เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyjokesocool
GHOST JOB บ้านคนดุ ทะลุสามโลก EP.9 Bottles

  • บนถนนอันทอดยาว รถตู้คลาสสิคของครอบครัวลึกลับกำลังวิ่งฉิวอยู่บนถนน ภายในรถไร้เสียงพูดคุยใด ๆ ยกเว้นเสียงกรนของยูโร่

    “ทำไมบรรยากาศมันแปลก ๆ คะ? จะไม่คุยกันหน่อยเหรอ? ทำไมวิญญาณเค้าถึงออกจากร่างหนูเร็วจัง?” 

    รันถามด้วยความแปลกใจ     

    “วิญญาณของพี่น้ำปั่นจะออกห่างเตียงของของเค้ามากไม่ได้ พอพี่รันเดินออกไปไกลมาก วิญญาณก็เลยหลุดออกจากร่างเร็วไปหน่อยน่ะครับ”

    เก็นตอบ

    “จริง ๆ หนูน่าจะเรียกพี่ชีตาร์ออกมาจากตรงนั้นก่อน ไปกอดเค้าแบบนี้จะแก้ข่าวที่โรงเรียนยังไงไหวล่ะเนี่ย?”

    รันบ่น

    “ม่าว่า ... แค่กอดยังเรื่องเล็กนะ”

    อาม่าพูดอย่างมีเลศนัย

    “ผมเผาตั๋วขนส่งวิญญาณไปให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเตียงพี่ชีตาร์เค้าขอเอาไปส่งที่บ้านพี่น้ำปั่นน่ะครับ เผื่อจะได้มีเวลาอยู่ใกล้ชิดครอบครัวของเค้าก่อนที่รถจะมารับ”

    เก็นชวนเปลี่ยนเรื่อง

    “แต่น้ำปั่นตัดใจยอมไปเกิดง่ายแบบนี้ค่อยดีหน่อย นึกว่าจะคอยตามติดพี่ชีตาร์ซะอีก เฮ่อ ...โล่งใจ”

    รันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

    ทุกคนในรถยังคงแอบสบตากัน และตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร

    เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่บ้านของรัน นกกระจอกตัวหนึ่งคาบกิ่งไม้มาเกาะอยู่ตรงหน้าต่างห้องของรัน มันขยับคอไปมามองรันที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนที่จะตกใจบินหนีไปเพราะเสียงเรียกเข้าเพลงของวง Boy Attack ที่ดังออกมาจากมือถือของรัน ก่อนที่เธอจะยื่นมือออกมาควานหามือถือบนเตียงด้วยความขี้เกียจ

    “ฮัลโหล”

    “ตื่นได้แล้วสาวฮอต”

    “ชิคหรอ?”

    “มีข่าวดีมาบอก วันนี้พี่ชีตาร์จะไปถ่ายรายการในซอยบ้านเธอ”

    “หา! มาถ่ายทำไมแถวนี้ล่ะ”

    “เห็นบอกว่าเป็นรายการพวกท้าผีน่ะ ที่ซอยบ้านเธอน่ะเฮี้ยนมากด้วย มีแต่คนโดนผีหลอก”

    “แล้วทำไมพี่ชีตาร์ถึงยอมรับงานแบบนี้ล่ะ?”

    “นี่เธอ ชั้นเป็นแค่ประธานแฟนคลับนะ ไม่ใช่ผู้จัดการ เอาเป็นว่าคืนนี้เจอกันย่ะ”

    “ตู๊ด ๆ ๆ”

    ชิควางสายไปแบบไม่ทันให้รันตั้งตัว

    “หายง่วงเลย...”

    รันบ่นด้วยสถาพหัวฟู ๆ

    ตอนนี้บนถนนในซอยบ้านรัน มีรถเก๋งยุโรปเก่า ๆ คันหนึ่งวิ่งเข้ามาในซอย ภายในรถมีชายคนหนึ่งฮัมเพลง “แฮนดี้แมน” ที่กำลังเปิดบนรถ เขาหน้าตาเหมือนลูกครึ่ง ผมหยักสกสีดำยาวถึงคอ ไว้หนวดเครา ใส่หมวกทรงกลมสีดำ และแจ็คเก็ตสีดำยาวถึงเข่า ตอนนี้เขาจอดรถหยุดลงที่ข้างทางและลดกระจกลงมองสิ่ง ๆ หนึ่ง นั่นก็คือศาลไม้ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ตรงพื้นที่รกร้างที่มีแต่ทุ่งหญ้า ภายในศาลมีรูปปั้นหมาหินอยู่ด้านใน

    “ถึงกับต้องตั้งศาลกันเลยหรือนี่?.. ว่าแต่เจ้าของบ้านหลบไปอยู่ไหนนะ”

    ชายลูกครึ่งมาดเซอร์ผู้ลึกลับ กวาดสายตาอันเยือกเย็นมองไปรอบ ๆ เหมือนกับกำลังตามหาอะไรบางอย่าง

    ตัดมาที่บ้านของรัน อาม่ากำลังปักธูปที่หน้าศาลของท่านปู่ พร้อมขนมหวานไทย ๆ มากมาย

    “กินให้อร่อยนะคะ ลูกเอาขนมมาถวาย แล้วก็เปลี่ยนน้ำกับดอกไม้ให้ ยังไงงวดนี้ก็..”

    “คุณนายขา!!”

    ป้าคะน้าปั่นจักรยานเข้ามาด้วยความตื่นเต้นเหมือนเคย

    “นี่แกมาแบบเบา ๆ ไม่เป็นรึไงเนี่ย คะน้า?”

    “หนูมีที่ขอหวยที่ใหม่มาอัพเดทค่ะ!”

    “ที่ไหนล่ะ? ถ้าไกลชั้นก็ไม่ไปหรอกนะยะ”

    “ในซอยบ้านเราเองค่ะคุณนาย ตอนนี้มีศาลเจ้าพ่อหมาดำแล้วนะคะ!”

    “เจ้าพ่อหมาดำเรอะ?”

    “ใช่ค่ะ เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าขโมยขโจรโดนผีหมาดำตัวใหญ่เล่นงานเรียบ จนเรื่องราวโด่งดังไปทั่ว เจ้าของที่ดินในซอยคนนึงแกยังไม่ได้ใช้ที่ทำอะไร ก็เลยตั้งศาลให้เลยน่ะค่ะ”

    อาม่าเหลือบตามองไปที่กรงของปิกาจู ที่ยังคงตั้งอยู่หน้าประตูบ้าน

    “งั้นเดี๋ยวหนูขอตัวเข้าไปทำความสะอาดบ้านให้ก่อนนะคะ ตอนบ่ายจะได้มีเวลาฟังหวย”

    ป้าคะน้าเดินเข็นจักรยานเข้าไปจอดแถวหน้าประตูบ้าน

    “ปิกาจูเรอะ?”

    อาม่าพูดเบา ๆ และเดินเข้าไปที่หน้ากรงหมาของปิกาจู

    “ปิกาจู เดี๋ยวนี้แกมีสำนักงานใหญ่อยู่นอกบ้านแล้วสินะ อาม่ารู้นะว่าเป็นเจ้า”

    อาม่ายืนยิ้มมองที่กรง ก่อนจะพูดต่อ

    “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ยังไงงวดดนี้ ...”

    “อาม่าคร้าบ ผมหิวข้าว!”

    เสียงเก็นตะโกนออกมาจากในบ้าน

    “โว้ยยย ไม่ขงไม่ขอใครมันแล้วงวดนี้ แทงมั่วเลยละกัน" 

    "คะน้า!!”

    “ขา คุณนาย!”

    “จักรยานแกทะเบียนอะไร?”

    “จักรยานไม่มีทะเบียนค่ะ....”

    เวลาช่วงเย็น ณ สนามกว้างที่เป็นที่ดินรกร้างริมถนนในซอยบ้านรัน บรรยากาศดูคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อรถกองถ่ายหลายคันจอดเรียงราย ทีมงานหลายสิบชีวิตกำลังช่วยกันจัดสถานที่ ทั้งตั้งโต๊ะอาหาร และเต็นท์พักผ่อนสำหรับนักแสดงและทีมงาน รถตู้สุดหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดและเปิดประตูออก ทีมงานรีบวิ่งเข้ามารอชีตาร์ลงจากรถพร้อมเสียงกรี๊ดของกลุ่มแฟนคลับที่มารอรับ โดยมีผู้จัดการและบอดี้การ์ดอีกสองคนพาชีตาร์เข้าไปในเต็นท์รับรอง

    นอกรั้วกองถ่าย กลุ่มแฟนคลับยืนออกันอยู่พร้อมป้ายไฟต่าง ๆ วิปครีมแต่งตัวมาด้วยกางกางยีนส์ขาสั้นเสื้อเชิร์ตมัดเอวสีขาวพร้อมกรีดตาสวยเฉี่ยว เธอนั่งอยู่ยนกระโปรงหน้าของรถเก๋งคันหนึ่งราวกับการถ่ายปกนิตยสาร ทันใดที่ทีมงานคนหนึ่งเดินผ่าน เธอรีบคว้าแขนไว้ทันที

    “พี่คะ? ให้พวกหนูเข้าไปดูการถ่ายทำใกล้กว่านี้หน่อยได้มั้ยคะ?”
    วิปครีมถามและใช้เสน่ห์ทางสายตา

    “คนนอกเข้าไม่ได้เด็ดขาดครับ! ยกเว้นแต่ว่า....”
    ทีมงานหนุ่มกวาดตามองเรือนร่างของวิปครีม วิปครีมจึงรีบสะบัดแขนออกทันที

    “ไม่เข้าก็ได้ รีบไปต่อสายไฟซะเถอะ!”
    วิปครีมสวนตัดบท

    “อย่ามาดูถูกกันนะ ชั้นไม่ใช่คนเดินสายไฟซะหน่อย!”
    ทีมงานหนุ่มเดินบ่นและไปตักน้ำแข็งเตรียมเสิร์ฟน้ำให้ทีมงาน

    เสียงเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งกำลังแล่นมาเทียบจอดข้าง ๆ วิปครีม
    รถเบ๊นซ์สีขาวสี่ประตูกำลังเปิดกระจกออกมาเป็นบันนี่อยู่ตรงที่นั่งคนขับ

    “มาไวกันจังนะ” บันนี่ทักทาย จากนั้นชิคกับรันก็เดินลงมาจากประตูเบาะหลัง
    “วิปครีม เธอบอกพวกเอฟซีให้เตรียมเข้าไปด้านในได้เลย ประธานแฟนคลับมาถึงแล้ว”

    ชิคพูด

    “บ้านก็รวยแต่ทำตัวเด๋อ ๆ”

    วิปครีมกรอกตามองบนเบะปากด้วยความหมั่นไส้

    และตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืด กองถ่ายเตรียมงานเสร็จเรียบร้อย

    “เอาล่ะทุกอย่างพร้อมแล้ว ตอนนี้คนมาครบรึยัง?”

    เสียงผู้กำกับตะโกนถามทีมงาน

    “เอ่อ ตอนนี้ขาดคนทางบ้านที่มาสมัครกับเราไว้อีกคนนึงครับ”

    “จะบ้าเรอะ! คนทางบ้านมาทีหลังชีตาร์บอยแอคแทคได้ยังไงวะ!? ไปเอาทีมงานที่ไหนมาเล่นแทนก็ได้”

    “บรื้นนน”

    เสียงรถเก๋งเก่า ๆ คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดในกองถ่ายและเปิดประตูออกมาเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งมาดเซอร์คนนั้นพร้อมเพลง “คันทรี่โรด” ที่ดังกระหึ่มรถ

    “มาแล้วเรอะ รีบ ๆ มาเลยไอ้หนวด เค้าพร้อมกันหมดแล้ว ซุปตาร์จริงนะแก”

    ทีมงานจอมเบ่งคนนึงต่อว่า

    “ฮ่า ๆ นี่รู้ด้วยหรอว่าผมมันซุปตาร์”

    หนุ่มเซอร์พูดตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

    “เฮ่ย ดื่มเหล้ามาด้วยเรอะ! กลิ่นคลุ้งเลยไอ้นี่”

    ตอนนี้ในเต็นท์ของนักแสดง มีชีตาร์คนเดียวที่เป็นดารา ส่วนที่เหลือก็มีคนทางบ้านที่เป็นผู้หญิงหนึ่งคนท่าทางไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าซีดเซียว เธอชื่อว่าหญิง และหนุ่มเซอร์ใส่หมวกสีดำทรงกลมอีกหนึ่งคน โปรดิวเซอร์เริ่มอธิบายขั้นตอนการถ่ายทำ

    “เราจะให้สามคนอยู่ในจุดเดียวกันก่อนนะคะ แล้วออกมาทำภารกิจตามคำสั่งทีละคน โดยทางรายการจะให้ชีตาร์ทำเป็นคนสุดท้าย หากมีอะไรผิดปกติทีมงานจะเข้าช่วยเหลือทันทีนะคะ”

    เมื่อท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท รายการก็เริ่มถ่ายทำทันที เพราะคิวของชีตาร์นั้นมีจำกัดมาก พิธีกรยืนพูดอยู่บริเวณลานกว้างอันเงียบสงัด

    “ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการ คนเฮี้ยนเกรียนผี ในช่วง ของดีต้องลอง และเทปนี้ทางรายการได้สร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ เป็นอย่างมากนะครับ เพราะเราได้รับเกียรติจากนักร้องหนุ่มน้อยที่เรียกว่าดังที่สุดในยุค นั่นก็คือ ชีตาร์ ว๊อยส์แอทแทค ครับ”

    “คัท!!!! มึงบ้ารึเปล่าไอ้เม่น เรียกชื่อวงเค้าผิดได้ยังไงวะ !?”

    ผู้กำกับตะโกนด่า

    “แหม มาเรียกพี่ชีตาร์หนุ่มน้อย ตัวเองยังสูงไม่ถึงคอเค้าเลยเหอะ”

    “จริงที่สุด”

    บันนี่กับชิคบ่น และยืนดูการถ่ายทำอยู่กับกลุ่มแฟนคลับในพื้นที่ที่ถูกเตรียมไว้ให้

    ตอนนี้รายการเริ่มต้นถ่ายทำ คนทางบ้านที่จะลองของเป็นคนแรก นั่นก็คือหญิงสาวที่มีใบหน้าซีดเซียว โดยหญิงสาวยืนอยู่กลางลานกว้างที่รอบ ๆ มีเพียงทุ่งหญ้าที่ดูน่ากลัว ทางรายการส่งหมาหุ่นยนต์ที่ติดกล้องและไมโครโฟนเดินเข้าไป

    “เอาแล้วครับคุณผู้ชม ตอนนี้เราได้ส่ง ด๊อก ฮันเตอร์ เข้าไปเพื่อสั่งภารกิจกับเธอแล้วนะครับ”

    พิธีการกล่าว

    พิธีกรได้เริ่มสั่งภารกิจผ่านเจ้าหมาหุ่นยนต์

    “น้องหญิงเห็นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใกล้ ๆ กับถนนมั้ยครับ? ให้น้องเอาไฟแช็คกับธูปที่วางอยู่บนเบาะขึ้นมาจุดแล้วปักลงข้าง ๆ รถครับ”

    เจ้าหุ้นยนต์หมาขยับปากตามคำสั่งที่พิธีกรพูดใส่ไมค์ หญิงสาวเริ่มปฏิบัติตามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

    “พอเสร็จเรียบร้อบแล้ว ให้น้องหญิงบิดกุญแจสตาร์ทรถครับ”

    หญิงสาวบิดกุญแจตามคำสั่ง พิธีกรเริ่มพูดบิลด์อารมณ์อีกครั้ง

    “คุณผู้ชมครับ ตรงถนนบริเวณแห่งนี้นั้น เป็นที่รู้กันว่าเคยมีเด็กแว้นได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก และมีชาวบ้านโดนหลอกหลอนจนไม่ค่อยมีใครกล้าขับผ่านไปมาในยามค่ำคืน และตอนนี้ เราจะให้นักเกรียนผีคนที่หนึ่งทำตามคำสั่งต่อไปครับ ขั้นตอนนี้ห้ามคลาดสายตาครับ”

    พิธีกรป้อนคำสั่งผ่านด็อกฮันเตอร์

    “น้องหญิงครับ พนมมือขึ้นครับ แล้วพูดตามผม”

    หญิงสาวพนมมือและมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง เพราะจุดที่เธอยืนอยู่ ก็อยู่ห่างจากกองถ่ายพอสมควร

    “วิญญาณของเด็กแว้น หรือพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์ทั้งหลาย หนูเอารถมาให้ขี่ ขอให้วิญญาณคนตายมาขี่ได้ตามใจชอบ”

    หญิงสาวพูดตามด้วยอาการหลับตาปี๋

    “น้องหญิงครับ ขึ้นไปซ้อนบนเบาะครับ”

    ด็อกฮันเตอร์ขยับปากสั่งงาน

    “อะ ... อะไรนะคะ?”

    “ขึ้นไปซ้อนบนเบาะรถเดี๋ยวนี้ครับ! แล้วเว้นที่นั่งให้คนขับด้วย”

    พิธีกรสั่งภารกิจอย่างไร้ความปราณี ตอนนี้ที่หางของด็อกฮันเตอร์มีไฟสีแดงกะพริบพร้อมเสียง ปี๊บ ๆ ที่ดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

    “เอาแล้วครับท่านผู้ชม! ตอนนี้ด็อกฮันเตอร์จับคลื่นพลังงานของวิญญาณได้แล้วครับ! คาดว่าคงจะเริ่มเข้าใกล้นักเกรียนผีของเราแล้ว”

    หญิงสาวเริ่มร้องไห้และค่อย ๆ ฝืนตัวเองขึ้นคร่อมบนเบาะมอเตอร์ไซค์ แล้วด็อกฮันเตอร์ก็ขยับปากขึ้นอีก

    “พนมมือขึ้นแล้วพูดตามผมนะครับ วิญญาณนักซิ่งทั้งหลาย พาหนูไปเที่ยวหน่อย คืนนี้หนูอยากเป็นสก๊อยของพี่”

    “ฮ่า ๆๆๆๆๆ ใครเขียนบทวะ?”

    หนุ่มเซอร์หัวเราะลั่นจนตัวงอ จากการยืนดูที่หน้าจอมอนิเตอร์

    “พี่ไม่เคยดูหรอกเหรอครับ รายการนี้จะพูดอะไรแบบหลุดโลก ยิ่งผู้หญิงคนนั้นทำตามได้มากเท่าไหร่ เงินก็เพิ่มไปเรื่อย ๆ”

    “ชีตาร์อธิบาย ทั้งสองยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ไม่ไกลจากเก้าอี้ผู้กำกับ”

    “ฮิ ๆๆ ดี ๆๆ ชั้นชอบ จะรอดูว่าผีที่นี่จะเฮี้ยนแค่ไหน”

    หนุ่มเซอร์ตอบด้วยท่าทางคึกคักเกินคนทั่ว ๆ ไป

    ตอนนี้ด็อกฮันเตอร์ขยับปากอีกครั้ง

    “พูดตามต่อนะครับ ถ้าหนูสวยถูกใจพี่ ๆ ให้ช่วยทำอะไรก็ได้ให้หนูรู้ว่าพี่มาแล้ว”

    หญิงสาวที่ร้องไห้กระซิก ๆ ก็กัดฟันพูดตาม

    “ถ้ารู้ว่ายุงเยอะขนาดนี้ชั้นไม่ใส่ขาสั้นมาหรอก”

    บันนี่บ่นท่ามกลางกลุ่มแฟนคลับจากโรงเรียนเดียวกัน

    “อดทนหน่อยสิ พวกเราต้องรอส่งพี่ชีตาร์กลับบ้าน ไม่งั้นเค้าจะเอากำลังใจจากที่ไหนล่ะ”

    บันนี่ปลุกกำลังใจให้แฟนคลับ

    “แต่ทุกคนช่วยปิดป้ายไฟหน่อยก็ดีนะ แมลงมันเยอะ”

    ทันทีที่บันนี่พูดจบ เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น

    “กรี๊ดดดดดดดด”

    ตอนนี้หญิงสาวลงมานั่งกองกับพื้นเอามือปิดหน้าแล้วปล่อยโฮ

    “เกิดอะไรขึ้นครับ น้องเห็นอะไร น้องเห็นอะไร!?”

    ด็อกฮันเตอร์วิ่งกระโดดไปมาด้วยความตื่นเต้นตามการบังคับรีโมท

    “มีผีขี่มอเตอร์ไซค์ล้อมหนูเป็นวงกลมไม่ให้หนูไปไหน ฮือออ”

    “หน้าตาเค้าเป็นยังไงครับ หน้าตาเค้าเป็นยังไง?”

    พิธีกรถามต่อ

    “หน้าพวกเค้าเละ น่ากลัวมากเลยค่ะ ฮือออ”

    “ฮ่า ๆๆๆๆ”

    หนุ่มเซอร์ยืนหัวเราะท่ามกลางความกลัวของผู้คนในกองถ่าย

    “มีอะไรหรอครับ?”

    ชีตาร์ถาม

    “ถ้าจะเล่นขนาดนี้ไม่เอาดารามาเล่นเลยล่ะ?”

    หนุ่มเซอร์หันมาหาชีตาร์และพูดด้วยเสียงที่เบาลง

    “ตรงนั้นไม่มีผีขี่มอเตอร์ไซค์สักตัว ฉันเห็นแค่เปรตตัวนึงคุ้ยอะไรกินก็ไม่รู้อยู่ข้างถนน ตลกเป็นบ้า ฮี่ ๆๆ”

    “พี่มองเห็นหรอครับ?”

    ชีตาร์ถาม

    “ที่ชั้นเคยดูตามทีวีคงเป็นการแสดงทั้งหมดสินะ ท่าจะหวังพึ่งการค้นหาจากรายการนี้ไม่ได้ซะแล้วแฮะ”

    “พี่เป็นใครกันแน่?”

    ชีตาร์ถาม

    “ไม่สำคัญหรอกไอ้หนุ่ม เอาเป็นว่าทีมงานสั่งให้ทำอะไรแกก็ทำไปเลยนะ เอาเงินรางวัลสูงสุดมา แถวนี้น่ะ ไม่มีอันตรายหรอก”

    หนุ่มเซอร์ตบไหล่ชีตาร์พร้อมแสยะยิ้ม

    “ไม่ไหวแล้ว! หนูยอมแล้ววว! ฮืออออ!!! ”

    หญิงสาวกรีดร้องขอความช่วยเหลือ

    “ยกเลิกภารกิจ!!”

    พิธีกรสั่งยกเลิก ทีมงานใส่ชุดดำคล้ายหน่วยคอมมานโดสี่คน วิ่งเข้าช่วยไปทันทีด้วยความโอเวอร์

    “อ๊ายยย น่ากลัวเป็นบ้า ถ้าพวกผีทำอะไรพี่ชีตาร์ใครจะรับผิดชอบกันเนี่ย!”

    ชิคบ่นด้วยความกลัวอย่างมาก

    “นี่รัน! เห็นเธอยืนเฉย ๆ ตลอด ไม่กลัวบ้างหรอ? คิดว่าเท่นักรึไงยะ? พี่ชีตาร์เค้าไม่ชอบผู้หญิงที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองหรอกนะ”

    วิปครีมต่อว่าด้วยความริษยา

    “ชั้นก็กลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้วนี่ไง...”

    รันตอบด้วยเสียงนิ่ง ๆ พร้อมสีหน้าอันเบื่อหน่าย

    ในขณะที่ทุกอย่างกำลังชุลมุน จู่ ๆ หลอดไฟบนถนนก็ค่อย ๆ ดับมาจากระยะไกลทีละดวงไล่จนมาหยุดดวงสุดท้ายที่หน้ากองถ่าย สร้างความตกใจให้ทุกคนหันไปมอง เสียงหมาหอนก็ค่อย ๆ เริ่มดังมากขึ้นจนก้องไปทั้งซอย

    “หวังว่านี่คงไม่ใช่ของจริงหรอกนะ ...”

    หนุ่มเซอร์ค่อย ๆ หันหลังไปมองที่ถนนว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหยุดนิ่งและไม่มีรอยยิ้มหรืออารมณ์ขันใด ๆเหมือนเคย

    “ไอ้หนุ่ม รีบกลับบ้านไปซะ... ห้ามมีใครถ่ายทำต่อเด็ดขาด”

    หนุ่มเซอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ เพราะสิ่งที่เขาเห็นบนถนนอันมืดมิดใต้หลอดไฟดวงสุดท้ายที่ดับ คือภาพของวิญญาณที่มีท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปเชื่อมอยู่กับมอเตอไซค์เหมือนรากไม้ที่พันระโยงระยาง และมือที่ใหญ่ยาวผิดปกติกำลังกำแฮนด์รถอยู่ ส่วนใบหน้าเป็นมนุษย์ที่ดวงตาแดงก่ำและปากที่ฉีกยาวถึงหู และในปากมีเขี้ยวจำนวนมากไม่ต่างจากปลาฉลาม พร้อมด้วยสมุนที่เป็นวิณญาณรูปร่างเหมือนคนปกติที่ทั้งขับและซ้อนอยู่บนมอเตอร์ไซค์อีกสี่คัน

    “ผมจะเลิกถ่ายได้ยังไงล่ะครับ?”

    ชีตาร์ถามด้วยสีหน้างุนงง

    “ปล่อยเป็นหน้าที่ชั้นเองละกัน”

    หนุ่มเซอร์เดินหันหลังจากชีตาร์ไป ตอนนี้เสียงกรีดร้องตกใจเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตรงกลุ่มแฟนคลับสาว ๆ

    “เลิกถ่ายได้แล้ว!! เห็นรึเปล่าว่าไฟดับเกือบทั้งถนน อย่าเอาพี่ชีตาร์ของชั้นไปเสี่ยงนะยะ!!”

    วิปครีมโววายปกป้องชีตาร์ ทั้งที่ตัวเองก็กลัวจนแทบบ้า

    “ชั้นก็คิดแบบนั้นนะ รู้สึกว่าที่นี่อันตรายเกินไป”

    รันบอกกับชิคและบันนี่

    “ตอนนี้มันไม่สนุกแล้วนะ แต่พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ”

    ชิคพูดโดยเริ่มร้องไห้ออกมา ตอนนี้ชีตาร์พยายามเดินตามหาหนุ่มเซอร์ โดยลองเปิดเต็นท์ที่ไม่รู้จักเข้าไป แต่กลับไปเห็นสาวชื่อหญิงที่เพิ่งยกเลิกภารกิจลองของ กำลังนั่งนับเงินจากทีมงานคนหนึ่งอยู่อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ จากนั้นชีตาร์ก็โดนคว้าแขนจากทีมงานอีกคน

    “เดี๋ยวทางรายการจะขอถ่ายชีตาร์ก่อนเลยนะคะ”

    ทีมงานพูดยังไม่ทันขาดคำ ไฟทั้งกองถ่ายก็ดับลงทั้งหมด เสียงกรี๊ดอันดังสนั่นหวั่นไหวจากคนทั้งกองถ่ายจึงเกิดขึ้น ทันใดนั้น ผู้จัดการของชีตาร์ก็เดินเข้ามา เขาใส่แว่นสายตาและหวีผมเรียบแปร้พร้อมกับบอดี้การ์ดตัวสูงใหญ่อีกสองคนที่ตามมาด้วย

    “ตอนนี้เวลาในการถ่ายทำตามคิวเลทมา 40 นาทีแล้ว บวกกับเหตุการณ์ไฟดับในตอนนี้ยืนยันได้ว่าทางรายการจะไม่สามารถถ่ายให้ทันตามเวลาที่กำหนดได้ ทางเราคงต้องขอตัวพาชีตาร์กลับและยกเลิกคิวถ่ายทำในทันทีครับ”

    ผู้จัดการของชีตาร์กล่าว

    “จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ!”

    ทีมงานสาวคัดค้านเสียงแข็ง

    “ผมต้องทำตามหน้าที่ ถ้าคุณไม่ได้อ่านสัญญาของทางค่ายเราก็อย่าพูดอะไรดีกว่าครับ”

    ผู้จัดการและบอดี้การ์ดพาตัวชีตาร์ไปที่รถในทันที

    “ผู้กำกับครับ!! อยู่ ๆ แบตกล้องก็หมดทุกอันเลยครับ ผมว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะครับ !! ”

    ทีมงานในกองถ่ายกำลังเถียงกันด้วยความวุ่นวาย

    “แล้วไอ้หนวดที่ต้องถ่ายคนต่อไปหายไปไหนวะ!?”

    “ไม่รู้ครับ รถของมันก็ไม่อยู่แล้วครับ! เจอแต่ขวดอะไรก็ไม่รู้กลม ๆ อยู่ที่พื้น”

    “ใครให้มึงสนใจขวดบ้าบออะไรนั่นวะ!? นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นตลกนะโว้ย!!

    และแล้วงานวันนี้ก็ดูจะจบลงอย่างไม่สวยงาม

    ตัดมาที่หน้าบ้านของรัน รถเบ๊นซ์ของบันนี่ และรถตู้ของชีตาร์จอดอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน

    บันนี่ ชิค และ ทีมงานของชีตาร์ ยืนรอรันกับชีตาร์ยืนร่ำลากันอยู่หน้ารั้วบ้าน

    “พี่จะบอกว่ารับงานนี้เพราะอาจจะได้เจอกับหนูเนี่ยนะ?”

    รันถาม

    “ใช่ อยากจะบ่นอะไรก็ตามใจ ยังไงวันนี้พี่ได้เจอหน้ารันแล้ว งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ ก่อนที่จะโดนบ่นเพิ่ม”

    ชีตาร์เดินหันหลังไปที่รถ

    “แค่นี้เหรอคะ?”

    รันทัก ทำให้ชีตาร์ต้องหันกลับมา

    “ยอมเสี่ยงมาโดนผีหลอกเพื่อมาพูดแค่นี้นะเหรอ?”

    รันพูดโดยตามองที่พื้นพร้อมน้ำเสียงอ้อนเบา ๆ

    “กรี๊ด นี่ขนาดคนอยู่ตั้งหลายคนนะ”

    บันนี่อุทานในลำคอด้วยความอิจฉา

    “ยัยรัน แกมันร้าย”

    ชิคก็อุทานเสียงแหลมอยู่ในลำคอเช่นกัน

    ชีตาร์จ้องตารันก่อนจะพูดออกมาสั้น ๆ

    “ฝันดีนะ”

    รันยิ้มที่มุมปากก่อนตอบว่า

    “ค่อยโอเคหน่อย”

    “กรี๊ดดดดด!!”

    บันนี่กับชิคหวีดร้องจิกแขนกันและกระทืบเท้าเพื่อต่อสู้กับความโรแมนติกนี้ แม้กระทั่งผู้จัดการและบอดี้การ์ดร่างยักษ์ของชีตาร์ก็ยังฝืนเก็บยิ้มเอาไว้ไม่ไหว ขณะนี้หนุ่มเซอร์ได้ซุ่มจอดรถแอบมองอยู่ไม่ไกลมาก เขามองเห็นรถของชีตาร์และบันนี่ขับผ่านไป

    “ติดหญิงงั้นเรอะ! ขนาดฉันกำชับแล้วว่าให้กลับบ้าน ไม่กลัวตายบ้างเลยรึไง?”

    หนุ่มเซอร์บ่นพร้อมลงจากรถของเขาและปิดประตู

    “ว่าแต่ เด็กผู้หญิงนั่นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน โอ๊ยย.... ปวดหัวจัง ดื่มเยอะไปหน่อย โชคดีที่ตรงนี้เป็นร้านขายยาพอดี”

    เขาเดินตรงไปที่ร้านยา Good Job เพื่อจะซื้อยาแก้ปวดมาบรรเทาอาการ

    “ไฟดับจนถ่ายทำไม่ได้งั้นเหรอ?”

    คุณพ่อถามรัน

    “แค่ไฟดับนี่ถือว่ายังโชคดีมากนะ ผีน่ะไม่ได้มีไว้ลองของสักหน่อย เค้ามีไว้ขอหวยต่างหาก”

    อาม่ากล่าว

    หนุ่มเซอร์ผลักประตูเข้ามาขณะที่ อาม่า พ่อ และ รัน ยืนคุยกันอยู่ในร้านขายยา

    “ขอซื้อยาแก้ปวดหน่อยครับ”

    คุณพ่อกับเขาจ้องหน้ากันจนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

    “กาโม่ .... ม๊าเกียง ”

    หนุ่มเซอร์เอ่ยชื่อคุณพ่อ และอาม่า

    “นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย? ที่โซลบอทเทิ่ล นักล่าวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่มายืนอยู่ตรงนี้”

    อาม่ากล่าว

    “กาโม่!! ม๊าเกียง!! ม๊าเกียงจริง ๆ ด้วย!!!”

    เขาโผเข้าไปกอดอาม่าด้วยความดีใจ

    “เดวิด แกก็รู้ว่าชั้นไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อ”

    อาม่าบ่น

    “ก็ม๊าชื่อตะเกียง แล้วจะให้ผมเรียกอะไรเล่า ฮ่า ๆๆๆ”

    “ฉันเกลียดมัน”

    อาม่าบ่น

    “เดวิด แกมาที่นี่ได้ยังไง?”

    คุณพ่อถามด้วยรอยยิ้ม

    “ชั้นตามเด็กผู้ชายคนนึงมาน่ะ ไม่คิดว่าจะเจอพวกแก งั้นยัยหนูนี่ก็คือรันใช่มั้ย? ถึงว่าหน้าคุ้น ๆ หน้าหนูเหมือนแม่มากเลยนะ!”

    “ลุงเป็นคนที่มาลองของในรายการนี่คะ?”

    รันถามด้วยความงง

    “เราเคยทำงานด้วยกันน่ะ ถ้าเป็นที่องค์กรวิญญาณ ผู้ชายคนนี้คือคนที่โด่งดังมากคนหนึ่งเลยล่ะ”

    อาม่าพูดด้วยแววตาชื่นชมอย่างมาก

    “แล้วถ้าเป็นที่นี่ล่ะ?” (เดวิด)

    “ยาจกขี้เมาดี ๆ นี่เอง ” (อาม่า)

    “ฮ่า ๆ”

    พ่อ อาม่า และชายชื่อเดวิด หัวเราะกันอย่างมีความสุข

    “เดี๋ยวนะ! หินชาแมนที่ชั้นเป็นคนหามาให้แกนี่กาโม่!”

    เดวิดตื่นเต้นที่ได้เห็นหินที่คอของรัน

    “มันสำคัญกับลูกสาวชั้นมากเลยล่ะ”

    พ่อพูดแบบยิ้มมุมปาก

    “สรุปว่ารันถูกวิญญาณเข้าร่างได้จริง ๆ สินะ”

    เดวิดถาม

    “ไม่ใช่แค่รันหรอกนะที่มีปัญหา”

    พ่อพูดแบบเอือม ๆ

    “แอ๊ดดด”

    เก็นและยูโร่ผลักประตูเข้ามา

    “พ่อครับ น้องหาช่องการ์ตูนไม่เจอ”

    เก็นถามพ่อโดยทั้งคู่อยู่ในชุดนอน

    “เธอคือเก็นกับยูโร่เหรอเนี่ย!”

    เดวิดทักทายและก้มตัวลงไปลูบหัวเด็กทั้งสอง

    “คนใส่แว่นนี่เรียนหนักสินะ?”

    เดวิดถาม

    “แว่นนั้นป้องกันการมองเห็นวิญญาณน่ะ”

    พ่อตอบไปเรียบ ๆ

    “แกจะบอกว่าเด็กคนนี้มองเห็นโลกวิญญาณงั้นหรอ?”

    เดวิดถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบเพราะความตกตะลึง

    “เห็นแค่ไหน?”

    ดวงตาของเดวิดเบิกกว้าง

    “เห็นทุกอย่าง ตลอดเวลา ...”

    คุณพ่อตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง เดวิดหันไปมองหน้าเก็นและเริ่มถาม

    “เก็นเธอรู้มั้ย? ที่องกรณ์วิญญาณน่ะ มีสิ่งที่เรียกว่าน้ำตาหมาดำ มีไว้ใช้ทาเปลือกตาเพื่อได้มองเห็นโลกวิญญาณที่ดวงตาของมนุษย์มองไม่เห็น เป็นของที่ทำขึ้นได้ยาก ชั้นต้องซื้อด้วยราคาขวดละ 3 หมื่นบาท และขวดนึงมีประมาณแค่ 40 หยด พี่อยากเกิดเป็นเธอจริง ๆ เก็น”

    “ทำไมลุงคนนี้ถึงเรียกตัวเองว่าพี่ล่ะครับ?”

    ยูโร่ถาม

    “ฮ่า ๆๆ เด็กนี่มันชอบพูดตรงไปตรงมาดีจัง ว่าแต่แกทาน้ำตาหมาดำมารึเปล่า?”

    อาม่าถาม

    “ทาครับ” (เดวิด)

    “งั้นเจอท่านปู่รึยัง?” (อาม่า)

    “ม๊าหมายถึงทหารโบราณที่นั่งกินขนมหวานอยู่หน้าศาลใช่มั๊ย?”

    คำพูดนี้ของเดวิดทำให้เก็นและรันเริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นมา

    “ลุงเห็นจริง ๆ หรอคะ?”

    รันถาม

    “เห็นสิ น้ำตาหมาดำแต่ละหยดมันแพงมากนะหนู”

    “งั้นเรื่องไฟดับที่กองถ่ายลุงเห็นอะไรมั้ย?”

    รันถาม

    “หึ ๆ เธอคงเป็นห่วงแฟนสินะ”

    เดวิดถามยิ้ม ๆ!

    “ไม่ใช่ซะหน่อย!!”

    รันเถียงเขิน ๆ เช่นเคย

    “ชั้นมาเจอพวกเธอถึงที่นี่ได้ก็เพราะตามมาช่วยชีวิตเค้านี่แหละ”

    “เกิดอันตรายกับชีตาร์หรอ?”

    คุณพ่อถาม ขณะกำลังอุ้มยูโร่ที่กำลังพยายามถอดแว่นเขาอยู่

    “ชั้นเห็นวิญญาณของปีศาจจะมาเอาชีวิตของเค้า คงจะเคยมีเรื่องแค้นใจกันมาก่อน พอเห็นท่าไม่ดีชั้นเลยปล่อยวิญญาณออกมาจากขวดตัวนึงให้ตัดไฟในงาน จากนั้นก็ตามมาคุ้มกันเจ้าหนุ่มนั่นมาถึงรั้วบ้านนี้ จนกระทั่งได้ยินคำว่า”

    เดวิดเหลือบตามาที่รันก่อนจะยิ้มและพูดว่า

    “ฝันดี”

    ถึงรันจะหลบตาด้วยความเขิน แต่ก็ยังเป็นห่วงชีตาร์มากกว่า

    “แล้วพี่ชีตาร์จะปลอดภัยมั้ยคะ?”

    “คำตอบมันอยู่ห่างจากรั้วบ้านเธอไม่กี่เมตรหรอก ไหน ๆ โซลบอทเทิ่ลอย่างฉันก็มาทั้งที ก็อยากจะโชว์อะไรให้พวกเธอดูหน่อย โดยเฉพาะ .... เก็น”

    ทุกคนในบ้านเดินตามเดวิดออกมานอกรั้วบ้านไม่ไกลนัก ท้ายรถของเขาที่จอดอยู่ริมถนน ตรงพื้นถนนมีรอยขีดเขียนสีดำเป็นวงกลมวงใหญ่กว้างเท่าขนาดรถของเขาที่จอดอยู่ ในวงกลมมีดาวห้าแฉกและอักขระต่าง ๆ ที่พบเห็นไม่ได้ทั่วไป ถูกเขียนอยู่ในวงกลมนั้น และตรงจุดศูนย์กลางก็มีแก้วน้ำที่มีน้ำสีแดงคล้ายเลือดตั้งอยู่ ทุกคนเดินมายืนล้อมรอบวงกลมที่พื้น

    “ที่พื้นถนนมีเลือดหมูเสีย ๆ ที่ชั้นตั้งเอาไว้ มันเป็นของโปรดของพวกวิญญาณร้ายบางชนิด แต่พวกมันจะกินไม่ได้ ถ้าไม่มีใครทำพิธีไปให้มัน”

    เดวิดกล่าว

    “ส่วนสีที่พื้นคือรอยของดินสอผี ถ้าไปเขียนล้อมสิ่งไหนไว้ วิญญาณก็จะกินหรือใช้ของที่อยู่ในนั้นได้”

    อาม่าเสริม

    “แล้วลุงจะให้วิญญาณกินทำไมหรอคะ?”

    รันถาม

    “ลุงเดวิดใช้ดินสอผีเขียนยันต์กักขังเอาไว้น่ะ ทำให้วิญญาณที่มากินต้องติดพันธสัญญา”

    พ่อเสริม

    “เดิมทีดินสอผีมีไว้แค่ส่งของไปโลกวิญญาณ แต่ไอ้นี่มันเล่นพิเรนทร์ คิดค้นการเขียนยันต์กักขังขึ้นมา แถมยังเก็บวิญญาณใส่ขวดไว้รับใช้ได้อีก นี่แหละที่มาของฉายา โซล บอทเทิ่ล”

    อาม่ากล่าว

    “เก็น เธออยากเห็นมั้ยว่าในนั้นมีอะไร?”

    เดวิดถามเก็น ทำให้เก็นรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ทั้งรู้สึกกลัวและท้าทายในเวลาเดียวกัน เก็นเดินไปจับมืออาม่า และมองหน้าเดวิด จากนั้นก็มองเข้าไปในวงกลมที่พื้นและค่อย ๆ ลดแว่นลง

    “ฮึ้ย !”

    เก็นตกใจโผเข้ากอดอาม่า ภาพที่เขาเห็นคือวิญญาณร้ายแสนน่ากลัวที่มีท่อนร่างเป็นมอเตอร์ไซค์พยามยามขับรถออกจากยันต์วงกลมที่เดวิดเขียนไว้ ดวงตาของเก็นเห็นยันต์และรอยขีดเขียนที่พื้นเรืองแสงออกมาสว่างจ้า ปากของผีร้ายโชกไปด้วยเลือดที่มันกิน และแก้วเลือดหมูในโลกวิญญาณก็ล้มลงอยู่กับพื้นไม่เหลือสักหยด เสียงมอเตอร์ไซค์บิดไปบิดมาดังในหูของเก็น ไม่ต่างจากเสียงมอเตอร์ไซค์ของพวกเด็กแว้น เขาได้ยินมันชัดเจนเมื่อดวงตาของเขาได้เชื่อมกับมิติของโลกวิญญาณ

    “ใช่แล้วล่ะ ชั้นขังวิญญาณที่จะทำร้ายแฟนเธอไว้แล้วรัน จะเก็บค่าคุ้มครองเท่าไหร่ดีนะ?”

    เดวิดพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก

    “จากนี้ชั้นจะจับมันขังใส่ขวด ใครอยากจะซื้อน้ำตาหมาดำเพื่อเข้าชมฉากนี้นอกจากเก็นมั๊ย?”

    เดวิดถาม

    “แกดูกันสองคนเถอะ เดี๋ยวม๊าถามเก็นเอา”

    อาม่าปัด

    “ไอ้ผีร้าย! แกกินอาหารของชั้นโดยไม่ขออนุญาติ จงตกมาเป็นทาสรับใช้จนกว่าจะทำงานคืนให้ชั้น!”

    ปากของเดวิดงึมงำ เขากำลังท่องคาถาบางอย่างที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์ ในมือเขามีขวดใสกลม ๆ เล็ก ๆ ขวดหนึ่ง เขาเปิดจุกออกจากปากขวด มีลมพัดแรงเกิดขึ้นที่บริเวณนั้นทันที ร่างของผีร้ายสั่นสะท้านเหมือนพยายามจะต้านอำนาจบางอย่าง มันร้องครวญครางแต่สุดท้ายก็ถูกดูดเข้าไปในขวด และเดวิดก็ปิดจุก จากนั้นก็เอาหมึกขึ้นมาเขียนหมายเลขที่ขวด ซึ่งเก็นได้เห็นภาพอย่างชัดเจนเพียงคนเดียว

    “สุดยอด!! วิญญาณถูกดูดเข้าไปในขวดจริง ๆ ด้วยครับ!”

    เก็นพูดด้วยความตื่นเต้น

    “ลุงจะทำยังไงก้บวิญญาณในขวดคะ?”

    รันถามด้วยความกังวล

    “เพื่อให้หนูรันสบายใจ ตัวนี้ชั้นจะส่งลงนรกให้ก็แล้วกัน ถึงแม้ออกจะเสียดายก็เถอะ”

    เดวิดหยิบตั๋วส่งวิญญาณขึ้นมาเขียน

    “ฉันจะตั้งชื่อมันว่า ปีศาจเด็กแว้นก็แล้วกัน”

    เขาเขียนชื่อวิญญาณลงในตั๋ว และระบุประเภทอันตราย พร้อมลงลายเซ็นตัวเองกำกับ

    “นี่ไอ้ตำรวจนั่นมันขายตั๋วให้กับทุกคนเลยรึไง?”

    อาม่าถาม

    “ต่อให้ใครเป็นคนเขียนตั๋ว ผลลัพพ์มันก็ออกมาดีทั้งนั้นแหละน่าม๊าเกียง ส่วนขวดนี่ฝากม๊าวางไว้หน้าศาลที่บ้านแล้วเผาตั๋วไว้ตรงข้างขวดนะ พวกรถแดงนั่นจะมารับวิญญาณจากเจ้าที่เอง”

    เดวิดยื่นตั๋วกับขวดให้อาม่า

    “เอาล่ะ วันนี้ก็คงหมดหน้าที่ของฉันแล้ว”

    เขาบิดขี้เกียจหลังพูดจบ

    “แล้วจากนี้ โซลบอลเทิ่ลผู้ยิ่งใหญ่จะเดินทางไปผจญภัยที่ไหนต่อล่ะ?”

    คุณพ่อถาม

    “ชั้นว่าคืนนี้จะนอนที่นี่แหละ” (เดวิด)

    “หา!!!” (ทุกคน)

    เช้าวันจันทร์อันสดใส รันใส่ชุดนักเรียนเดินลงบันไดบ้านมาด้วยความเร็วแล้วก็หยุดชะงัก

    “กรี๊ด!”

    เดวิดนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ตัวเดียวถือแปรงสีฟันยืนมองรันที่กำลังลงบันไดบ้าน

    “นี่เธอจะตกใจชั้นทำไม?”

    เดวิดถาม

    “สงสัยบ้านนี้ไม่เคยมีคนหนุ่มถอดเสื้อเดินไปเดินมาล่ะมั้ง?”

    อาม่าพูดยิ้ม ๆ

    “หนุ่มหรอม๊า? เห็นเด็กบ้านนี้เรียกผมลุงทุกคน”

    “แล้วแผลนั่นไปโดนอะไรมาหรอคะ?”

    รันถาม

    ที่ไหล่ขวาของเดวิดลามลงมาจนถึงหน้าอกมีรอยแผลฉกรรจ์คล้ายกับโดนสัตว์ป่าทำร้าย

    “อุบัติเหตุน่ะ”

    เดวิดตอบ

    “อาม่าครับวันนี้ชั้นของผมเลิกเที่ยงวันเลยไม่มีรถมารับ ให้พ่อไปรับผมด้วยนะครับ”

    เก็นพูดขณะทานข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร

    “นี่ชั้นต้องเฝ้าร้านอีกแล้วเรอะ? ชื่อยาก็ไม่ค่อยจะรู้จัก”

    อาม่าบ่น

    “เดี๋ยวผมไปรับเก็นเองครับ มีเรื่องอยากจะคุยเยอะแยะเลย”

    เดวิดตอบ

    “กรี๊ดดดดดดด!!”

    รันกรี๊ดดังกว่าเดิม เพราะตอนนี้ยูโร่ได้ขโมยผ้าเช็ดตัวจากลุงเดวิดและวิ่งหนีไปแล้ว

    ตัดมาที่หน้าโรงเรียนเซนส์อินดี้ตอนกลางวัน รถของเดวิดจอดรอเก็นอยู่ที่หน้าโรงเรียน

    “นี่กาโม่มันทำไมถึงไม่ซื้อมือถือให้ลูกใช้ อย่างนี้ก็หากันลำบากแย่สิ”

    เดวิดบ่นอยู่ในที่นั่งคนขับของเขา จากนั้นเขาก็เห็นเก็นกำลังเดินออกมาจากรั้วโรงเรียนกับชีโต๊ส

    “เฮ้ เก็น !”

    เดวิดตะโกนเรียกและเปิดประตูรถลงมารับเก็น

    “ว่าไงเด็ก ๆ จะกินขนมอะไรหน่อยมั้ย? เดี๋ยวลุงซื้อให้”

    เดวิดถาม

    “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

    ชีโต๊สพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาเก็นเดินไปร้านขนมที่อยู่ใกล้ ๆ กับรถ

    “ท่าทางบ้านจะรวยนะเจ้าหมอนี่”

    เดวิดแซวชีโต๊ส จากนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็บิดเข้ามาด้วยความเร็วและเกือบต้องล้มเพราะเสียหลักจะชนเด็กนักเรียน

    “เอี๊ยดดด !!!”

    เด็กช่างกลสองคนที่มีบุคลิคไม่น่าเข้าใกล้สุด ๆ กำลังลงจากมอเตอร์ไซค์มาเอาเรื่อง

    “เห้ยย!! อยากตายเหรอวะ!? ทำไมมึงไม่ดูรถ ห๊ะ !!”

    อันธพาลผิวเข้มตัวเล็กตัดผมรองทรงชี้หน้าเด็กนักเรียนชายตัวจิ๋วใส่แว่นหนาเตอะที่กลัวจนตัวสั่น

    “ก็ขับรถเร็วขนาดนั้นยังจะไปว่าเด็กอีกเหรอ!?”

    คุณป้าร้านขายขนมตะโกนปกป้องเด็กน้อย ชายอีกคนที่มาด้วย ผมทรงสกินเฮดตัวสูงโปร่ง หน้าตานักเลงสุด ๆ เดินเข้ามายกตะกร้าขนมทุ่มลงพื้นและปัดขวดน้ำและข้าวของที่ขายกระจายลงพื้นมากมาย

    “ขายของเงียบ ๆ ดีกว่า ถ้าอยากแก่ตาย...”

    ชายตัวสูงต่อว่าคุณป้าด้วยทาทางข่มขู่ ตอนนี้ชีโต๊สลากแขนเก็นหนีออกไปด้วยความกลัว แต่เก็นกลับพยายามฝืนการดึงของชีโต๊สและเอาแต่มองเหมือนอยากจะช่วยอะไรสักอย่าง

    “ไม่ใช่เรื่องของเรา กลับบ้านเถอะ”

    เดวิดบอกเก็นอย่างไร้ความคิดที่จะช่วยเหลือ

    “ทีหลังอย่าให้พวกกูเห็นเด็กโรงเรียนนี้ตัดหน้ารถกูอีกนะ”

    “ผัวะ!!!”

    ชายตัวเล็ก ตบหัวเด็กแว่นตัวจิ๋วหัวขมำลงไปกับพื้น เด็กน้อยหมอบกับพื้นร้องไห้ด้วยความกลัวจนเนื้อตัวสั่นระริก ทันใดนั้นลุงยามอายุประมาณห้าสิบก็วิ่งเข้ามา

    “ทำอะไรน่ะ!”

    ลุงยามดึงเด็กน้อยเข้าไปกอด

    “ลุงเดวิด ทำไมลุงถึงไม่คิดจะช่วยอะไรเลย!?”

    เก็นต่อว่าเดวิดด้วยความโกรธ

    “พวกนั้นน่าจะมีปืนน่ะ”

    เดวิดตอบ

    “ลุงรู้ได้ยังไงครับ?”

    ชีโต๊สถาม

    สองคนนั้นตัวผอมบางไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ใช่คนชกต่อยเก่ง แต่เอะอะก็เอาแต่หาเรื่องและท้าทายคนอื่น ๆ ในที่สาธารณะ แสดงว่าเค้ามีสิ่งที่คิดว่าปกป้องตัวเองได้ ในตอนนี้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากปืน

    “ลุงฉลาดเหมือนพ่อของเก็นเลยแฮะ”

    ชีโต๊สทึ่งในการวิเคราะห์

    “ลุงกลัวก็บอกมาเถอะ!”

    เก็นยังคงต่อว่าเดวิด

    “เก็น เชื่อเถอะว่าเธอไม่อยากให้ชั้นลงมือหรอก”

    เดวิดพูดอย่างคนที่ไร้อารมณ์ตื่นเต้นใด ๆ

    “ถ้่างั้นก็กลับบ้านเถอะ แต่ผมจะไม่คุยกับลุงอีก”

    เก็นประชดและเดินนำหน้าไปที่รถ

    “ผัวะ!”

    ลุงยามโดนชายตัวสูงเตะเข้าที่ปลายคางนอนหงายไปกับพื้น เดวิดหันขวับไปมองด้วยสายตาเย็นเฉียบ
    แววตาเขาดูคล้ายกับสิงโตตอนจ้องไปหาเหยื่อที่กำลังจะชะตาขาด เขาหยิบขวดใส ๆ ขวดนึงออกมาจากแจ็คเก็ตและเปิดฝาออก เก็นรีบกระชากแว่นออกทันทีด้วยความอยากรู้ สิ่งที่เขาเห็นคือวิญญาณลักษณะคล้ายควันสีดำพุ่งออกมานั่งอยู่ตรงหน้าของเดวิด รูปร่างของวิญญาณตนนั้นแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ตัวมันสีดำสนิท แขนขาและรูปร่างเรียวผิดปกติ ดวงตาเหมือนสัตว์เลื้อยคลานสีเหลือง และมีหนามยาว ๆสีดำตามแขนและกลางหลังคล้ายกับกิ้งก่า

    “จงเอาชีวิตศัตรูของข้า แลกกับอิสระ”

    เดวิดพูดกับวิญญาณตนนั้น ตอนนี้ลุงยามโดนสองวัยรุ่นกระทืบจนหนำใจและกำลังจะหนีขึ้นรถ เพราะเริ่มเห็นคนมามุงดูเยอะขึ้น

    “เดี๋ยว ...”

    เดวิดยืนขวางรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้

    “ถ้าไม่อยากตายมึงถอยไป! พอดีวันนี้พวกกูรีบ”

    ชายตัวเล็กข่มเดวิด และชายตัวสูงอีกคนก็จ้องด้วยสายตาเอาเรื่อง

    “ก็พอดีอยากตาย แต่ถ้าชั้นเกิดไม่ตายขึ้นมา พวกแกก็จะไม่มีใครรอด”

    เดวิดพูดนิ่ง ๆ สองอันธพาลเห็นว่าเดวิดไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเลยต้องควักปืนออกมา

    “ถอย!!”

    ชายร่างเล็กเล็งปืนไปที่เดวิดด้วยแววตาของฆาตกรสิ้นคิด

    “ไอ้หนูอย่ายิงนะ!! เค้าตายไปเอ็งก็เข้าคุกหมดอนาคต อย่าทำเลย!!”

    คุณป้าร้านขนมพยายามพูดโน้มน้าว

    “ถ้าไม่ถอยกูยิงจริงนะมึง!!”

    ชายถือปืนขู่ซ้ำ

    “แล้วเมื่อไหร่มึงจะยิงล่ะวะ!!!!!”

    เสียงตะคอกของเดวิดน่ากลัวมาก จนชายถือปืนตัดสินใจลั่นไกทันที แต่ภายในเวลาเสี้ยววินาที วิญญาณทาสของเดวิดก็พุ่งไปหาชายร่างเล็กด้วยความเร็วสูง ความเร็วที่แม้แต่ดวงตาของเก็นก็ไม่อาจมองเห็นได้ทัน มันจับมือของชายถือปืนจ่อไปที่หัวตัวเองเพียงแค่ระยะเวลาที่เขาจะลั่นไกปืน

    “ปัง!!!”

    ร่างของอันธพาลที่กำลังคิดจะปลิดชีวิตของเดวิดล้มลงไปกองกับพื้น พร้อมเลือดที่กำลังค่อย ๆ เจิ่งนองบนพื้นถนน ชายตัวสูงยืนตัวสั่นสักครู่ พอตั้งสติได้ก็วิ่งไปคว้ามอเตอร์ไซค์บิดไปด้วยความเร็วสูง วิญญาณตัวสีดำสนิทของเดวิดหันไปมองตามและโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะหายวับไปด้วยความเร็ว และไปโผล่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์ของชายที่กำลังขับหนี วิญญาณทาสนั้นใช้พลังบังตาของอันธพาลไม่ให้มองเห็นรถคันอื่นหรือไฟแดงใด ๆ เขาจึงขับเข้าไปหารถกระบะที่กำลังพุ่งมาจากด้านขวาของสี่แยกอย่างจัง

    “โครมมม !!”

    รถและร่างของเขากระเด็นและทำให้เขาเสียชีวิตทันที

    “เฮ่อ... เจ้าตัวนี้ชั้นชอบมากซะด้วย”

    เดวิดบ่นและโยนขวดเล็ก ๆ นั้นลงถังขยะอย่างไม่มีค่า

    “เธอน่ะ รีบกลับบ้านได้แล้วนะ”

    เดวิดบอกชีโต๊ส เขาดึงแขนเก็นที่กำลังหน้าซีดและตัวสั่นไปที่รถ เขาสตาร์ทเครื่องและลดกระจกคนขับลงเพื่อตะโกนคุยกับลุงยาม

    “ลุง !! ถ้าตำรวจถามก็บอกว่ามันยิงตัวตายนะ เดี๋ยวเค้าก็ขอดูกล้องเองแหละ พอดีผมมีธุระ ไม่ต้องให้เค้าตามตัวผมนะ เพราะคงไม่เจอหรอก บาย!”

    “พาเด็กกลับบ้านเถอะ ป้าเห็นทุกอย่าง”

    ถึงป้าขายขนมจะกำลังกลัว แต่ก็ไม่อยากให้เดวิดต้องลำบากเพราะพวกเขาอีก

    ก่อนรถแล่นออกไป เก็นมองไปที่ศพของชายที่นอนกับพื้นและทำสีหน้าประหลาดใจมาก

    บนรถของเดวิดที่กำลังเปิดเพลง แต่บรรยากาศกลับตรงกันข้าม

    “ทำไมวิญญาณของคนที่ตายเมื่อกี้ถึงกลายเป็นปีศาจล่ะครับ”

    เก็นถามเพราะเค้าได้มองเห็นตอนวิญญาณออกจากร่าง

    “เธอหมายถึงเปรตสินะ ไอ้คนพวกนี้ถ้าเกิดว่าตายกระทันหันล่ะก็จะมีรูปร่างน่าเกลียดแบบนี้แหละ แล้วแต่ว่าทำกรรมกันมาแบบไหน พวกมันมีรูปร่างหลากหลายมากเลยนะ อย่างตัวที่ปล่อยจากขวดไปเมื่อกี้ ชั้นเจอมันคอยพยายามพุ่งตัวด้วยความเร็วเพื่อฉกกระเป๋าของคนที่ผ่านไปผ่านมา ทั้ง ๆ ที่มันหยิบจับของเหล่านั้นไม่ได้ มันไม่สามารถเดินช้า ๆ ได้แม้แต่เก้าเดียว คงเป็นกรรมที่เคยวิ่งราวมาก่อน ตายมาก็เลยต้องวิ่งอยู่ตลอด แต่ชั้นชอบความสามารถของมันก็เลยจับเอาไว้ เสียดายมากเลยที่ต้องปล่อยมันไปเร็วแบบนี้”

    “ลุงฆ่าคนมากี่คนแล้วครับ?”

    เก็นถามด้วยสีหน้าที่รู้สึกลบกับเดวิด

    “เปล่านะ เธอก็รู้ว่าชั้นไม่ได้ฆ่า เจ้าผีตัวนั้นเป็นคนทำก็เห็นอยู่!”

    “แต่พ่อบอกว่าเราฆ่าคนไม่ได้”

    “ก็เธอเป็นคนพูดเองนะ ว่าถ้าชั้นไม่ช่วยจะไม่ยอมคุยด้วยน่ะ! ถ้าไม่พอใจก็ไปแจ้งตำรวจจับเลยสิ แล้วบอกว่ากล้องวิดีโอมันถ่ายรูปผีไม่ติดแต่จริง ๆ แล้วชั้นเป็นคนฆ่าเอง เค้าจะได้เอาเธอไปรักษาที่โรงบาลบ้าไง ฮ่า ๆๆๆ”

    “ฮือ ๆๆๆ”

    เก็นปล่อยโฮออกมา แท้จริงแล้วเขาน่าจะเสียขวัญที่เห็นคนตายต่อหน้ามากกว่า

    “อย่าร้องน่า คนพวกนี้ตายไปได้ก็ดีแล้ว ตายน้อยชีวิต เพื่อรักษาหลายชีวิต ไอ้คนพวกนี้ถ้าอยู่ไปก็ไม่รู้จะต้องมีคนดีตายเพราะพวกมันกี่คน โลกมันนี้ไม่ได้หน้าตาน่ารักอย่างที่เธอคิดหรอกนะเก็น”

    “ลุงเคยเห็นคนตายต่อหน้าบ่อยมั้ยครับ?”

    เก็นถาม

    “ไม่นานมานี้ เพื่อนรักของชั้นก็ต้องมาตายไปต่อหน้า เขาต่อสู้กับโจรที่พยายามโขมยของสำคัญจากพวกเราจนโดนมันใช้มีดแทง ชั้นรีบฆ่ามันเพื่อล้างแค้นได้ แต่ก็ยังถือว่าโชคร้าย”

    “อะไรเหรอครับ?”

    “ชั้นจับวิญญาณมันไว้ไม่ได้...”

    เดวิดพูดด้วยสีหน้าที่เหม่อลอยและผิดหวัง

    “เมื่อไม่นานมานี้ผมก็เพิ่งเห็นคนตายต่อหน้าเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ถูกคนฆ่า”

    เก็นเริ่มพูดเรื่องของเขาบ้าง

    “หมายความว่ายังไง? ไม่ได้ถูกคนฆ่า”

    “ปีศาจหมาดำเป็นคนฆ่าน่ะครับ เป็นหมาผีที่ยูโร่เลี้ยงไว้”

    เดวิดหันมองเก็นด้วยความสนใจอย่างมาก

    “เธอช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับหมาตัวนั้นให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย?.... ”

    ณ บนท้องฟ้ายามเย็นอันปลอดโปร่ง รถบัสสีแดงหมายเลข 13 วิ่งฉิวอยู่บนอากาศอย่างไม่ต้องกังวลกฏจราจรทั้งหลายของโลกมนุษย์

    “ยิ่งอ่านหนังสือพิมพ์ของทางโลกแล้วก็ยิ่งหนักใจ มีแต่คนฆ่ากันตาย จิตใจชักจะอำมหิตกันขึ้นทุกวัน”

    ชายแก่ไว้หนวดจิ๋มใส่หมวกกัปตันเรือสีขาวนั่งบ่นอยู่หน้าพวงมาลัย

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะลุง?”

    ชายหนุ่มจิ๊กโก๋กระเป๋ารถเมล์ถาม

    “จะไม่เกี่ยวได้ยังไงวะ!? มึงไม่เห็นหรือว่าในรถเราไม่มีที่นั่งแล้ว!!”

    ชายหนุ่มหันไปมอง ภายในรถบัสเต็มไปด้วยวิญญาณทุกที่นั่ง ส่วนใหญ่เป็นผีตายโหง

    “จริงด้วย นี่ยังดีนะที่เลือดของพวกวิญญาณมันไม่ต้องคอยเช็ดเหมือนเลือดคน”

    หนุ่มกระเป๋ารถเมล์บ่นก่อนจะยกแขนขึ้นมามองนาฬิกา

    “แล้วที่สุดท้ายเมื่อไหร่จะถึงล่ะลุง!?”

    “ก็กูบอกมึงแล้วว่าอย่าวิ่งบนฟ้า ยิ่งอยากลัดกูก็ยิ่งหลง! คราวหลังวิ่งตามถนนดีกว่า ไฟแดงก็ไม่ต้องติดซักกะหน่อย”

    ลุงคนขับพุ่งหัวรถบัสลงไปสู่พื้นถนนด้านล่างด้วยความเร็ว

    ผ่านมาจนเวลาพลบค่ำ ที่หน้าบ้านของรัน เก็นและยูโร่กำลังเตะบอลกันที่สนามหญ้าด้วยความสนุกสนาน

    ทันใดนั้นรถบัสสีแดงที่ล้อไม่แตะพื้นถนนก็มาจอดหน้าบ้าน กระเป๋ารถเมล์หัวทองเดินมายืนหน้าบ้านพร้อมกระดาษแผ่นเล็ก ๆ หนึ่งใบ

    “มาขอรับวิญญาณจากเจ้าที่ครับผม!!”

    หนุ่มกระเป๋ารถเมล์ตะโกนถาม หน้าบ้านพร้อมชะเง้อคอไปมา ทันใดนั้นวิญญาณนักรบโบราณของท่านปู่ก็เดินทะลุออกมาจากศาลหน้าบ้าน

    “อยู่ในขวดตรงพื้นที่เขียนยันต์ไว้”

    ท่านปู่ชี้ไปที่ขวดใส่วิญญาณ

    “โหท่านเจ้าที่! นักรบไทย อย่างคูล!!”

    กระเป๋ารถเมลล์แซวท่านปู่

    “อย่ามาพูดภาษาโปรตุเกตกับข้า ข้าฟังไม่ออก”

    ท่านปู่บ่น

    กระเป๋ารถเมลล์ก้มหยิบขวดโลกวิญญาณที่ทับซ้อนขวดจริงขึ้นมาจากพื้น

    “โชคดีนะที่เป็นขวดวิญญาณของเดวิด วันนี้ที่นั่งเต็มพอดีเลย”

    เขาหันไปมองเด็กสองคนที่เตะบอลกันอยู่

    “เอ๊ะ! เจ้าเด็กแว่นนั่น เฮ้! เฮ้ !!”

    เขาพยายามโบกมือทักทายเก็น

    “มีอะไรรึ?”

    ท่านปู่ถาม

    “เด็กคนนั้นเคยมองเห็นผมน่ะครับ เขาเห็นรถพวกเราทั้งคันเลยด้วย”

    หนุ่มกระเป๋ารถเมล์มองด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเก็นใส่แว่นกั้นมิติอยู่

    “เจ้าอย่าสนใจเค้าเลย ว่าแต่ข้าไม่เคยเห็นรถเครื่องที่มารับวิญญาณไปยมโลกมาก่อน”

    ท่านปู่พูดและเดินไปดูรถใกล้ ๆ

    “สวัสดีครับท่านเจ้าที่”

    คุณลุงยกมือไหว้ท่านปู่จากบนรถด้วยความนอบน้อม และกระเป๋ารถเมล์หนุ่มก็เดินขึ้นรถพร้อมขวดวิญญาณ

    “ท่านเจ้าที่ ช่วงนี้ดูแลเด็กที่บ้านดี ๆ นะ ผมอ่านหนังสือพิมพ์เห็นพวกแก๊งค์ลักเด็กกำลังออกอาละวาดน่ะครับ ไปก่อนนะครับ”

    ลุงคนขับเตือนท่านปู่ด้วยความห่วงใย ก่อนจะออกรถ

    แล้วท่านปู่ก็ยืนมองรถบัสสีแดงแล่นพ้นหน้าบ้านไป โดยที่เด็กทั้งสองไม่ทราบเหตุการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

    “เด็ก ๆ มากินข้าวได้แล้ว”

    เสียงอาม่าตะโกนเรียกเด็ก ๆ กินข้าวเย็น

    “คร้าบ”

    เก็นขานรับและรีบเข้าไปในบ้านโดยไม่ทันมองยูโร่ ทิ้งยูโร่ให้เตะบอลอยู่คนเดียวจนลูกบอลกระเด็นออกไปนอกรั้วบ้าน ยูโร่จึงวิ่งออกไปเก็บลูกบอลตามระเบียบ เพียงวิ่งพ้นรั้วบ้านออกไปไม่กี่ก้าว ชายใส่หมวกไอ้โม่ง ก็เข้ามาคว้าตัวยูโร่ไว้แล้วเอามือปิดปาก

    “อย่าส่งเสียงนะไอ้หนู พ่อแม่ไม่สอนรึยังไง ว่าอย่าอยู่กันเองโดยไม่มีผู้ใหญ่ หึ ๆๆ โอ๊ย!!”

    ยูโร่ใช้ฟันกัดนิ้วมือของชายใส่ไอ้โม่งจนเขาต้องดึงรีบมือออก

    “ช่วยด้วยคร้าบบ ช่วยด้วยยยย!!”

    ยูโร่ตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต

    “ปล่อยเด็กนะ!!!”

    คุณพ่อออกมาจากร้านขายยาที่อยู่ติดถนนพอดี

    “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นชั้นไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้าเด็กนี่”

    “ยูโร่!!”

    รัน เก็น และอาม่า ออกมาที่หน้าบ้านกันจนครบ

    “ปล่อยน้องชั้นเดี๋ยวนี้นะ!!”

    ตอนนี้เสียงรัน เก็น และอาม่า พากันหวีดร้องด้วยความเป็นห่วงยูโร่

    “ช่วยด้วยครับ ช่วยผมด้วยยยย!! ฮือ ๆ”

    อยู่ ๆ ทุกคนก็นิ่งไป เหมือนกำลังตกใจที่เห็นบางสิ่งบางอย่าง

    “เป็นอะไรกัน ไม่คิดจะช่วยเจ้าเด็กนี่แล้วรึไง!”

    ชายใส่โม่งหันไปมองข้างหลังด้วยความเอะใจ เขาเห็นดวงตาสีแดงสว่างบนถนนค่อย ๆ ก้าวออกมาจากความมืด เมื่อร่างของมันกระทบแสงไฟ ทุกคนก็เห็นปีศาจหมาดำตัวใหญ่ยักษ์ เดินเข้ามาพร้อมเสียงขู่ที่แสนน่ากลัว

    “ปรากฏตัวให้คนเห็นพร้อม ๆ กันได้แบบนี้เลยเหรอ?”

    คุณพ่อพูดและจ้องมองเจ้าปีศาจด้วยความตกตะลึง

    “ปิกาจู .... มึงน่ากลัวมาก พลังงานมหาศาลจริง ๆ”

    อาม่าพูดเบา ๆ ด้วยอาการตัวสั่น

    “สรุปเธอเป็นคนเลี้ยงมันไว้จริง ๆ สินะ”

    ชายใส่ไอ้โม่งวางยูโร่ลงกับพื้น เขาถอดไอ้โม่งออกจากศรีษะ และทุกคนก็ต้องตกใจเพราะเขาคือเดวิดนั่นเอง!

    “เดวิด แกเล่นอะไรเนี่ย!”

    คุณพ่อต่อว่าด้วยความตกใจ

    เดวิดจ้องตากับปีศาจหมาดำด้วยความเยือกเย็น ก่อนจะพูดว่า

    “ถึงเวลาที่แกต้องชดใช้ ในส่วนของชีวิตเพื่อนชั้น”


    (โปรดติดตามตอนต่อไป)




















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Nuch Minoru Rungchaloemkit (@fb4934679380506)
รออ่านอยู่นะคะ สนุกมากทุกตอนเลย
Smile Bell (@fb8988929102760)
รออ่านอยู่นะคะ
Littlebig.P (@fb7265583108717)
รออ่านอยู่นะคะ
fansueb (@fansueb)
อัพตอนต่อไปเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่ค่าา
จบตอนแบบค้างคามากเว่อร์ อยากอ่านตอนต่อไปแย้ววว ?
nenaplayfha (@nenaplayfha)
ค้างมากเลยอยากให้มาต่อเร็วๆ
nenaplayfha (@nenaplayfha)
มาต่อเร็วๆนะคะรออ่านอยู่นะคะ
Yui Aranya (@fb5014686602245)
น่าติดตามมากค่ะ รออ่านอยู่นะคะ
#สนุกมากๆค่ะ
nnunoii (@nnunoii)
พี่โจ๊กกกก อย่าเพิ่งอิ่มตัวววว มาต่อก่อนค่ะะะะ
Bamee Mudang (@fb1581165671949)
สนุกกกก โอ้ยยยยค้าง เฮียมาต่อด่วนค่ะ ????
Nadtawadee Sangsok (@fb1021053458778)
พี่โจ๊กกกก เมื่อไรจะมาต่อ รอนานละเด้อออ อยากอ่านจะแย่
บอย ดี้ (@fb2006051038169)
ค้างงงง
airchyn (@airchyn)
พี่โจ๊กมาต่อเร็วๆๆๆ อยากรู้แล้ว ปิกาจูไปทำไรพี่เดวิดไว้??
Pacharapon ChomChom Polpitak (@fb1852865785026)
พี่โจ้กคะ รบกวนเขียนตอนที่ 10 gostjob ด้วยค่ะ ตอนนี้ลุ้นอนาคตปิกาจูมาก 5555
Smile Kmika (@Elyse89)
อ่าว หมาดพตัวนี้หรอ ที่เดวิดตามฆ่า!!? เสียดายอ่า ถ้าเดวิดจัดการปิกาจู แล้วใครจะปกป้องยูโร่ ฮืออออ มาต่อไวๆนะคะ ลุ้นๆๆ
Auey Kankamon Khota (@fb2007737806126)
พี่โจ๊กมาเขียนต่อเถอะค่ะ กำลังสนุกเลยค่ะ รอรอๆๆ
jackjackky2529 (@jackjackky2529)
ยายรันแกมันร้าย#กะไว้แล้วไอปิกาจู#พี่โจ๊กรีบมาเขียนต่อด่วนอยากอ่านep10
Tooddang Tooddangdang (@fb1659629794089)
ท่านผุ้เขียนได้โปรดมาต่อเร็วๆนะคร้าบบบ
K'yumi Baka (@fb9325352802307)
บร๊ะเจ้าาา มาเขียนต่อที พล็อตเรื่องสนุกมากๆค่ะ
Sasi Amamp (@fb1630794409505)
งื่อออ อย่าทำปิกาจูนะ
Pisazarch Zco (@fb1144506989017)
พี่โจ๊กกกก กลับมาแต่งต่อด่วนเลยค่ะ กำลังสนุกเลยยยย
Poonim Pfc (@fb1287123178963)
ค้างมากกก พี่โจ๊กรีบมาต่อเร็ววว อยากอ่านอีกกกกก
Ploy GD (@fb5541342082719)
ต่อเถอะสนุกมากกก ฮาทุกตอนเรยยย ^^
ไม่นะ ปิกาจู
Napaporn Walter (@fb1015543754730)
อร๊ากกกกกกกกก ค้างเติ่ง
บาปกรรมทำรีดเดอร์อารมณ์ค้าง
แล้วคืนนี้อิชั้นจะหลับตาลวไปได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ????????????????????????????????????
ได้โปรดเมตตา กลับมาเขียนต่อเถิดค่ะ
Jee Chamonwan (@fb2086706194676)
มาต่อเถอะนะคะ สนุกมากๆๆๆ
Fhonn Yothakan (@fb2420770888147)
มาต่อเถอะะะะะ แงงง สนุกกกกก อย่าทำไรปิกาจูเลยนะคะ
Sploy Norkhreakham (@pikachueiei)
โถ่ ไม่นะปิกาจู
nnunoii (@nnunoii)
หนูชอบนะที่มันเชื่อมกันแบบไม่ยัดเยียดคนอ่าน ว่าแต่แผลที่เดวิดมาจากปิกาจูใช่ม้าาาา ปล. สนุกมากค่ะ รอๆๆๆ
Gloomy Por (@boorin3)
เหยยยยยยย
เขียนดีขึ้นเยอะเลยนะคะ