เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Infidrak in 2018infidrak
003; issue of tutoring
  • **Finally some Thai post yassssss**

    ลงเรื่องนี้เพื่อตกตะกอนความคิดตัวเองอีกครั้งหลังจากหมกหมุ่นอยู่กับมันมานานตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมานี้ ประเด็นคือวันนี้ไปช่วยเพื่อนสอนหนังสือที่สถาบันหนึ่งมา สอนเสร็จก็เลยอดเอาไปเทียบกับอีกสถาบันที่เราเพิ่งไปเริ่มงานสอนไม่ได้

    พูดถึงที่ที่เราสอนอยู่ก่อนแล้วกัน
     มันเป็นสถาบันสอนพิเศษเล็กๆที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ เวลาไปสอนเรานั่งบีทีเอสไปจนสุดสายแล้วต่อรถไปอีกที คนรอบตัวเราหลายคนบอกเราว่ามันไม่คุ้ม ทำไมไม่สอนแถวสยามให้มันใกล้ๆหอหรือสอนเดี่ยวเหมือนเดิม เหตุผลของเราคืออยากมีประสบการณ์สอนสถาบันนี่แหละถึงได้ไปเอางานนี้มา อีกอย่าง ถ้างานแถวนี้มันหาง่ายขนาดนั้นก็คงทำไปแล้ว ฮือ

    แต่สอนจบคลาสครั้งแรกเราก็แทบอยากจะกำหนดเวลาเลิกสอนแล้ว(เวรกรรมมาก) สิ่งแรกที่เราไม่ค่อยสบายใจคือ ครูที่สอนในสถาบันเดียวกับ he's not friendly อย่างแรงงง and supermacho *scream* ที่บ่นถึงเขาเพราะเราต้องมาเป็นครูผู้ช่วยของเขานี่แหละ gosh... สงสัยต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้อีกนาน

    ประเด็นต่อมาคือเอกสารที่ที่นี่ให้เราสอน เอาจริงๆมันคือหนังสือแบบเดียวกับที่เรามี และนั่นทำให้เราผิดหวังมาก มันอาจจะผิดที่เราเองก็ได้นะที่คาดหวังว่าสถาบันจะทำหลักสูตรและเอกสารเอง ไม่ใช่ถ่ายเอกสาร/แค่ปริ้นท์ของคนอื่นออกมา เราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำแบบนี้ถูกกฎหมายรึเปล่า ไอ้การที่เอาหนังสือของคนอื่นมาใช้เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบแบบนี้น่ะ 

    โดยรวมแล้วการไปสอนสถาบันครั้งแรกของเลยไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ติดจะแย่กว่าที่คาดไว้ด้วยซ้ำ เฮ้อ


    ต่อมาคือเรื่องที่ไปสอนอีกสถาบันนึงมาวันนี้ พูดให้ตรงขึ้นอีกหน่อย เราไปเป็นแค่ครูผู้ช่วยเฉยๆ ไม่ได้สอนเองเต็มตัว

    สิ่งที่คล้ายกันมากระหว่างสองสถาบันนี้คือ ติวเตอร์เตรียมการสอนก่อนสอนจริงน้อยมาก แต่ในทางหนึ่งมันก็พอเข้าใจได้ว่าวิชาพวกนี้มันอาศัยแค่skillของผู้สอนเท่านั้นเอง ยิ่งอย่างคลาสวันนี้เป็นกลุ่มเด็กเล็ก เนื้อหายิ่งไม่ยากเข้าไปใหญ่ 

    ข้อดีของที่นี่ที่เรารู้สึกคืออย่างน้อยที่สุด เขาเลือกtextbooksมาดี ซึ่งประเด็นนี้คงต้องให้เครดิตต้นทุนเดิมของสถาบัน และอีกอย่างคือติวเตอร์มีprofile&attitudeในการสอนที่ดี ถึงจะไม่รักสถาบันเท่าไหร่(เท่าที่ฟังมา)แต่ก็รักเด็กที่ตัวเองสอนมาก พี่ที่สอนข้างในหลายคนก็พี่จากคณะเราเอง วันนี้เลยแทบจะเป็นรวมญาติกันเลยทีเดียว

    ข้อเสีย(ซึ่งจริงๆก็ไม่รู้ว่ามันคือข้อเสียจริงๆไหม)ในความคิดของเราก็คือ จากคลาสวันนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเขาสอนเชิงacademic น้อยมาก ถ้านับจากหน้าหนังสือคงแค่สองหน้าครึ่งได้ ส่วนใหญ่ไปเน้นกิจกรรมในห้องที่จะeffectiveจริงก็ต่อเมื่อเด็กใช้ภาษาอังกฤษกับเราด้วยเท่านั้น คลาสที่เราสอนวันนี้ บอกตามตรงเรายังมองไม่ออกเลยว่าน้องจะพัฒนาจากการฝึกแบบนี้ได้มากเท่าไหรกัน ครูเดิมที่คุมคลาสไม่ค่อยเข้มงวดกับการใช้ภาษาของเด็กเท่าไหร่ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูจะน้อยกว่าที่ควรจะเป็นพอตัว บางทีนี่อาจจะเป็นจุดหนึ่งของที่สอนพิเศษบางที่ว่าจะไม่ดุเด็กเท่าไหร่ มองในแง่ร้ายไปเลยคงเหมือนเลี้ยงไข้ เอาแค่ให้เด็กติดใจก็ขายคอร์สต่อรอด แต่ถ้าพยายามมองในแง่ดี การใช้ไม้แข็งอาจจะไม่ใช้วิธีการสอนที่ถูกต้องเลยต้องมาเลี่ยงดูแลเด็กแบบนี้แทน

    การเรียนคือการลงทุน ยิ่งโตขึ้นเรายิ่งเข้าใจถึงคำพูดนี้ มองย้อนมาที่ตัวเองในฐานะนิสิตคนหนึ่งก็คงทำหน้าที่ตัวเองต่อไปให้ถึงที่สุด เรียนให้คุ้มกับที่ที่บ้านจ่ายมา ในแง่ของคนที่ได้รับผลประโยชน์การความทุ่มเทของเหล่าผู้ปกครอง เวลาสอนหรือให้คำแนะนำกับน้องๆ เราก็จะทำให้เต็มที่เหมือนกัน 


    เพราะเราเปลี่ยนสิ่งอื่นไม่ได้ เราถึงต้องเปลี่ยนตัวเอง. 
    ก็คงได้แค่พยายามบอกตัวเองแบบนี้บ่อยๆ เฮ้อ.


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in