เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
이밤에 이야기를 할까요?pandora
Tsurune ก้าวผ่านความกลัว มุ่งสู่ความฝัน
  • สวัสดีค่ะ หลังจากหายไปนาน (มาก ๆ) วันนี้เราขอกลับมารีวิวสักหน่อย คราวนี้เป็นอนิเมะทางฝั่งญี่ปุ่นค่ะ นั่นก็คือเรื่อง... Tsurune (ツルネ) หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Tsurune: Kazemai Koukou Kyudoubu (ツルネ -風舞高校弓道部) นั่นเองค่า

    ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    ขอแปะโปสเตอร์ให้ชมหนุ่ม ๆ ของเราสักหน่อย

    ความจริงเราห่างหายจากอนิเมะแนวกีฬามานานพอสมควรค่ะหลังจากที่ตาม Free และ Haikyu ไม่ทัน แต่หลังจากที่ยูทูปตัวดีของเราได้สุ่มเพลงนี้มาให้เราฟัง และด้วยความดีงามของเพลงและคัทที่เข้ากับเพลงเหลือเกิน (บวกกับความดีงามของหนุ่ม ๆ ในเรื่อง) เราก็ไม่รอช้าไปหามาดูทันทีค่ะ!! (เพลงอาจมีสปอยล์นิดหน่อยนะคะ) ซึ่งเรื่องนี้มีให้ดูใน AISPlay ค่ะ


    หลังจากที่ได้ดูมาก็พบว่าเป็นอนิเมะที่ดูแล้วสดชื่นขึ้นมาเลยทีเดียว สมกับชื่อเรื่อง และคอนเสปเลย แต่ก่อนอื่นเราต้องขอเล่าเนื้อเรื่องย่อ ๆ และแนะนำตัวละครกันก่อนสักเล็กน้อยค่ะ

    Tsurune เป็นเรื่องราวของมินาโตะ เด็กหนุ่มผู้หลงใหลในการยิงธนูแต่กลับต้องหยุดเล่นไปด้วยเหตุผลบางอย่าง และเมื่อมินาโตะได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายคาเสะไมก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์และเพื่อน ๆ และเขาก็ได้ร่วมชมรมคิวโดในที่สุด พร้อมกับเป้าหมายที่จะร่วมกันเอาชนะการแข่งขันในระดับจังหวัดให้ได้

    ตัวละคร
     Minato Narumiya (CV: Yūto Uemura)
    หนุ่มน้อยตัวเอกของเรื่องผู้ที่คลั่งไคล้ในการยิงธนู ก่อนจะตัดสินใจหยุดเล่นและย้ายโรงเรียนจากคิริซากิมายังคาเสะไมและค้นพบเป้าหมายในการยิงธนูของตนเอง


     Seiya Takehaya (CV: Aoi Ichikawa)
    หนุ่มแว่นเพอร์เฟคบอย เพื่อนสนิทของมินาโตะ ด้วยปมในใจและความรักเพื่อนทำให้ย้ายโรงเรียนตามมินาโตะมาและได้กลายมาเป็นกัปตันทีมของชมรมคิวโดแห่งคาเสะไมในภายหลัง (และได้เป็นเมนเราตั้งแต่แรกเห็น--)

    Ryouhei Yamanouchi (CV: Ryota Suzuki)
    เพื่อนสมัยประถมของมินาโตะและเซยะ เด็กหนุ่มที่ร่างเริง ใจดี เขามองเห็นมินาโตะเป็นเหมือนฮีโร่ และเป็นคนที่ทำให้เพื่อนทั้งสองได้มารู้จักกับชมรมคิวโด

    Kaito Onogi (CV: Kaito Ishikawa)
    หนึ่งในสมาชิกชมรมคิวโดแห่งคาเสะไม รักและภูมิในในการเป็นนักธนูสุด ๆ หัวร้อนง่าย เสียงดัง บวกกับตาที่ดูดุตลอดเวลาเลยทำให้คนอื่นกลัวกันไปหมด

    Nanao Kisaragi (CV: Shogo Yano)
    ลูกพี่ลูกน้องของไคโตะ น่ารัก สดใส เป็นที่รักของเหล่าสาว ๆ ในโรงเรียน เปรียบเสมือ mood maker ของชมรม (แต่ความจริงก็ทำคนในชมรมปวดหัวเหมือนกัน)


    Shū Fujimura (CV: Kensho Ono)
    เพื่อนสมัยมัธยมของมินาโตะและเซยะ ดาวเด่นของชมรมคิวโดแห่งคิริซากิ ถ้าเทียบแล้วก็เรียกว่าเป็น ace ของพวกนักเรียนเลยก็ว่าได้ ด้วยท่วงท่าการยิงที่สง่ามเลยได้ฉายาว่า 'Young Lord' หรือในแปลไทยก็คือเป็น 'ขุนนาง' (ใช่ค่ะ นางสมฉายามาก สูงศักดิ์สุด ๆ)

    Misaki Takigawa (CV: Shintarō Asanuma)
    โค้ชคนเก่งของเด็ก ๆ คาเสะไม ผู้เข้ามาทำให้ชีวิตของมินาโตะเกิดจุดเปลี่ยน ความจริงเป็นนักยิงธนูที่มีงานเสริมเป็นนักบวช เป็น ace ตัวจริงของเรื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ


    เอาล่ะค่ะ เมื่อพอรู้ข้อมูลคร่าว ๆ แล้วเราก็มาเข้าสู่ช่วงรีวิวของเรากันดีกว่าค่ะ!! *ซึ่งการรีวิวนี้อาจจะมีการสปอยล์เนื้อหาเล็กน้อยถึงน้อยมาก ๆ แต่พยายามจะไม่ให้กินแกนเรื่องหรือเนื้อเรื่องหลักนะคะ จะเป็นการแชร์มุมมองของเราเป็นหลักค่ะ หากใครที่คิดว่าอยากดูเองก่อนแล้วเอามาแชร์กันก็ข้ามได้นะคะ*



    อันดับแรกเลยเราอยากคุยตั้งแต่ประเภทของอนิเมะเลยค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเดี่ยวนี้ทางญี่ปุ่นได้ทำเมะกีฬาออกมาเยอะเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้ดูอนิเมะที่ออกมาช่วงหลัง ๆ เลยอย่างที่พูดไปข้างต้น แต่ถ้าหากจะลองเปรียบเทียบกับที่เราดูซึ่งก็คือ Free! สำหรับเราเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่สบาย และให้ความรู้สึกหลังดูที่เบามากกว่าค่ะ แต่นั่นอาจจะเพราะความยาวของเนื้อเรื่องที่ไม่เท่ากัน และลายเส้นที่ให้ความรู้สึกละมุนและสบายตามากกว่า ดังนั้น สำหรับเราเลยรู้สึกชอบเรื่องนี้มากกว่าค่ะ

    และตามสไตล์ของอนิเมะกีฬา เรื่องเซอร์วิสสาววายไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เรื่องนี้ก็ไม่ทำให้ผิดคาดเท่าไรค่ะ มีคู่ให้เลือกกันสนุกไม่น้อยเลย (ฮา) แต่ถ้าดูแบบไม่ใส่ฟิลเตอร์เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างมิติของความสัมพันธ์ให้ตัวละครได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะจากความรู้สึกเราความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวไม่ได้กำหนดมาเหมือนอนิเมะทั่วไปที่เคยดู จำพวกที่ว่าถ้าเป็นเพื่อนสนิท โดยเฉพาะถ้าเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กก็จะรู้ใจกัน ประเภทที่ว่าแค่มองตาก็รู้ใจ หรือตัวละครที่พอเปลี่ยนไปเป็นคู่แข่งกันแล้วก็ต้องทะเลาะกันอย่างเดียว แต่สำหรับเรื่องนี้เราจะได้ยินประโยคที่ว่า "นายสนิทกันจริงหรือเปล่าเนี่ย?" อยู่หลายครั้งเลยค่ะ นั่นทำให้เราแปลกใจจนเกิดเป็นความประทับใจเล็ก ๆ ที่มีต่อการนำเสนอตัวละคร ทำให้ตัวละครนั้นมีความใกล้เคียงกับมนุษย์จริง ๆ ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะการซูมเข้าไปในแต่ละความสัมพันธ์ในเรื่องที่ตอนแรกอาจทำให้เรามองว่าเข้าใจกันไปหมด แต่ความจริงแล้วกลับมีบางส่วนที่ก็ยังไม่รู้ในกันและกันอยู่ และด้วยแบบนี้เองทำให้เราซึ่งเป็นคนดูก็ได้รู้จักตัวละครไปพร้อม ๆ กับเพื่อน ๆ ของพวกเขา ทำให้รู้สึกว่าความรู้สึกได้พัฒนาตามเนื้อเรื่องเลยค่ะ 

    อีกหนึ่งเรื่องที่เราชอบจากการดูเรื่องนี้ คือ การที่ตัวละครแต่ละตัวมีปมหรือปัญหาเป็นของตัวเอง ด้วยความที่อนิเมะมีเพียง 13+1 ตอนทำให้รู้สึกว่ามันสั้น แล้วจากที่เราได้ดูจากเพลงที่ตกเรามามันก็ทำให้ความเข้าใจแรกของเรา คือ ทั้งเรื่องเป็นการแก้ปมปัญหาของตัวเอกแค่คนเดียว แต่พอมาดูจริง ๆ แล้วก็ทึ่งนิด ๆ เลยค่ะที่เขาแสดงให้เห็นปัญหาและผมของตัวละครทุกตัว (แม้กระทั่งตัวประกอบ) เหมือนกับว่าต้องการให้เห็นการฟอร์มทีมกันของชมรมธนูแห่งคาเสะไม ว่าจริง ๆ แล้วตัวละครทุกตัวไม่ได้เก่งอย่างเดียว แต่เป็นคนที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุผลร่วมกับแพสชั่นบางอย่าง และก้าวผ่านปมในใจกันทั้งนั้น นั่นก็ทำให้เนื้อเรื่องไม่น่าเบื่อเลยว่าจะต้องมาลุ้นว่าตัวเอกจะจัดการปัญหาของตัวเองได้เมื่อไร กลายเป็นว่าตัวเองของเราเองก็ช่วยเพื่อน ๆ แก้ปัญหาเช่นกัน น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ

    และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่าดูเรื่องนี้แล้วไม่น่าเบื่อ คือ ตัวละครที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่อนข้างชัดเจน ซึ่งถ้ามองดีก็จะรู้สึกว่าก็จะคล้าย ๆ หลาย ๆ เรื่องที่จะมีตัวเอกหน้าเรียบ ๆ มีคนที่เหมือนจะหัวร้อนตลอดเวลา มีหนุ่มดอกไม้ แล้วก็มีอัจริยะ หรือไทป์เจ้าชาย ตอนแรกที่ดูก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ แต่พอดูไปดูไปเรื่อย ๆ แล้วเรารู้สึกว่าตัวละครมีหลายมิติมากกว่านั้น เนื่องด้วยการที่เนื้อเรื่องนำเสนอให้เห็นปัญหาของตัวละครหลายตัว นั่นก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่มากขึ้นไปด้วย เลยไม่ทำให้รู้สึกว่ามีตัวละครไหนที่เว่อร์เกินไป ดีเกินไป หรือน่ารำคาญเกินไปด้วยค่ะ และที่สำคัญ ความรู้สึกของตัวละครก็ชัดเจนสุด ๆ ไปเลยค่ะ เรื่องนี้ตัวละครค่อนข้างจะพูดกันตรง ๆ ทำให้ไม่อึดอัดด้วยค่ะ

    และจุดที่เรารู้สึกดีที่สุดหลังจากดูจบ คือ เนื้อเรื่องนี้มีความดราม่า แต่ไม่ให้ความน่ารำคาญ ด้วยความที่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่ว่าตัวละครหลักของเรานั้นมีปมอะไรและสุดท้ายก็คลายปมแบบงง ๆ ด้วยสกิลมิตรภาพ แต่ว่าเนื้อเรื่องได้มีการพาเราเข้าไปรู้ถึงที่มาที่ไปว่าทำไมตัวละครแต่ละตัวถึงทำแบบนี้ พูดแบบนี้ และเป็นแบบนี้ จึงทำให้เราได้เข้าใจตัวละครอย่างชัดเจน และไม่ให้เกิดความรู้สึกที่อิหยังวะกลับมา และการที่เขาได้ถ่ายทอดความสับสนและเจ็บปวดของตัวละครออกมาให้เรารับรู้นี้เองก็ยิ่งทำให้ดูแล้วรู้สึกอยากเอาใจช่วย และยินดีกับความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาไปด้วยเลย จัดว่าเป็นความประทับใจที่ทำให้อินสุด ๆ ไปเลยค่ะ

    และสุดท้ายจริง ๆ แล้ว สิ่งที่เราไม่พูดถึงเลยคงจะไม่ได้นั่นก็คือ สมาชิกหญิงของชมรมคิวโดนั่นเองค่ะ!!! ว่าแล้วก็น้ำตาจะไหล ก่อนอื่นเลยต้องขอแนะนำสมาชิกหญิงของชมรมคาเสะไมสักหน่อยค่ะ

    เรียงตามลำดับ ได้แก่ Yuuna Hanazawa, Noa Shiragiku และ Rika Seo สามสาวแห่งชมรมคิวโดคาเสะไมที่เหมือนจะเป็นตัวประกอบ แต่ความจริงแล้วเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอีกชิ้นนึงเลย เพราะไม่ใช่แค่ออกมาให้รู้ว่ามี แต่พวกเธอยังมีส่วนที่ทำให้ชมรมคิวโดคาเสะไมนั้นสมบูรณ์ด้วย และนี่คือความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราเองค่ะที่ได้เห็นตัวละครหญิงในกีฬาเท่ ๆ อย่างยิงธนู และนอกจากฝั่งของคาเสะไมแล้วฉากหนึ่งที่ตัดไปทางฝั่งของคิริซากิเองก็ทำให้เห็นว่าสมาชิกในชมรมก็มีผู้หญิงเยอะเลยทีเดียวค่ะ และสิ่งนี้เองที่แสดงให้เห็นว่าคิวโดนั้นเป็นกีฬาที่เล่นได้ทุกเพศ ทุกวัยจริง ๆ ตามที่ได้นำเสนอในเนื้อเรื่องจริง ๆ ประทับใจสุด ๆ ไปเลยค่ะ เพราะสาว ๆ ของเราก็มีบทเท่ ๆ ไม่น้อยเลย และพวกผู้ชายในเรื่องนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับสมาชิกหญิงด้วยค่ะ ทำให้เห็นว่าพวกเขาเป็นชมรมเดียวกันช่วยเหลือกันจริง ๆ ไม่ได้แบ่งแยก เนี่ยค่ะ พูดแล้วน้ำตาจะไหล--

    อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องที่ประทับใจกันแล้ว จะไม่ให้พูดถึงเรื่องที่แอบเซ็งคงไม่ได้ เรื่องนี้เองก็มีจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจทำให้บางคนนอย ๆ ได้เหมือนกันค่ะ

    สำหรับเรา เรื่องแรกเลยก็คือ การเกลี่ยแอร์ไทม์ที่ไม่เท่ากัน แน่นอนว่าพูดถึงเรื่องนี้ก็คงจะบอกว่ามันก็เรื่องปกตินั่นแหละที่ตัวละครจะได้แอร์ไทม์ไม่เท่ากัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ยากจะยอมรับอยู่ดี ใครจะอยากเห็นเมนตัวเองแอร์ไทม์น้อยล่ะ จริงมั้ยคะ? แต่ด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องนี้มีการนำเสนอให้ตัวละครแต่ละตัวมีปัญหาเป็นของตัวเองมันก็ทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกว่าแอร์ไทม์โดนกระจายให้ตัวละครเกือบจะเท่า ๆ กัน แต่ด้วยความที่ปัญหาแต่ละคนมันหนัก-เบาแตกต่างกันทำให้บางคนที่เป็นถึงตัวละครหลักกลับมีบทนิดเดียว ซึ่งถ้าเราตั้งตารอตัวละครนั้นมาก ๆ ก็คงจะเหี่ยว ๆ กันบ้างแต่ที่รู้สึกมากที่สุดจากเรื่องนี้คือการที่มันทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่สุดเท่าไร เป็นความรู้สึกที่ว่ายังไม่ทันได้สนิทกันนาน ๆ เลยจบแล้วเหรอ? หรือว่าอ้าว รอมาทั้งเรื่องเลย มีแค่นี้? นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำเพื่อที่จะทำภาค 2 ต่อหรือเปล่า หรือตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันทำให้เรารู้สึกว่าเมะจบแต่ตัวเราไม่จบค่ะ ยังอยากดูเด็ก ๆ คาเสะไมต่ออยู่เลย TT 

    แต่อย่างไรก็ตามด้วยการให้น้ำหนักกับคาแรคเตอร์อย่างเช่นการให้ตัวละครเสียงดัง การให้ตัวละครบางตัวได้ทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อยก็ทำให้ตอนดูไม่รู้สึกว่าบทมันน้อยค่ะ (ส่วนมากเป็นความรู้สึกตอนดูจบแล้วมากกว่า)

    และเรื่องสุดท้าย แบบท้ายสุด ๆ ของเรา ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นเหตุผลของทั้งหมด คือ เรื่องมันสั้นไปค่ะ-- (แล้วฉันจะให้มันยาวแค่ไหน) แหะ ไม่ใช่เราไม่เข้าใจนะคะว่าจำนวนตอนเท่านี้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ว่าด้วยความที่เขาเขียนมาให้ตัวละคร 'เกือบ' ทุกตัวได้มีการพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน โดยที่บางตัวเพิ่งรู้จักกันด้วยซ้ำ มันทำให้เรารู้สึกว่าการทำให้มันมีแค่ 13 ตอนมันทำให้อะไร ๆ ก็ดูเร็วไปหมดจนแอบเสียดายบางจุดที่อยากดู โดยเฉพาะฉากยิงธนูเลย ซึ่งส่วนมากจะเป็นฉากที่สอนและพูดถึงหลักการมากกว่า ฉากการแข่งจริง ๆ คือไปเร็วมาก เราเองก็เข้าใจนะคะว่าการยิงธนูจริง ๆ มันก็ผ่านกันไปเร็ว ๆ อย่างนี้แหละ จะให้ซูมเข้าซูมออกแบบดราก้อนบอลมันก็ไม่ได้ แต่มันก็รู้สึกว่าน้อยเกินไปจริง ๆ นะคะ เหมือนโควตาในการจับคันธนูของตัวละครมีจำกัดกันอย่างนั้นแหละค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเห็นเด็ก ๆ ได้ยิงธนูกันอีกเยอะ ๆ เหมือนกัน;w;


    และการรีวิวของเราก็จบลงเพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าจะทำให้คนได้เข้ามาอ่านได้รู้จักกับ Tsurune และคิดว่าจะตกใครสักคนได้บ้างนะคะ และที่สำคัญ Tsurune กำลังจะมี the movie ค่ะ!! ตอนนี้ตั้งตารอมาก ๆ เลย และสำหรับใครดูแล้วหรืออ่านไรท์โนเวลแล้ว แล้วอยากแนะนำหรือพูดคุยกันก็คอมเม้นได้เลยนะคะ เพราะว่าเพื่อนบอกมาว่าเป็นเมะไม่แมสใจเราก็ห่อเหี่ยวมากเลยค่ะ ถ้ามีเพื่อนหวีดเรื่องนี้ด้วยกันก็จะดีมากเลยTT
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in