เช้าวันจันทร์ที่สดใส ณ โรงเรียนประถมเซนต์อินดี้ หน้าชั้นเรียนของห้อง ป.4/6
คุณครูประจำชั้นกำลังแนะนำนักเรียนใหม่ให้กับนักเรียนในห้องได้ทำความรู้จัก นั่นก็คือเก็น เด็กผู้ชายใส่แว่นบุคลิคเฉิ่ม ๆ ลูกคนที่ 2 ของครอบครัวประหลาดที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ คุณครูนัดดาเริ่มกล่าวนำ
"นักเรียนทุกคน วันนี้เราจะมีเพื่อนใหม่มาร่วมห้องด้วยนะ ยังไงก็ทำตัวดี ๆ กับเพื่อนของเราด้วย อย่าให้เสียชื่อห้องของครูเด็ดขาด อ่ะ แนะนำตัวได้เลยจ้ะ"
เก็นเริ่มพูดอย่างเคอะเขิน
"เอ่อออ สวัสดีครับ ผมชื่อเก็นครับ ข ขอฝากตัวด้วยนะครับ"
"อ้าว ใครมีอะไรอยากจะถามเก็นบ้างมั๊ยจ๊ะ?" คุณครูเปิดโอกาสให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จักเก็นมากขึ้น
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งชูมือถามด้วยความอารมณ์ดี
"ทำไมเก็นถึงย้ายมาเรียนที่นี่คะครู มาหาแฟนใหม่หรือเปล่าคะ?" เสียงเพื่อนในห้องหัวเราะพร้อมกันด้วยความสนุกสนาน
เก็นเหลือบตามองเกร็ง ๆ และค่อย ๆ เริ่มพูด
"คือ คือว่าา …. ครอบครัวของผมไม่เหมือนของคนอื่น ๆ น่ะครับ แม่ของผมตายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พวกเราอยากลืมภาพเก่า ๆ ที่ทำให้เศร้า คุณพ่อผมจึงอยากให้พวกเราเริ่มต้นชีวิตใหม่ และย้ายมาอยู่ที่นี่ครับ"
ตอนนี้บรรยากาศในห้องเงียบสนิท จะมีก็คงเป็นเสียงแอร์ ที่ปกติไม่มีใครได้ยินมันเท่าไหร่
"อะ อ้าว ป ปรบมือกันสิจ๊ะ" คุณครูตัดบท นักเรียนในห้องพยายามช่วยกันปรบมือเปาะแปะ
"เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนในห้องก็เริ่มรู้จักเก็นมากขึ้นแล้วนะ ทีนี้ก็ไปนั่งที่เตรียมตัวเรียนคาบแรกกันได้แล้วนะจ๊ะ เดี๋ยวครูขอไปเอาชีทของบทใหม่แป๊บนึงแล้วจะรีบกลับมานะ เก็นนั่งโต๊ะนั้นนะ" ครูนัดดาชี้นิ้วไปที่โต๊ะว่างตัวหนึ่งในห้องที่อยู่ข้าง ๆ เด็กผู้ชายคนหนึ่งหน้าตากวน ๆ แต่ก็ดูอารมณ์ดี เขากำลังยิ้มทำตาโตที่จะมีเพื่อนใหม่มานั่งข้าง ๆ พอเก็นนั่งที่ เขาก็เริ่มชวนคุย
"สวัสดี ดีใจที่ได้รู้จักนะเก็น ว่าแต่นี่นายรู้จักวง Boy Attack รึเปล่า ? "
เก็นทำหน้านิ่ง "เอ่ออ ไม่รู้จักน่ะ"
"จะบ้ารึไง! นี่บอยแบนด์ที่ดังที่สุดในตอนนี้เลยนะ คนที่ดังที่สุดคือ ชีตาร์ ไง"
"อะ เอ่ออ แล้วทำไมหรอ?" เก็นถาม
"คือเค้าคือพี่ชายเราเองน่ะ" เพื่อนใหม่ยิ้มมุมปากและยักคิ้วให้เก็นด้วยความภูมิใจ
"นายกำลังจะบอกว่านายเป็นน้องชายของนักร้องงั้นหรอ?"
"ชีตาร์ Boy Attack" เพื่อนใหม่เสริมชื่อวงให้ด้วย เพื่อความชัดเจน พร้อมกับยักคิ้วอีกหนึ่งที
"ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ?" เก็นถามบ้าง แต่เพื่อนใหม่หุบยิ้มและทำหน้านิ่งสักครู่
"ถ้าบอกไปนายจะไม่ตลกใช่มั้ย?" เขาทำตาโตจ้องหน้าเก็นและถามซ้ำ "ใช่มั้ย?"
"ทำไมฉันต้องตลกด้วยล่ะ?" เก็นถาม
"งั้นก็ดี เราชื่อ.... ชีโต๊ส"
เพื่อนใหม่หรี่ตามองเก็นที่ไม่เยาะเย้ยชื่อของเขา แถมเก็นยังยิ้มแบบมีความสุขที่เขาได้มีเพื่อนใหม่ ตอนนี้เก็นรู้สึกดีมากที่ได้มาพบกับเพื่อนที่อัธยาศัยดี และทำให้เขาคลายความกดดันจากการย้ายโรงเรียนไปเยอะมาก
"นี่ชีโต๊ส จากนี้เราจะสนิทกันใช้มั้ย?"
"อะแน่นอน" ชีโต๊สตอบ
เขาเหลือบมองแว่นของเก็น
"แว่นสวยดีนะ นายสายตาสั้นเท่าไหร่?"
จู่ ๆ เก็นก็ทำสีหน้ากังวล เขาหลบตาชีโต๊สก่อนที่จะค่อย ๆ พูด
"จริง ๆ นี่ไม่ใช่แว่นสายตาหรอก" ชีโต๊สทำหน้างง
"อ้าว แล้วนายจะใส่ทำไม?"
เก็นทำหน้ากังวลหนักกว่าเก่า และถามชีโต๊สกลับ
"เอ่อคือ…. นายเก็บความลับเก่งมั้ย?" ชีโต๊สทำตาโตแล้วรีบหันหน้าเข้าหาเก็น
"ฉันคือตู้เซฟที่เก็บความลับได้ดีที่สุด ถ้าฉันปากพล่อยป่านนี้ในโรงเรียนคงมีข่าวลือของพี่ชีตาร์เต็มไปหมด นายมีอะไรบอกมาได้เลย"
"คือฉันมีปัญหาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ ดวงตาของฉันสามารถมองเห็นวิญญาณได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน และเห็นได้ตลอดเวลา ตอนเด็ก ๆ ก็ยังไม่เป็นไร แต่พอยิ่งโตขึ้นเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งใช้ชีวิตยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉันเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นอยู่คนเดียว มันทั้งน่าปวดหัว และก็น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่พ่อของฉันเป็นคนที่ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่แต่แรกแล้ว เค้าเลยสร้างเลนส์แว่นที่ใช้วัตถุดิบเป็นเศษแก้วศักดิ์สิทธิ์จากฑิเบตที่มีพลังเหมือนม่านมิติที่ปิดกั้นการสื่อสารระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณให้ฉันไว้ใส่ตอนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านน่ะ"
ชีโต๊สมองหน้าเก็นและอ้าปากหวอ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น
"นายนี่สุดยอดจริง ๆ คิดเรื่องอำได้สนุกมาก แต่เราชอบนะเก็น ฮ่า ๆๆ"
ชีโต๊สเห็นเก็นทำหน้านิ่งไม่ไหวติง
"เห้ย เอาจริงดิ? ถ้านายจะบอกว่าไม่ได้อำ นายก็จะเป็นจอมโกหกที่น่ากลัวมากนะเก็น โกหกได้โอเวอร์มาก"
เก็นยังจ้องหน้าชีโต๊สด้วยระดับความจริงจังอย่างสูงสุด
"นายนี่ท่าจะบ้า ถ้าเราบอกว่าในห้องนี้มีคนตายนายจะเห็นมั๊ย?" ชีโต๊สถาม
"ถ้าวิญญาณยังไม่ไปเกิดใหม่ก็น่าจะเห็นนะ" เก็นตอบ
ชีโต๊สไม่รอช้ารีบคว้าแว่นออกจากหน้าเก็น เก็นร้องตกใจและรีบเอามือสองข้างปิดตาและฟุบตัวลงกับโต๊ะ
"ชีโต๊สเอาแว่นคืนมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้นะ ชั้นกลัววว"
เก็นมีอาการตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดเจน ชีโต๊สเริ่มสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่ก็ยังเดินหน้าพิสูจน์หาข้อเท็จจริงต่อไป
"ถ้านายมองเห็นผีได้ตั้งแต่เด็กทำไมนายต้องกลัวด้วย?"
"ยิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ รู้จักมันดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ วิญญาณส่วนใหญ่มีเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเรามองอยู่ก็จะเข้ามาหาเราทันที มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะ"
เก็นตอบด้วยเสียงสั่นเครือ และยังคงฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียน
"เก็น เราจะคืนแว่นให้นายถ้านายยอมมองว่าในห้องนี้มีผีหรือเปล่า"
ชีโต๊สยื่นข้อเสนอ
"ไม่นะ ชีโต๊ส"
"นายก็น่าจะเห็นมาเยอะแล้วนี่เก็น พิสูจน์ให้เราดูแล้วนายก็จะได้แว่นคืน เราอุตส่าห์เป็นเพื่อนกันแล้วนะ"
ชีโต๊สพูดเกลี้ยกล่อมจนเก็นใจอ่อน เก็นเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเรียน แต่มือสองข้างยังปิดตาอยู่
"นายต้องสัญญานะว่าถ้าเรามองให้แล้วจะคืนแว่นทันที"
"เราสัญญา" ชีโต๊สตอบอย่างหนักแน่น
เก็นค่อย ๆ ลดมือที่ปิดตาทั้งสองข้างลง เขาเริ่มมองรอบ ๆ ห้อง ทั้งตามโต๊ะเรียน กระดานดำ หรือแม้แต่ถังขยะ ดวงตาของเขาเห็นแค่เด็กนักเรียนที่กำลังเล่นและพูดคุยกันปกติตามประสาเวลาที่คุณครูไม่อยู่ในห้อง
"ไม่มี"
คำตอบของเก็นทำให้ชีโต๊สผิดหวัง แต่แล้วก็มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในหูเก็น
"มาทำเวรแทนเราที.."
เก็นหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน ภาพที่เขาเห็นคือเด็กผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งยืนมองเขาที่อยู่นอกหน้าต่างห้องเรียนที่อยู่สูงถึงชั้นห้า สีหน้าหม่นหมอง เก็นหันหน้าหลบทันที สีหน้าของเก็นดูตื่นกลัวมาก ชีโต๊สเริ่มมีอาการเกร็งตามไปด้วย
"เก็น นะ... นายเห็นอะไร?"
เก็นรีบคว้าสมุดเรียนและปากกาออกจากกระเป๋าด้วยอาการหวาดกลัว เข้าเริ่มวาดรูปหน้าต่างห้องเรียนและวาดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ชีโต๊สมองด้วยอาการกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายกับว่าภาพที่เก็นวาดนั้นสอดคล้องกับข้อมูลที่ตัวเขามี ชีโต๊สถามเก็นต่อด้วยสีหน้าที่ไม่เก่งเหมือนตอนคว้าแว่นออกมาเลย
"นายพอจะมองเห็นชื่อที่ปักอยู่ตรงเสื้อนักเรียนของผู้หญิงคนนั้นมั้ย?" ชีโต๊สถามและกลืนน้ำลาย
"วิญญาณที่ตายไปจะใส่เสื้อผ้าชุดที่ตัวเองตาย ถ้าชุดนักเรียนของผู้หญิงคนนั้นมีชื่อปักอยู่เราก็จะเห็น แต่ว่าเธอยืนไกลอยู่นอกหน้าต่างเราไม่แน่ใจว่าจะอ่านออกรึเปล่า" เก็นหันกลับไปมองที่นอกหน้าต่าง แต่คราวนี้ตัวของเขาแข็งทื่อ เสียงของเขาสั่นเครือกว่าเก่า
"ช่ะ ชีโต๊ส เรารู้ชื่อของเธอแล้วล่ะ"
"นายพอจะมองเห็นตัวอักษรใช่มั้ยเก็น?"
ชีโต๊สถามด้วยความตื่นเต้น
"เห็นสิ ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะเรา"
ชีโต๊สหน้าซีดเผือดและมีอาการตัวสั่น พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกเหมือนถูกตัดออกจากห้องเรียนที่มีเสียงเด็กคุยและเล่นกันเจี๊ยวจ๊าวออกไปอยู่อีกโลกที่ไม่มีใครอยู่รอบตัวเลย เก็นเริ่มเขียนชื่อนักเรียนของเธอคนนั้นลงใต้ภาพวิญญาณที่เขาวาด แล้วก็ก็เขียนได้คำว่า
ญาณี
"นายจะให้ฉันเขียนนามสกุลด้วยรึเปล่า?"
เก็นถามชีโต๊ส
"มะ ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้เราอยากไปห้องน้ำมากกว่า"
ขาของชีโต๊สมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากเป้ากางเกงจนนองที่พื้น ในขณะที่เก็นเริ่มคลายความรู้สึกออกจากความกลัว ความรู้สึกของชีโต๊สกลับสวนทาง เขารีบเอาแว่นคืนให้เก็นด้วยอาการมือสั่นและพูดว่า
"นายรีบใส่เถอะ แล้วห้ามทำแว่นหลุดเชียวนะ"
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
(ประวัติผีตายโหง)
ผีประเภทนี้สามารถแบ่งออกเป็นชนิดย่อยได้หลายชนิด และมีลักษณะที่แตกต่างกันไป ทั้งความดุร้ายที่ไม่เท่ากัน หรือแม้แต่วิธีปรากฏตัว ซึ่งลักษณะของผีตายโหงจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นคนและสวมใส่ชุดตอนเสียชีวิต ตอนสิ้นใจวิญญาณต้องออกจากร่างกระทันหันทำให้ยังไปเกิดไม่ได้ ด้วยการเสียชีวิตที่โหดร้าย ทำให้ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์มากกว่าวิญญาณทั่ว ๆ ไป และปรากฏกายด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน มีทั้งใจดีและดุร้าย
(แว่นตากั้นมิติ)
แว่นตาชนิดนี้มีแค่เก็นที่ใส่คนเดียวในโลก เพราะพ่อของเขาได้คิดค้นขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษจากความผิดปกติของลูก โดยกรอบแว่นเป็นกรอบแว่นธรรมดา แต่ตัวเลนส์ทำจากผลึกแก้วที่ได้มาจากฑิเบต ส่วนผสมทำมาจากทรายชนิดหนึ่งที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย ซึ่งพ่อของเก็นน่าจะซื้อมันมามากพอให้เค้าใช้ได้ทั้งชีวิต อานุภาพของแก้วชนิดนี้คือการปิดกั้นมิติระหว่างภพภูมิได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อสวมแว่นไว้ที่ตา เก็นจะมองเห็นโลกเหมือนกับคนปกติทั่วไปเห็น แต่เมื่อถอดออกมิติที่โดนกั้นอยู่จะถูกปลด และช่วงเวลานั้นเขาจะสามารถได้ยินเสียงของวิญญาณไปด้วยตามแต่โอกาส ซึ่งเดิมทีแก้วชนิดนี้ก็ถูกใช้แบ่ง
กั้นเขตแดนของภพภูมิป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
มีความเหนือชั้น
คือ เหนือชั้นห้า...
และมีความอธิบายไอเท็ม
คุณคะ ถ้าอิชั้นมาสมัครเป็นแฟนคลับงานเขียนคุณ
คุณจะไม่หยุดเขียนใช่ไหมคะ
"วิญญาณส่วนใหญ่มีเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเรามองอยู่ก็จะเข้าหาเราทันที" นี่มัน....เหมือนกับคำพูดของรุ้นน้องคนหนึ่ง ที่พูดแนวประมาณนี้เลยแหะ โหยยยย...