เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ยามปทุมมาแห่งอวิ๋นเมิ่งมัวหมอง Mpregnithion58_onuma
เจียงเยี่ยนหลี 1
  • วันนี้เว่ยอู๋เซี่ยนได้รับจดหมายจากหลานวั่งจีหลังจากเขาส่งจดหมายไปยังกูซูหลานได้หนึ่งสัปดาห์นกนางแอ่นที่ส่งมาคราวนี้สุภาพเรียบร้อย ไม่ซุกซนแถมไล่จิกมือเขาเวลาที่เขากวนประสาท เจ้าของเป็นเช่นไรสิ่งของที่ส่งมาก็เป็นเช่นนั้น 


     ชายหนุ่มมือหนึ่งอุ้มอาเยวี่ยนในอ้อมแขนมือข้างหนึ่งเปิดจดหมายออกอ่านลายมืองดงามทรงพลังเหมือนที่เขาเคยเห็นที่หอตำรากูซูหลานปรากฏแก่สายตาบอกเล่าว่าตอนนี้อวิ๋นเซินปู้จื๋อฉู่ที่ถูกเผาทำลายด้วยน้ำมือสกุลเวินเมื่อปีก่อนบัดนี้ได้รับการบูรณะเรียบร้อยตำราสำคัญของตระกูลที่หลานซีเฉินนำไปเก็บซ่อนกลับคืนหอตำราหมดสิ้นจากนั้นก็เป็นเรื่องราวของยุทธภพที่แน่นอนว่าเป็นเรื่องของปรมาจารย์อี๋หลิงที่ถูกใส่สีตีไข่จนเละเทะบ้างว่าเขาไปฉุดคร่าสตรีที่หมู่บ้านหม่าหวงทั้งๆที่เป็นฝีมือของพวกนอกด่านหมู่บ้านหนานซานโดนซยงซือเล่นงานก็หาว่าเขาบังคับพวกมันไปโจมตี 

     

    ไร้สาระ! อะไรๆก็เขา! เขายังนั่งอยู่ที่ล่วนจั้งกั๋งประดิษฐ์นู่นนี่กับเลี้ยงอาเยวี่ยนก็หมดวันแล้วจะมีเวลาไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนทำไมกัน!!! 

     

    เว่ยอู๋เซี่ยนนั่งขำกับเรื่องราวที่หลานวั่งจีเล่าให้เขาฟังจนไหล่สั่นก่อนจะหลุดหัวเราะดังสนั่นเมื่อเห็นลายเส้นเบี้ยวๆบูดๆที่เขาพยายามเพ่งจนตาแทบเหล่ถึงจะพอดูออกว่าเป็นผีเสื้อกับนกเหยี่ยวแต่อาเยวี่ยนดูเหมือนจะดูออกในทันที มือเล็กตบลงที่ผีเสื้อน้อยเบาๆแล้วส่งเสียงหัวเราะชอบใจ

     

    "เจ้าชอบหรือ อาเยวี่ยน"ชายหนุ่มยิ้มอ่อนเมื่อเห็นร่างเล็กเอามือไขว่คว้าผีเสื้อที่เริ่มขยับปีกบินวนอยู่ในหน้ากระดาษหนีมือเล็กๆไปมา"หานกวงจวินเป็นคนวาดให้เชียวนะ พวกเราต้องเก็บรักษาดีๆล่ะ"

     

    ว่าจบก็หยิบจดหมายนั้นมาพับเก็บใส่กล่องอย่างดีอาเยวี่ยนที่กำลังเล่นติดลมพลันเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้เว่ยอู๋เซี่ยนจึงหยิบผีเสื้อประดิษฐ์ที่ทำมาจากกระดาษหลากสีที่เขาทำเองชายหนุ่มใช้เฟืองและลานอีกนิดหน่อยก็ทำให้ปีกผีเสื้อก็ขยับราวกับมีชีวิตเขาทำไว้หลายอันจนบางทีก็นำไปแจกเด็กๆสกุลเวินในที่หลบซ่อน เด็กๆชอบกันมาก 

     

    สิ่งนี้หลอกล่อไม่ให้อาเยวี่ยนงอแงได้ชะงัดนัก ทันทีที่เห็นอาเยวี่ยนก็ลืมผีเสื้อในจดหมาย หันไปให้ความสนใจกับผีเสื้อกระดาษนั้นแทนจังหวะเดียวกับที่เวินฉิงยกยาบำรุงมาให้เว่ยอิงดื่มชายหนุ่มมองตามถ้วยยาจากนั้นก็ทำท่าเบ้ปาก เวินฉิงจึงดุแล้ววางจานเล็กที่มีซานจาสีแดงสดเคลือบน้ำตาลแวววาวให้ "กินยาเข้าไปซะ ป้าจางทำซานจาเชื่อมมาให้ ดื่มยาแล้วกินไอ้นี่ตามก็ไม่ขมแล้ว"


    เว่ยอู๋เซี่ยนยังเบ้ปาก ทำท่าผะอืดผะอมเหมือนนึกถึงรสขมฝาดของยาบำรุงน้ำนมถ้วยนี้ แม้จะมีของหวานหลอกล่อก็ไม่ทำให้รู้สึกอยากกินยาเพิ่มขึ้นมาสักกระผีก แต่เมื่อหันไปมองตาอาเยวี่ยนที่โตวันโตคืนและยังกินนมได้ดุดันกว่าเดิม สุดท้ายก็คว้าถ้วยยาไปดื่มอักๆจนหมด จากนั้นก็ตาลีตาลานคว้าซานจาเชื่อมเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆกลบสีหน้าซีดขาวเพราะรสขมติดลิ้นไม่จางนั้นได้สนิท


    "มา อาเยวี่ยน มาหาอานี่ มา"เวินฉิงเห็นเขากินยาจนหมดถ้วยแล้วก็ให้มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น จากนั้นจึงอุ้มอาเยวี่ยนมาหยอกล้อแล้วหันไปถามคนที่ให้ความสนใจกับงานต่อ "กำลังอ่านจดหมายอยู่หรือ?"


    "อืม"


    "ที่เล่าให้ฟังว่าช่วยเลี้ยงอาเยวี่ยนน่ะเหรอ?"


    เว่ยอิงพยักหน้าอีก "เห็นดูท่าทางเป็นคุณชายแบบนั้นนึกไม่ถึงว่าจะเลี้ยงเด็กเก่งขนาดนี้ อาเยวี่ยนชอบเขามากทีเดียว"


    เวินฉิงลูบผีเสื้อกระดาษในมืออาเยวี่ยน เอ่ยเรียบเรื่อย "นั่นสินะ เป็นถึงคุณชายสูงศักดิ์ เขาจะลดตัวมาเลี้ยงอาเยวี่ยนให้เจ้าได้อย่างไร?"


    เว่ยอู๋เซี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็สะอึกไป "เรื่องนั้น...หลานจ้านเขาอาจซักซ้อม เผื่อเขามีลูกของตัวเอง จะได้ไม่ฉุกละหุกก็ได้"


    "เช่นนั้นยิ่งตลกเข้าไปใหญ่ อย่านับว่าบุรุษจะได้เลี้ยงลูกเองเลย ฟูเหรินตระกูลใหญ่ส่วนมากแม้ยามแรกคลอดก็ส่งตัวลูกไปให้แม่นม พอโตหน่อยก็มีพี่เลี้ยงดูแลแทน แล้วเขาจะเรียนรู้วิธีเลี้ยงเด็กไปทำไมกัน?"


    เว่ยอิงขมวดคิ้ว หญิงสาวจึงเอ่ยต่อ "เจ้าบอกว่าเขาป้อนนมแพะอาเยวี่ยนด้วยใช่ไหม? นมแพะนั้นทดแทนนมแม่ได้ แต่ไม่ควรให้บ่อยนัก ถ้าคนไม่ใส่ใจ หรือไม่มีความรู้ ย่อมให้นมวัวที่หาได้ง่ายกว่า อีกทั้งเจ้าบอกเองว่าเขาไม่ค่อยยอมให้เจ้าอุ้มอาเยวี่ยน...อ้อ ยังมี เขาเป็นคนสั่งอาหารให้เจ้าใช่ไหม ทำไมของกินเหล่านั้นถึงมีแต่ของที่ทำให้น้ำนมรสชาติไม่ดีล่ะ เจ้าเคยเอะใจบ้างไหม?"


    "...ข้า..."


    "ทุกอย่างที่ชายคนนั้นทำ เหมือนไม่อยากเจ้าจะต้องให้นมอาเยวี่ยนต่อหน้าเขาอย่างใดอย่างนั้น" 


    เว่ยอู๋เซี่ยนสะอึกนิ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เอะใจถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดของหลานวั่งจีในช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันที่อี๋หลิงแห่งนั้น แต่เพราะว่าเขาถามก็ไม่เคยได้รับคำตอบ และเห็นว่าการมีอีกฝ่ายอยู่ในช่วงระยะเวลานั้นก็รู้สึกดีจนสามารถโยนข้อสงสัยนั้นให้ปลิดปลิวหายไปกับกาลเวลา แต่เมื่อเวินฉิงมาพูดให้เขาคิดตามอีกครั้ง ความรู้สึกสบายใจก็เริ่มมีเค้าร่างของความหวาดหวั่นขึ้นมา


    "นอกจากข้าแล้ว ยังมีใครที่รู้เรื่องที่เจ้าสามารถตั้งครรภ์อีกหรือไม่?"


    "...มีอีกสองคน" เขาเอ่ยเสียงเบา "แต่ข้าเชื่อว่าคนๆนี้ไม่แพร่งพรายกับผู้ใดแน่นอน"


    อีกคนก็...เวินเฉา...ที่ตอนนี้ตายอย่างน่าอนาถไปแล้ว อย่างไรก็ไม่มีทางที่จะพูดอะไรได้...


    ไม่สิ...ในโลกนี้ยังมีวิธีเปิดปากดวงวิญญาณได้อีกวิธี...


    เพลงฉิน ถามไถ่วิญญาณ ประจำสกุลหลาน...


    ฉับพลันเขากลับรู้สึกหนาวสันหลังวูบ ในใจนั้นพยายามปฏิเสธ หลานจ้านน่ะหรือ? คนๆนั้นมิใช่คนสอดรู้ เขากับอีกฝ่ายก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออันใดมาก เพียงเคยเป็นสหายร่วมรบเพียงครั้งคราว อีกฝ่ายจะทุ่มเทถึงขนาดที่จะถามไถ่ดวงวิญญาณเวินเฉาเกี่ยวกับตัวเขาไปเพื่อสิ่งใด


    ทว่าเมื่อนึกถึงการกระทำหลายๆอย่าง อาการโกรธเกรี้ยวเมื่อเอ่ยถึงสกุลเวินและยามที่ได้เห็นอาเยวี่ยนครั้งแรกของหลานวั่งจี ทำให้เขาไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไป


    หรือว่าหลานจ้าน...เขา...


    "นี่ เว่ยอิง ข้าเพียงแค่สันนิษฐานไปเรื่อยเปื่อย เจ้าอย่าเพิ่งคิดมาก" เวินฉิงเอ่ย ก่อนชะงักเมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง เว่ยอู่เซี่ยนก็มีท่าทางไม่กัน


    เสียงที่เหมือนเสียงแส้ตวัดแหวกอากาศขวับเขวียว


    "อาเฉิง เจ้าหลบไปก่อน" เว่ยอิงเอ่ย เขารับอาเยวี่ยนมาอุ้ม ในขณะมืออีกข้างวางอยู่ที่เฉินฉิง ขลุ่ยผิวประจำตัวของตน


    เสียงซยงซือที่เดินร่อนเร่ไม่รู้ทางถูกแส้เฆี่ยนส่งเสียงร้องโหยหวนดังใกล้เข้ามา ที่เหลือวิ่งหนีตายอลหม่าน จนกระทั่งร่างในอาภรณ์สีม่วงสองคนปรากฏแก่สายตา 


    คนสองคนที่เขาคิดและทำใจแล้วว่าจะไม่ได้พบเจอกันอีกชั่วชีวิตนับตั้งแต่ประกาศตัดขาดกัน


    "เจียงเฉิง ศิษย์พี่หญิง"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in