เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
movies for rainy dayswarriorphile
tune in for love


  • เขาว่ากันว่ารักแรกนั้นลืมยาก

    ผม, ไม่เชื่อถือในความรัก ไม่เชื่อถือในรักครั้งแรก ไม่เชื่อถือในรักแท้
    แต่กลับชอบดูหนังรักมากกว่าใคร และหนังเรื่องนี้ก็คือหนังรักอีกเรื่องที่ผมยกให้เป็นหนังรักที่ชอบมากที่สุด และดูบ่อยซ้ำที่สุด

    tune in for love เป็นหนังรักที่ดำเนินเรื่องได้สโลว์ไลฟ์ และมีกลิ่นอายแบบ 90s ตลอดทั้งเรื่อง ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบหนังแบบพลอตแปลกใหม่ ดำเนินเรื่องฉับไว มีปมให้พอกรุบกริบ คุณอาจจะต้องผิดหวังกับการแนะนำของผมในครั้งนี้ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องเร็วแค่ในช่วงแรก ส่วนช่วงกลางกับท้ายเรื่องนั้นเรียกได้ว่า...ยืดจนบางตอนผมยังเผลอหาวออกมา

    พออ่านมาถึงตรงนี้คุณก็อาจจะคิดว่า เอ๊ะ ถ้าผมบอกว่ามันน่าเบื่อ แล้วทำไมถึงได้หยิบมาดูบ่อยขนาดนั้นล่ะ? ... คงจะต้องบอกว่าผมตกหลุมรักความเรื่อยๆครับ ตกหลุมรัก mood & tone ของเรื่องที่ทำให้เราเชื่อได้ว่ากลับไปอยู่ในยุค 90s อีกครั้ง รวมถึงนักแสดงนำทั้งสองคนก็แบกบทที่แทบไม่มีปมอะไร แต่แสดงมันออกมาได้ทำให้ผมรู้สึกอยากติดตามชีวิตรักของทั้งสองคน และเอาใจช่วยให้ได้รักกันไปจนจบเรื่อง

    อีกเรื่องที่ทำให้ผมชอบมาก มากเป็นพิเศษเลยก็คือ subtitle ภาษาไทยใน netflix ที่มีการบรรยายเสียงเล็กๆในฉากด้วย ซึ่งตรงส่วนนี้ผมไม่มั่นใจว่าต้องการสร้างกิมมิคให้ดูเหมือนบทละครวิทยุ หรือว่าต้องการให้ผู้พิการทางการได้ยินสามารถดูหนังได้เข้าใจและได้อรรถรส
    แต่ไม่ว่าอย่างไหนก็ทำให้ได้ใจผมไปแล้วเต็มๆ เพราะหนังดำเนินเส้นเรื่องคู่ขนานไปกับยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองของวิทยุ และชีวิตของตัวละครนำทั้งสองคนเองก็ถูกร้อยเข้าด้วยกันด้วยช่องวิทยุของคุณยูยอล รวมถึงการใส่ซาวน์เป็นการเปิดเพลงของสถานีวิทยุก็เป็นหนึ่งในกิมมิคเล็กๆที่ทำให้คนดูมีความรู้สึกร่วมได้มากกว่าเดิม

    ความรักของพระเอกกับนางเอกเรื่องนี้ที่กว่าจะจูนติดได้นั้น ผมว่าพระเจ้าคงเหนื่อยกับการช่วยลิขิตเรื่องบังเอิญให้ เพราะบทของนางเอกที่บทจะรอก็ร้อรอ บทจะเลิกรักก็เลิกไปเลยดื้อๆซะแบบนั้น เป็นเรื่องที่นอนเซนส์มาก ตรงส่วนนี้ผมไม่อยากสปอย ให้ใครสักคนที่ผ่านมาอ่านลองไปดูเองดีกว่าครับ เผื่อเราอาจจะมองต่างมุมกัน ส่วนพระเอก ตรงนี้ผมว่าพระเอกมีปมในใจที่ใหญ่มาก ใหญ่จนขนาดที่ว่าไม่กล้าให้อภัยตัวเองไปอีกเลย และพระเอกก็ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักอย่างนางเอกรู้เรื่องเลวร้ายของตัวเองในอดีตด้วย เป็นตัวละครที่น่าสงสารและโชคร้ายมากๆรองลงมาจากพระเอกเรื่อง prison playbook เลยล่ะครับ

    ถึงทั้งหมดที่พูดมาจะดูเป็นทั้งเหตุผลที่เข้าท่ากับการที่ทำให้ผมรักหนังเรื่องนี้ และเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่อยากจะติ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้ก็คือ... *สปอยค้าบ ไม่อยากอ่านก็เลื่อนไปอีกพารากราฟโลด* เพลง fix you ที่ใส่ไว้ในฉากจบของเรื่องนั่นเองครับ เพราะอย่างที่ผมบอกไว้เมื่อกี้ ตัวละครพระเอกของเรื่องเป็นตัวละครที่มีปัญหา และมีปมใหญ่เรื่องหนึ่งในใจ เพลง fix you เป็นเพลงแห่งการปลอบโยน ก็เปรียบเหมือนกับนางเอกที่กำลังวิ่งไปหาพระเอกที่สถานีวิทยุ(หลังจากตัดสนใจได้ว่าต้องเป็นผู้ชายคนนี้แล้วแหละที่จะใช้ชีวิตด้วย)และเป็นเพียงคนหนึ่งในสองคนที่พระเอกจัดไว้ในหมวดความทรงจำดีๆของชีวิต สำหรับผมแล้ว การที่หนังใช้เพลง fix you ก็เหมือนกับว่านางเอกยอมรับในความผิดพลาดของพระเอก จะโอบกอดความผิดพลาดนั้น และเดินก้าวไปข้างหน้ากับพระเอก เป็นความสุขหนึ่งเดียวในชีวิตของพระเอกเหมือนในอดีต

    การแนะนำกึ่งรีวิวในครั้งนี้ของผมอาจจะมีข้อผิดพลาดบางประการ เนื่องด้วยผมใช้ความรู้จากสมองน้อยๆเท่าที่มีอยู่ และผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านนี้นัก แต่เขียนขึ้นเพื่ออยากแชร์กับคนที่ผ่านไปมาผ่านมาและบังเอิญเห็นบทความนี้

    หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านบทความนี้นะครับ

    รัก,
    mt.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in