เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดูแล้วอยากบอกต่อthefirstofmine
Wonderstruck: We are all in the gutter, but some of us are looking at the stars.



  • "We are all in the gutter, but some of us are looking at the stars."
    - Oscar Wilde -



    Wonderstruck 

    หนังเรื่องนี้เราไฮป์ตั้งแต่เห็นเทรลเลอร์ในโรงหนังและตั้งปณิธานแล้วว่าจะต้องดูให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไฮป์ถึงขนาดสั่งหนังสือเล่มหนามาอีกด้วย

    หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาจากหนังสือในชื่อเรื่องเดียวกัน Wonderstruck โดยผู้เขียนก็คือ Brian Selznick เขาเคยฝากฝีมือไว้ในหนังสือเรื่อง The Invention of Hugo Cabret หรือที่รู้จักกันในหนังเรื่อง Hugo ที่น้อง Asa Butterfield เล่น 

    Wonderstruck แปลไทยโดย วิลาส วศินสังวร สำนักพิมพ์เอิร์นเนสต์ (Earnest) หนา 636 หน้า ราคา 495 บาท วางขายเมื่อเดือนตุลาคม 2017 สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่ Book AttacksReadery

    ส่วนหนังเรื่องนี้นำเข้ามาโดย M Picture Movie ในโปรแกรม #หนังผมไม่เล็กนะครับ 



    โปสเตอร์ของ Wonderstruck ในภาษาไทย


    Wonderstruck หรือ อัศจรรย์วันข้ามเวลา

    ผู้กำกับคือ Todd Haynes เคยกำกับ Carol, Far from Heaven มาก่อน (ไม่ต้องบอกว่าหนังเรื่อง Carol สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากเท่าไหร่ ก็รับประกันฝีมือเขาได้แน่)
    หนังสือและบท เขียนโดย Brian Selznick

    นำแสดงโดย 
    • Oakes Fegley รับบทเป็น Ben (น้องเคยเล่นเรื่อง Pete's Dragon) เด็กชายที่อาศัยอยู่ในปี 1977 ที่ถูกฟ้าผ่าจนทำให้หูหนวก
    • Millicent Simmonds รับบทเป็น Rose เด็กหญิงที่อยู่ในปี 1927 ที่หูหนวกตั้งแต่กำเนิด
    • Jaden Michael รับบทเป็น Jamie (น้องเคยเล่นเรื่อง Paterson)
    • Julianne Moore รับบทเป็น Lillian Mayhew



    ได้รับรางวัล Best Director จาก International Cinephile Society Awards 2017

    ฉายครั้งแรกในเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2017 (Cannes Film Festival) 18 พฤษภาคม 2017
    ฉายในอเมริกาเมื่อ 20 ตุลาคม 2017
    ฉายในไทยในวันที่ 25 มกราคม 2018 






    เรื่องน่ารู้ที่อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ก็ได้
    • Todd Haynes (ผู้กำกับ) บอกว่า หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาเพื่อแฟนๆ ของ David Bowie และ Oscar Wilde (ตอนแรกก็ไม่คิดอย่างนั้นนะ แต่พอดูจบแล้วก็พบว่า เออ มันสร้างมาเพื่อแฟน David Bowie จริง)
    • Millicent Simmonds (น้องคนที่รับบทเป็น Rose) น้องเขาหูหนวกจริงๆ แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคสำหรับน้องและกองถ่ายเลย น้องมิลลี่พูดได้นะ แต่ว่าต้องตั้งใจฟังดีๆ 
    • ในกองถ่าย มีเรียนภาษามือกันด้วย หมายถึงคนในกองนะ ไม่เพียงแค่เหล่านักแสดง
    • Oakes Fegley รับบทเป็น Ben น้องเคยเล่นเรื่อง Pete's Dragon มาก่อน
    • ตอนที่ถ่ายซีนปี 1927 ใช้เป็น 35mm-Negative Anamorphic ในการถ่ายทำ คือใช้ฟิล์มขาวดำ 35mm ในการถ่ายซีนในปี 1927 ให้สมจริง และให้ความรู้สึกต่างกับซีนในปี 1977 ที่ใช้ฟิล์มสีในการถ่ายทำ (Anamorphic lens คือเลนส์ที่ทำให้ภาพยืดขึ้น โดยสัดส่วนตัวคูณของ Anamorphic lens ก็จะมากกว่า 1.0 เช่น 1.3x ที่ทำให้ภาพยืดสูงขึ้น 1.3 เท่า หรือ 2x ที่ทำให้ภาพยืดสูงขึ้น 2 เท่า เลนส์ที่มีตัวคูณเท่ากับ 1.0 ก็คือเลนส์ธรรมดาทั่วไปที่เรียกว่าเลนส์ flat และเรียกเลนส์ Anamorphic ว่า Scope ตามเครื่องหมายการค้าของระบบจอกว้าง ขอบคุณข้อมูลจาก Movie Making Technology
    • Wonderstruck ถ่ายทำที่ Crown Heights, Brooklyn, USA
    wonderstruck ในปี 1927
    Wonderstruck ในปี 1977




    ดูเทรลเลอร์กันก่อน


    เทรลเลอร์ตัวนี้ใช้เพลง Space Oddity ของ David Bowie (ซึ่งพอเพลงนี้ขึ้นมาแล้วทำให้เราขนลุกเลย) 
    แต่ต่อให้ไม่มีเพลงนี้ เทรลเลอร์ตัวนี้ก็ทำให้เราอยากดูอยู่แล้วล่ะ ยิ่งมีเพลงยิ่งบิวท์เรากว่าเดิม 
    เพลง Space Oddity ที่เป็นเด็กร้อง เป็นโปรเจคของ The Langley Schools Music Project



    จากที่ฟังสัมภาษณ์มา น้องมิลลี่เป็นคนที่คิดบวกมาก ชอบเวลาที่น้องทั้งสามคนอยู่ด้วยกัน น่ารักมากอันนี้ถามว่า เด็กๆ ได้อ่าน Wonderstruck ก่อนอ่านสคริปต์มั้ย น้องมิลลี่บอกว่าอ่านตอน 7-8 ขวบในห้องสมุด แล้วเธอรักเล่มนี้มาก


    ใบปิดแนะนำตัวละคร










    หลังจากที่เราดู Wonderstruck ก็พบว่าเราชอบเรื่องนี้มากกว่าเดิมมากๆ เลยล่ะ!


    เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นหนังเงียบ ตัดสลับแต่ละช่วงเวลาได้อย่างลงตัว จากเรื่องราวที่ดูพื้นๆ กลับกลายเป็นเรื่องราวที่ชวนติดตาม (คือถ้าเกิดว่าเขาเรียงลำดับไทม์ไลน์แบบเรียงปี มันจะดูไม่ประทับใจเท่า ออกแนวน่าเบื่อไปเลย)

    สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยินจากเทรลเลอร์ มันไม่ได้หายไปไหนเลย มันยังจะอยู่กับคุณในตัวหนัง และมันผสานไปกับหนังได้อย่างลงตัว มันทัชกับผู้ชมอย่างเราได้ดีมาก

    ฉากแต่ละฉากโคตรสวย เก็บรายละเอียดโคตรดี ฉากพิพิธภัณฑ์คือโคตรละเอียด ชอบมาก (ดูแล้วแอบนึกถึงฉากใน Night at the Museum เลย) ไม่อยากให้คิดว่ามันจะมีแค่นิดๆ หน่อยๆ แต่อยากบอกว่ามันเยอะมาก แต่ละส่วนที่เขาพาไปดู แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันดึงดูดเราได้ตลอดเวลา



    ภาพจากหนังสือ Wonderstruck


    Welcome to New York


    เราชอบความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองยุคในสถานที่เดียวกัน เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานที่เหล่านั้น และมันก็ยังคงความสวยงามของสถานที่แห่งนั้นอยู่เสมอ 

    ทั้งสองไทม์ไลน์มาบรรจบในที่เดียวกัน คือ New York และเราจะได้เห็น New York ในช่วงปี 1927 และ 1977






    โทนสีของหนังบ่งบอกถึงยุคนั้นได้ดีเยี่ยม ประทับใจสีของหนังทั้ง 2 ไทม์ไลน์มาก จากการที่ Todd Haynes (ผู้กำกับ) ใช้ฟิล์ม 2 ประเภทในการถ่ายทำ มันก็เลยทำให้เรากลมกลืนและสัมผัสถึงบรรยากาศทั้ง 2 ยุคได้อย่างดี ภาพสวย แสงสวย ต้องยกความดีความชอบให้กับ Edward Lachman (Cinematography ของหนังเรื่องนี้)

    รวมไปถึงฉากที่น่าประทับใจด้วย ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ตอนที่เราดูคือ โอ้โห มีฉากแบบนี้ด้วยหรอ (เพราะเราไม่ได้คาดหวังหรือรู้มาก่อนว่าจะมีฉากนี้) ประทับใจฉากนั้นมากๆ มันสวยมากๆ ด้วย






    แฟชั่นและเพลงประกอบในแต่ละยุค อย่างที่รู้ๆ กันว่าแฟชั่นและเพลงในแต่ละยุคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงในยุค 20 และเพลงในยุค 70 ก็ต่างกัน แม้กระทั่งในตัวอย่างก็แสดงให้เราเห็นถึงความแตกต่างของทั้งสองยุค เราชอบที่เขาแทรกความเป็นยุค 20 และ 70 ในหนังมาก

    อย่างเพลง My Blue Heaven ของ Gene Austin เป็นเพลงฮิตในยุค 1927 เลยทีเดียว แนวเพลงจะเป็น Traditional Pop (มันก็คือเพลง Pop อย่างในปัจจุบันนี่แหละ แต่ My Blue Heaven เนี่ยเป็นเพลง Pop ในยุคก่อน 1950s เขาก็เลยเรียกว่า Traditional Pop)

    เพลง Space Oddity ของ David Bowie เพลงในปี 1969 เป็นแนว Psychedelic Rock ที่ ณ ตอนนี้ เพลงนี้ก็กลายมาเป็นเพลงฮิตตลอดกาล เป็นเพลงหนึ่งที่เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ยินกันมาบ้างไม่มากก็น้อย (อ่านเรื่องราวของ David Bowie ได้ที่ David Bowie | The Man Who Changed the World)

    ส่วนเพลง Fox on the run เป็นเพลงของวง Sweet (British Band) ในยุค 1975 เป็นเพลงแนว Glam Rock ในยุคนั้นก็ทำเป็นแผ่นเสียง 7 นิ้ว 

    ในช่วงระยะเวลา 50 ปี แนวเพลงต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป หนังเรื่องนี้ไม่ได้พาเราไปเห็นในมุมมองของการเปลี่ยนแปลงของวงการดนตรี (แหงล่ะสิ) แต่มันก็ทำให้เราเห็นถึงความแตกต่างของดนตรีในแต่ละยุคได้อย่างดีเลยล่ะ





    Julianne Moore คือความดีงาม เราชอบบทของเขานะ (แม้ในช่วงแรกๆ จะยังสลัดความเป็น Poppy จาก Kingsman 2 ไม่ได้ก็ตามที) แต่ตัวบท การแสดง และการถ่ายทอดออกมา โคตรประทับใจเลย โดยเฉพาะฉากเหล่าๆ นั้นด้วยนะ

    ประทับใจน้องๆ ทั้งสามแสดงโคตรดี Oakes Fegley, Millicent Simmonds และ Jaden Michael 

    อย่างน้อง Oakes Fegley ก็ที่รู้ๆ กันว่าน้องเคยแสดง Pete's Dragon มาก่อน แล้วพอมาเรื่องนี้ น้องทำให้น่าประทับใจเลย น้องแสดงออกถึงการที่เป็นคนหูหนวกได้ดีเลยนะ (อันนี้ไม่สปอย มันอยู่ในเทรลเลอร์) ส่วนน้อง Millicent Simmonds อย่างที่เราบอกไปในตอนแรกว่าน้องเป็นคนหูหนวกจริงๆ และเพิ่งมาแสดงหนังใหญ่เรื่องแรก การแสดงของน้องเป็นที่ประทับใจเราเลยล่ะ น้องเขาแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์ได้ดี รวมไปถึงน้อง Jaden Michael ด้วย แม้จะรู้สึกว่าบางจุดที่น้องแสดงยังคงแปลกๆ หน่อย แต่น้องยังเด็ก ยังพัฒนาได้อีกเยอะแน่นอน



    Millicent Simmonds, Jaden Michael และ Oakes Fegley


    Todd Haynes ผู้กำกับ Wonderstruck และโปสเตอร์ David Bowie 


    หลังจากดูจบก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งกองถึงเรียนภาษามือกันหมด มันน่าประทับใจมาก เราเคยอยากเรียนภาษามือเมื่อสมัยเด็กๆ แต่ก็เลิกคิดไปนานแล้ว จนกระทั่งได้มาดูในเรื่องนี้อีกครั้ง เราชอบการสื่อสารด้วยภาษามือแบบนี้ มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยนะ


    จากที่ดูหนังของนักเขียนคนนี้มาทั้ง 2 เรื่อง พบว่าเขาเล่นกับเรื่องของหนังเงียบทั้ง 2 เรื่องเลยนะ ทั้ง Hugo และ Wonderstruck แต่หนังเงียบในเรื่องนี้ไม่เยอะเท่าเรื่องแรก แต่น่าประทับใจเหมือนกัน ทำให้เราอยากหาหนังเงียบดูเลยล่ะ


    อยากบอกว่า Wonderstruck มันที่ดีมาก ดีมากกกกกกกกกก ไม่ได้ไบแอสนะ แต่มันดีจริง คือบทหนังมันก็ดีด้วยไง ตัวหนังสือมันดี หนังมันดี โอ๊ย ไปดูกันเหอะ







    เบื้องหลังของ Wonderstruck









    เหล่านักแสดงและทีมงานของ Wonderstruck









เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
vrcwd (@vrcwd)
อยากดูเรื่องนี้มากTT the shape of water ก็น่าดูนะ!
thefirstofmine (@thefirstofmine)
@vrcwd มันเข้าโรงแล้วนะ! แต่เฉพาะของเมเจอร์เท่านั้น
The shape of water เราก็รอดูอยู่เหมือนกันล่ะ
vrcwd (@vrcwd)
@thefirstofmine รอบฉายน้องมาก maze runner ปาไปครึ่งโรง55555555
thefirstofmine (@thefirstofmine)
@vrcwd เราว่าที่รอบฉายน้อยน่าจะเป็นเพราะมันเป็นหนังเล็กในโปรแกรมหนังผมไม่เล็กนะครับ ของ M.Pictures แถม The Maze Runner เป็นหนังที่แฟนๆ รอกันเยอะด้วย ก็อาจจะต้องทำใจหน่อยที่รอบฉาย Wonderstruck จะน้อย orz