เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WHY ร้ายSALMON X VANAT
03: THE JOKER รอยยิ้มแห่งความมืดมน
  • PROFILE
    NAME: เดอะโจ๊กเกอร์
    FIRST APPEARANCE: Batman #1 (1940)
    GOAL: หาความสนุกด้วยการก่ออาชญากรรม และพยายามบีบเค้นให้เป้าหมายแสดงด้านมืดออกมา

    คงไม่เกินไปนักถ้าจะพูดว่า ‘โจ๊กเกอร์’ เป็นคนไม่มีประวัติ

    ความที่เขาเป็นหนึ่งในอาชญากรตัวเอ้แห่งเมืองก็อตแธม บวกกับมีนิสัยชอบโป้ปดพูดเรื่องลวงหลอกให้คนหลงเชื่อ ทำให้แม้โจ๊กเกอร์จะออกมาป่วนเมืองสักเท่าไหร่ก็ไม่มีใครสืบประวัติของเขาได้ อย่างมากก็ทำได้แค่ฟังเรื่องเล่าที่ออกจากปากของเจ้าตัว ซึ่งก็เยอะจนไม่รู้จะเชื่อเรื่องไหนดี

    เดิมที โจ๊กเกอร์เป็นเพียงวิศวกรหนุ่มที่ลาออกมาเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน (ที่ไม่ค่อยมีใครขำ) เขาดิ้นรนและสู้ชีวิตมากพอสมควร เพราะต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัวดูแลเมียที่กำลังตั้งท้อง และด้วยความหน้ามืดตามัวทำให้เขาตัดสินใจช่วยสองอาชญากรวางแผนปล้นโรงงานผลิตสารเคมี (Ace Chemicals) ที่ตนเคยทำงานอยู่

    อาชญากรกลุ่มนี้ตกลงกันว่าจะปกปิดตัวตนที่แท้จริงด้วยการผลัดกันสวมฮู้ดสีแดงไปปล้น (เลยถูกขนานนามว่า The Red Hood) ซึ่งระหว่างที่ลงมือก่อเหตุเขาก็ได้รับข่าวสะเทือนใจว่าเมียและลูกในท้องของเขาเสียชีวิต!
  • แม้โจ๊กเกอร์จะตกอยู่ในความเศร้าเสียใจ แต่สองโจรที่จ้างเขามาก็ไม่ยอมให้โจ๊กเกอร์ถอยหลัง แถมยังบีบบังคับให้ทำตามแผน ก่อนที่สองโจรจะดวงกุดถูกตำรวจจับตาย ส่วนโจ๊กเกอร์ แม้จะพยายามหลบหนี แต่ก็โดน ‘แบทแมน’ บุกเข้าจับในทางเดินที่แคบเท่าแมวดิ้นตาย เขาจึงไม่มีทางเลือก ตัดสินใจกระโดดลงบ่อสารเคมี ทำให้ถูกสารเคมีกัดกินจนผิวหนังกลายเป็นสีขาว ริมฝีปากเป็นสีแดงสด และเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีเขียว

    เมื่อเห็นตัวเองในสภาพนั้น จิตใจที่กำลังอ่อนไหวก็แตกละเอียดจนกลายเป็นบ้า

    และโจ๊กเกอร์ที่ทุกคนรู้จักก็ถือกำเนิดขึ้น

    แต่...ไม่มีใครยืนยันได้ว่า เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นเป็นจริงหรือไม่ และวายร้ายตัวตลกคนนี้มีประวัติความเป็นมาที่แท้จริงอย่างไร

    สิ่งเดียวที่แน่นอนคือ โจ๊กเกอร์ก่ออาชญากรรมสารพัดอย่างที่ถูกมองว่าบ้า เขาเริ่มป่วนเมืองเพื่อความสนุก ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับแบทแมน เพื่อทำให้ผู้ผดุงความยุติธรรมได้เห็นว่าเวลาที่คนเราอยู่ในสถานการณ์คับขัน จิตใต้สำนึกก็ปลุกให้เหล่าคนดีทั้งหลายเลือกที่จะทำแบบโจ๊กเกอร์กันทั้งนั้นแหละ!


  • BAD LIST

    • เอาจริงๆ วีรกรรมสุดโฉดของโจ๊กเกอร์นั้นมีจนนับแทบไม่ถ้วน แต่ที่เด็ดดวงทะลวงไส้จนทำให้ฝ่ายธรรมะต้องสะเทือนคือ การฆ่า ‘เจสัน ทอดด์’ หรือ ‘โรบินคนที่สอง’ จนแบทแมนไม่อยากมีคู่หูเป็นเวลานาน และลอบยิง ‘แบทเกิร์ล’ หรือ ‘บาร์บารา กอร์ดอน’ จนเป็นอัมพาตเพื่อหวังให้ ‘เจมส์’ พ่อของเธอผู้เป็นนายตำรวจประจำเมืองต้องสติแตก

    • โจ๊กเกอร์เปิดเกมจิตวิทยากับ ‘ฮาร์ลีน ควินเซล’ จิตแพทย์ชั้นเซียนจนฝ่ายหลังพ่ายแพ้และยอมปล่อยให้โจ๊กเกอร์หนีออกจากที่คุมขัง แถมเธอยังตกหลุมรักโจ๊กเกอร์แบบหัวปักหัวปำจนยอมเปลี่ยนตัวเองเป็น ‘ฮาร์ลีย์ ควินน์’ คู่รักและคู่ขาของโจ๊กเกอร์ในเวลาต่อมา

    • แม้หลายคนจะเชื่อว่าชีวิตที่หม่นหมองทำให้โจ๊กเกอร์กลายเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่แท้จริงแล้วประวัติของเขายังเป็นสิ่งที่คลุมเครือ บางเวลาเจ้าตัวก็บอกว่าถูกกลั่นแกล้งและเก็บกดมาตั้งแต่เด็ก แต่บางคนก็ว่าเขาเป็นแค่อาชญากรที่เบื่อหน่ายชีวิตและเลือกแบทแมนเป็นคู่ปรับก็เพราะสู้ด้วยแล้ว ‘สนุกดี’

    • ส่วนบาดแผลบนใบหน้าของโจ๊กเกอร์ก็มีอีกเสียงบอกว่าเป็นเพราะเขาไปจับตัวคู่เดตของแบทแมนมาเป็นตัวประกัน แล้วถูกอาวุธของไอ้ค้างคาวปะทะเข้าที่หน้าแบบเต็มเปาจนเกิดเป็นรอยแผล แถมการเผชิญหน้ากันครั้งนั้นยังทำให้เขาพลัดตกลงไปในบ่อเคมีด้วย (แม้จะดูซ้ำซ้อนกับข้อมูลอื่น แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันในความงงงวยที่ว่าเรื่องเล่าของโจ๊กเกอร์เชื่อถือไม่ได้)



  • IN-DEPTH
    โดย วณัฐย์ พุฒนาค

    ตัวร้ายในดวงใจของใครหลายคน ศัตรูคู่อาฆาตของแบทแมนที่มาพร้อมคอนเซปต์ ‘ตัวตลก’ ซึ่งน่าสนใจมากว่า ตัวตลกที่ควรจะเป็นคนสร้างความบันเทิง ไหงกลับกลายเป็นตัวร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเพื่อสนองความบันเทิงให้กับตัวเองไปได้?

    ถ้าลองสืบจากสำรับไพ่ย้อนไปสู่บริบททางประวัติศาสตร์ ตัวละครประเภทตัวตลกที่โขกออกมาจากไพ่จะเรียกว่า jester แปลได้ว่า ‘ตลกหลวง’ เป็นตัวละครที่มักจะปรากฏตัวในนิทานบ้างเป็นครั้งคราว มีลักษณะประจำตัวคือ สวมหมวกหลายยอด รองเท้าหัวแหลม ชุดพองๆ และมักจะมีเสียงกระดิ่งกระพรวนดังกวนประสาทเวลาขยับตัวไปไหนมาไหน โดยหน้าที่หลักของตลกหลวงคือการให้ความบันเทิงแก่ราชสำนัก เช่น เล่าเรื่องตลก ใช้ไหวพริบต่างๆ ในการสร้างเสียงหัวเราะ 

    แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็ยังไม่น่าสนใจเท่าฐานะของตลกหลวงที่ดูจะพิเศษกว่าคนปกติ

    บรรยากาศในราชสำนักส่วนใหญ่จะมีระเบียบกฎเกณฑ์หรือมารยาทที่เคร่งครัด แต่ตัวตลกไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามเลย ขอแค่สร้างเสียงหัวเราะได้เป็นพอ (พวกหนังฝรั่งย้อนยุคบางเรื่องจะมีตัวตลกพวกนี้เดินส่ายก้นกรุ๊งกริ๊งไปมา ดูแล้วก็น่ารักน่าถีบไม่ใช่น้อย)

    เอาเข้าจริง เราไม่สามารถเดาหรือแยกแยะได้เลยว่า ตัวตลกนั้นฉลาดหรือโง่กันแน่ เพราะแม้ว่าภายนอกจะดูงี่เง่า แต่ด้วยหน้าที่ก็ต้องใช้สติปัญญาในการสร้างเสียงหัวเราะ แถมยังต้องคอยสร้างความประหลาดใจอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งสำคัญสูงสุดคือ การสร้างความบันเทิงโดยที่ไม่มีกรอบหรือเกณฑ์อะไรมาควบคุม จึงไม่น่าแปลกใจที่ลักษณะสุดคลุมเครือแบบนี้จะทำให้ตัวตลกกลายมาเป็นตัวร้ายที่ใช้ความบันเทิงย้อนกลับมาเล่นงานชาวบ้านได้ง่ายๆ (ที่จริงสำรับไพ่ก็เอาลักษณะนี้มาใช้ เพราะไพ่โจ๊กเกอร์เป็นปริศนาที่สุด เป็นไพ่ที่ไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าที่สุดแล้วมันจะให้คุณหรือโทษ)
  • กลับมาที่โจ๊กเกอร์—คู่ปรับตลอดกาลของแบทแมนกันบ้าง

    แบทแมน ถือเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จจนถูกนำกลับมาทำใหม่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะการ์ตูนหรือภาพยนตร์ก็มีออกมาไม่ขาดสาย ซึ่งถ้าทุกเวอร์ชั่นทำออกมาเหมือนกันก็คงไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ทำให้ยิ่งรีเมคบ่อยขนาดไหนก็ยิ่งต้องใส่อะไรลงไปให้ซับซ้อนและน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเวอร์ชั่นในหนังเรื่อง The Dark Knight (2008) ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน

    โจ๊กเกอร์ถูกตีความใหม่ให้มีมุมมองที่ลึกและมีมิติมากขึ้น จนคำพูดอย่าง “Why so serious?” กลายเป็นวลีฮิตติดปากไปทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ทำให้โจ๊กเกอร์เวอร์ชั่นนี้ดูซับซ้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นมาจาก ‘การเล่าเรื่องตลก (ร้าย) เกี่ยวกับรอยแผลบนใบหน้า’

    แม้จะไม่มีการยืนยันว่าเรื่องเล่าทั้งหลายเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่มันก็เป็นการบ่งบอกว่าตัวร้ายตัวนี้เต็มไปด้วยบาดแผลฝังใจ (trauma) ทำให้เรามองรอยยิ้มของตัวตลกอย่างพรั่นพรึง รู้สึกว่าในรอยยิ้มแฝงไปด้วยความย้อนแย้งอันแปลกประหลาด แถมการเล่นตลกหรือการก่ออาชญากรรมของโจ๊กเกอร์ก็เป็นการพยายามพิสูจน์สมมติฐานที่ว่ามนุษย์ล้วนเลว โดยเฉพาะ ‘เกมสุดท้าย’ ที่โจ๊กเกอร์มักทดสอบแนวคิดดังกล่าวด้วยการไล่ต้อนเหยื่อให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน บีบบังคับให้ต้องเลือกว่าจะเป็น 'ผู้เสียสละ' หรือ 'ผู้พิฆาตคนอื่น' เพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป

    คำตอบที่โจ๊กเกอร์ได้รับมักจะเป็นอาการลังเลของคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้น ซึ่งสำหรับเขาแล้วถือเป็นคำตอบที่ถูกอกถูกใจไม่ใช่น้อย เพราะมันเป็นการยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาเอาตัวรอด มนุษย์ก็จะใช้สัญชาตญาณ ‘ดิบ’ ฉีกกระชากหน้ากากแห่งศีลธรรมและความดีงามทั้งหลายออกมาหมด

    ไม่ต่างไปจากที่โจ๊กเกอร์คาดเอาไว้แม้แต่น้อย


  • “Why So Serious?”

    “จะเครียดไปทำไมฮึ?”


    —The Joker



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in