เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
19.09'Bbkadi_8812
[NCT MARKMIN] ... LOVED 01
  • [NCTMARKMIN]

    LOVED

     



    | CHAPTER 1 |




    เมื่อความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน

     





    ทำไมการรักพี่เราถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้วะ – นาแจมิน


     

     

    Pairing : NCT MARKMIN

    Twitter : @bkadi8812

    Warring :  เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง!!!!

     



     

    ทันทีที่จอดรถยนต์เทียบฟุตบาตหน้าหอพักนักศึกษานอกมหาวิทยาลัยภาพผู้ชายตัวสูงไม่น่าจะเกิน 180 ที่วิ่งกระหืดกระหอบทั้งแซนวิสที่คาบอยู่ในปากทั้งเสื้อช้อปสีเลือดหมูที่ยังใส่ไม่เรียบร้อย หนังสือที่อีกคนหนีบติดแขนรองเท้าผ้าใบที่เหยียบส้นไม่เรียบร้อยบ่งบอกให้รู้ว่านาแจมินไม่ได้ตื่นทำกิจวัตรตรงเวลาทั้งๆที่มาร์คทั้งกระหน่ำส่งข้อความ ทั้งโทรหาเป็นสิบยี่สิบสายเมื่อเช้าถึงอีกคนจะงัวเงียตื่นขึ้นมารับสายได้ทุกครั้งแต่เหมือนแจมินจะตื่นจริงจังก็ตอนสายสุดท้ายที่มาร์คใกล้จะถึงหอพักแน่ๆ

    “ใจเย็น”เอ่ยปรามเมื่อแจมินทำท่าเหมือนจะหายใจหายคอไม่ทัน ทั้งแซนวิสที่พยายามเคี้ยวให้หมดปากแถมยังหอบหายใจเพราะดูก็รู้ว่าคงวิ่งลงมาจากห้อง

    “แสดงว่าเพิ่งตื่นใช่มั้ย?”สภาพผมที่ยังเปียกชุ่ม น้ำยังหยดลงบนเสื้อช้อปแบบนี้บ่งบอกให้รู้ว่าแจมินแอบเกเรกับข้อตกลงที่ให้กับเขาไว้แน่ๆ

    “เมื่อคืนกว่าจะได้นอน”คำแก้ตัวเปล่งออกจากปากคนตัวเล็กที่ก้มลงไปใส่รองเท้าและมัดเชือกรองเท้าก่อนจะเงยหน้ามาพบแฟนหนุ่มที่หน้าเข้มเตรียมดุ

    “เล่นเกมอะดิ”มาร์ครู้ทันแฟนตัวเอง

    คนโดนจับไต๋ได้แต่ยิ้มเผละไม่สารภาพหรือยอมรับท่าทางเหมือนเด็กน้อยทำให้คนที่ทำหน้าขรึมในคราแรกหลุดยิ้มเอ็นดูมือหนาเลื่อนไปโยกศีรษะเล็กของแฟนเพราะหมั่นเขี้ยวท่าทางไม่ได้สำนึกแถมยังงัดลูกอ้อนออกมาใช้เวลาจะโดนดุเสมอมาร์คสตาร์ทรถขับไปมหาลัยเพราะใกล้เวลาเข้าเรียนของคนตัวเล็กแล้ว

     

     

    “เลิกแล้วโทรบอกด้วยนะ”มาร์คบอกตอนแจมินกำลังจะก้าวขาลงจากรถ

    “วันนี้จะเลิกกี่โมงยังไม่รู้เลย”คนตัวดื้อที่ตั้งท่าจะบ่ายเบี่ยงเพราะกลัวถ้ารับปากแฟนแล้วทำไม่ได้คงมีโดนบ่นยาวเป็นอาทิตย์แน่ๆ

    “เลิก! แล้ว! โทร! บอก! ด้วย!” พอโดนใช้เสียงดุเน้นคำสั่งทุกคำใส่ก็ทำหน้างอแง“ขี้ดุจังวะพี่มาร์ค” กระเง้ากระงอดกลับไป ปากเล็กยู่ใส่คนโตกว่าอดเอื้อมมือไปหมายจะบีบให้ปากช้ำ แต่เจ้าตัวดันไหวตัวทันซะก่อน

    “เวลาพูดก็ให้ฟัง บอกว่าเลิกแล้วโทรหาพี่ด้วยถ้าเลิกพร้อมกันจะมารับ”

    “คร้าบบบบบบผ้มมมมม”รับเสียงยาวแบบที่มาร์ครู้ว่ากำลังโดนแจมินกวนประสาท “นี่จะเป็นพ่อหรือผัววะเนี่ย”ก้มหน้าบ่นงุบงิบกับตัวเองไม่ได้ตั้งใจว่าคนข้างๆ จะได้ยิน

    “ผัว!

    เงยหน้ามายิ้มเผละให้เพราะไม่คิดว่ามาร์คจะได้ยินก่อนจะโดนบีบจมูกแรงๆ ไปทีจนเจ็บ

    “โอ๊ย!” คนโดนบีบจมูกฟาดมือสวนกลับดังป้าบจนมาร์คร้องเสียงหลงก็น้ำหนักมือแจมินมันเบาซะที่ไหน

    “สมน้ำหน้า”หันมาแลบลิ้นใส่ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

    “ตั้งใจเรียนนะคุณมาร์ค”

    “ตัวเองก็ด้วยเถอะ”

    ยิ้มกว้างไปให้ ไม่ลืมโบกมือลาแบบที่ทำเป็นประจำมาร์ครอจนแจมินก้าวเข้าตึกถึงขับรถไปทางคณะของตัวเอง

     

     

     

     

    กว่าจะเลิกเรียนก็ปาไปสี่โมงกว่าแจมินที่วันนี้เรียนเต็มทั้งวันตั้งแต่เช้าแถมเรียนทั้งภาคทฤษฎีภาคปฏิบัติจนสมองและกายจะสลายไปพร้อมๆ กันถึงกับฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อเรียกพละกำลังและสติที่ใกล้จะดับไม่ได้สนใจเพื่อนคนอื่นที่เก็บอุปกรณ์เตรียมล้างเนื้อล้างตัวเพื่อแยกย้ายกันกลับ

    “แดกข้าวกับกูมั้ย”เพื่อนสนิทเดินเข้ามาถาม

    “เลี้ยงกูดิ เดี๋ยวไปกินด้วย”

    “ขูดเลือดกูทั้งปี” ถึงจะตอบกลับไปเหมือนไม่พอใจแต่เจโน่ก็ไม่เคยให้แจมินต้องอดอยากปากแห้งสักครั้งถ้าได้เป็นคนเอ่ยปากชวนจะบอกว่าคนทั้งคู่โตมาด้วยกันก็คงไม่ผิดนัก เอาให้ชัดต้องเรียกว่าลืมตาขึ้นมาดูโลกพ่อแม่ก็จับเป็นเพื่อนกันแล้วทั้งแจมินและเจโน่สนิทกันมากชนิดที่อยากล้วงความลับแจมินก็ถามเจโน่แล้วถ้าอยากรู้ความลับเจโน่ให้ถามแจมินได้เลยทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ทั้งคู่จะรู้ใจกันเสมอ “นี่เป็นเพื่อนหรือเป็นปลิง”

    “แหมมมมมมมมมมม ช่วยสำนึกข้าวแดงแกงร้อนเวลามึงแอบเข้าไปดอยมาม่าในห้องกูตอนสิ้นเดือนด้วยไอ้เพื่อนเวร”เขาว่าคนเหมือนกันมันถึงจะเป็นเพื่อนกันได้นี่ไม่ผิดเลยสำหรับแจมินและเจโน่เพราะสำหรับเจโน่ที่มีหน้าที่เลี้ยงข้าวแจมินในแต่ละวันทุกช่วงสิ้นเดือนหรือช่วงใกล้จะอดตาย ห้องแจมินจะกลายเป็นตู้กับข้าวชั้นดีให้เจโน่ได้ไขประตูเข้าไปหาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้รอดตายได้เสมอ

    “มึงไม่โทรชวนไอ้เหรินจวิ้นเหรอ?”

    “ออกกอง”

    “แหม! แหม! แหมมมมมมมม! มีรายงานตงรายงานตัวด้วยยยยยยนะครับคูณณณณณ เพื่อนกันป่ะครับคุณลีเจโน่” แจมินทำหน้าทำตากระหริ่มกระเหลี่ยล้อเลียนใส่แต่สำหรับเจโน่ขอเรียกสีหน้าของแจมินตอนนี้ว่าหน้าเรียกตรีนน่าจะเหมาะกว่า

    “เสื อก!

    “บ่ายเบี่ยง”

    “ตกลงกินไม่กินไม่กินกูไปแล้วนะ”

    “ไปสิวะ ใจร้อนไปได้”

    “ไม่โทรบอกพี่มาร์คเดี๋ยวแม่งฟาดมึงขึ้นมาอย่ามาร้องให้กูช่วยนะ”

    “ไม่ได้แดกกูหร๊อก ไลน์ไปล่ะตั้งแต่เลิก”หันมาตีคิ้วใส่แบบผู้ชนะก่อนจะเดินคู่กันออกไปหาข้าวเย็นกินก่อนกลับหอ

     

     

     

     

    แจมินเผลอหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้ถือว่าเป็นวันหนักหน่วงสำหรับเขาเนื่องจากตารางเรียนที่อัดแน่นทั้งวันจนแทบไม่ได้หายใจหายคอ หลังจากไปกินข้าวเสร็จกลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงกับเตียง หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเกมไปได้ไม่ทันจบตาก็สลบคาเตียงทั้งๆที่ยังไม่อาบน้ำด้วยซ้ำ

    “แจมิน แจมิน แจมิน”แรงสะกิดหลายทีปลุกให้คนที่หลับไปทั้งเสื้อช้อปลืมตาตื่นขึ้น อาการปวดหนึบๆในหัวฟ้องว่านอนผิดเวลา สติติดๆ ดับๆ พยายามฝืนปลุกตัวเองอย่างยากลำบาก

    มาร์คยืนอยู่ข้างเตียงในสภาพที่ยังอยู่ในชุดเดิมกับที่เจอกันเมื่อเช้า

    “บอกหลายครั้งแล้วให้อาบน้ำก่อนขึ้นเตียง”โดนดุทันทีที่ลืมตาตื่น ดีที่แจมินยังเรียกสติกลับมาได้ไม่ครบเลยไม่สนใจแต่เหมือนคนขี้บ่นก็ยังบ่นยาวอยู่อย่างนั้น “พอที่นอนเหม็นก็งอแง เดี๋ยวจะโดน”

    “กลับมาก็บ่นบ่นบ่นเลย”พอมีสติจึงตอบโต้กลับไป อ้าปากหาวยาวก่อนจะลุกขึ้นเดินตามมาร์คออกจากห้องนอน

    “ทำไมกลับดึก”ถามหลังจากมองหน้าปัดนาฬิกาแล้วพบว่ามันเกือบสี่ทุ่ม

    “มีงานด่วนที่คณะ กินข้าวยัง?”

    “กินตั้งแต่เลิกแล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะ” แจมินรื้อดูของในถุงก็เห็นทั้งอาหารแช่แข็ง อาหารแห้งแม้แต่พวกอาหารจานด่วนหลายยี่ห้อ ทั้งของโปรดของเขาและของโปรดของมาร์คจนแปลกใจว่าวันนี้แฟนเขาเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรถึงใจดีซื้อของมาตุนขนาดนี้

     “เดี๋ยวดึกก็งอแงหิว ขี้เกียจลุกมาหาอะไรให้กิน”

    “คืนนี้นอนนี่เหรอ?”มาร์คพยักหน้าตอบทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าพิมพ์อะไรไม่รู้ในมือถือ

    “โทรบอกแม่ยัง?”

    “บอกแล้ว”

    แจมินมาเช่าหออยู่หลังมหาวิทยาลัยเพราะการเดินทางไปกลับบ้านมันค่อนข้างใช้เวลามากจนเกินจำเป็นไหนจะพลังงานที่สูญเสียหลังจากการเรียนในแต่ละวันก็คงไม่น้อยคิดสภาพว่าต้องเบียดเสียดผู้คนบนขนส่งสาธารณะในแต่ละวันคงทำให้แจมินสูญเสียพลังงานกายและเสียสุขภาพจิตไปโดยใช่เหตุการคิดว่าจะออกมาอยู่หอจึงเกิดขึ้นตอนแรกที่บ้านก็ไม่ยอมเพราะความเป็นลูกชายคนเดียว พ่อแม่ที่ฟูมฟักมาก็ห่วงนั่นนี่พี่สาวสองคนที่ประคบประหงมมาไม่ต้องพูดถึง ค้านหัวชนฝาไม่ยอมลูกเดียวแต่เพราะเจโน่ที่แอดติดคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยช่วยหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งโลกมาพูดจนสุดท้ายที่บ้านก็ยอมให้ออกมาอยู่หอแค่แลกกับเกรดงามๆ และพฤติกรรมดีๆ จนกว่าจะจบสำหรับคนมีความรับผิดชอบอย่างแจมินเลยไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

     “พรุ่งนี้เรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ?”

    “นอนนี่ไม่ได้หรือไง?!

    “ก็ปกติพี่มาร์คจะมาค้างแค่วันพฤหัสกับศุกร์นึกยังไงมาค้างวันนี้”

    ปกติแฟนรุ่นพี่ต่างคณะที่เริ่มคบหากันมาตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาเป็นนิสิตปีแรกจะมาค้างที่ห้องแจมินเฉพาะวันพฤหัสเพราะมาร์คมีเรียนเช้าแค่วันศุกร์ อาจจะมีมาค้างวันอื่นๆ บ้างถ้ากิจกรรมหรืองานคณะเลิกดึกแต่ก็น้อยครั้งที่จะเป็นแบบนั้น พออีกคนบอกว่าจะมาค้างด้วยเลยอดแปลกใจไม่ได้

    “พรุ่งนี้มีนัดคุยงานกับพี่ยูตะแต่เช้า”

    พี่ยูตะเป็นรุ่นพี่ในกลุ่มพี่รหัสของมาร์คที่คณะแจมินเคยเจอกลุ่มเพื่อนกลุ่มรุ่นพี่รุ่นน้องคนสนิทของแฟนตอนออกไปปาร์ตี้แฮงค์เอ้าท์ด้วยกันบ่อยๆ

    “งานไร?”

    มาร์คที่ยังก้มหน้าก้มตาสนใจโทรศัพท์ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินที่แจมินถามหรืออะไรในโทรศัพท์มันน่าสนใจมากกว่าจนคนตัวเล็กที่ก้มหน้าอ่านข้อความบนซองขนมต้องเงยหน้ามาสะกิด

    “มาร์ค! เราถามว่างานอะไร!?”

    ชอบให้เสียงเข้มก็ไม่บอก 

    “ละครเวที”

    “อีกล่ะนิเทศไม่มีคนอื่นแล้วเหรอ กะจะเหมาเล่นคนเดียวทุกปีจนเรียนจบเลยมั้ย”

    ที่พูดอย่างนี้เพราะความเป็นบุคคลสาธารณะของมาร์คเนี่ยแหละที่แจมินเบื่อหน่ายแฟนรุ่นพี่ของเขาเป็นคนดังของมหาลัยเพราะตำแหน่งเดือนรุ่นไหนจะตำแหน่งกัปตันทีมบอล พ่วงตำแหน่งประธานรุ่นไปด้วยอีกหนึ่งคนบ้าอะไรจะทำได้ทำดีไปซะทุกอย่าง มาร์คเป็นที่รู้จักของผู้คนไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็เจอแต่คนรู้จักทั้งนั้น คนในตำแหน่งแฟนคนดังอย่างแจมินใช่จะหน้าบานปลื้มใจเพราะหลายครั้งแจมินก็มักจะโดนเกลียดเพียงเพราะได้สมบัติมหาลัยมาครอง

    การตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมันสนุกมั้ยล่ะ

    “ก็พวกพี่เขามาขอให้ช่วย”

    “ปฏิเสธบ้างก็ได้นะ หวงนะเนี่ยเผื่อไม่รู้”

    มาร์คเก็บมือถือลงหลังจากได้ยินคำพูดของแจมินคว้าแฟนตัวเล็กที่ยืนเคี้ยวปูอัดตุ้ยๆแต่หน้าบ่งบอกว่าเซ็งในอารมณ์ไม่น้อยเข้ามาใกล้

    มาร์คชอบเวลาแจมินแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆเพราะเขาดันเป็นคนทื่อๆ แถมขี้เขินเวลาต้องยอมรับว่าหวงว่าหึงอีกฝ่าย

    “ยังไม่ได้รับปากจะทำเลยพี่เขาแค่ขอให้ไปลองคุยก่อน”

    “คิดงั้นจริงๆ เหรอครับคุณเราว่าพี่ยูตะล็อกตัวคุณไว้แล้วแหละ ไม่งั้นไม่เรียกคุณไปคุยขนาดนี้หรอก”ไม่ได้จะไบแอสว่าแฟนตัวเองดีอะไรหรอกแต่แจมินมั่นใจว่ายังไงสมบัติมหาลัยอย่างมาร์คไม่มีทางพลาดงานหนักหนาสาหัสที่ใครต่อใครก็ร้องยี๋แบบนี้หรอกละครเวทีของนิเทศเรียกว่างานช้างมหาลัยก็ว่าได้ นักศึกษารวมถึงผู้คนข้างนอกให้ความสนใจจับตามองกันเป็นอย่างมากเลยทำให้คณะนิเทศค่อนข้างจริงจังกับงานละครเวทีทุกปี

    อย่างปีที่แล้วที่มาร์คได้บทพระเอกแจมินยังจำได้ว่ามันบ้าบอยังไงกับคนที่เพิ่งเป็นแฟนกันหมาดๆเพราะเพิ่งตกลงคบหากันไม่นานแต่เวลาที่มาร์คและแจมินควรได้ใช้ร่วมกันก็หมดไปกับการไปนั่งเฝ้ามาร์คซ้อมละครเวทีทุกวันไหนจะเวลาที่พอจะโทรหากันก็ถูกริดรอนไปให้กับการซ้อมละครเวทีเสียจนหมดลองนึกสภาพคนเป็นแฟนดูสิแจมินหัวเสียแต่ก็ยังดีที่มาร์คยังทำหน้าที่แฟนที่ดีจนผ่านกันมาได้ถึงตอนนี้

    “ถ้าเขามีคนอื่นเขาคงไม่มาขอให้ช่วยหรอก”

    “ไม่มีคนอื่นหรือไม่หาคนอื่นได้พี่มาร์คคนเดียวก็สบายไปหลายอย่างละนะ คนของประชาชนอะไรขนาดนั้นนะ”แจมินเอ่ยแซวไปไม่ได้จริงจัง

    “ปีหน้าพี่ก็ได้ทำปีนี้ช่วยเขา ปีหน้าจะได้ไปขอร้องคนอื่นมาช่วยได้ง่ายๆ ไง”เหตุผลล้านแปดหาได้จากมาร์คลีเท่านั้น

    “ก็ถ้าพี่จะทำจริงๆเราจะพูดอะไรได้ นั่นมันงานพี่”นั่นแหละ ก็บ่นไปเพราะมันไม่ค่อยชอบใจแต่แจมินก็ไม่ได้งี่เง่าจนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกเขาเคารพการตัดสินใจของแฟนตัวเองเสมอ “ไม่ต้องมายิ้มเลยไปอาบน้ำแล้วออกมาหาข้าวให้กินด้วย”

    “ไหนว่ากินแล้ว”

    “คนเรากินข้าวครั้งเดียวแล้วไม่ต้องกินอีกเหรอ”กวนประสาทตาใสจนมาร์คอดบีบจมูกของคนตัวดื้อไปทีก่อนที่มาร์คจะเดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่ออาบน้ำส่วนคนเป็นเจ้าของห้องก็ง่วนกับการเก็บของให้เข้าที่รอมาร์คอาบน้ำ

     

     

     

    มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืดๆมาร์คล้วงออกมาดูก็พบชื่อของแฟนตัวเองพร้อมข้อความบอกกล่าวว่าเลิกเรียนและกำลังจะไปกินข้าวกับก๊วนเพื่อน

    เป็นความเคยชิน เป็นกิจวัตร ที่มาร์คและแจมินจะส่งข้อความผ่านแอพสนทนาเพื่อบอกกล่าวว่ากำลังทำอะไรที่ไหน อย่างไร เพราะตารางเรียนที่ไม่ค่อยจะตรงกัน การหาเวลามาเจอกันยิ่งยากเข้าไปด้วยแต่มาร์คและแจมินก็ช่วยกันประคองความสัมพันธ์ที่มันก็ไม่ได้ราบเรียบแต่ก็ไม่ได้ทะเลาะงี่เง่ารายวันจนพ้นปีแรกมาได้

    “มึงบอกแจมินเรื่องละครเวทียัง”อูจินถามขึ้นตอนเดินออกจากห้องประชุมที่พวกพี่ปี 4เรียกประชุมทีมงานละครเวทีของปีนี้

    “บอกแล้ว”

    “มันว่าไง”

    “ก็บ่นตามประสา”

    “เรื่องนางเอกมึงล่ะ?”แฮชานถามแทรกขึ้นเพราะไม่สบายใจอยู่ก่อนแล้ว

    “มีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นคนอื่นไม่ใช่เหรอ?”

    “มาขนาดนี้แล้วมึงยังคิดว่าเปลี่ยนได้อีกเหรอท่าทางเขาก็ดีใจออกนอกหน้าที่ได้เล่นกับมึงด้วย”

    คิดไปถึงบุคคลที่สามมาร์คก็แอบหนักใจอยู่หน่อยๆจะบอกว่าไม่คิดเลยก็คงไม่ใช่ เพราะถ้าแจมินรู้ว่าปีนี้เขาต้องเล่นละครเวทีคู่กับใครจะเกิดอะไรขึ้นมั้ยก็ยากจะเดา

    “พวกมึงก็พูดไปเรื่อย”

    “กูวางข้างแจมินฟาดงวงฟาดงาแน่ๆ ถ้ารู้”

    “เดี๋ยวกูหาจังหวะบอกหน่ายังไงแจมินก็ต้องรู้อยู่แล้ว”

    “ให้จริงเหอะ ก่อนจะมีคนคาบข่าวไปฟ้องแจมิน กูว่ามึงรีบบอกมันก่อนเลยนะ อย่ารอให้เกิดเรื่อง”อูจินบอกคาดโทษเพราะรู้จักนิสัยใจคอเพื่อนสนิทตัวเองดี

    “เกิดเรื่องอะไรวะ ไม่มีอะไรหรอก แล้วเรื่องแม่งก็ตั้งนานแล้ว ต่างคนต่างอยู่ จะมีเรื่องอะไรวะ”

    “แต่ตอนนี้มึงนั่นแหละที่ทำให้มันไม่ต่างคนต่างอยู่มึงว่าถ้าแจมินรู้มันจะว่าไง? ดีใจ? ปลื้มใจ? สบายใจมั้ย?”

    “แจมินไม่ได้ร้ายขนาดนั้น”

    “กูก็ไม่ได้บอกว่าแจมินร้าย กูแค่จะหมายความว่าแจมินมันเอาเรื่องแน่ๆ ถ้ารู้ว่ามึงงุบงิบกับมัน กูยังจำปีที่แล้วได้อยู่เลย ที่แจมินมันไปเอาเรื่องพวกเด็กสินกำถึงคณะ ตัวก็เท่าเมี่ยงแค่นั้น ใจกล้าชิบหาย”นึกถึงหน้าแฟนรุ่นน้องของมาร์ค แฮชานก็เสียววูบวาบไปหมด เห็นหน้าตาน่ารัก ตาแป๋วๆใสๆ ขี้อ้อนแบบนั้นเวลาร้ายขึ้นมาก็เอาเรื่องไม่หยอก วิศวะสไตล์ แมนๆ ห้าวๆไม่ยอมคน ชนเป็นชน พังเป็นพัง ตายก็เผา เจ็บก็ส่งโรงพยาบาลอะไรเทือกนั้น

    “มึงก็เลิกบิ้วเหอะ”

    “เอาจริงกูว่าแจมินมันไม่อะไรหรอกเห็นร้ายๆ งั้นก็มีเหตุผล แต่ที่น่ากลัวคือแฟนเก่ามึงนั่นแหละจำตอนโดนทิ้งไม่ได้แล้วหรือไง”

    ทำไมจะจำไม่ได้มาร์คจำได้ว่าตอนนั้นชีวิตเป๋ขนาดที่ล้มลุกคลุกคลานที่สุดใครจะคิดว่าแฟนที่คบกันมาสามปีจะทิ้งเขาด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าเขาดีเกินไป

    ดีแล้วโดนทิ้งนี่อยากลองเลวดูเหมือนกัน

    ทั้งๆ ที่เข้ากันได้ทุกอย่างไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิต รสนิยมมาร์คไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่เข้ากับเขาได้พอดีขนาดนี้มาก่อน พวกเขาทะเลาะกันบ้างแต่ก็ดีกันได้ตลอด ไม่เคยมีปัญหาเรื้อรังให้กลายเป็นปมปัญหาจนต้องเลิกราตอนโดนทิ้งมาร์คเลยเคว้งขนาดที่เมาหัวราน้ำแบบวันชนวันคืนชนคืนช่วงนั้นมีแต่คนเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะลุกไม่ได้แต่สุดท้ายมาร์คก็ผ่านช่วงตกต่ำของชีวิตมาได้เพราะนาแจมิน

    “มึงก็อย่าชะล้าใจไป ระวังไว้ก็ดีนะพวกผู้หญิงอะ น้ำหน้าอย่างมึงรับมือผู้หญิงไม่ไหวหรอก” อูจินได้แต่เอ่ยปากเตือนเพราะในช่วงเวลาที่มาร์คล้มเละเทะ เขาอยู่ตรงนั้น เขารู้ว่าเพื่อนเขาพังยับเยินยังไง แล้วคนที่เป็นแฟนเก่าเพื่อนเขามีอิทธิพลขนาดไหนในชีวิตมาร์คแต่ก็โชคดีที่ตอนนั้นแจมินเข้ามาได้ทันเวลาพอดีพวกเขาเลยช่วยกันจับมาร์คให้ลุกขึ้นได้อีกรอบ อูจินไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้พังอีกรอบ

    “ยิ่งผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนเก่ามึงด้วย..”

    “....”

    “มึงเคยแพ้ทางเขามาแล้วครั้งหนึ่ง"

    “....”

    "ถ้าเขาจะทำให้มึงแพ้อีกรอบ"

    “....”

    "กูว่ามันไม่ใช่เรื่องยากหรอก

     

     

    TBC.

    ENJOY READING

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
little_voice (@littlevoice)
สงสารน้องแจมจัง