เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เสน่หาคาตาโลเนียNuchanan
(4) ฝัน
  • ผมเข้าห้องนอนเล็ก จัดสัมภาระของส่วนตัว ถึงจะเป็นห้องนอนเล็กแต่ก็กว้างขวางพอควร มีเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ กระจก ครบถ้วน มีหน้าต่างสามบาน มองออกไปเห็นผนังของอีกตึก ย่านนี้เป็นใจกลางเมือง อาคารแต่ละหลังอยู่ห่างกันไม่มาก

    ผมหยิบมือถือขึ้นมา เช็ควายฟายของโรงแรม ใช้การได้ดี ระหว่างที่เช็คอีเมล์และข้อความ ผมนึกขึ้นมาได้ว่าน่าจะขอแอคเคานท์ของลาเพ จะได้ติดต่อกัน

    ผมไปเคาะประตูห้องนอนใหญ่ ลาเพเปิดประตูออกมา

    “มีอะไร” เธอถามห้วนๆ

    “คือว่า ผมขอแอดแชทกับคุณได้ไหม เราต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน เผื่อจะได้ติดต่อกัน แบบว่านัดเวลากันน่ะ อีเมล์ก็ได้” ถึงลาเพจะเป็นนักเขียนมีชื่อ แต่เธอไม่มีเว็บไซต์ส่วนตัว ไม่มีแอคเคานท์ในเครือข่ายออนไลน์ หรืออีเมล์แอดเดรสของเธอปรากฏในสื่อใดเลย

    นี่ผมกำลังจะได้แอดแชท เป็นเฟรนด์กับลาเพแล้วใช่ไหม

    “ไม่ได้ ฉันไม่ให้ เราคงไม่มีอะไรต้องนัดกันหรอก ต่างคนต่างอยู่” ลาเพดึงประตูเพื่อจะปิด

    อืม ลาเพ เธอจะหยิ่งกับผมไปถึงไหน ผมยันประตูไว้ไม่ยอมให้ปิดง่ายๆ

    “มีอะไรอีก” ลาเพพูด ท่าทางรำคาญผมเต็มที

    “ผมขอถามสักหน่อย คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าลุงมิคเขาจะไม่มาน่ะ” ถึงแม้ว่าลุงมิคจะบอกผมแล้วว่าลาเพไม่รู้เรื่องที่ผมจะมาแทน แต่ผมก็ยังอยากถามเธอเรื่องนี้


    ลาเพออกมาจากห้องนอนใหญ่ เราสองคนไปนั่งคุยกันที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

    “ฉันโทรไปมิคก็ไม่รับสาย แชทก็ไม่ตอบ แล้วเขาบล็อกก็ฉันทุกแอพเลย”

    “ตั้งแต่เมื่อไร” ผมถามเธอ

    “ตั้งแต่วันที่มีเรื่อง แต่อาทิตย์ที่แล้วเขาสั่งดอกไม้ให้คนมาส่งให้ฉัน ฉันก็นึกว่าเขาจะมาสเปนด้วย”

    ส่งดอกไม้ทั้งๆ ที่ตัวเองจะไม่มา เรื่องทำให้ผู้หญิงตายใจเนี่ย ลุงมิคถนัดนัก

    “คุณจะคุยกับลุงมิคไหมละ หรือจะแชท เอาเครื่องผมก็ได้” ผมยื่นมือถือให้ลาเพ แต่เธอปฏิเสธ

    “ไม่ต้อง เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้ ว่าแต่เธอไม่คิดจะพูดจามีหางเสียงกับฉันจริงๆ เหรอ ฉันไม่เคยได้ยินเธอพูด ‘ครับ’ กับฉันสักคำเลยนะ”

    เธอทวงคำว่า ‘ครับ’ จากผมอีกแล้ว

    “ทีคุณอายุน้อยกว่าลุงมิคตั้งหลายปี คุณยังเรียกลุงมิคว่ามิคเฉยๆ ทำไมผมต้องพูดสุภาพกับคุณด้วย” ผมเถียง

    “นั่นสินะ” ลาเพกลับไปที่ห้องนอนของเธอ ก่อนจะปิดประตู เธอหันมาบอกกับผมว่า “นี่ก็ได้เวลามื้อเย็นแล้ว ทัน เธอไปกินเลยนะ ฉันไม่ค่อยหิว”

    ผมลงไปที่ห้องอาหารของโรงแรม กินอาหารคนเดียว เสร็จแล้วขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวนอน ช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ อากาศไม่หนาวมาก ยังพออาบน้ำได้

    ลาเพไม่ออกมาจากห้องนอนใหญ่เลย


    ผมเข้านอน แล้วผมก็เริ่มฝันแบบเดียวกับที่เคยฝันตอนเด็ก ไม่ได้ฝันแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ผมเริ่มฝันแบบเดิมอีก หลังจากที่เห็นหน้าลาเพ

    ผมฝันว่าอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ตอนแรกผมนั่งอยู่ที่พื้น พื้นเรียบลื่นและเย็นมาก ผมต้องไปหาที่ที่อุ่นกว่านี้ ผมลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินไป ทางเดินค่อนข้างมืด ผมคลำทางไป เดินไปเรื่อยๆ เปิดประตูบานแล้วบานเล่า บางก้าวไม่มีพื้นรองรับ ผมตกลงไป แต่ก็กลับมาอยู่ที่พื้นอีกที แล้วก็เดินอีก จนในที่สุดผมพบห้องที่มีแสงสลัว ตรงกลางห้องมีเด็กชายตัวน้อยก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างกองอะไรสักอย่าง ผมเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้น ถามว่าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม

    เด็กชายหยุดสะอื้น ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จังหวะเดียวกันนั้นเองกองอะไรสักอย่างก็เริ่มขยับ ผมหันไปดู มันไม่ใช่กองสักทีเดียว มันถูกคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่สีเขียวเข้ม มีหัวผู้หญิงโผล่ออกมา ผมของเธอรุงรังและแผ่สยาย เธอหันมามองผมด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ของเหลวข้นหนืดสีเหลืองเปื้อนทั่วปากและคางของเธอ เสียงกรีดร้องคลุ้มคลั่งดังขึ้น

    เสียงกรีดร้องนี้เป็นของจริง


    ...ติดตามตอนต่อไป

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in