เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[9Satra Fanfiction] Versace On The FloorM_Black
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน [9Satra Fanfiction] Versace On The Floor
  • นอกหน้าต่างบานใสสะอาดบนตึกสูงหลายสิบชั้น ปรากฏภาพที่แสนสวยงามตัดกันอย่างลงตัวของมวลหมู่ดาวทั้งบนพื้นโลกและท้องฟ้า เบื้องบนเป็นฟ้ามืดเหมือนกำมะหยี่สีดำสนิทแต้มจุดดาวเล็กๆ ในขณะที่เบื้องล่างเป็นตึกจากแสงไฟที่พราวตาหลากสีเหมือนใครเปิดกล่องอัญมณีทิ้งเอาไว้ ในห้องที่ปิดไฟมือ มีเพียงแสงไฟจากโต๊ะทำงานสีนวลตาพอให้เห็นข้าวของอะไรบ้างเท่านั้น  


    เจ้าของห้องยืนมองวิวด้านนอกอย่างแสนพึงใจ นิ้วมือเแกร่งสมชายคีบบุหรี่ด้วยท่าทางแสนสบาย เสื้อเชิ้ตขาวเนื้อดีของวาเลนติโนดูเข้ารูปกับมัดกล้ามสวยที่เห็นชัดเพราะเจ้าตัวแบะเสื้อออก เนคไทสีเดียวกับเรือนผม ใช่ สีแดงเลือดหมู เข้มและร้อนแรงถูกผาดไว้ที่พนักเก้าอี้ ไม่ต่างจากสูทเนื้อดีจากยี่ห้อเดียวกันที่พาดเอาไว้ ควันบุหรีสีขาวลอยเลือนออกจากปากประดับคมเขี้ยว แล้วค่อยๆเลือนหายไปในอากาศ ตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จนเขาต้องนิ่วหน้านิดๆด้วยว่านี่เลยเวลางานมานานโขแล้ว


    “ นายคะ... ทมิฬรอพอนายอยู่หน้าห้อง นายจะให้เข้าพบไหมคะ? “ เลาขาสาวหน้าห้องเอ่ยเสียงใสมาตามสาย เธอยังคงอยู่คอยรับใช้นายอย่างแสนภักดีแม้เวลาจะล่วงเข้าเกือบจะเที่ยงคืนแล้วก็ตาม


    “ ...ให้เข้ามาสิ “


    “ ค่ะ “ เสียงสายเข้าตัดไปพอดีกับที่ร่างผอมสูงในสูทเวอร์ซาเช่สีดำสนิทเดินเข้ามา ผิวกายสีม่วงขับชุดให้ดูโดดเด่นแม้ในยามไฟมืดเช่นนี้ หน้าผอมเรียวประดับหนามคมบ่งบอกเผ่าพันธุ์ เส้นสีดอกเลาทรงโมฮอคแปลกตา ไม่นับต่างหูห่วงแบบพื้นเมืองนั้น มันอาจจะแปลกตาไปหน่อยกับชุดสูทราคาแพง แต่ในสายตาเจ้านายของบริษัท  ลูกน้องคนสนิทของเขาคนนี้ เข้ากับสูทที่ตนเองเลือกให้เป็นอย่างดียิ่ง


    “ ผมเพิ่งได้รับเอกสารจากบริษัททางนู้น “ แขก หรือในที่นี้คือลูกน้องคนสนิทเอ่ย ในมือมีแฟ้มเล่มหนาติดโพสอิทหลายสี เรียกเสียงถอนใจเบาๆจากอีกฝ่ายได้ดีนัก แต่ก็ถือว่าเป็นงานสำคัญละนะ


    “ อ๋อ ได้ความแล้วเรอะ? “ ทารคายิ้ม ดับบุหรี่ก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ขณะกำลังจะกดสวิทช์เปิดไฟในห้อง มือเรียวกว่าก็แตะเบาๆเชิงว่าไม่จำเป็น


    “ ดึกแล้ว พรุ่งนี้นายค่อยดูเถอะ ผมแค่แวะเอามาให้ก่อน “


    “ งั้นทำไม่มาเสียพรุ่งนี้ล่ะ “ ยักษ์ผมแดงถาม มองใบหน้าครึ่งนึงที่ซ่อนในเงามืด


    “ ...แค่มาดูว่านายจะไม่ฟุบหลับกับโต๊ะอีก “ น้ำเสียงนั้นทุ้ม เบา แต่อ่อนโยน มือเลื่อนจากตรงสวิทช์ไฟไปที่อีกปุ่มนึง เพลงดังขึ้นในห้อง ทารคายิ้มเช่นเดียวกับทมิฬที่ตอนนี้เขยิบจากการนั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะมายืนข้างๆแทน


    “ Versace on the floor? ... ไม่นึกคุณจะชอบเพลงแนวนี้นะ “ ทมิฬเอ่ย มองใบหน้าที่สะท้อนแสงภายนอก คมเข้ม ดุดัน และน่าหลงไหลเสมอ


    “ ฉันชอบเพราะมันมีความหมาย “


    “ เพลงทุกเพลงมีความหมาย “ คนผอมกว่าบอก ซึ่งเจ้านายหนุ่มก็ไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อลูกน้องของตนเองคนนี้นั้นมีเพลงในมือถือเป็นพันๆเพลง ฟังหมดตั้งแต่ลูกกรุงยันร็อค วันไหนครึ้มอกครึ้มใจ ก็จะร้องเพลงเบาๆให้เจ้าสกุนเหรา นกอินทรีที่ได้มาโดยบังเอิญตั้งแต่ยังเล็กฟัง


    “ นายควรจะพักได้แล้วนะ ดึกแล้ว “


    “ ก็คงงั้น มันจะเที่ยงคืนแล้วนี่นา “


    “ ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนดีกว่า นายจะได้พัก “ ทมิฬว่าเรียบๆ มองไปด้านนอกที่วิวสวยงามสักครู่ก่อนจะเตรียมเดินออกไปจากห้อง ตอนนั้นเองที่มือของทารคาตรงเข้ามาจับตัวเอาไว้


    “ นา… ย “ คำพูดขาดหายไป เมื่อริมฝีปากของคนผมแดงประทับลงปิดปากของคนสนิทอย่างไม่ทันตั้งตัว มือข้างนึงกระชากเนคไทดำสนิทออก กิริยารุนแรงราวคุกคาม แต่คนด้อยฐานะกว่าก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเดียวที่จะถูกรุก มือเขาจึงตรงขึ้นกระชากปกคอเสื้อขาวเนื้อดีจนกระดุมแทบหลุด เผยแผ่นอกสีเขียวนวลตาน่าตีตราด้วยจูบ


    “ รีบร้อนจังนะ ทมิฬ “ ทารคาว่า ก่อนจูบอีกทีนึง


    “ โกรธหรือครับ? “


    “ เปล่าสักหน่อย “ คำพูดไม่ไปด้วยกันกับการกระทำแม้สักน้อย เมื่อเขี้ยวแหลมแกล้งกัดที่ลิ้นของคนที่ตนเองกำลังจูบ เลือดสีเข้มซึมออกมานิดหน่อย แต่ก็ไม่เลวสำหรับรสจูบดึงดั้นเอาแต่ใจ ซึ่งร่างสูงผอมก็ออกจะชอบนะ เขาชอบรสเลือด ถึงจะเป็นเลือดตัวเองก็ตามที


    “ ไม่คิดจะพักหรือครับ “


    “ คิดสิ แต่เอาไว้ก่อน “ คนตัวหนากว่ายิ้ม ดึงเอาตัวของลูกน้องกดลงนอนไปกับโต๊ะทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าพวกปากกา กระดาษหรือแม้กระทั้งแฟ้มงานที่เพิ่งวางเอาไว้ก็ถูกกวาดลงจากโต๊ะไปจนหมด รอยยิ้มปรากฏตรงริมฝีปากที่มีรอยแผล


    “ ผมอุตส่าห์จัดตั้งนาน “


    “ ก็เดี๋ยวค่อยจัดใหม่ตอนเช้าสิ “ นายบอกเชิงสั่ง ก่อนก้มลงจูบอีกครั้ง ขาข้างหนึ่งยกขึ้นทับบนหน้าขาของทมิฬราวกับจะตรึงไม่ให้หนี ท่าทางไม่ต่างจากราชสีห์ที่กำลังจะกินเหยื่อซึ่งครานี้เป็นพรานไพรที่ที่เดินเกมผิดจนถูกตะปบเอา


    แต่บางที ทารคาก็ไม่ควรลืมว่า พรานก็ยังคงเป็นพราน สันชาติญาณของการไล่ล่ามันวนเลียนอยู่ในเลือดทุกหยดเสียแล้ว ในขณะที่คนเอาแต่ใจก้มลงลิ้มรสแผ่นอกสีม่วงที่ประดับมัดกล้ามแต่พองาม โดยไม่สนว่าเสื้อเชิ้ตขาวตัวในของอีกฝ่ายจะขาดเพราะฝีมือตัวเอง ก็ในเมือเป็นคนซื้อให้ เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ รวมถึงหุ่นลองเสื้อตัวผอมแสนโปรดตัวนี้ด้วย


    “ รีบร้อนจังนะครับ “ ทมิฬยังพูดด้วยเสียงโมโนโทนไม่ร้อนรน หากมือที่ผอมเรียวยาวรับกับแขนและเล็บสีดำปลายแหลมกลับเลื่อนสอดจากด้านหลังเข้าไปในกางเกงสีดำ สัมผัสเนินสะโพกและเอวคอด ขยับมือเพียงน้อยนิด ราชสีห์ก็จำต้องคำรามในคออย่างอดกลั้น


    “ ...ทมิฬ “


    “ ครับ? ผมอยู่นี่ไง… “ เรียวลิ้นของทมิฬหนุ่มครานี้เป็นฝ่ารุกไล่บ้างแล้ว เขาดึงใบหน้าคมเข้มสะท้านใจที่ใครๆก็ชอบมองมาใกล้ จูบซ้ำและย้ำๆเหมือนจะแจ้งให้แน่แก่ใจว่านายมั่นใจว่าตนเองยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหน


    “ ...อยู่ให้ตลอดทั้งคืนได้ไหมล่ะ “ นายกระซิบถาม มือเลื่อนไปดึงสูทสีดำออกจนเห็นท่อนบนของกายสีดอกศรีตรัง ไม่ได้มีมัดกล้ามเท่าตนเองแต่ก็ได้รูปสวยเกินกว่าจะห้ามใจไม่ให้ประทับจูบเบาๆ ฝากฝังรอยคมเขี้ยวและรอยจูบเอาไว้ให้


    “ ก็ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้วครับ “ เขาตอบ


    “ ...เยี่ยม “ ผู้อยู่บนเป็นฝ่ายเริ่มเกมรุกก่อน แต่ก็ใช่ว่าทมิฬจะไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง อย่างน้อยๆตอนนี้เชิ๊ตวาเลนติโนก็ลงไปกองยับยู่กับพื้นแล้ว ตามสูทของเวอร์ซาเช่ไปติดๆ มือแกร่งลูบผ่านละเรื่อยไปจนถึงความร้อนรนที่ซุกซ่อนใต้กางเกงของผู้อ่อนวัยกว่า


    “ ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่ตรงนี้นี่ไม่ใช่เลยนะ “ ทารคาเอ่ยเสียงสั่นพร่านิดๆ คนถูกรุกก็แค่ยิ้มเหมือนเดิม


    “ นายเองก็ไม่ได้หย่อนไปกว่ากันใช่ไหม? “ ถามพลางขยับมือที่ยังคงขยำเนินเนื้อแน่นด้านหลัง จงใจให้นิ้วสัมผัสส่วนอ่อนไหวด้านหลัง ลากวนเพียงน้อย เขี้ยวขาวก็ขบเข้าหากันราวพยายามจะอดทนไม่ร้องออกมา


    “ ...เอาออกไปนะ “ นายสั่ง แต่สะโพกกลับขยับเข้าหา บดเบียดส่วนร้อนหาอีกฝ่ายเหมือนจะยั่ว แต่ก็ไม่ใช่ เพราะร่างกายต่างหากที่เป็นไปตามสัญชาติญาณ พรานหนุ่มหัวเราะในคอ


    “ ไม่ชอบนิ้วเหรอ? “


    “ ไม่… “


    “ แต่ผมชอบนิ้วของนายนะ “ ทมิฬว่าอย่างเอาใจ ก่อนค่อยๆ ปลดกระดุมและซิบกางเกงของตัวเองและอีกฝ่าย นิ้วยาวสวยเลื่อนสัมผัสส่วนที่หวั่นไหวรอการเอาใจราวแกล้ง


    “ ..หยุดนะ ฉัน… “


    “ ว่าไงครับ นาย “ เขายั่วเย้า ยกศีรษะขึ้นขบลำคอน่ากัด ไล่ไปจนถึงติ่งหูมีลายเล็กๆ น่ารักนั่น อีกฝ่ายกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน


    “ ฉัน...จะทำ...เอง “ มันเป็นเหมือนทั้งคำสั่ง และคำร้องขออยู่ในที ทมิฬจ้องดวงตาสีทับทิมที่หยาดเยิ้มผิดท่าทีแข็งกร้าวก็ไม่ว่าอะไร แค่เอนตัวกลับลงไปนอนตามเดิม จ้องมองนายที่กำลังถอดทุกอย่างออกจากตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆปรากฏที่ปากของผู้รอการบริการ


    “ ..ยิ้มอะไร? “ ทารคาถามขณะขึ้นคร่อม ใบหน้าคมดูหงุดหงิด


    “ เปล่านี่ครับ ยิ้มไม่ได้หรือ? “


    “ เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ “


    “ งั้นผมน่าจะยิ้มบ่อยๆ “ ทมิฬยียวน ขณะรับจูบร้อนแรงที่มาเพื่อปิดปากเขาโดยเฉพาะ เรียวลิ้นสอดแทรกแบบไม่มีใครยอมใคร กลิ่นและรสปร่าของบุหรี่ดาวิดอฟดูมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่อมันมาจากปากของทารคา


    “ เลิกกวนโมโหฉันได้แล้ว “ คนมีอำนาจคำรามเชิงสั่ง


    “ ผมไม่ได้กวนโมโหสักหน่อย คุณต่างหาก อย่าทำตัวให้น่าแกล้งสิ “


    “ ใครน่าแกล้ง บะ.. อึ่ก “ เสียงขาดห้วงไปในคำลอ คนผมแดงซุกหน้าลงกับไหล่สีม่วงอย่างอดกลั้น ฝังเขี้ยวคมลงไปเพื่อผ่อนอารมณ์ด้วยถูกนิ้วยาวสอดเข้าไปกระตุ้นจุดอ่อนเสียก่อน


    “ นี่ไง คุณทำให้ผมอยากแกล้งอยู่ตอนนี้ไง หือ? “ ขยับเพียงนิด ราชสีห์ก็พ่ายแพ้พรานไพรลงอย่างราบคาบ


    “ ทะ..ทมิฬ หยุดนะ มัน… อือ… “ ครานี้เสียงไม่อาจเล็ดรอดออกมาเมื่อจูบที่ร้อนแรงประทับกลีบปาก รสเลือดยังเจือจางอยู่ภายใน หากมือที่เคยสอดเข้าไปกลับเลื่อนออกมาสัมผัสส่วนที่อ่อนไหวรอการปลดปล่อยอยู่ ผู้อยู่เบื้องล่างไม่ยอมเป็นฝ่ายปรนเปรอคนเดียว มือกอบกุมทั้งส่วนของตัวเองและอีกฝ่ายไปพร้อมกัน


    “ ร้อนจังเลยนะครับ “ เขาเอ่ย อีกฝ่ายค้อนตากลับ


    “ บัดซบ…!~ “


    “ ชู่ว… ไม่เอา ผมไม่ชอบให้นายพูดแบบนี้ ถึงมันจะเซ็กส์ซี่มากก็ตามเถอะ “ ทมิฬว่าแบบไม่อนาทรร้อนใจ ยังขยับมืออยู่พลางซุกซอกคอน่าขบกัด ฝากฝังรอยแผลกัดเล็กๆให้บ้างประปรายไปทั่วคอและแผ่นอกสีเขียวมรกตจนเป็นรอยแดงตัดกันน่าชม


    “ พะ พอแล้ว ทมิฬ “


    “ อย่าเพิ่งสิครับ ผมยังไม่ไปถึงไหนเลยนะครับ นาย “ เขาว่า จูบเบาๆที่แก้ม แล้วเลยไปขบติ่งหูน่ารักอีกรอบ อีกฝ่ายแทบอยากจะกัดลิ้นตายซะให้รู้แล้วรูรอด พยายามทำตัวเยี่ยงราชสีห์เพื่อครองอำนาจเหนือลูกน้องคนนี้มาตลอด


    ฉากหน้าเขาคือนาย

    หากฉากหลังเขาคือบ่าว

    แต่เป็นบ่าวที่ถูกนายตามใจ

    ตามใจเสียจนไม่เป็นผู้เป็นคน


    “ ทมิฬ อย่า...อึ่ก “ ร่างหนากว่าวเป็นฝ่ายไปถึงก่อน พรานหนุ่มยิ้มบางยกมือที่มีคราบรักสีขาวขึ้นมามอง มันตัดกันกับสีผิวของตนเองอย่างเห็นได้ชัด แม้ในที่ไฟสลัว ทารคาหอบจนต้องไปทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ใหญ่ เลอะเทอะเล็กน้อย แถมเปลือยเปล่า ผิดกับลูกน้องที่ยังมีกางเกงสีดำใส่อยู่ แม้จะร่นเลื่อนมาอย่างหมิ่นเหม่ก็ตาม


    “ พอแล้วหรือครับ “ ลิ้นเลียตามนิ้วที่เปื้อน กลืนลิ้มชิมรสหวานล้ำอย่างแสนยั่ว ทารคาหอบก่อนเป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้มาหา จรดปากลงกับหน้าขาแกร่งผ่านผ้า แล้วไล่ลิ้นฉ่ำมาจนถึงความร้อนแรงที่รอการปรนเปรอ มือสีดอกศรีตรังสอดเข้าไปในเส้นผมสีแดงสวย ขยุ้มเบาๆเหมือนสั่ง


    “ อะไร? “ นายถามขุ่นเคือง


    “ เปล่าครับ แค่เห็นว่าผมของนายมันสวยดี เลยอยากมอง อยากสัมผัส “

    “ เฮอะ… โกหก “


    “ แต่ตรงนี้ของผมไม่โกหกนะ “ ทมิฬบอก พลางเลียปาก คนมากวัยกว่ากลืนน้ำลายก่อนก้มลงใช้ปากกลืนเข้าไปให้อีกครั้ง ดูเหมือนครั้งนี้ราชสีห์หนุ่มคงจะได้เอาคืนพรานบ้าง เสียงคำรามเล็กๆที่ลอดออกมา ทำให้ทารคาเหมือนถือไพ่เหนือกว่าขึ้นมาบ้าง หลังจากเสียหน้าเพราะตัวเองเริ่มเกมรุกแต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายไปก่อน ครั้งนี้ล่ะ เขาจะเป็นฝ่ายกุมชัย


    “ ...อึ่ก… “


    “ ดีสิท่า “ เจ้าของผมแดงเ่อ่ยหลังจากพักถอนปากออกมา ยิ้มเยาะน้อยๆ รับกับเขี้ยวขาว ทมิฬใช้ดวงตาสีทองพื้นดำมอง ยกนิ้วขึ้นแตะแก้ม


    “ ไม่รู้สิ ผมยังไม่ถึงนี่นา “


    “ ไอ้บ้า “ ทารคาว่าให้ ก่อนกลับไปทำต่อ ทมิฬยิ้มๆ ไม่พูดอะไร สายตาเหลือบไปเห็นซองบุหรี่ของดาวิดอฟอยู่ จึงดึงมาใส่ปาก จุดไฟจากไฟแช็คหัวสิงโตบนโต๊ะของนายแบบไม่ใคร่ใส่ใจ


    “ เฮ้ย!~ บุหรี่ฉัน “


    “ ยืมมวนเดียวคงไม่เป็นไรมั้งครับ “ เขาบอก พ่นควันเบาๆใส่หน้าอีกฝ่ายจนสำลัก


    “ ทมิฬ!~ไอ้บ ้า เล่น… อะ “ ไม่ทันคาด ร่างหนาวกว่าก็ถูกดึงขึ้นมาอยู่บนโต๊ะแทน โดยมีร่างสูงผอมที่อัดบุหรี่เข้าปอดอีกสามรอบคร่อมอยู่


    “ ช้าเกินไปนะครับ เจ้านาย กว่าผมจะเสร็จเช้าพอดี “


    “ กะ ...แกไร้น้ำยามากกว่ามั้ง “ คนมากวัยกว่าต่อปากต่อคำ ทมิฬเลิกคิ้ว ควันบุหรี่ขาวกลืนหายไปในอากาศ ใบหน้าถูกซ่อนในเงาอีกครา แต่ครั้งนี้มันดูเงียบ เฉยเมยราวกับรูปปั้น


    “ ...ทะ ทมิฬ?? “


    “ ไร้น้ำยา… ก็น่าจะจริงนะครับ งั้นผมคงต้องพิสูจน์ซักหน่อย “ ชายหนุ่มขยี้มวนบุหรี่ที่สูบไปแค่ครึ่งลงกับที่เขียบุหรี่แก้วเจียระไนชั้นดีที่โชคดีไม่โดนหางเลขลงไปอยู่กับพื้นตามเพื่อนบนโต๊ะ มือประดับเล็บสีดำเอื้อมหยิบเนคไทสีแดงเลือดหมูมา


    “ เฮ้ย เดี๋ยว ทมิฬ!~ “ ความมืดเข้าครอบงำดวงตาที่ถูกพันธนาการ มือแกร่งตรงเข้าหมายจะแกะออกแต่ก็ถูกระซิบสั่งห้ามเย็นเยือกใส่ข้างหู กลิ่นบุหรี่มวนตัวโปรดคลอเคล้ากับกลิ่นน้ำหอมจางๆ


    “ ถ้าแกะออกมา ผมจะกลับ “


    “ …… “ ครานี้คนจอมพยศเงียบลงได้ แม้จะอยากแกะผ้าออกมากแค่ไหนก็ตามที แต่ใบหน้าที่ไม่ถูกปิดบังจากเนคไทนั้นก็แสนจะน่าแกล้งนักในสายตาของลูกน้องคนสนิท ทมิฬยิ้มจางๆ ก่อนก้มลงกระซิบข้างๆหูที่เขาโปรดปรานจะขบกัดเล่นเอาทุกทีที่มีโอกาส


    “ พลิกตัวหน่อยสิครับ “


    “ หือ? “


    “ พลิกตัวหน่อยครับ “ เขายืนยันคำเดิม จูบที่แก้มแบบเอาใจพร้อมน้ำเสียงออดอ้อน เหมือนเด็กน้อยร้องขอขนมจากผู้ใหญ่


    “ อืม “ อีกครั้งที่ทารคาน่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะยอมทำตามคำขอของเด็กใต้อาณัติตัวเองแบบไม่มีข้อเรียกร้อง พรานหนุ่มยิ้ม ก้มลงจูบแผ่นหลัง แล้วมองอย่างแสนหลงไหล มือเลื่อนจากแนวสันหลังได้รูปมาหยุดตรงปลายสะโพก


    “ หือ? เครียดงานอะไรมาหรือเปล่าครับ เส้นแข็งจัง “


    “ มันใช่เวลาทักเรื่องเส้นตึงไหมวะ? “ คนโดนทักถาม แยกเขี้ยวให้


    “ ผมก็แค่คิดว่า ผมจะนวดให้ “


    “ เออดี คิดไดงั้น...ก็ เฮ้ย!~ อึ่ก “ คำพูดออกมาไม่ครบถ้วน เมื่อแก่นกายร้อนของลูกน้องคนสนิทที่เพิ่งจะต่อปากต่อคำกันไปแทรกเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ทารคาแทบจะร้องออกมาให้ลั่น แต่เพราะมั่นใจว่าการร์ณีซายังไม่กลับ เลยจำต้องอุดเสียงเอาไว้


    “ ...ดูเหมือนผมต้องนวดหลังจากทำเสร็จแล้วละนะ แต่คงนานหน่อย “ ทมิฬเอ่ยเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย เขาหยิบบุหรีราคาแสนแพงของหวงของนายมาจุดสูบอีกรอบ


    “ อะ...ทมิฬ อึดอัด “


    “ อึดอัด..แต่วันนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไม ถึงเข้าไปง่ายจังล่ะ “ ทมิฬถาม น้ำเสียงดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ ขณะที่ขยับเอวไปพร้อมกับบุหรี่ในมือที่สูบเอาๆ


    “ ...ไอ้...บ้าเอ๊ย!~ อึ่ก “


    “ สารภาพมาดีกว่าครับ...สารภาพตอนนี้ ผมลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง “ มือสีม่วงยาวสอดเข้าไปในเส้นผมสีแดงแสนสวยขยุ้มเบาๆยามขยับกาย เรียกเสียงคำรามด้วยความไม่พอใจได้ดีทีเดียว แต่ลึกๆเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบทั้งเป็นคนกระทำและถูกกระทำนะ


    “ หุบปากไปเลย อึ่ก! “


    “ งั้นผมพอแค่นี้ดีกว่า “ ทมิฬเอ่ย ผละออกมานั่งเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างถือวิสาสะ สูบบุหรี่ของดีแบบไม่สนใจคนอารมณ์ค้างเลยสักนิดเดียว ทารคาแทบอยากจะหันไปชกพร้อมด่าให้สักโหล  ความที่โมโหก็เลยกระชากผ้าปิดตาออก หันไปจ้องลูกนองที่นั่งทำเท่สูบบุหรี่แบบไม่สนใจอะไรใดๆในโลกเลยสักนิด


    “ ทมิฬ!~ นี่...แก เป็นบ้าอะไรวะ? “


    “ ตอบคำถามผม “ คนอ่อนวัยกว่าบอก มองขาที่สั่นน้อยๆด้วยอารมณ์ที่ค้างคา


    “ คำถามบ้าอะไร!!~ “


    “ รู้อยู่แล้วก็อย่าแกล้งทำไม่รู้สิครับ เอาล่ะ ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ผมกลับดีกว่า “ ทมิฬเอ่ยแค่นั้น หยิบสูทที่กองกับพื้นมา มือที่กำลังจะติดตะขอกาเกงถูกหยุดเอาไว้


    “ มีอะไรครับ “


    “ ...จะแกล้งกันไปถึงไหนวะ ไอ้บ้าเอ๊ย!~ “ ทารคาว่า ก้มลงกอดซุกหน้าลงกับไหล่


    “ ผมไม่ได้แกล้งนะ “


    “ แกแกล้งฉัน ไอ้ทมิฬ ไอ้บ้า “


    “ ...ให้ตายสิ เจ้านายผมนี่มันงอแงเสียจริง “ ร่างโปร่งกว่าบอก อัดบุหรี่เข้าไปอีกนิด ก่อนจะดึงคนผมแดงให้รับเอาจูบที่มีแต่ควันบุหรี่ให้ ลิ้นสากแทรกเข้าราวกับผึ้งหาน้ำหวานในโพรงปากกล้าแกร่งนั่น ขบกัดให้ได้เลือด ก่อนจะผลักให้กลับนอนลงกับโต๊ะตามเดิม พรานหนุ่มมองใบหน้าที่เง้างอนดื้อดึงอย่าพึงใจ


    “ อยากถีบ… “ คนข้างล่างด่าเอาให้ ทมิฬหัวเราะ วางบุหรี่ลงกับที่เขี่ยตามเดิม


    “ ถ้าคิดว่าลุกไหวก็จะให้ถีบครับ “


    “ ทำได้…. อึก!! “ ไม่ทันจะต่อปากต่อคำ ทมิฬก็ไม่ปล่อยเวลาให้มันเสียไปเปล่าๆจากการมานั่งฟังนายตัวเองบริภาษเอา เขาตักตวงด้วยการอัญเชิญตัวเองชำแรกแทรกซึมเข้าไปหาอีกฝ่าย จังหวะหายใจหอบถี่เล็กน้อย ด้วยมันดีเยี่ยมในทุกๆครั้ง


    “ ...แก ทมิฬ เบาสิวะ! “


    “ นี่เบาสุดแล้วครับ “ คนอ่อนวัยกว่าตอบ จูบที่ริมฝีปากยั่วเย้าอย่างเอาใจ แต่ก็ไม่ลืมบีบคางเบาพร้อมกับส่งสายตาคมกริบให้


    “ จะสารภาพได้หรือยังครับ ว่าไปทำอะไรมา ว่าไป...ตัวนายก็หอมกลิ่นสบู่นะ “ เขาว่าขณะสูดกลิ่นจากซอกคอสีสด กลิ่นหอมเย็นจากสบู่ไม่ฉุนจนแสบจมูกแบบนี้ เป็นกลิ่นที่ทมิฬชอบที่สุด สะโพกยังขยับอยู่ไม่คลาย ทารคาหอบ ดวงตาสีแดงกล่่ำมอง


    “ ...ฉันแค่อาบน้ำ...ก่อนแกมา “ คนฟังเลิกคิ้ว


    “ จริงเหรอครับ? แล้วอาบกับใคร? “


    “ โอ๊ย!! ไอ้เวรเอ๊ย!! ฉันอาบคนเดียว แล้ว...แล้ว อ่ะ “ ทมิฬไม่ปล่อยเหยื่อใต้ร่างของตัวเองไปง่ายๆ ริมฝีปากโหมจูบรุนแรงอีกครั้ง ทั้งเลือด กลิ่นบุหรี่คละเคล้าจนแยกจากกันไม่ออก เหมือนที่ทั้งคู่เป็นอยู่ตอนนี้ โต๊ะสั่นจนข้าวของอื่นๆแทบจะร่วงตามลงมา แอร์ในห้องเปิดไว้เย็นจัดแต่เหงื่อก็ซึมจนแทบจะหยดลงกับพื้น


    “ ...เ..บา..หน่อย “ ครานี้ราชสีห์เอ่ยขอเมตตาจากพราน ใบหน้าคมพลิกไปอีกทางด้วยว่าอารมณ์พุ่งสูงมากขึ้นทุกที


    “ ผมยังไม่รุนแรงสักหน่อยนี่ครับ “ คนตัวม่วงยังยืนยันคำเดิม แขนยาวแยกขาของคนเบื้องล่างออกเพื่อแทรกตัวให้แนบชิดมากขึ้น โดยไม่ลืมจูบแสนเร่าร้อนที่มอบให้ น้ำตาซึมที่ปลายหางตาคมดุแสนจะเร้าอารมณ์ ทมิฬไม่รู้จะระบายอะไรได้ดีไปกว่าการขบกัดยอดอกจนเลือดซึม ไล่จูบไปให้ทั่วแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงราวกับปลาที่ขาดน้ำ มือทั้งสองกดข้อมือของผู้อยู่ใต้ร่างไม่ให้ขยับ


    พรานสิต้องอยู่เหนือสุดของสัตว์นักล่า…


    “ ...ทมิฬ.. “ น้ำเสียงที่เคยดุเริ่มเบาลง


    “ ครับ? “


    “ ในลิ้นชักด้านซ้าย...… “ ทารคาเอ่ย ไม่ยอมมองหน้า


    “ อะไรครับ ปืนเหรอ? หรือว่าคอนด้อม เสียใจนะครับ ใส่ตอนนี้คงไม่ทันล่ะ “ ทมิฬยังยียวน


    “ ...ไม่ใช่..บ้าเอ๊ย เปิดดูเถอะน่า! “ นายสั่ง ลูกน้องก็ทำตาม มือข้างนึงผละจากแขนที่จับไว้ไปเปิดดู สิ่งที่อยู่ภายในเล่นเอาร้อนไปทั้งหน้า เขาหันมามองคนที่พยายามยกตัวขึ้นมาซบไหล่


    “ นี่.. “


    “ เออ...คำตอบจากที่แกถามฉันน่ะล่ะ “


    “ นี่นายจะบอกผมว่า ตอนผมยังไม่มา นายช่วยตัวเองด้วยไวเบเตอร์เนี่ยนะ “


    “ ไม่ต้องพูดดัง...กูอายเป็น “ คนผมแดงตอบ หมดมาดประธานหนุ่มเลือดร้อน ทมิฬมองอากัปกิริยาแล้วก็ต้องหัวเราะออกมา แต่ก็ได้แค่แป๊ปเดียวเพราะถูกอีกฝ่ายชกอกเอาแรงๆ


    “ ไอ้บ้า ไอ้เวรทมิฬ ไอ้บัดซบ เกลียดแกที่สุดเลย ไอ้เวรเอ๊ย!! “


    “ โอ๊ยๆ โอเคๆ ผมเจ็บ ผมขอโทษ “ คนอ่อนวัยเป็นฝ่ายลดโทสะลงแล้วง้อ (เอาจริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายขนาดนั้นนะ รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายไม่ได้ไปฟีทเจอร์ริ่งอะไรกับใครหรอก)


    “ รู้แล้วยังเสือกถาม ขอถีบจริงๆแล้วได้ไหม “


    “ ถีบผมลงไปกอง แล้วใครจะต่อล่ะ หือ? “ ทมิฬบอกอย่างเอาใจ ขยับเอวแรงขึ้นอีกนิด พร้อมกับจับตัวคนตัวเขียวหัวแดงมากอด


    “ ...เกลียดแกชะมัด ไม่ติดทำงานดีจะไล่ออก “


    “ นายไม่ไล่ผมออกหรอก ไล่ผมออก ใครจะมาคอยตามงานให้นายดึกๆดื่นแบบนี้กันล่ะ หือ? “


    “ เออ เอ็งเก่ง “


    “ นายประชดผมใช่ไหม? “


    “ งั้นมั้ง แล้วนี่สูบดาวิดอฟฉันไปกี่มวนแล้ววะ ..อึ่ก!! “


    “ ไม่ต้องสนหรอก ดาวิดอฟน่ะ สนผมก็พอ “  ทมิฬบอก จูบปิดริมฝีปากที่เตรียมพร้อมจะด่าตามมาอีกเป็นคำรบสอง แสงไฟจากโต๊ะทำงานดับไปแล้ว หากเพลงยังคงวนเวียนเปิดซ้ำไปมา ในเงามืดที่มีเพียงแสงสะท้อนจากตึกรามบ้านช่องข้างนอก กับแสงจันทร์นวลตาที่ส่องเข้ามา  ร่างสองร่างพัวพันกันเหมือนกับไม่อาจจะแยกจากกันได้ ราวกับการผสานสีสองสีที่ต่างกันเด่นชัด ทั้งสองไม่ยอมถูกกลืนกันโดยง่าย ห้วงอารมณ์ยังร้อนระอุเหมือนกับไฟที๋โหมแรง ไม่มีการบอกให้ใครหยุด มีเพียงริมฝีปากที่ใช้จูบกัน และใช้แทนตราประทับฝากฝังร่องรอยสีกุหลาบทั่วผิวกายให้ติดยาวยันรุ่งสาง


    So baby let's just turn down the lights

    And close the door

    Ooh I love that dress

    But you won't need it anymore

    No you won't need it no more

    Let's just kiss 'til we're naked, baby

    Versace on the floor

    Ooh take it off for me, for me, for me, for me now, girl

    Versace on the floor

    Ooh take it off for me, for me, for me, for me now, girl, mmm


    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::


    หญิงสาววัยกลางคนในชุดสูทขาวเรียบร้อย นั่งทำตาสะโหลสะเหลอยู่หน้าห้องทำงานของนายตั้งกะเมื่อคืน เจ้าหล่อนซดกาแฟเพียวๆไปแล้วนับดูด้วยตาผ่านๆก็คงราวๆสี่แก้วเป็นอย่างต่ำ ตาโหลลึกมองนาฬิกา นี่ก็เจ็ดโมงกว่าแล้วทั้งนาย ทั้งไอ้เจ้าทมิฬตัวดีที่เข้าไปส่งงานนานตั้งกะเมื่อคืนวานยังไม่ออกมา ได้ยินเสียงโครมครามหน่อยๆก็คงไม่พ้นโดนนายอัดสักหมดสองหมัด คิดแค่นั้นเธอยิ้มร่าตาค้างด้วยเกลียดที่นายแสนเท่ของเธอชอบใช้งานมันมากกว่าตัวเอง โดนอัดแบบนี้ช่างสาแก่ใจเธอหนัก นี่คงจะโดนใช้งานจนไมไ่ด้โงหัวออกมาดูเดือนดูตะวันด้วย หล่อนแทบกรีดร้องอย่างสะใจ  หากโบราณก็กล่าวเอาไว้ว่า เกลียดอะไรก็คงได้อย่างนั้นเมื่อเจ้าหนุ่มผมโมฮอคเดินออกมาพร้อมแก้วกาแฟในมือท่าทางแช่มชื่นเหลือประมาณ


    “ ไง เจ๊ชาช่า… วันนี้นายมีประชุมไหม “ เขาถาม นั่งลงกับโต๊ะแบบที่คนเจ้าระเบียบอย่างการ์ณีซาผู้ผ่าานการเทรนมาเป็นเลขาอย่างดีแทบเสียจริต


    “ อย่านั่งบนโต๊ะสิยะะะ ไม่มีมารยาท “ หล่อนว่า พลางหยิบแพลนเนอร์หนาปึกประจำปีมาเปิดตาราง


    “ ไม่มีย่ะ วันนี้นายว่างมีแค่เข้าประชุมผู้บริหารธรรมดาๆไม่สลักสำคัญอะไร “ ทมิฬจิบกาแฟ ตอนนั้นเองที่เลขาสาวมองสภาพอีกฝ่ายดีๆ เจ้าหล่อนก็ถึงกับต้องยกมือทาบอก


    “ คุณพระ ตาเถรยายชี ทมิฬ แกไปทำอะไรมาเสื้อแสงถึงได้ขาดแบบนี้ เสื้อเชิ้ตในแกไปไหน นี่นายซ้อมแกจนสูทขาดเลยเรอะ แล้วนายไปไหนนน? “ คนหนุ่มกว่าถอนใจ


    “ นายก็อยู่ในห้องน่ะสิ ไม่ต้องสนใจสภาพผมหรอกน่า เออ ว่าไป เจ๊ช่วยไปซื้อโจ๊กให้หน่อยได้ไหม หิวแล้ว เมื่อกี้ถามนายแล้ว นายเอาด้วย “


    “ นายเนี่ยนะกินโจ๊ก “


    “ ใช่ ปาท่องโก๋ด้วยนะ เอาตัวเล็กๆนะๆ ตัวใหญ่ๆเป็นเกลียวนายไม่ชอบ อ๋อ ของนายพิเศษไข่สองฟอง ของผมไข่เยี่ยวม้านะ พิเศษขิง “


    “ ฉันซื้อให้เฉพาะของนาย ของแกแกซื้อเองเซ่ะ “ เจ้าหล่อนแหว


    “ ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวนายตื่นต้องคุยงานกับแกอีก เอาน่า ไปซื้อให้หน่อยเจ๊ชาช่าคนสวยนะ ทมิฬจะไม่ลืมบุญคุณเจ๊เลย “


    “ โอ๊ยย ฉันละเกลียดแกจริงๆ เออ! แล้วนายจะออกมากี่โมง “


    “ ไม่รู้สิ “ ทมิฬหัวเราะ อีกฝ่ายทำหน้าางง


    “ หัวเราะอะไรของแกยะ “


    “ เอางี้ เจ๊ไปซื้อมาไป อ๋อ ลืมไปเลย “ คนผมขาวยิ้มหยิบเสื้อเชิ๊ตวาเลนติโนที่ยับยู่พร้อมเนคไทกับกางเกงส่งให้


    “ นายฝากไปซักรีดให้หน่อย มันยับน่ะ “


    “ เออ รู้แล้วๆ แล้วเสื้อแสงแกล่ะ “


    “ ผมมีชุดลำลองในรถ เดี๋ยวค่อยไปเอา เอาว่าเจ๊ไปจัดการตรงนี้ก่อนละกัน มาเร็วๆนะ นายโมโหหิวมาผมไม่เกี่ยว “


    “ รู้แล้วย่ะ!! “ เธอบอกก่อนเดินลอยๆลงลิฟต์ส่วนตัวไป ร่างผอมสูงจิบกาแฟก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องที่สภาพเละไปสักนิดโดยเฉพาะบนโต๊ะ ส่วนเจ้าของห้อง นอนหลับอยู่บนโซฟารับรองแขก เขาก้าวไปหยิบบุหรี่ของนายมาสูบอีกขณะนั่งข้างๆ โดยไม่ลืมจะกวาดเอากองแฟ้มงานที่กระจัดกระจายไปเมื่อคืนมานั่งเรียงข้อมูลใหม่พร้อมกับเอาปากกาขีดเส้นเนื้อหาสำคัญด้วย


    “ อืม… “ ทารคาขยับตัวงัวเงียลุกขึ้นมา


    “ อรุณสวัสดิ์ครับ เจ็ดโมงกว่าแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาอาบน้ำไปครับ ผมสั่งเจ๊ชาช่าให้ซื้อโจ๊กไว้ให้ “ ทมิฬบอก ไม่ได้มองมาที่นาย ตายังง่วนอยู่กับงาน


    “ ...ใครกินวะ โจ๊ก? “


    “ นายไง ผมด้วย “


    “ ไม่เอาไม่กิน “


    “ ผมสั่งแล้ว ต้องกิน ไปล้างหน้าเถอะ อาบน้ำเลยก็ดี “ ตอนนั้นเองที่คนอ่อนวัยกว่าหันมามอง


    “ ผมว่าเมื่อคืนผมหนักไปหน่อย น่าจะเลอะเทอะอยู่นะ “


    “ ไอ้บ้า ...แล้วอะไร เอาบุหรี่ฉันมาสูบอีกแล้ว แล้วเสื้อผ้าดูสิ ขาดแล้วยังจะใส่ “


    “ แล้วจะให้ผมเดินแก้ผ้าไปหาเจ๊ชาช่าเหรอครับ แกได้ตกใจกระโดดถีบนึกว่าชีเปลือยพอดี “


    “ เออ ไม่เถียงล่ะ อาบน้ำเรียบร้อยแล้วสิแกน่ะ “


    “ ...อ๋อ...อยากให้ผมอาบด้วยเหรอครับ “


    “ ไม่ได้พูดสักคำ! “ นายว่าอย่างหัวเสีย


    “ งั้นก็ไปอาบสิครับ ผมตรวจงานอยู่ “


    “ บ้างานจริงนะเอ็ง “


    “ นายผมจะได้ไม่เหนื่อยไง “ ทมิฬตอบพลางผิวปาก ทารคาถอนใจเอนตัวลงซบไหล่


    “ ...ทมิฬ “


    “ ครับ ว่าไง “


    “ ….ลุก...ไม่ไหว “ อีกฝ่ายหัวเราะทันทีพอได้ยิน ทารคามองหน้าอย่างเอาเรื่องแต่ไม่รู้จะทำอะไร เลยดึงมวนบุหรี่จากปากลูกน้องมาสูบแทนแก้นอยส์


    “ สูบแต่เช้าเลยนะครับ “ มือยาววางแฟ้มงานลงกับโต๊ะกลาง


    “ ..แล้วเมื่อกี้หมาตัวไหนสูบ ของคนอื่นด้วย “


    “ ด่าได้แบบนี้แสดงว่ามีแรง ผมว่านะ… “ ไม่ทันจะคาด ทารคาก็โดนทมิฬจับทุ่มลงโซฟา แล้วก็โดนขึ้นคร่อมด้วยเสต็ปเดิมๆ


    “ เฮ้ย!! “


    “ ต่ออีกรอบก็ได้ละมั้ง หือ? “ เขาว่าก่อนก้มหน้าลงซุกซอกคอ


    “ ไอ้ทมิฬ ไอ้เวร ออกไปเลยยย เดี๋ยวเอาบุหรี่จี้แม่มมม “ คนมากวัยกว่าโวยวาย


    “ ก็ลองทำดูสิ ผมว่าผมมีวีิธีเอาคืนนายได้เป็นร้อยวิธีเลย “


    “ ไม่เอาสักวิธีโว้ย! พอแล้ว จะไปอาบน้ำ “


    “ อีกรอบครับ ค่อยไป คราวนี้ทำเองนะ “ ว่าจบปุ๊ป คนผมแดงก็เป็นฝ่ายนั่งอยู่บนตักของลูกน้อง


    “ ไม่เอาแล้ว! “


    “ ต้องเอาครับ “ ใบหน้าคมซุกลงกับอก ก่อนที่เสียงโวยวายของทารคาจะเงียบไป…


    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

    “ นายขาาาา โจ๊กมาแล้ววว ไอ้ทมิฬฬฬ มาเอาโจ๊กหน่อยยย น็อตเจ๊จะหลุดแล้ววว ฮืออออ นายขาาาา ออกมาที หนูง่วงมากกกก เมตตาหนูด้วยค่ะนายยยยย “ เสียงครวญครางของการ์ณีซาโอดครวญในมือมีถาดใส่โจ๊กรอ พร้อมปาท่องโก๋อีกจาน นัยว่าโชคดีไปที่ในห้องของประธานหนุ่มมีไมโครเวฟนะ เพราะคงอีกนานกว่าจะได้เอาโจ๊กไปกินกันทั้งคู่….


    ปล.บ่ายวันนั้นไม่มีประชุม โดยทารคาบอกแค่ว่า เขาเหนื่อย ปวดหลังมาก เพราะนอนโซฟา (ตัวเป็นแสนน่ะนะ - ลูกน้องคิดแต่ไม่พูด) เลื่อนประชุมไปไม่มีกำหนด ขอตัวไปนวดจับเส้นก่อน...



    <><><><> FIN <><><><>




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in