เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
19.09'Bbkadi_8812
[NCT MARKMIN] ... LOVED 02
  • [NCTMARKMIN]

    LOVED

     

    | CHAPTER 2 |




    เมื่อความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน

     





    ทำไมการรักพี่เราถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้วะ – นาแจมิน


     


     

     

    Pairing : NCT MARKMIN

    Twitter : @bkadi8812

    Warring :  เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง!!!!

     

     

    Rennnn : มึงงงงง!!!

    Rennnn : มึง!

    Rennnn : มึง!

    Rennnn : มึง!

    Rennnn : มึง!

    Rennnn : เรียนอยู่มั้ย?

    Rennnn : มึง!

    Rennnn : คุยได้ป่ะ?

    และอีกหลายข้อความจากเพื่อนสนิทต่างคณะที่ไม่ลดละความพยายามในการดึงความสนใจของแจมินที่ก้มหน้าแก้วงจรไฟฟ้าอยู่จนสุดท้ายเสียงเตือนข้อความของเหรินจวิ้นก็เอาชนะความไม่สนใจของแจมินจนต้องวางเครื่องมือเพื่อเอื้อมไปหยิบมากดดูคิดในใจว่าถ้าไม่มีคนตายเขาจะทำให้มีคนตายเอง

    JM : อารายยยยย

    JM : กู

    JM : เรียน

    JM : อยู่

    JM :ไอ้เวรรรร!!!

    ปลายทางไม่ได้ส่งข้อความตอบกลับมาแต่กลายเป็นสายเรียกเข้าแทนแจมินกดรับก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากให้เสียงตัวเองรบกวนเพื่อนคนอื่นๆ

    “ว่าา”

    (คุยได้มั้ย?)

    “กูรับสายขนาดนี้แล้ว มีรัย?”

    (โทรบอกพี่มาร์คโทรหาพี่ยูตะหน่อยดิ)

    “แล้วมัยมึงไม่โทรไปเองล่ะเบอร์ไม่มีเรอะ”

    (มึงก็ทำเหมือนไม่รู้จักแฟนตัวเองเนาะกูโทรจนอีกนิดจะได้โอเปอร์เรเตอร์เป็นเมียล่ะนี่พี่มาร์คเขามีมือถือไว้ทับกระดาษเหรอวะ ไอโฟนเขามีหน้าที่แค่ทับกระดาษถูกมั้ย)

    “เรียนมั้งปกติก็รับสายกูตลอดนะ”

    (ก็มึงเป็นแฟนเขาโทรให้กูหน่อย บอกให้โทรกลับพี่ยูตะ ไม่ก็พี่เวนดี้ก็ได้)

    “มีเรื่องรัยกันวะกูเสือกได้มั้ย?”

    (เรื่องงานคณะแหละ)

    “ละครเวทีอะนะ”

    (เออ มึงคุยกันแล้วเหรอ?)

    “เออดิ ถามจริงนะมึง นิเทศแม่งไม่มีคนอื่นละเหรอวะแฟนกูสองปีละนะ คนด่ากูปีที่แล้วยังไม่หนำใจ พวกพี่มึงเลยลากกูไปโดนด่าอีกรอบรึ”

    (อาจารย์เขาชอบเขาสั่งมาเลยว่าพระเอกต้องพี่มาร์คเท่านั้น)

    “ชวัญใจสาวแก่อีกละแฟนกู”

    (ไม่อยากอวยแต่ก็ต้องยอมรับว่าแฟนมึงของดีมหาลัยนะ)

    “ถึงเทศกาลบูชายัญอีกแล้วเหรอกู”

    (คนเขาก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นมั้ยล่ะ)

    “อีกนิดกูจะคิดว่ากูไปฆ่าคนตายละสาปแช่งให้กูเลิกกันวันละล้านรอบ รู้สึกสวยได้สมบัติมหาลัยมากก”

    (เวอร์จริง! อย่าลืมบอกให้กูนะ กูไปเรียนล่ะ นี่หนีออกมาจนอาจารย์คิดว่าโดดแล้วแน่ๆ)

    “เออ เดี๋ยวโทรให้”

     

     

    “อยู่หนายยยย เรียนเหรอออ”

    ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่นๆที่ติดต่อมาร์คลีไม่ได้เหมือนกันเพราะสำหรับแจมินแล้วการโทรหามาร์คไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยเรียกว่าทันทีที่โทรไปมาร์คก็รับสายแทบจะทันทีทุกครั้ง ไม่เคยจะได้รอ เรียกว่าน้อยครั้งมากๆที่มาร์คจะไม่รับสายของแจมินถ้าไม่ใช่เพราะติดงานกับอาจารย์ยังไงมาร์คก็รับสายแจมินทุกครั้ง

    (ทำไมต้องลากเสียงยาว)

    “อยู่ไหน! เรียนเหรอ!

    (อันนี้ก็ห้วนไป)

    “เอาแต่ใจจังวะ”

    (เดี๋ยวตีปาก! ไม่เรียนเหรอ?)

    “เรียนนนนแต่เหรินจวิ้นโทรมาบอกให้พี่มาร์คโทรหาพี่ยูตะหน่อย บอกจะคุยเรื่องละคร แล้วโทรศัพท์นี่เอาไปทับกระดาษแล้วรึทำไมไม่รับสาย”

    ( ก็รับแล้วนี่ไง )

    “ไม่ใช่แค่สายเราดิ”

    เป็นที่เลื่องลือมาตั้งแต่ก่อนจะเป็นแฟนกันแล้วเรื่องมาร์คลีมีมือถือรุ่นใหม่ไว้ทับกระดาษตอนแรกก็คิดว่าแค่แซวกันเล่นในกลุ่มเพื่อน แต่พอได้คบเป็นแฟน ไม่ใช่แค่เพื่อนของมาร์คที่พูดแบบนั้นแต่ต้องบอกว่าแทบทุกคนที่ต้องประสานงานกับมาร์คก็ออกปากเรื่องนี้กันหมด แม้แต่ที่บ้านก็ติดต่อมาร์คได้ยากเต็มทีกระทั่งได้คบกัน เวลาใครติดต่อมาร์คไม่ได้ แจมินจะต้องเป็นตัวเลือกที่หนึ่งเสมอ

    (ไม่ได้สนใจ สงสัยลืมเปิดเสียงเดี๋ยวโทรกลับ )

    “วันนี้กลับบ้านมั้ย?หนูอยากกินชาบูอะพี่มาร์ค”

    ช่วงวันสองวันมานี้มาร์คแทบไม่มาหาแจมินเลยไม่ได้มากินข้าวด้วยกันเพราะตารางเรียนที่ว่างไม่ตรงกัน ไหนจะตอนเย็นที่มาร์คเริ่มซ้อมละครเวทีนั่นด้วยส่วนใหญ่ช่วงนี้เลยแค่ทักไลน์และก็คุยโทรศัพท์กันมากกว่า

    (เดี๋ยวห้าโมงพี่ไปรับวันนี้เลิกสี่ครึ่งมั้ย?)

    บทจะได้เจอกันก็เจอง่ายจนงง

    “เยสสสสอย่าให้น้องรอนานนะที่ร๊ากกก”

    (อ้อนดิ)

    “กวนตรีนจ้า”

    (อ้อนก่อนเร็วเดี๋ยวแถมไอติมด้วย)

    “คิดว่าเราซื้อได้ด้วยของกินรึ!!

    (เร็ว)

    “ขอโดนัทกลับห้องด้วย!

    (อ้วนเอ้ยย) มาร์คทำเสียงแบบระอาใจแฟนตัวเองแบบไม่จริงจังนัก

    “รีบมารับน้องนะพี่มาร์คน้องคิดถึงพี่มาร์คจนใจจะขาดละเนี่ย ไม่เจอกันสองวันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีหัวใจนี่อ่อนแอไปหมด”

    (เวอร์จัง)

    “นี่กลั่นมาจากใจล้วนๆนะมาร์คลี”

    (ครับ เดี๋ยวเลิกละรีบไปรับเลย)

    แจมินรู้ว่ามาร์คชอบเวลาตัวเขาอ้อนแบบนี้ที่สุดมันเป็นการหยอกล้อเฉพาะมาร์คลีและนาแจมินที่จะได้เห็นด้านนี้ของกันและกันเท่านั้น

     

     

    เลิกเรียนมาเกือบครึ่งชั่วโมงแจมินยังนั่งรอมาร์คอยู่ที่ใต้ตึกคณะ เพื่อนคนอื่นเริ่มแยกย้ายกันไปหมดแล้วขนาดเจโน่เพื่อนรักยังทิ้งเขาไว้คนเดียวเพราะเห็นฟุตบอลสำคัญกว่า

    JM :กินวันนี้มะ

    JM :นาฬิกาตายรึ

    โทรไปสองสายแต่มาร์คก็ไม่รับแจมินเลยส่งข้อความทิ้งไว้เผื่อมาร์คอาจจะหันมาเห็นแล้วโทรมาบอกให้รู้ว่าต้องรออีกฝ่ายนานแค่ไหน

    เงียบ

    ดีงามจริงๆแจมินรอมาร์คอยู่ที่คณะเกือบจะชั่วโมง ยังไม่มีวี่แววว่ามาร์คจะโทรกลับหรืออ่านไลน์ที่เขาส่งไปหา

    JM :ฮัลโหลลลล!!!!

    JM :เพ่มัคคคค!!!!!

    JM :มาร์คลี!!!!

    JM : อีมินฮยอง!!!!

    JM :กินวันนี้มั้ยเนี่ย

    กระหน่ำส่งไปอีกหลายข้อความก็ยังเงียบและไร้วี่แววว่าจะตอบแจมินไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงขนาดนั้น เขาเลือกโทรหาคนที่น่าจะให้คำตอบเขาได้ว่ามาร์คลีหายไปไหน

     

    (อาจารย์ลงวะมึงพี่มาร์คคุยกับอาจารย์อยู่ ซีเรียสมาก กูไม่กล้าแหวกไปเรียกให้มึงหรอก)

    แจมินลุกออกจากคณะทันทีที่เหรินจวิ้นบอกแบบนั้น

    แค่โทรบอกเขาว่าติดงานนี่มันยากนักเหรอวะ

    คิดแล้วก็หงุดหงิด แจมินกลับมาถึงหอพักตอนฟ้าเกือบมืดมุ่งไปเก็บของที่ห้องตัวเองก่อนจะตรงไปฝากท้องที่ห้องของเจโน่ที่ไม่รู้ว่าทางนั้นกลับจากเตะบอลหรือยังแต่ตอนนี้แจมินหงุดหงิดเกินกว่าจะอยู่คนเดียว

    เขาต้องหาทางลง

    Mark_J : กำลังไป

    JM :ไม่ต้องรีบนะ

    JM :ถึงห้องละ

    Mark_J : ขอโทษ

    มาร์คส่งข้อความมาหาตอนเกือบสามทุ่มสงสัยคงเพิ่งเลิกละมั้ง ถึงหงุดหงิดแต่ก็เข้าใจเหตุผลอีกคนดีแต่จะไม่ให้งี่เง่ามันก็ยากสิ้นดี ตอนนี้มันไม่ได้โกรธหรอกควรจำกัดความว่านอยด์ดีกว่าแค่มันไม่เป็นตามแผนเลยเซ็งๆ แบบนั้นมากกว่า

    (แจมิน)

    แค่ได้ยินเสียงก็ใจอ่อนล่ะ แต่แจมินขอเล่นตัวหน่อยล่ะกัน

    รสชาติชีวิตคู่

    (ขอโทษครับ)

    “ไม่มาก็บอกดิปล่อยให้ยืนรอตั้งนาน รู้มั้ยว่ามันเมื่อยยยยยย”

    (ขอโทษพอดีคุยงานกับอาจารย์แล้วมันปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย)

    “ทำไม! อาจารย์พี่เอาเชือกมัดขาไว้หรือไง หรือเอาโซ่ล่ามคอไว้แค่ส่งไลน์มาบอกก็ได้ รู้มั้ยว่าเรารอพี่นานแค่ไหน เป็นชั่วโมงเลยนะเว้ยถ้าเราไม่โทรหาเหรินจวิ้นป่านนี้คงรออยู่คณะนั้นแหละ”

    เม้งออกไปชุดใหญ่

    (ขอโทษ)

    คนโดนเหวี่ยงใส่ก็ตอบกลับมาเสียงอ่อยจนคนนอยด์แตกใจอ่อนยวบ

    แพ้ทางมาร์คแบบนี้ตลอดเลยสินาแจมินเอ้ยยย

    (แจมิน)

    น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นใช้กับแจมินได้ผลเสมอ

    (ขอโทษครับ)

    เคยแพ้ทางมาร์คลียังไงในวันแรก

    วันนี้แจมินก็ยังแพ้ทางมาร์คอยู่นั่นแหละ

    “ช่างเหอะยังไงเราก็กินต้มมาม่ารสชาติห่วยแตกของไอ้เจโน่ไปล่ะ ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้แล้ว”

    (ขอโทษนะแจมิน)

    “ก็บอกว่าช่างเหอะแล้วนี่เลิกแล้วเหรอ?”

    (ครับ)

    “เลิกทำเสียงหงอยแบบนั้นเหอะเรายังไม่ได้ว่าอะไรพี่เลยนะ”

    (พี่ทำให้แจมินรอ)

    “เออ รอนานเลยด้วยแต่ช่างมันเหอะ พี่ติดงานนี่หว่า เราจะทำอะไรได้”

    (แก้ตัวมั้ย เดี๋ยวพี่ไปรับ)

    “ตอนนี้อะนะจะสามทุ่มละพี่มาร์ค ร้านปิดหมดแล้วมั้ง แล้วกว่าตัวจะกลับถึงบ้านอีก เอาไว้วันหลังเหอะไม่ใช่แม่ก็รอกินข้าวนะ ได้โทรบอกแม่ยัง?”

    อดนึกไปถึงแม่ของอีกฝ่ายไม่ได้เพราะถ้าแจมินโดนลืมแบบนี้ แน่นอนว่ามาร์คก็คงไม่ได้โทรบอกที่บ้านอีกตามเคยนิสัยเสียที่แก้ไม่หาย ขนาดแม่ของมาร์คยังออกปากบ่อยว่ามาร์คเย็นชากับที่บ้านตลอดไม่ชอบโทรหา ไม่ชอบให้ที่บ้านเซ้าซี้รู้ว่ารักและห่วงกันและกันแต่มาร์คก็ปากหนักเกินกว่าจะเข้าหาที่บ้านคงเพราะมีพี่ชายและถูกเลี้ยงมาแบบแมนๆ ก็เลยแสดงออกแบบแข็งๆดีที่ตั้งแต่คบกับแจมินมาเลยโดนบังคับให้ต้องรายงานตัวให้เข้าหาแม่มากขึ้นก็บ้านแจมินตรงข้ามกับบ้านมาร์คเลยหนะสิ พวกเขาอยู่กันแบบมุ้งมิ้งเทือกนั้นคงเพราะพี่สาวสองคนด้วยแหละมั้ง บ้านเขาเลยแสดงความรักแบบเปิดเผยเลี้ยงกันมาแบบออดอ้อนแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาเสมอ

    (แม่รู้แหละ) รับคำแบบปัดไปที

    “หนะ นิสัยเสียวะพี่มาร์คก็รู้ว่าแม่ต้องรอก็โทรไปบอกหน่อยดิ แค่โทรบอกแม่มันไม่ได้ยากเลยนะพี่มาร์คโทรหาเราได้ก็โทรหาแม่ได้ เดี๋ยวโทรบอกแม่ด้วยว่ากำลังกลับ แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”บ่นไปยาวไม่รู้ว่าคนปลายสายจะรับฟังแค่ไหน แต่ถ้าไม่ให้พูดก็คงไม่ได้หรอกอย่างมาร์คถ้าไม่พูดตรงๆ ก็ตีเนียนเลี่ยงไปเฉยๆ ทุกที

    (รู้แล้วครับ)

    “รู้แล้วตลอดเบี้ยวนัดเราว่าแย่ละนะ ไปไหนมาไหนไม่บอกแม่นี่น่าฟาดสุดๆดึกป่านนี้แม่ยังไม่นอนแน่ๆ โทรบอกแม่ แล้วรีบกลับบ้าน เดี๋ยวเราทำการบ้านรอ”แจมินถ้าได้บ่นนี่ยาวกว่ามาร์คบ่นแน่ๆ

    (แต่...)

    “กลับบ้าน!! ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วย ได้ยินมั้ย”

    บางทีคนเด็กกว่าก็ต้องทำตัวโตกว่าเพื่อคุมผู้ใหญ่นิสัยเด็กอย่างมาร์คลีบ้าง

    (ครับ)

    “ขับรถดีๆเรารอโทรศัพท์อยู่นะพี่มาร์ค” ไม่ลืมย้ำคำก่อนจะกดวางสาย

     

     

     

     

    วันนี้แจมินออกไปเรียนพร้อมเจโน่ตามปกติแต่ที่ไม่ปกติเพราะเพื่อนร่วมทางต่างคณะที่ไม่ปกติแต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากที่จะเจอเหรินจวิ้นมาค้างที่ห้องของเจโน่

    “ทำไมมากินข้าวกับพวกกูได้แสดงว่าเมื่อคืนมึงไม่ได้กลับบ้าน”

    ทั้งสองคนเอาแต่ตักข้าวใส่ปากเงียบๆเหมือนไม่ได้ยินเสียงของแจมินที่นั่งอยู่ตรงข้าม

    “ไม่ตอบมึงจัดกีฬากระชับมิตรกันรึ”

    ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตาที่แจมินล้อเลียนทำแก้มใสของเหรินจวิ้นมีเลือดฝาดทันที

    “สัด! จังไรแต่เช้าเลยมึง” เป็นเจโน่คนใจหยาบที่ต้องห้ามการล้อเลียนของเพื่อนสนิทที่จ้องจะต้อนเขาและคนตัวเล็กข้างกายให้จนมุม

    “ด่ากูงี้แสดงกูพูดถูกล่ะสิ”

    “วุ่นวาย รีบกินเลย”

    ทำเป็นเข้มใส่เพราะแจมินพูดแทงใจดำล่ะสิ

    แจมินไม่เข้าใจว่าเจโน่กับเหรินจวิ้นจะปากแข็งว่าเป็นเพื่อนกันไปทำไมในเมื่อการกระทำของพวกมันนี่ข้ามเส้นขีดความเป็นเพื่อนไปไกลมากแล้วเผลอๆ พวกมันนี่เกินคำว่าแฟนไปแล้วมั้งแต่พอเวลาถามสถานะก็เอาแต่บอกว่าเป็นเพื่อนจนไม่รู้ว่าเพื่อนแบบมันสองคนกับมนุษย์คนอื่นบนโลกนี่มันนิยามไม่เหมือนกันเหรอวะ

    “เมื่อวานเลิกดึกมากเหรอมึง” แจมินหันไปถามเหรินจวิ้น

    “อาจารย์ลงวุ่นวายทั้งกองทั้งทีมงานทั้งนักแสดง แก้นั้นปรับนี่กันจนวุ่นไปหมด”

    “ปีนี้เล่นเรื่องอะไรวะ?”

    “โรมิโอจูเลียต”

    “โคตรอมตะ น้ำเน่าสิ้นดีไม่เล่นเรื่องอื่นบ้างวะ ปีก่อนก็เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”

    “กูจะรู้เหรอ พวกปีโตเขาเลือก”

    “ว่าแต่ใครเป็นนางเอกวะ มัวแต่ด่าจนลืมถามไปเลย”

    ตั้งแต่มาร์คบอกจะเล่นละครเวทีแจมินก็ยังไม่ได้คุยได้ถามรายละเอียดอื่นๆจากอีกฝ่ายเลย ไม่รู้ว่าต้องเล่นคู่กับใคร เล่นเรื่องอะไร จริงๆก็แค่อยากรู้เผื่อมีคนถามจะได้ตอบได้บ้าง

    “มึงไม่ถามพี่มาร์คล่ะ”

    “ก็กูบอกอยู่ว่าจะลืมถามแล้วช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันด้วย”

    “ไปถามพี่มาร์คดิ”

    “มึงไม่รู้เหรอ?”

    แจมินไม่ทันสังเกตท่าทางอึกอักของเหรินจวิ้นที่เหมือนคนน้ำท่วมปากแต่ก็ทำนิ่งเหมือนกลบเกลื่อน

    “อ เออ เออกูไม่รู้ กูวุ่นๆทำฉาก ไม่ได้ไปยุ่งกับพวกเบื้องหน้าหรอก”

    “ปีที่แล้วเล่นกับพี่จอยป่ะ”

    “อือ”

    “ปีนี้จะเหลือใครวะ?”

     

     

     

     

    ทั้งๆ ที่เข้านอนคนเดียวแต่พอตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกก็พบว่าข้างตัวมีคนมานอนด้วยดีที่แจมินยังมีสติพอไม่ให้หยิบไม้มาฟาดเพราะคิดว่าเป็นขโมยเดี๋ยวนี้นึกจะมานอนไม่ต้องบอกต้องกล่าวกันล่ะ

    “เมื่อคืนกลับมากี่โมง?”

    “เกือบห้าทุ่ม” มาร์คตอบพลางก้มหน้ากินข้าวไปด้วย  เพราะวันนี้เขายังต้องเข้าไปซ้อมละครอีกทั้งๆที่เป็นวันไม่มีเรียนแท้ๆ

    “ทำไมเลิกดึก”

    “อาจารย์มาปรับบทใหม่เยอะเลยเหมือนที่ซ้อมมาก่อนหน้านี้ไม่มีประโยชน์”

    “ปีนี้ไปดูได้มั้ย?”

    คนที่ตั้งท่ากินข้าวตอนแรกละสายตามามองคนตรงข้ามที่พูดไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรสายตาก็โฟกัสที่จอสมาร์ทโฟนในมือ

    “ทำไมอยากไปดูทีเมื่อก่อนชวนนี่หน้าบูดตลอด”

    “ก็อยากดูเฉยๆ เออปีนี้พี่เล่นคู่ใคร? ถามไอ้เหรินจวิ้นมันก็บอกไม่รู้”

    เสียงสมาร์ทโฟนของมาร์คดังแทรกขึ้นมาจนละสายตาที่เลิกลักไปมองก็พบกับแม่ที่เป็นสายเรียกเข้าทำให้บทสนทนาของแจมินและมาร์คจบลงตรงนั้น

     

     

     

    “ฮัลโหลลลลล สามี!!!!!” คนที่โผล่หน้ามาก่อนเสียงคือ คิมเยริ เพื่อนผู้หญิงที่อยู่คณะข้างเคียง แต่เพราะเรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วมหาลัยยังแอดติดที่เดียวกันเลยยังไปมาหาสู่กันอยู่เหมือนเดิม

    “ใครปล่อยแรดเข้ามาวะ” เป็นเจโน่ที่แซวแรงๆสวนไป

    “เดี๋ยวกูตบ ปากมึงนี่นะเจโน่”หันไปตอบโต้คู่ไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะหันไปทักเพื่อนอีกคนที่ก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะอีกตัว“แจมินนนนนนนน!

    “จะเรียกเสียงดังทำไมวะ” คนที่โดนทักเงยหน้ามาถาม

    “คิดถึงมึง”

    “ไร้ซึ่งความจริงใจทั้งสิ้นทั้งปวง”

    “อีเจโน่! ขี้เสือกนัก!” ไม่วายได้ตบตีกันอีกยกแต่ก็ไม่ได้จริงจังทั้งคนโดนแซวและคนถูกแซว “เที่ยงกินข้าวไหนกัน?”สาเหตุที่เยริข้ามฝั่งมาถึงฝั่งวิศวะเพราะหาเพื่อนกินข้าวเที่ยงนี่แหละ

    “ทำไม?”

    “กูไปด้วย”

    “เพื่อนมึงล่ะ?”

    ปกติเยริก็มีเพื่อนที่คณะไปไหนมาไหนด้วยตลอดนั่นแหละนานๆ ทีถึงจะข้ามถนนมากินข้าวกับแจมินและเจโน่ที่ฝั่งวิศวะถ้าไม่ใช่โอกาสพิเศษก็กินใครกินมันดีกว่า เพราะตารางเวลาก็ไม่ได้ตรงกันเลยสักนิด

    “กลับกันหมดแล้ว บ่ายจารย์กูยกคลาส”

    “แล้วมึงไม่กลับล่ะ”

    “เย็นกูมีนัดผู้ขี้เกียจนั่งรถย้อนไปย้อนมา ขี้เกียจตอแหลแม่ด้วย”

    “ได้ใหม่อีกละรึ”

    “คนสวยอะมึง ธรรมดา”

    “ธรรมดาแบบมึงเป็นที่ต้องการของนรกนะ”

    ถ้าไม่รู้ว่าเจโน่กับเยริรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กคงคิดว่าสองคนนี้เป็นศัตรูเคียดแค้นอะไรกันสักอย่างเพราะไม่ใครก็ใครถ้ามีจังหวะก็ติดแหย่ต้องแขวะกันเสมอ

    “อีเจโน่!

    เจโน่แม่งโรคจิตแน่ๆถึงชอบยั่วให้เยริตะโกนใส่ แจมินได้แต่คิดในใจ

    “ไปกินอักษรมั้ย?” แจมินเสนอทางเลือก

    “ไกลเหี้ ย คิดไงอยากไปวะ” เจโน่ขัดขึ้นเพราะคิดถึงระยะทางจากวิศวะไปอักษรมันไม่ใช่ใกล้ๆ แถมแดดตอนเที่ยงก็ร้อนบรมขนาดนี้โรงอาหารวิศวะเลยเป็นคำตอบที่เจโน่ต้องการมากที่สุด

    “กูอยากกินต๊อก” แจมินหันไปตอบ

    “กูมีรถมา ไปรถกู” เยริเสริมเสียงดี๊ด๊า

    “ดีล” แจมินตกปากรับคำโดยไม่รอฟังเจโน่ที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังตัดสินใจความอยากกินต๊อกต้องได้รับการตอบสนอง

    “ใครขับ”

    “มึง!” เยริชี้ไปที่เจโน่ซึ่งทำหน้าประมาณว่า กูอีกแล้ว

    “รถมึงมึงไม่ขับวะ”

    “ให้กูได้นั่งสวยๆบ้างเหอะ ขับตลอดเลย อยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถบ้าง”

    “ให้กูขับก็ได้นะ”แจมินเป็นคนเสนอตัวบ้าง

    “เดี๋ยวกูขับเอง”รีบตกปากรับคำแทบไม่ทัน ขืนปล่อยให้แจมินขับรถ มีหวังได้ไปโรงบาลแทนไปกินข้าวแน่ๆ

     

     

     

    “แล้วมึงรู้ยังว่าใครเล่นเป็นนางเอกคู่กับแฟนมึง”เยริถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ แจมินก็บ่นเรื่องที่แฟนรุ่นพี่ของตัวเองได้รับเลือกให้เล่นละครเวทีของคณะนิเทศอีกปีก็รู้แหละว่าแฟนตัวเองเป็นคนดัง เป็นสมบัติมหาลัยแต่การที่แฟนเขาได้รับคำชื่นชมตั่งต่างแต่เขากลับต้องโดนลากไปด่าว่าไม่คู่ควรบ้างล่ะแช่งชั่งหักกระดูกให้เลิกกันบ้างล่ะ มันก็ชวนหงุดหงิดใจว่านี่อิจฉาหรือแค่แสดงทัศนคติแย่ๆในสังคมเท่านั้น

    “ใคร?”

    พี่จีซู

    ชื่อแฟนเก่าของมาร์คทำแจมินสมองดับไปชั่วขณะ ตำแหน่งแฟนเก่าของแฟนเราว่าแย่แล้ว ก่อนที่แจมินจะคบกับมาร์ค ระหว่างกลุ่มพวกเขากับกลุ่มแฟนเก่ามาร์คเคยมีเรื่องกันมาแล้ว ถึงแจมินจะไม่ได้มีปัญหากับตัวจีซูตรงๆ เพราะเป็นเพื่อนของแจมินกับเพื่อนจีซูที่ไม่ลงรอย แต่ก็นั่นแหละ คนไม่สนิทใจกันแถมยังมีเรื่องคาใจที่หลายคนเอาแต่ตั้งคำถามสงสัยว่าตอนแจมินคบกับมาร์ค เหมือนมาร์คกับจีซูยังไม่เลิกกัน ยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต่างเลี่ยงจะเผชิญหน้าไม่มาเจอกกันน่าจะดีที่สุด

    “อย่าบอกว่าพี่มาร์คยังไม่บอก” สีหน้าแบบอึ้งๆ เหมือนหนักใจทำให้เยริถามกลับตาโต

    “เออ” ยอมรับออกไปตรงๆ

    ปกติมาร์คก็ไม่ใช่พวกมีความลับกับเขาอยู่แล้วไม่ว่าจะเรื่องอะไรทางนั้นก็จะแชร์จะเล่าให้ฟังโดยที่ไม่ต้องถาม แจมินเองก็ไม่ใช่พวกเซ้าซี้อยากรู้เรื่องแฟนตัวเองไปซะทุกอย่างเหมือนต่างคนต่างแชร์ในเรื่องที่สบายใจจะแชร์ เคารพพื้นที่ส่วนตัวกันและกันมาตลอดแต่พอเจอเรื่องนี้อยู่ๆ แจมินก็อดคิดไม่ได้ว่ายังมีเรื่องอะไรที่มาร์คเลือกจะไม่บอกเขาอีกบ้าง

    “พวกมึงจะทะเลาะกันเพราะกูมั้ยเนี่ย”

    “เรื่องแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอก” ทำปากดีตอบไปงั้นแต่ในใจนี่ปั่นป่วนไปแล้วดีที่เป็นพวกหน้านิ่งเก็บอาการเก่งเลยทำกลบเกลื่อนได้

    “แต่เอาจริงจะหาว่ากูเสือกก็ได้ มึงไม่ตะขิดตะขวงในใจเหรอวะนั่นแฟนเก่าที่แฟนมึงเคยรักมากเลยนะ”

    แจมินอยากบอกว่ายิ่งกว่าตะขิดตะขวงใจซะอีก สมองประมวลผลคิดคาดการณ์ไปไกลกว่าที่พวกมันคิดแน่ๆ เห็นเป็นคนง่ายๆ สบายๆแต่เวลาคิดมากนี่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครคิดมากได้เท่าแจมินอีกแล้ว

    “นั่นปากมึงเหรอเยริ”

    คงต้องยกเว้นเจโน่ไว้อีกคน ถึงแจมินจะเก็บอาการเก่ง แต่เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเพื่อนสนิทข้างกายกำลังวิตกกังวล

    “เอ้า! กูสงสัยไม่ได้ไง”

    “สงสัยอะไรที่มันจะไม่ทำให้เขาตีกันได้มั้ย”

    “แหมมมมเชื่อเถอะว่าไม่ใช่แค่กูแน่ๆ ที่อยากใส่ใจเรื่องนี้ นั่นพี่มาร์คเลยนะมึง สมบัติมอขนาดนั้น ผู้หญิงครึ่งมอแน่ๆ ที่แช่งให้มึงเลิกกันอยู่”

    ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองต้อยต่ำขนาดนั้นก็ไม่รู้

    แจมินไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอกออกจะหน้าตาน่ารัก คนรู้จักก็เยอะ เป็นคนเด่นในคณะวิศวะอยู่ไม่น้อยเรียกว่าขวัญใจรุ่นพี่รุ่นน้อง ยิ่งได้รู้จักใจคอจริงๆ ใครๆก็ออกปากว่าแจมินน่ารักกันทั้งนั้น แต่คงไม่ใช่ในสายตาคนอื่นๆ ทั่วไปที่เจอกันผ่านๆเพราะการแสดงออกภายนอกแจมินก็คือผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องวิวาทบ้างไม่ลงรอยกับคนนั้นคนนี้บ้างตามวิสัยผู้ชายตรงๆ ซึ่งผิดกับภาพลักษณ์ของสมบัติมหาลัยอย่างมาร์คลีที่แทบจะเรียกว่าประวัติขาวสะอาดไปหมดไม่มีจุดด่างพร้อยหรือรอยเปื้อนเลยสักนิด ถ้เอาแจมินไปเทียบเคียงกับมาร์คลีก็มีแต่คนบอกไม่คู่ควรทั้งนั้น

    "ก็แช่งกูมาเป็นปีแล้วนะ กูก็ยังคบกันดีอยู่"

    "ระวังไว้หน่อยก็ดีนะมึง จะหาว่ากูปั่นก็ได้"

    “กูแยกแยะได้แต่ถ้าเขาไม่แยกแยะหรือล้ำเส้นกูมากเกินไป ต่อให้เป็นผู้หญิงหน้าไหนกูก็ไม่สนใจเหมือนกัน”

    ก่อนจะนอยด์แตกคิดไปไกลกว่าสถานการณ์จริงที่เป็น แจมินก็ขอเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเองซะหน่อย อย่างน้อยตอนนี้นาแจมินก็มีสถานะเป็นแฟนคนปัจจุบัน ยังไงเขาก็มีสิทธิ์ในตัวมาร์คลีมากกว่าคนที่เป็นคนเก่าคนนั้นแน่นอน

    “โอ้โห!!! ความพี่แจมินภาคไฟ โคตรกร้าวใจเลย”

     

     

     

    TBC.

    ENJOY READING ♥

    ทวิตเตอร์ @bkadi8812

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in