ณ โรงเรียนประถมเซนต์อินดี้ เด็กประถมสองคนกำลังนั่งกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร ขณะที่ชีโต๊สเคี้ยวข้าวยังไม่ทันหมดปาก เค้าก็ชวนเก็นคุย
"สารภาพเลยว่าเราเชื่อนาย 100% ถึงแม้ว่าเรื่องของนายมันไม่ควรเชื่อเลยสักนิดก็ตาม "
"แล้วเชื่อทำไมล่ะ?" เก็นถาม ชีโต๊สทำหน้ากลัว ๆ ก่อนจะพูดเสียงค่อย
"ก็ผู้หญิงที่ชื่อญาณีน่ะ ตกระเบียงห้องนี้ตายเมื่อปีที่แล้ว เป็นรุ่นพี่พวกเรา 1 ปี มันไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว เพื่อนในห้องเธอน่ะโดนหลอกกันบ่อยมาก บางคนเห็นญาณียืนอยู่ตรงระเบียงแล้วกระโดดลงไปด้วยนะ อูยยย ดูสิ ขนเราลุกอีกแล้ว"
"นายพอจะรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?" เก็นถาม
"เรื่องนี้ดังทั้งโรงเรียน เห็นว่าเธอเป็นเวรทำความสะอาดห้องกับเพื่อน ๆ แล้วลงไปทำอะไรบางอย่างตรงระเบียงนอกหน้าต่าง แต่วันนั้นฝนเพิ่งหยุดตกไม่นานเลยลื่นตกลงไปน่ะ ฮึ่ยย น่ากลัวเนาะ"
ชีโต๊สทำเสียงเล็กด้วยความกลัว
"ชั้นไปขอของจากอาม่ามาแล้วล่ะ"
"ของ อะไร?" ชีโต๊สทำหน้างง
เก็นล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งออกมา
“ตั๋วรถขนส่งวิญญาณน่ะ ใบนี้มีตราปั๊มรับรองอย่างถูกต้อง แค่เขียนชื่อของคนตายลงไปตรงช่องว่างด้านบนนี้แล้วเผาไปให้เค้า ก็จะมีคนมารับไป”
"หรอ แล้วใครจะมารับล่ะ?" ชีโต๊สสงสัย
“ที่เราเคยเห็นก็เหมือนรถเมลล์บนโลกเรานี่แหละ แต่ว่าล้อไม่ติดพื้นถนน ตั๋วใบนี้ราคาแพงมากเลยนะ เพราะคนที่เอามันมาได้มีแค่คนเดียวในโลก แต่ว่าเราไม่รู้จักหรอก
ชีโต๊สทำหน้าอึ้งมากกับสิงที่เก็นเล่า
"ที่บ้านของนายเป็นใครกันแน่นะ นี่มันหลุดโลกเกินไปแล้ว!"
“หลุดไปอีกโลกนึงเลยล่ะ วันนี้เราจะไปปลดปล่อยวิญญาณของญาณีกันนะชีโต๊ส"
"นายจะบ้าหรอเก็น!?"
"นายคงไม่อยากให้มีนักเรียนหญิงแอบยืนมองนายตรงระเบียงตลอดเทอมหรอกจริงมั้ย? ถ้านายอยากให้ญาณีไปเกิด นายต้องอยู่เป็นเพื่อนเราหลังเลิกเรียนนะ" คำพูดของเก็นทำให้ชีโต๊สต้องทำหน้าอึ้งอีกครั้ง แต่คราวนี้ออกจะเป็นแนวกลัวซะมากกว่า
หลังเลิกเรียน เก็นและชีโต๊สรอในห้องจนครูและเพื่อน ๆ ออกไปหมด แถมพวกเค้ายังขอทำความสะอาดห้องแทนเวรวันนี้ด้วย ชีโต๊สกำลังยืนถือไม้กวาดอยู่หน้าประตูห้อง เขายื่นคอออกไปหน้าประตูห้องมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนเห็น
"ไม่มีคนแล้วใช่มั๊ยชีโต๊ส? ถ้าช้ากว่านี้เราจะไปขึ้นรถไม่ทันแล้วนะ" เก็นเริ่มกังวลเกี่ยวกับเวลา ส่วนชีโต๊สหันหน้ามาส่งสัญญาณมือว่าโอเคและรีบวิ่งมาหาเก็น
"นี่นายไม่กลัวแล้วหรอเก็น?"
"บางทีก็กลัว บางทีก็ไม่กลัวน่ะ โดยเฉพาะวิญญาณที่เคยเห็นไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะกลัวน้อยลง แถมบางทีก็รู้สึกตื่นเต้นดีด้วยล่ะ บอกไม่ถูกน่ะ"
"เหมือนพวกนักร้องจะขึ้นคอนเสิร์ตงี้น่ะหรอ?" ชีโต๊สถาม
"ไม่รู้สิเราไม่เคยขึ้นคอนเสิร์ต" เก็นเริ่มรวบรวมสมาธิ
"ชีโต๊ส นายต้องสาบานนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ยอมทิ้งกัน"
ชีโต๊สทำตาโตคิ้วโก่ง เค้าใช้เวลาคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"แน่นอนอยู่แล้วน่า"
ตอนนี้หัวใจของเด็กทั้งสองเต้นรัว บรรยากาศระเบียงห้องเปลี่ยว ๆ ยามเย็นในจุดที่เคยมีเด็กผู้หญิงตกลงไปตาย ช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่าพิศมัยเลยจริง ๆ เก็นค่อย ๆ ถอดแว่นของเขาออกแล้วมองไปจนทั่วระเบียงด้วยความตื่นเต้น แต่กลับไม่เห็นอะไร
"เอี๊ยดดดด" เสียงขาเก้าอี้ลากกับพื้นดังขึ้นในห้องเรียน ทั้งสองหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
"เก็นนายเห็นอะไร บอกชั้นนายเห็นอะไร!!" ชีโต๊สอยู่ในอาการกลัวอย่างมาก เขาบีบมือเก็นแน่น
ตอนนี้เก็นมองไปที่กลางห้องเรียน และเขาได้เห็นบางอย่าง
"ญาณีนั่งอยู่กลางห้องเรียนน่ะ ตอนนี้เธอยังไม่มองมา แต่เราคิดว่าการสื่อสารเริ่มต้นแล้วล่ะ"
เก็นพูดด้วยเสียงเย็น ๆ จิตใจของเค้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและท้าทาย เค้าเริ่มสังเกตุเห็นญาณีกำลังนั่งเหลาดินสออยู่ เป็นภาพธรรมดา ๆ ซึ่งดูน่ากลัวเหลือเกินเมื่อไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่
"เก็น!! รีบถามเร็วเข้าว่าเค้าจะเอาอะไร ชั้นเริ่มปวดฉี่อีกแล้วนะ!"
"อาจจะไม่ง่ายก็ได้นะ ไม่รู้ว่าญาณีสะสมพลังมามากพอที่จะสื่อสารหรือเปล่า ถึงเราจะมองเห็นอย่างชัดเจนก็ตาม แต่พวกวิญญาณส่วนใหญ่จะคุยกับเราได้มากสุดก็ตอนเข้าฝันหรือหลอกคนทั่ว ๆ ไปเท่านั้นแหละ เพราะการสื่อสารข้ามมิติเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว"
ตอนนี้วิญญาณของญาณีลุกจากเก้าอี้เรียน ขาของเธอลอยจากพื้นประมาณหนึ่งคืบ เธอทำหน้านิ่งแล้วลอยตัวมาที่หน้าต่างผ่านหน้าเก็นทะลุกำแพงไปอยู่ตรงระเบียง ทันใดนั้น เธอก็กระโดดลงไปจากระเบียง
"ชีโต๊ส! ด้านล่างนี้เป็นอะไร?"
"เป็นห้องน้ำน่ะ ทำไมหรอ?"
"งั้นรีบไปกันเถอะ!" เก็นจูงมือชีโต๊สวิ่งลงบันไดอย่างทุลักทุเลจนมาถึงบริเวณหน้าห้องน้ำ แต่หน้าห้องน้ำตอนเย็นดูน่ากลัวหนักกว่าตรงระเบียง และยิ่งพวกเขาอยู่นานเท่าไหร่ โรงเรียนก็ยิ่งดูเงียบลงเรื่อย ๆ
เก็นมองเห็นวิญญาณของณาณียืนอยู่บนหลังคาห้องน้ำและมองเค้า เก็นตั้งใจมองและสังเกตอยู่นาน แถมยังต้องคอยอธิบายให้ชีโต๊สฟังตลอดเวลาว่าญาณีอยู่ตรงไหน? พูดอะไรมั้ย? มีเลือดออกมาหรือเปล่า? ตอนนี้เก็นมองเห็นญาณีชี้นิ้วของเธอลงไปที่หลังคาห้องน้ำตรงจุดที่เธอยืนอยู่ ก่อนที่ร่างของเธอจะเลือนหายไป
"เราคิดว่าคำตอบทั้งหมดอยู่บนหลังคาห้องน้ำที่ญาณียืนอยู่นะ" เก็นถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ
"วันนี้พวกเราคงช่วยญาณีไม่สำเร็จแล้วล่ะ เราไม่มีทางปีนขึ้นไปบนนั้นได้" เก็นพูดด้วยความท้อแท้
"นายรู้มั๊ย ว่าปกติเราจะชอบอวดว่าเราเป็นคนที่ปีนหลังคา กำแพง หรือต้นไม้เก่งมาก ยกเว้นวันนี้ บ้าเอ๊ย!!! นี่ทำไมเราต้องพูดความจริงด้วยนะ" ชีโต๊สเปิดเผยความสามารถที่เค้าไม่อยากใช้ในช่วงเวลานี้ออกมา
"นายไม่ต้องทำก็ได้นะชีโต๊ส มันอันตรายเกินไป" เก็นพูดอย่างเห็นใจ
"เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องการปีนเลยสักนิดเก็น! มันกระจอกมาก นายน่าจะเข้าใจว่าสิ่งที่เรากลัวมันคืออะไร"
"แล้วตกลงนายจะปีนขึ้นไปหรอชีโต๊ส?"
"ใช่ เราจะปีน! แต่ก่อนจะปีนเราขออะไรอย่างนึง"
"อะไรเหรอเพื่อน?"
"ขอเยี่ยวสักทีก่อนละกัน"
พูดไม่ทันขาดคำชีโตั๊สก็หันไปยืนฉี่ใส่กำแพงเสียงดังอย่างกับคนเอาสายยางมาฉีดอัดกำแพง และคงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเขาไม่ไปฉี่ในห้องน้ำ และเมื่อเสร็จธุระ เขาก็เริ่มยืนมองตำแหน่งที่จะปีนขึ้นไปสู่หลังคาห้องน้ำ การเอาฉี่ออกไปจากร่างจนหมด ทำให้ชีโต๊สทวีความกล้าและความมั่นใจขึ้นมากเลยทีเดียว ชีโต๊สมองเห็นต้นไม้ที่ติดกับห้องน้ำ และปีนขึ้นไปด้วยความกระฉับกระเฉงคล้ายกับลิงที่หลุดออกมาจากสวนสัตว์ เพียงเวลาแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นไปยืนเหยียบอยู่ตรงตำแหน่งคานของหลังคาห้องน้ำ เขารู้ว่านั่นคือจุดที่เหยียบได้ ราวกับว่าเขาอยู่บนหลังคาบ้านใครมาแล้วหลายหลัง เขามองลงมาหาเก็นแล้วส่งสัญญาณมือโอเคพร้อมรอยยิ้มอันเฮฮาของเขา
"เดินไปอีกสี่ก้าวนะชีโต๊ส!" เก็นตะโกนบอกตำแหน่งที่ญาณีได้ยืนชี้เอาไว้ ถึงแม้ว่าตอนนี้วิญญาณของเธอจะหายไปแล้วก็ตาม ตอนนี้ชีโต๊สเดินไปถึงจุดเป้าหมาย เก็นบอกให้หาดูว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นมั้ย ชีโต๊สก้มลงหาด้วยความตั้งใจ สักครู่เก็นก็รู้สึกเอะใจขึ้นมาว่ามีอย่างนึงที่วิญญาณประเภทนี้บางตัวต้องการ นั่นก็คือการหาตัวตายตัวแทน พอนึกได้ใจของเขาก็หล่นวูบ เก็นรีบตะโกนเรียกเพื่อน
"ชีโต๊สสสส!!" ชีโต๊สยืนขึ้นและเหลียวมามองหน้าเก็นทันใดนั้นก็มีเสียงโครมดังขึ้น! ร่างของชีโต๊สทะลุลงไปในหลังคาห้องน้ำอันแสนเก่า แต่มือที่ไวดั่งลิงจ๋อทั้งสองข้างของเขายังคว้าคานเหล็กเอาไว้ทัน
"ชีโต๊ส!!"
"เก็น! เราเกาะเหล็กไว้อยู่ ยังไม่ตกลงไป!" ทั้งสองคนตะโกนตอบกันด้วยสติที่แทบหลุด
แต่ตอนนี้ เก็นมองเห็นวิญญาณของญาณีโผล่มาอีกครั้ง เธอกำลังยืนมองร่างของชีโต๊สที่กำลังจะหล่นลงไปข้างล่าง
"เก็น!! ช่วยด้วย!! เราไม่มีแรง เรากำลังจะตกลงไปแล้ว!!"
ในเวลาที่ไม่มีเหลือ สมองของเก็นรวนไปหมด ในเสี้ยววินาทีนั้นทำอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ทัน แต่แล้วภาพที่เค้าเห็นบนหลังคา คือภาพญาณีโน้มตัวลงไปหาชีโต๊สและใช้แขนทั้งสองข้างช่วยดึงชีโต๊สขึ้นมา ทันใดนั้นชีโต๊สก็ใช้ขาของเขาเกี่ยวคานไม้และส่งตัวเองขึ้นมาบนหลังคาราวกับปาฏิหาริย์ วิญญาณของญาณีหายตัวจากหลังคาห้องน้ำมาโผล่ตรงหน้าเก็น เธอรวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลือเพื่อจะสื่อสารกับเก็น
"ให้น้ำค้าง" ญาณีได้ขอสิ่งสุดท้ายก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง
"เก็น!!" ชีโต๊สกำลังวิ่งมาหาเก็น โดยที่เก็นไม่ทันได้สังเกตุว่าเค้าลงมาเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ
"เหลือเชื่อมากเลยเก็น เรากำลังจะตกลงจากหลังคาแล้วจู่ๆแขนก็มีแรงขึ้นมา พอขึ้นมาได้เราก็เจอไอ้นี่เสียบอยู่ตรงซอกหลังคาน่ะ"
ชีโต๊สยื่นสิ่งคล้ายตุ๊กตาหมียางสีฟ้าตัวเล็กเท่าพวงกุญแจสภาพเก่าทรุดโทรม ด้านล่างมีรูเสียบเหลาดินสอได้ ทั้งสองคนพากันเดินไปที่หน้าประตูโรงเรียนและคุยกันไป
“ญาณีให้เราเอากบเหลาดินสออันนี้ไปคืนคนชื่อน้ำค้างให้ได้" เก็นพูด
"นายจะบอกว่าวิญญาณที่ไม่ยอมไปเกิดเป็นปีเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ!?" ชีโต๊สดูไม่อยากเชื่อเหตุผล
"ก่อนญาณีจะตาย ถ้าเธอกังวลเรื่องไหนอยู่วิญญาณก็จะถูกผูกอยู่กับเรื่องนั้น ถ้าสื่อสารกับใครในสิ่งที่ติดค้างไม่ได้ ก็อาจจะต้องรอให้มีคนช่วยหรือทำบุญไปให้มากพอ ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอจนถึงอายุขัยที่จะได้ไปเกิด"
"ซับซ้อนจังเนอะ ว่าแต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นใครน่ะเพื่อน" ตอนนี้รันยืนเท้าเอวมองเก็นอยู่หน้ารั้วโรงเรียน ดูเหมือนทั้งสองคนจะมาช้าไปซะแล้ว
"คนขับรถที่ไปรับพี่บอกว่าเก็นไม่มาขึ้นรถ นี่พี่ต้องนั่งรถมาตามเองที่โรงเรียนนี่ รู้มั๊ยว่าพี่ตกใจแค่ไหนฮะ!"
รันยืนด่าน้อง และดูเหมือนว่าจะยังไม่จบเซ็ทแรกด้วยซ้ำ
"ผมจำเป็นต้องทำให้ผู้หญิงคนนึงได้ไปเกิดน่ะพี่" เก็นมองตารันแล้วพูดออกไปทื่อ ๆ
"เก็น … แกยุ่งเรื่องผีอีกแล้วเหรอ!?" รันถามด้วยความไม่ชอบใจ
"ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงไม่อยากให้ในห้องเรียนมีผีอยู่ตรงระเบียงเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ต้องทนเหงาอยู่ในห้องเรียนมาเป็นปีแล้วนะพี่"
ด้วยความเป็นพี่น้องหรืออย่างไรก็ตาม คำพูดไม่กี่คำของเก็นก็ทำให้รันสงบลง
ตัดมาที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านธรรมดา ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาถัดมาเพียงเล็กน้อย รถรับส่งประจำทางคันหนึ่งแล่นมาจอดริมถนน เก็น ชีโต๊ส และรัน เดินลงมาจากรถและมองไปที่กลุ่มเด็กในสนามเด็กเล่นที่เล่นกันอยู่
"นี่ถ้าไม่มีพี่สาวนาย เราจะไม่มีทางทำภาระกิจนี้ได้เลยนะเก็น เพราะเราไม่รู้ว่าบ้านน้ำค้างอยู่ไหน"
ตอนนี้ผลึกหินที่สร้อยคอของรันเรืองแสงสีเขียวอ่อนอยู่ตั้งแต่บนรถ เธอเดินตรงเข้าไปที่สนามเด็กเล่น
"น้ำค้าง" รันเรียกเด็กประถมคนหนึ่งที่กำลังเล่นอยู่กับเพื่อน ๆ
เด็กชื่อน้ำค้างมองหน้ารันด้วยความงง
"ใจเย็น ๆ นะ เราณีเอง ญาณีน่ะ เรายืมร่างของผู้หญิงคนนี้สิงอยู่ เธอสบายดีมั้ย?" ตอนนี้เสียงของรันเล็กและไร้เดียงสาเหมือนเด็กประถม
น้ำค้างตัวแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกกลัวหรือเป็นความรู้สึกอะไรดี
"เราเห็นกบเหลาดินสอที่เธอทำหายอยู่ตรงระเบียงตอนทำความสะอาด เราเลยปีนไปเก็บให้ แต่ระเบียงมันลื่นเราเลยตกลงไปน่ะ มันหลุดมือเราไปตกอยู่ตรงซอกหลังคาห้องน้ำ เราเฝ้ามันมาให้เธอตลอดเลยนะ เราอยากจะไปจากตรงนั้นก็ไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้คืนของนี้ให้กับเธอ โชคดีมากที่เราได้เจอคนพวกนี้ อ่ะ นี่ไง"
รันยื่นกบเหลาดินสอหมีสีฟ้าให้กับน้ำค้าง น้ำค้างรับไปด้วยอาการมือสั่นและมีน้ำตาไหลพราก เธอคงทั้งรู้สึกเศร้ามาก และก็กลัวมาก รันสวมกอดน้ำค้างเบา ๆ
"ไม่ต้องกลัวนะ เราทุกคนต้องมีวันที่ต้องไปกันทุกคน เราแค่ไปก่อนเธอ วันนึงเราจะวนกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ขอให้มีความสุขนะน้ำค้าง"
เด็กชื่อน้ำค้างสวมกอดรันกลับ และร้องไห้โฮหนักกว่าเดิม เด็ก ๆ ในสนามเด็กเล่นบ้างก็ยืนมองงง ๆ บ้างก็ก้มหน้าก้มตาเล่นกันต่อ เมื่อเก็นเห็นเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย เขาก็คว้าตั๋วที่เตรียมไว้ออกมา พร้อมปากกาด้ามหนึ่ง
"นายจำชื่อกับนามสกุลของญาณีได้ครบมั้ย?" เก็นยื่นตั๋วและปากกาให้ชีโต๊สเขียนชื่อของญาณีลงไป จากนั้นเขาก็จุดไฟเผาและโยนลงไปที่พื้น เพื่อความแน่ใจ เขาจำเป็นต้องแง้มแว่นลง ตั๋วครึ่งนึงกำลังถูกไฟเผาหายไป แต่ดวงตาของเก็นนั้นจะมองเห็นกระดาษส่วนที่ถูกเผาค่อย ๆ ไปโผล่ในโลกของวิญญาณแทน ซ้อนกับตำแหน่งที่ถูกเผาไป และเมื่อตั๋วบนมิติโลกถูกเผาจนเป็นเศษขี้เถ้า ตั๋วใบนั้นก็ได้ไปโผล่ในโลกวิญญาณอย่างเต็มรูปแบบ
“เธอถือตั๋วนี้ไว้นะ แล้วจะมีรถมาเพื่อพาเธอไปเกิด” เก็นบอกกับญาณีที่อยู่ในร่างรัน
ตอนนี้เก็นเห็นวิญญาณร่างเด็กของญาณีเดินออกมาจากตัวของรันและก้มลงหยิบตั๋วที่พื้นก่อนส่งยิ้มให้กับเก็น
“หมดหน้าที่ของเราแล้วล่ะ เธอดูมีความสุขมากเลยด้วย" เก็นบอกชีโต๊สที่เอาแต่ยืนทำหน้าสงสัย
"เรียบร้อยมั้ย? " รันเอามือมาเกาะไหล่เก็นแล้วถาม
"ได้พี่ช่วยแล้วจะพลาดได้ไงครับ" เก็นตอบ
"ต่อไปนี้อย่าไปสนใจผีในโรงเรียนอีกนะ จะนอกระเบียงหรือจะบนต้นไม้พี่ก็ไม่ช่วยแล้ว" รันบ่น
ตอนนี้แสงอาทิตย์ในยามเย็นเปลี่ยนท้องฟ้าเป็นสีส้ม เก็นกับชีโต๊สมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ชีโต๊สเอามือไปตบไหล่เก็น วันนี้เหมือนพวกเด็ก ๆ จะจบภารกิจครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ถึงจะเหนื่อย แต่ก็คุ้มค่าต่อหนึ่งดวงวิญญาณ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
"ตั๋วรถขนส่งวิญญาณ"
ตั๋วใบนี้ไม่ถูกเปิดเผยที่มา และไม่สามารถสร้างของเลียนแบบได้ ในโลกวิญญาณจะมีรถประจำทางที่คอยจอดรับวิญญาณอยู่และจะขับไปอย่างไม่ประจำเส้นทาง หากเขียนชื่อ-นามสกุลของผู้ตายลงไปในตั๋วและเผาไปให้วิญญาณได้รับ จะทำให้รถคันนี้แวะผ่านมารับไปเกิดได้ แต่ก็ต้องได้รับความสมัครใจ จากวิญญาณที่จะโดยสารอยู่ดี ดังนั้นถ้าไม่ใช่ครอบครัวของเก็น หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โอกาสพลาดก็มีอยู่ไม่น้อย
ปรบมือรัวๆๆๆๆๆ ด้วยความถูกใจ
ว่าแต่ขายแพงขนาดไหนนะตั๋วนี่น่ะ