เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short story.Twentyeight_A
ซานต้าในเดือนกุมภาพันธ์
  • หญิงสาวในชุดวอร์มสีม่วงนั่งกอดวัตถุบางสิ่งบนฟุตบาธเล็กๆ หน้าอพาร์ทเม้น มีต้นไม้ใหญ่บดบังแสงแดดให้นิดหน่อย เธอไม่รู้หรอกว่ามันคือต้นอะไร ความหมายของต้นไม้บ่งบอกถึงสิ่งไหน เธอรู้แต่เพียงต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นกำลังปล่อยส่วนหนึ่งของตัวเองให้หล่นลงมายังพื้น บนพื้นถึงเต็มไปด้วยวัตถุเล็กๆ สีขาวเกลื่อน เธอมองมัน ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น แค่มองมันก่อนจะดื่มลาเต้แสนหวานเข้าไปอึกใหญ่เพื่อดับความร้อนของอากาศ แต่ความจริงมันไม่ได้ช่วยให้อากาศมันเย็นลงหรอก มันช่วยให้เธออารมณ์ดีขึ้นมากกว่า

    “มานั่งทำคูลไรตรงนี้ ห้องเย็นๆ มีไม่ไปอยู่” สหายชุดวอร์มโผล่มาในครรลองคลองตา บดบังเส้นทางการมองท้องฟ้าของเธอ เขาไม่ได้อยู่ในชุดวอร์มอย่างที่ควรจะเป็น มือเขากอดถุงขนมมันฝรั่งทอดขนาดใหญ่ไว้แนบอก มือก็หยิบสิ่งที่อยู่ในถุงเข้าปากตลอดเวลา เขายังดูขี้เกียจเหมือนเธออยู่ดี ถึงแม้ว่าจะถอดชุดวอร์มออกและมีผมที่เรียบแปล้ก็ตาม

    “มานั่งรอ”

    “รออะไร”

    “ซานต้า”

    สหายชุดวอร์มหัวเราะ หยิบมันฝรั่งทอดเข้าปาก นั่งลงบนฟุตบาธข้างเธอ นั่งลงข้างๆ กัน ใช้สายตามองเธอเหมือนคนเพี้ยนคนหนึ่ง คนเพี้ยนที่เป็นเพื่อนกัน

    “บ้าป่ะ นี่มันเดือนกุมภาฯ”

    “ซานต้าจะมาทุกวาเลนไทน์” เธอยังยืนยัน กอดวัตถุในอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม หน้าตาบ่งบอกว่านั่นคือสิ่งที่เธอจริงจังมากในตอนนี้ ในวันที่อากาศร้อน ในวันที่เธอยังคงใส่ชุดวอร์ม ในวันที่เธอยังไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากการรอคอย

    “คริสมาสต์มั้ย?” เมื่อเห็นว่าเธอ ยัยผู้หญิงในชุดวอร์มยังจริงจัง เขาจึงถามย้ำอีกครั้ง ใช่ คริสมาสต์ต่างหากที่คู่กับซานตาคลอส ไม่ใช่วาเลนไทน์ นั่นมันวันแห่งความรัก

    “เราได้มันมาตอนวาเลนไทน์” เธอบอก ยื่นวัตถุในอ้อมกอดให้เขาดู เธอยื่นหนังสือหน้าปกสีม่วงให้ดู ก่อนจะเปิดหน้าแรกเพื่อยืนยันสิ่งที่เธอเชื่อ เพื่อให้สหายชุดวอร์มเชื่อ หน้าแรกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ว่า สุขสันต์วันวาเลนไทน์ จากซานตาคลอส

    เธอชี้ ชี้ให้เขาดู ให้เขาจ้องมองมันชัดๆ ให้เขาเชื่อเหมือนเธอ

    “นี่ไง ซานต้า!”

    เขาถอนหายใจ มันฝรั่งทอดถุงโตถูกกดพอสจากการรุกราน เขาหันไปมองเธอ สหายชุดวอร์ม

    “แกโตแล้ว ซานต้าจะไม่มาหาแกแล้ว”

    เขาพูดอย่างนั้น พูดไปอย่างนั้น เธอมันเลอะเทอะ เลอะเทอะไปหมดทุกอย่าง ซานต้าที่ไม่มีจริง ยิ่งซานต้าในวันวาเลนไทน์ยิ่งไร้เค้าโครงความจริง เธอเชื่อในสิ่งที่ไม่มีจริง เธอกำลังรอสิ่งที่ไม่มีจริง หญิงสาวชุดวอร์มคนนั้น คนที่กำลังกอดหนังสือปกสีม่วง คนที่กำลังดื่มลาเต้ที่เพิ่มไซรัปหลายปั๊ม คนที่กำลังมองท้องฟ้าที่เติมไปด้วยฝุ่น

    ขนาดท้องฟ้ายังไม่เป็นสีฟ้าอย่างที่ควรจะเป็นเลย

    “แกว่าคนเราจะมีความรักได้คนละกี่ครั้งวะ” แล้วเธอก็พูดสิ่งที่เธออยากจะพูด พูดออกมาเพื่อให้เขาหยุดแย้งเธอเรื่องซานต้า

    “ละแกมีมาแล้วกี่ครั้ง”

    “ครั้งเดียว ตั้งแต่ม.สี่ก็มีแค่คนเดียว”

    ความรักของเด็กอายุสิบหก มันไม่ได้แสนหวานอะไรนักหรอก วัตถุในมือกำลังพาเธอกลับไป กลับไปตอนสิบแปด กลับไปตอนที่เธอกับวัตถุเจอกันครั้งแรก หนังสือที่ถูกเปลี่ยนเจ้าของ คนที่ซื้อมันต้องการให้เธอเป็นเจ้าของ เขาที่แอบอ้างตัวเป็นซานต้า เขาที่ให้วัตถุนั้นแก่เธอในวันวาเลนไทน์ และเมื่อเธอเปิดอ่านมันก็พบว่ามีประโยคหนึ่งถูกเน้นย้ำด้วยไฮไลท์สีม่วง ประโยคหนึ่งที่เขาเน้นย้ำ

    ‘ขอให้เจอความสงบที่หา’

    เธอรับรู้ได้ในทันทีที่อ่านมัน ซานต้าจะไม่ให้ของขวัญเธออีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคริสมาสต์ หรือวาเลนไทน์ ความรักของเขาไม่ได้ทำให้เธอสงบ วันวาเลนไทน์ที่กลายเป็นความไม่รัก และตอนนี้เธอยังหาความสงบที่เขาไฮไลท์ไว้ไม่เจอเลย ตั้งแต่เลยอายุสิบแปดมาเธอยังไม่เจอมันเลย

    “ก็หาครั้งที่สองได้แล้ว ใช่ว่าหัวใจมันใช้ซ้ำไม่ได้” สหายชุดวอร์มเรียกเธอออกมาจากไทม์แมชซีน เรียกเธอให้กลับมาจากเธอในช่วงสิบแปด เธอกลายเป็นหญิงสาวในวัยยี่สิบสีอีกครั้ง เธอหันไปยิ้ม ยิ้มไปอย่างนั้น ไม่อยากให้มันรู้เรื่องในไทม์แมชซีนเลย เธอจึงขโมยมันฝรั่งทอดมากินหน้าตาเฉย

    “คำเมื่อกี้คูลดีวะ ถ้าเป็นเรื่องสั้นเท่ๆ คือต้องดื่มเบียร์แล้วคีบบุหรี่แล้ว”

    “แต่มันฝรั่งทอดมันอร่อยนะ แทนที่เราสูบบุหรี่ไม่เป็นได้ไหม”

    “ลาเต้เพิ่มไซรัปหลายๆ ปั๊มก็รู้สึกดีกว่าดื่มเบียร์อ่ะ”

    แล้วเราทั้งคู่ต่างก็หัวเราะให้กับความคูลของเราเองท่ามกลางความเงียบเชียบของบรรยากาศรอบข้าง วันธรรมดาในตอนบ่ายที่คนน้อยเสมอ แดดร้อนเสมอ และฝุ่นหนาตาเสมอ

    “โอเค เรามีความคูลเป็นหนทางของตัวเอง”

    “เริ่มไม่คูลละ” เธอขัด คำพูดที่ดูเหมือนเพจคำคมจากเขานี่มันคืออะไรกัน น่าตลกสิ้นดี

    “ไม่ง่ายเลยเนอะ ความคีพคูลอ่ะ”

    “เออ แล้วชุดวอร์มร่วมสาบานอ่ะ ทำไมวันนี้ถึงแต่งตัวดี” เธอท้วงติง เพราะทั้งเธอและเขาทำสัญญากันว่าในระยะการเป็นคนว่างงาน เราจะใส่ชุดวอร์ม ไม่ใส่ใจการแต่งตัว กินๆ นอนๆ อยู่ในห้องเช่าเล็กๆ อยู่กับตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ นอกจากงาน

    “ไปสัมภาษณ์งานมา”

    “อ่าว ไหนว่าจะว่างงานกันเป็นเพื่อนกัน” เธอท้วง

    “ว่างไม่ได้ ไม่มีเงินแล้ว” ดูเหมือนว่าสหายชุดวอร์มจะไม่อยากเป็นสหายชุดวอร์มกับเธออีก เขาคงกำลังกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว สหายชุดวอร์มกำลังวงแตก “แกก็เริ่มหางานได้แล้ว ทำงานมาไม่ถึงปี แต่ลาออกบ่อยเหลือเกิน”

    เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงการทำงานที่ผ่านมา เธอเพิ่งรู้ว่าการทำงานมันกัดกร่อนความเป็นเธอไปมากมายเหลือเกิน เธอรักความเป็นเธอมากเป็นไป มากกว่าองค์กร เธอเลยทำงานที่ไหนได้ไม่นานเลย เมื่อรู้สึกว่าไร้ความสุข เธอก็จะจากไป ทำตัวเป็นเด็กงอแง ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่หามาได้เพื่อซื้อชีวิตประจำวันที่แสนเอื่อยเฉื่อยอีกวัน เธออายุยี่สิบสี่ เรียนจบได้หนึ่งปี เป็นเด็กคนหนึ่งที่ต้องเข้าสู่การทำงาน เธอไม่พร้อมเลย เธอไม่รู้อะไรเลย เธอไม่รู้เลยว่าพี่ที่ทำงานทำงานที่เดิมได้ยังไงเป็นสิบๆ ปี เธอสงสัยเพราะเธอทำไม่ได้ และเธอมักจะเลือกอะไรที่สบายใจกว่าเสมอ

    “ก็มันมีแต่งานไร้ใจ”

    “ไร้ใจบ้างก็ได้ ดีกว่าไร้เงิน”

    เธอแบะปากใส่สหายผู้ทรยศ ประโยคที่แสนน่ากลัวเมื่อกี้ทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเงินเก็บของเขาคงจะกำลังหมดแล้วจริงๆ

    “ประโยคเมื่อกี้ไม่คูลเลย”

    “จะคูลอะไรนัก จะใช้เวลาไปกับการคัมมิ่งเอจไปอีกนานเท่าไหร่”

    เขาถาม สหายชุดวอร์มถามแบบนั้น เธอได้แต่อ้ำอึ้ง การคัมมิ่งออฟเอจคืออะไร เหมือนหนังแนวก้าวพ้นวัยอะไรแบบนี้ไหม ตัวละครที่ก้าวผ่านอะไรสักอย่างแล้วก็เติบโตขึ้น เรียนรู้ว่าการเติบโตไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวเลย เธอจะผ่านมันไปได้

    ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่กำลังบีบบังคับให้เขาต้องโตละ เป็นความไร้เงิน เป็นความจน เป็นความที่เขากำลังจะอดตายหรือเปล่า

    “ทั้งชีวิตมั้ง คัมมิ่งออฟเอจทั้งชีวิต” เธอตอบไปแบบนั้น ทั้งที่ความจริงยังอยู่เนเวอร์แลนด์ ยังคงรอคอยซานต้าอย่างไม่มีจุดหมาย ยังหวังให้ตัวเองสามารถย้อนเวลาได้ หรือไม่ก็หยุดเวลาไว้สักหน่อยก็ยังดี

    “รู้ว่าการเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ง่าย แต่ผู้ใหญ่ทุกคนก็ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ร้อยเปอร์เซ็นต์อ่ะ ทุกคนมีมุมที่สบายใจ ยังมีมุมของความเป็นเด็กอยู่ทั้งนั้นนั่นแหละ” เขากำลังพยายาม สหายชุดวอร์มกำลังพยายามกลายเป็นผู้ใหญ่ สหายชุดวอร์มของเธอกำลังพยายามที่จะเติบโต

    “แต่เราไม่มีมุมมองของความเป็นผู้ใหญ่เลย”

    “รู้ ว่าการเติบโตมันยาก ค่อยๆ เติบโตไปก็ได้ ยี่สิบสี่ปีก็ยังเติบโตอีกได้ ยี่สิบสี่ปีก็ยังเป็นเด็กได้”

    เธอเงียบ มองเพื่อนที่นั่งบนฟุตบาธข้างกันที่แต่งตัวต่างจากทุกวัน ที่มีผมเรียบแปล้ เธอผู้ยังคงใส่ชุดวอร์มสีม่วง ยังคงทำอะไรตามใจตัวเอง กำลังนั่งกอดเข่ามองเขา “แกเติบโต”

    “แกก็ต้อง” เขาบอก “อย่ากลัวการเติบโต อย่ากลัววันเกิดตัวเอง อย่ากลัวที่จะเพิ่มอายุตัวเองอีกปีโดยที่ตัวเองยังเหมือนเดิม แกไม่ได้เป็นคนเดียวที่เติบโต”

    จงย้ายใจจากร่างที่เป็นเด็ก เขากำลังบอกอย่างนั้น เลิกรอซานต้า จงเติบโต และเก็บร่างเด็กนั้นไว้ในความทรงจำ เธอไม่มีวันเป็นเด็กตลอดไป ถึงจะช้ากว่าคนอื่นๆ แต่ยังไงก็ต้องเติบโต ไม่ต้องรีบร้อน หนีบ้างก็ไม่เป็นไร แต่อย่าหลบซ่อนตัวเอง แล้วกลับมาเจอกันใหม่ กลับมาเติบโตใหม่ เธอจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขในสักวัน

    “แกไม่ได้เติบโตอยู่คนเดียวนะ” เขาบอก เขาที่ยังกินมันฝรั่งทอด เขาที่ยังเก็บชุดวอร์มไว้ในตู้เสื้อผ้า

    “ออกจากกรอบเดิมๆ ที่แกขังตัวเองไว้บ้าง ทั้งเรื่องการเติบโต เรื่องงาน หรือแม้แต่ความรักครั้งที่สอง”

    เขาบอกอย่างนั้น บอกเธออย่างนั้น ก่อนจะลุกเดินไปยังทางที่เขาเลือก ทิ้งเธอไว้ที่เดิม ที่เธอนั่งรอคอย หนังสือในมือ ลาเต้เพิ่มไซรัปหลายๆ ปั๊ม ต้นไม้ที่ปล่อยให้ส่วนนึงของตัวเองได้ร่วงหล่น หรือแม้แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น

    สุดท้ายแล้วซานต้าที่เธอรอคอยในวันวาเลนไทน์มันคืออะไร ความหวังลมๆ แล้งๆ การรั้งตัวเองเอาไว้กับสิ่งเดิมๆ แล้วไม่กล้าที่จะออกไปไหน หรือว่าสิ่งที่มันไม่มีวันเป็นไปได้

    ความเยาว์วัยที่โดนพรากไปเรื่อยๆ ในทุกการเติบโต วันเกิดที่เธอเลิกใส่ใจที่จะนับมัน หรือว่าเป็นตัวเธอในวันวานที่เลือนหายไป

    บางทีเธอควรจะเลิกรอคอย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in