซต์งานด้วยการย้ายคนงานที่เกิดเหตุภายในไซต์ออกไปไว้นอกไซต์เพื่อปัดการรับผิดของบริษัท
    นอกจากนี้แล้วยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในโรงงานที่เขาได้พูดถึงไว้ การประหยัดต้นทุนในการจัดการเรื่องต่างๆให้ปลอดภัยและถูกต้องเพื่อกำไรของคนข้างบนน่ะมันส่งผลกับชีวิตแรงงานข้างล่างอย่างไรบ้าง แม้ว่าแรงงานจะส่งเสียงไปถึงคนบนหอคอยแล้วแต่ปัญหาของเขาก็ไม่ได้รับการแก้ไขเพราะมันส่งผลต่อผลประโยชน์ที่คนข้างบนจะได้รับ
    แม้ละครจะถูกเล่าอย่างตรงไปตรงมา แต่พลอตก็วางให้เราได้เห็นการกดขี่แรงงานเพื่อตอบสนองความต้องการและผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียวได้อย่างเห็นภาพชัด และยังหยิบยกตรงนี้ไปพูดถึงนักการเมืองและทีมงานหาเสียงในเรื่องที่ทำแม้แต่การเอาเปรียบแรงงานพาร์ทไทม์จนตัวเขาต้องโดนคดีเพราะความไม่ใส่ใจในแรงงาน หรือใช้อำนาจบีบบังคับแรงงานในโรงงานของตัวเองให้มาช่วยเป็นกันเป็นทีมหาเสียง เป็นหน้าม้าให้กับตัวเองอีกด้วย

    นอกเหนือจากปัญหาหลักๆพวกนี้เขายังสอดแทรกปัญหาของพนักงานพาร์ทไทม์ที่มักจะมีช่วงอายุอยู่ในวัยนักเรียน นักศึกษา มีเรื่องแรงงานต่างชาติด้วย ที่มักจะถูกนายจ้างโกงเงินค่าจ้างอยู่บ่อยๆ และเอาเปรียบในแง่ของสวัสดิการต่างๆ (เนื่องด้วยมองในฐานะว่าตัวเองเป็นผู้ใจบุญที่ได้ทำให้คนพวกนี้มีงานทำ) ไว้เรื่อยๆเลย

    ทีมงานเขาเล่าจากเรื่องราวเล็กๆแต่สะท้อนให้เห็นภาพในสเกลใหญ่ของพวกยอดพีระมิดว่าได้ประโยชน์จากการกดขี่แรงงาน และเสวยสุขอยู่บนนั้นอย่างไร และยังให้บทเรียนกับคนพวกนั้นอย่างสาสมแก่ใจในคนดูอย่างไร ก็แอบเป็นกำลังใจเล็กๆให้เราในฐานะแรงงานหวังว่าสักวันหนึ่งคนพวกนี้มันจะโดนลงโทาบ้าง 555555 และยังแวะไปให้ความเห็นใจกับหัวหน้างานที่แม้ว่ามันจะกดขี่พนักงานตัวเล็กๆแต่ก็ยังถืออว่ามันเป็นแรงงานที่ถูกกดขี่อยู่ดี

    ทำให้เราคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการที่ซีรีส์เรื่องนี้เล่าในฐานะว่าเราทุกคนเป็นแรงงาน ตราบใดก็ตามที่เราไม่ใช่เจ้าของเงินทุนเราก็ยังคงเป็นแรงงานอยู่ดี ไม่ว่าจะตำแหน่งสูงแค่ไหน ทำงานในระบบหรือนอกระบบ แม้กระทั่งเป็นนักเลงให้คนกลุ่มหนึ่งก็ยังถือว่าเป็นแรงงานอยู่ดี เราชอบมากที่เขาเล่าให้เห็นว่าพนักงานในตำแหน่งสูงๆก็ยังสามารถถูกเลิกจ้างงานแบบไม่เป็นธรรมได้ ช่วยให้เราตระหนักอยู๋ทุกขณะว่าเราเป็นแรงงานที่สามารถโดนปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมได้เหมือนกันกับตัวละคร

    แน่นอนว่าในชีวิตจริงการต่อสู้กับนายจ้างที่ปฏิบัติกับเราอย่างไม่เป็นธรรมมันไม่ได้ง่าย เราไม่ได้มีทีมงานคอยช่วยเหลือแบบนี้ แต่ตราบใดที่เรายังคงเป็นแรงงานในระบบทุนนิยมแบบนี้
     ก็หวังว่าในชีวิตเราจะได้เจอกับข้าราชการน้ำดีแบบโจจินกับบ้างแหละนะคะ

    -------------------------------------------------

    ซีรีส์มันเบียวมาก 5555 เบียวในทางที่ดี และจับมือพากันไปจนสุดทาง เราว่าเป็นความบันเทิงชั้นดีกับเรื่องนี้ เพราะตัวละครที่ถูกวางมาอย่างดี แม้บางอย่างมันดูเกินจริงไปบ้างเราก็ปล่อยไปได้ เพราะไวบ์การเล่าเรื่องที่มันดูสนุกสนาน ติดตลก มันเลยพาเราคนดูไปได้เรื่อยๆจนจบ อยากให้ลองดูนะคะ ซีรีส์แนวต่อสู้กับความอยุติธรรมจากพวกผู้มีอำนาจก็สามารถเล่าออกมาสนุกและมีสีสันแบบนี้ได้เหมือนกัน



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in