เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyjokesocool
GHOST JOB บ้านคนดุทะลุสามโลก EP.10 Cat
  • EP 10

    CAT 

    บนถนนยามค่ำคืนที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป แต่ที่แตกต่างก็คงจะเป็นการพบปะแบบข้ามมิติ ที่มีแค่หนึ่งในล้านคนถึงจะได้สำผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้น สุนัขสีดำร่างยักษ์ที่กำเนิดขึ้นจากกฏแห่งกรรมตามธรรมชาติทั่วไป กำลังใช้พลังของเขาปรากฏกายในมิติของมนุษย์เพื่อปกป้องมิตรสหายอันเป็นที่รัก การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย ร่างของปิกาจูค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเดวิด แต่แล้วก็ติดกับยันต์กักขังที่เดวิดเขียนไว้ที่พื้นถนน ปิกาจูพยายามวิ่งออกไป แต่ก็ไม่สามารถก้าวขาพ้นเลยวงกลมรูปดาวห้าแฉกที่พื้นได้ มันส่งเสียงเห่าด้วยความตกใจ

    “ปิกาจู !!”

    ยูโร่ตะโกนเรียก แต่คุณพ่อจับตัวเขาเอาไว้

    “แกมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมารึ เดวิด?”

    อาม่าถาม

    “ตอนมันเป็นคน มันฆ่าเพื่อนของผมตายไปต่อหน้า! ตายชาติเดียวก็ยังไม่สาสม!”

    “อย่าบอกนะว่าแกเคยฆ่าวิญญาณตัวนี้ไปแล้วครั้งนึง ...”

    คุณพ่อถาม ในขณะที่เดวิดไร้คำโต้ตอบ

    “เดวิด แกก็รู้ว่าการชดใช้กรรมมันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา แกดูสภาพวิญญาณของมันสิ ต้องกลายเป็นผีหมานิล เพราะตอนเป็นคนชอบไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมนต์ดำ จนเวรกรรมก็มาตกที่ตัวเอง แถมพอพ้นจากร่างนี้ไปจะรอดจากนรกได้รึเปล่าก็ไม่รู้? แล้วมันเรื่องอะไรของแกฮะ? ไอ้หนวด”

    อาม่าบ่น

    “ถ้าสงสารมันมากก็จะช่วยจับส่งลงนรกซะ ปล่อยไว้ก็อันตรายเปล่า ๆ”

    พอเดวิดพูดจบ เขาก็หยิบกระบอกทรงกลมอันหนึ่งออกมาจับสองมือแล้วหมุนเกลียว จากนั้นก็มีเปลวไฟก้อนใหญ่พุ่งออกมาเหมือนที่เห็นได้จากโชว์พ่นไฟในงานต่าง ๆ ไฟนั้นพุ่งไปใส่ร่างของปิกาจู จนเสียงโหยหวนของปีศาจหมานิลดังก้องไปทั้งซอย

    “ปิกาจู !!!”

    ยูโร่ตะโกนพร้อมร้องไห้ออกมา ปีศาจสุนัขร่างใหญ่ตอนนี้ค่อย ๆ หดตัวลงมากลายเป็นลูกหมาสีดำตัวเล็ก ๆ นอนตัวสั่นร้อง งื้ด ๆ อยู่บนพื้นถนน เดวิดหยิบขวดกลมใสออกมาจากแจ็คเก็ตของเขาและเปิดฝาออก

    “ชั้นไม่เคยยุ่งกับการชดใช้กรรมของใคร ชั้นแค่จะจัดระเบียบของมิติ ให้ปีศาจร้ายไม่อยู่ปะปนกับผู้คนที่แสนจะอ่อนแอ”

    เดวิดพูดเสร็จเขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเตรียมที่จะท่องคาถา

    “แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว”

    อาม่าพูดในขณะที่ทุกคนมองเท้าของอาม่าที่ลบเส้นยันต์ของเดวิดที่พื้นถนนจนแหว่งไป จึงทำให้ปิกาจูหนีออกไปได้

    “ม่าเกียง .... ม่ารู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรกับผม”

    เดวิดพูดด้วยอาการสั่น และตอนนี้หยดน้ำบางอย่างก็หยดลงที่ปีกหมวกของเดวิด ทุกคนมองเห็นวิญญาณของปิกาจูยืนอยู่ด้านหลังเดวิด พร้อมดวงตาสีแดงอันดุร้าย ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรต้านทานมันได้อีกต่อไปแล้ว เดวิดรีบพุ่งตัวเตรียมจะหนี แต่เท้าของเขาสะดุดกันเองจนหงายหลังไปกับพื้นถนน เขาหลับตาปี๋รอรับความตายที่ปีศาจหมานิลตัวนี้สามารถมอบให้เขาได้ภายในเสี้ยววินาที แต่เขาก็ต้องลืมตาด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าปิกาจูกำลังเลียใบหน้าของเขาด้วยความทะนุถนอม จากนั้นมันก็ถอยตัวออกมาสามก้าวและหมอบลงกับพื้น เดวิดมองปิกาจูด้วยสายตาตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูก

    “ที่เจ้านี่มันต้องอยู่ในร่างปีศาจหมา ก็คงเป็นกรรมต่าง ๆ รวมถึงกรรมที่ทำไว้กับแกและเพื่อนของแก เดวิดเอ๊ย หน้าที่ของแกที่แท้จริงไม่ใช่การส่งเจ้าหมานี่ลงนรก แต่คือการอโหสิกรรมให้กับมันต่างหาก ตอนนี้มันกำลังวิงวอนและขอโทษแกอยู่นะ”

    อาม่าอธิบายกับเดวิด

    “ชั้นไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

    รันพูดพร้อมกับจับมือเก็นเอาไว้

    “ผมเห็นอะไรแบบนี้มาทั้งชีวิตเลย”

    เก็นตอบ

    “เจ้าปีศาจ.... ชั้นขออโหสิกรรมให้แก จากนี้จงอย่าก่อกรรมอีก จงไปสู่สุคติซะ”

    เดวิตค่อย ๆ พูดพร้อมน้ำตาลูกผู้ชายที่หยดลงมาข้างหนึ่ง ขณะนี้มีแสงเรืองรองสีเหลืองทองค่อย ๆ แผ่ออกมาจากร่างของปิกาจู ลักษณะของแสงคล้ายกับเปลวควัน เจ้าปีศาจปิกาจูหันมามองยูโร่และส่งเสียงร้องทักออดอ้อนเจ้านายเหมือนสุนัขทั่วไป

    “อาม่าคะ นั่นแสงอะไร?”

    รันถามด้วยความแปลกใจ

    “เจ้าปิกาจู... ตอนนี้กำลังพ้นกรรมจากร่างปีศาจหมาแล้ว... มัน... มันกำลังจะไปเกิด”

    อาม่าพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

    “ปิกาจู!!!”

    ยูโร่วิ่งเข้าไปหาปิกาจู โดยที่ครั้งนี้คุณพ่อไม่ห้ามไว้ เด็กน้อยยูโร่กอดหัวของเจ้าหมาปีศาจที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับตัวของเขาเอาไว้ทั้งน้ำตา
    “ปิกาจูจะไปไหน? ยูโร่ซื้อช็อคกาแล็ตมาไว้ให้เยอะเลยนะ”

    ยูโร่คร่ำครวญด้วยเสียงสะอึกสะอื้น

    (เก็น) “ตกลงมันกินช็อคโกแลตจริง ๆ เหรอ?”

    (รัน) “ยังไม่ใช่เวลาถาม”

    “ปิกาจูเป็นสัตว์เลี้ยงของยูโร่ก็ต้องเฝ้าบ้านยูโร่นะ ห้ามหนีไปไหน”

    ยูโร่ยังคงร้องไห้และพูดคุยกับหมาของเค้า คุณพ่อเดินเข้ามาโอบรันและเก็น และได้แต่มองยูโร่ด้วยความสงสาร

    ตอนนี้ปีศาจหมานิลในตำนานที่ผู้คนต่างหวาดกลัว กำลังมีหยดน้ำตาไหลออกมาด้วยความอาลัยที่มีให้กับเจ้านายตัวน้อยของมัน แสงควันสว่างสีทองลอยออกมาจากตัวมันมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเงยหน้าขึ้นมาเลียหน้ายูโร่อีกครั้งก่อนที่จะกลายเป็นแสงควันลอยขึ้นและสลายไปในอากาศ

    “ปิกาจู!!!!! ”

    ยูโร่ตะโกนสุดเสียง ในอ้อมแขนที่ว่างเปล่า เด็กน้อยได้สูญเสียสัตว์เลี้ยงต่างมิติของเขาไปแล้ว เดวิดยังคงนั่งทบทวนตัวเองอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้นถนน คุณพ่อ เก็น รัน และ อาม่า ยืนมองน้องคนเล็กของบ้านด้วยความเป็นห่วง และได้แต่เตรียมตัวให้คำปลอบใจ และหวังให้ค่ำคืนอันโศกเศร้ารีบผ่านไปจากบ้านหลังนี้เสียที

    เช้าวันหนึ่งอันแสนสดใส เด็กสองคนกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ในซอยแห่งหนึ่งพร้อมเสียงหัวเราะ แต่พวกเขาต้องหยุดชะงักเพราะเห็นสิ่งกลม ๆ สิ่งหนึ่ง

    “นี่ ๆ ดูเจ้าแมวตัวนี้สิ น่ารักจังเลย”

    เด็กผู้หญิงชี้แมวที่อยู่นอนอยู่หน้ากระจกด้านในของคาเฟ่แห่งหนึ่ง มันมีขนฟู ลายขาวพาดเทาตัวอ้วนกลม ติดหูกระต่ายสีดำที่คอ มันกำลังนอนหันหน้ามองออกมานอกร้านด้วยความสบายใจ
    “ก๊อก ๆๆ”

    “เจ้าแมวน้อย น่ารักจังเลย”

    เด็กผู้ชายเคาะกระจกทักทายเจ้าแมวเพราะความน่ารักของมัน แต่เจ้าเหมียวอ้วนเพียงแค่หรี่ตามองไปที่เด็ก และกรอกตากลับมาที่เดิมอย่างไร้ความรู้สึกใด ๆ

    “ก๊อก ๆๆ”

    “เหมียวน้อย น่ากอดจังเลย ทำไมถึงขนฟูแบบนี้จ๊ะ?”

    เด็กผู้หญิงเคาะกระจกและรุกเจ้าแมวหนักขึ้น เพราะอยากให้เจ้าแมวเล่นด้วย แต่รอบนี้เจ้าแมวอ้วนเปลี่ยนเป็นหลับตาหนีปัญหา และดูมันจะไม่ต้องการสังคมใด ๆ กับเหล่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้ากระจก

    “หยิ่งยะโส ขี้เกียจ เอาแต่ใจ ไร้ประโยชน์”

    วิปครีมยืนพูดอยู่ด้านหลังของเด็ก ๆ 

    “ทำไมกันนะ? พวกเด็ก ๆ ถึงอยากเล่นกับแมว ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วนิสัยมันก็ไม่เห็นจะเหมือนสัตว์เลี้ยงซะหน่อย”

    วิปครีมก้มตัวลงไปจ้องหน้าแมวอ้วน

    “ทำไมตัวเปล่งอย่างนี้ แกกินแมวตัวอื่นในร้านเข้าไปใช่มั้ย อีอ้วน”

    “ฟ่ออออ!!!”

    แมวอ้วนขู่ใส่วิปครีมด้วยความไม่ถูกชะตา ก่อนที่จะกระโดดหนีเข้าไปในร้าน

    “ฮือ ๆ แมวหนีไปแล้ว แง!!!”

    ขณะนี้เสียงเด็กร้องไห้กระจองอแง และแม้แต่แมวอ้วนที่ไม่ชอบขยับตัวก็ยังต้องยอมหนีไปจากที่ ๆ มีวิปครีมอยู่

    วิปครีมถอดแว่นกันแดดออก ใบหน้าของเธอช่างงดงามตรงกันข้ามกับนิสัย เธอใส่ที่คาดผมที่มีหูเป็นแมว กางเกงยีนส์ขาสั้นที่มีลายรอยเท้าแมว และเสื้อแขนยาวที่เป็นลายหน้าแมวทั้งตัว

    “แคทวอล์คคาเฟ่... ที่นี่สินะ”

    วิปครีมพูด และแหงนมองป้ายร้าน CAT WALK CAFE' ที่มีหลอดไฟรูปแมวกะพริบเหมือนแมวกำลังเดินอยู่

    ภายในร้านขณะที่สาวชาวพม่ากำลังเช็ดโต๊ะทำความสะอาดอยู่ เธอก็ชะเง้อหน้ามองออกมาที่หน้าร้าน

    “คุณแคทคะ!! โคมาโด โคมาโด!!”

    “มีอะไร เจน?”

    เจ้าของร้านขานรับจากด้านในเคาน์เตอร์ เธอเป็นหญิงสาว ผิวขาว ใบหน้าสวยคม คิ้วเข้มผมสั้นถึงคอ โชว์ให้เห็นรอยสักรูปเท้าแมวที่ต้นคอ แต่งตัวน่ารักทันสมัย แต่สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน เธอเดินออกมาตรงกระจกหน้าร้านที่สาวใช้พม่าชื่อเจนยืนอยู่ และเห็นเด็กวัยรุ่นหลายคนอออยู่หน้าร้าน

    “เห มั้ยคะ? โคมาโดอารายก็ม่ารู้ เตปาโหม่เลยค่ะ”

    เจนพูดอย่างตื่นเต้น

    “โถ ได้ยินว่าโคมาโด ชั้นก็นึกว่าหน่วยคอมมานโดจะมาเอาแมวร้านเราไปซะอีก”

    แคท เจ้าของร้านพูดอย่างโล่งอก

    “จะมาได้ยังงา? ติงต๊อง”

    เจนบ่น

    “นี่ เมื่อกี๊เธอด่าชั้นเหรอ?!” 

    แคทเสียงดังใส่

    “เปล่าค่า หนูจาบ่อว่า มีโค กดออด น่ะค่า ติ๊งต่องงง”

    เจนแสร้งตอบอย่างไร้เดียงสา โชคดีที่มีคนกดกริ่งหน้าร้าน เพราะตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงตรง ซึ่งเป็นเวลาเปิดร้านพอดี

    “แฟนคลับชีตาร์สินะ ข่าวรั่วอีกแล้ว! น่าสงสารจัง ทั้งที่เค้าอุตส่าห์อยากจะมาส่วนตัวแท้ ๆ”

    แคทบ่นพร้อมกับเดินไปเปิดประตูร้านให้กลุ่มเด็กวัยรุ่นประมาณแปดคนเข้ามาในร้าน

    “แคทวอล์คคาเฟ่ยินดีต้อนรับค่ะ”

    เสียงเด็กสาววี๊ดว้ายเมื่อได้เห็นแก๊งแมวเหมียวที่มีอยู่มากมายภายในร้าน

    “สั่งน้ำโคละแก้วก่อนซื้อคาโหนมให้แมวนะคะ”

    เจนบอกลูกค้าที่เพิ่งเข้าร้าน

    “สวัสดีค่ะ พี่แคทรึเปล่าคะ?”

    เสียงถามจากบันนี่ ที่ยืนยิ้มใส่แว่นโชว์เหล็กดัดฟันอยู่ข้าง ๆ ชิคหน้าหมวยผมเปีย ที่หน้าประตูร้าน

    “เด็ก ๆ ที่ชีตาร์ให้จองโต๊ะให้สินะ เค้าสั่งให้พี่ดูแลพวกเธออย่างดีเลย โดยเฉพาะ... คนไหนชื่อรันนะ?”

    “หวัดดีค่ะ”

    รันแทรกตัวระหว่างกลางชิคและบันนี่ออกมาทักทายเจ้าของร้าน เธอใส่เสื้อยืดสีขาวตัวหลวมนิด ๆ กางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ดัดผมงอ ปล่อยสยาย

    “น่ารักขนาดนี้เชียว คงไม่ใช่แค่แฟนคลับล่ะมั้ง?”

    ในคำพูดชื่นชมของแคทนั้น กลับมีแววตาและน้ำเสียงที่ประชดประชันเบา ๆ

    “ร้านแมวที่พี่ชีตาร์ชอบมา เจ้าของต้องสวยขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

    รันยิ้มพูดใส ๆ ทั้งสองคนยิ้มให้กันแต่เหมือนมีความร้อนจากไฟบางอย่างชอบกล

    “เที่ยวให้สนุกนะเด็ก ๆ ”

    เสียงเดวิดพูดกับเก็นและยูโร่ที่กำลังเดินลงมาจากรถยุโรปทรงคลาสสิคของเขา

    “เด็ก ๆ นั่น?” 

    แคทมองด้วยความสงสัย

    “น้องชายของหนูเองค่ะ”

    รันตอบ

    “แฟนเธอมาส่งหรอ?”

    แคทถามพร้อมยิ้มตาโตใส่

    “ไม่ใช่ซะหน่อย เพื่อนพ่อต่างหากค่ะ”

    รันตอบเซ็ง ๆ

    “เพื่อนพ่อ... หล่อขนาดนี้เชียว”

    แคทตกใจ

    “หนูว่าเค้าก็ดูแก่นะคะ”

    รันตอบ

    “ถ้าตัดผมโกนหนวดเคราออก แล้วไม่ใส่หมวกเหมือนนักสืบนั่น พี่ว่าใช้ได้อยู่นะ”

    แคทพูดพร้อมมองไปที่เดวิด

    “พี่ครับ ที่นี่มีแมวเยอะเลยเหรอครับ?”

    ยูโร่เดินมาถามด้วยความตื่นเต้น

    “ใช่สิจ๊ะ แล้วมันก็อยากเล่นกับหนูจะแย่แล้วด้วย ทุกคนเข้าไปในร้านกันดีกว่านะจ๊ะ”

    แคทพาเด็ก ๆ ทุกคนเข้าไปในร้าน และหันมามองที่เดวิด เดวิดยกมือทักทายแบบเก๊ก ๆ แคทเลิกคิ้วใส่ และเดินเชิดหน้าเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เดวิดเสียเซลฟ์อยู่ในรถ
    ภายในร้าน เก็นและยูโร่กำลังเล่นกับบรรดาแมว ๆ ด้วยความตื่นเต้น ส่วนแก๊งสาว ๆ รัน บันนี่ ชิค นั่งอยู่ที่โต๊ะเตี้ย ๆ กำลังดื่มเครื่องดื่มและทานขนมตามระเบียบ

    “เป็นแบบนี้เองเหรอ?”

    ชิคพูดขึ้นมาลอย ๆ

    “มีอะไรเหรอ?” 

    รันถาม

    “ชั้นคิดว่าคาเฟ่แมวหมายถึงร้านที่เอาแมวมาทำเป็นอาหารซะอีก”

    “พรู้ด!!!”

    รันสำลักน้ำโกโก้ออกไปจนกระเด็นใส่หน้าบันนี่

    “ชั้นรู้ว่าเธอเด๋อนะชิค แต่ไม่คิดว่าจะเด๋อขนาดนี้”

    บันนี่บ่น พร้อมกับเอาทิชชู่ขึ้นมาเช็ดหน้าตัวเอง

    “แหม... ชั้นแค่เล่นมุขน่ะ”

    ชิคพูดแบบเสียงเย็น ๆ หน้าตาย ๆ

    “แบบนี้ยิ่งเด๋อเข้าไปอีก”

    บันนี่พูดแบบยิ้มแหย

    “กรี๊ด อย่ามาใกล้ชั้นนะ!!”

    เสียงวิปครีมตวาดแมวทุกตัวที่กำลังมาคลอเคลียเธอ

    “ทำไมพี่ชีตาร์ต้องมาที่นี่ด้วยนะ ช้ันล่ะเหม็นกลิ่นแมวพวกนี้จนแทบทนไม่ไหวแล้วเนี่ย อี๋ย์!!”

    “กรี๊ด!! พี่ชีตาร์มาแล้ว”

    เสียงเด็ก ๆ ในร้านกรี๊ดกร๊าดเมื่อห็นชีตาร์กำลังเดินเข้ามาในร้าน

    “สวัสดีทุกคน”

    ชีตาร์เปิดประตูเข้ามาทักทายแฟนคลับที่นั่งอยู่โดยไม่รู้สึกแปลกใจอะไร พร้อมมีชีโต๊สเดินตามเข้ามา

    “พี่ชีตาร์ มาเล่นกับแมวตัวนี้มั้ยคะ ดูสิ มันตัวอ้วนกลมน่ารักมากเลยค่ะ”

    วิปครีมทำเสียงออดอ้อนแมวอ้วนตัวเดิมที่กำลังนอนอยู่ด้วยความเสแสร้ง พร้อมเอาหน้าเข้าไปใกล้ ๆ มัน

    “ฟ่อออ!! (ผลัวะ!!)”

    แมวอ้วนตะปบวิปครีมจนหน้าหัน เพราะมันไม่ไว้ใจโดยสันชาตญาณ

    “กรี๊ดดดดด หน้าชั้น หน้าช้านนน”

    ในขณะที่วิปครีมกำลังโวยวาย แคทก็แทรกตัวเข้ามา

    “ขอโทษนะ ข่าวรั่วอีกแล้วน่ะ ทางแคทก็ไม่ได้บอกใครว่าชีตาร์จะมา แต่เด็ก ๆ ก็ยังรู้อยู่ดี”

    แคททำเสียงอ้อนขอความเห็นใจ

    “ไม่เป็นไรครับ น่าจะหลุดจากเพื่อน ๆ ผมเอง ผมบอกแล้วไงว่าให้พี่แคทเรียกตัวเองว่าพี่ เรียกแบบนี้ผมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้”

    ชีตาร์พูดด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น

    “ก็แคทไม่ได้อยากเป็นพี่นี่นา”

    แคทตอบเซ็ง ๆ ตอนนี้เด็กสาวเปลี่ยนจากการถ่ายภาพแมวมาแอบถ่ายภาพชีตาร์กันอย่างพร้อมเพรียง

    “ถ่ายรูปกรุณาปิดแฟลชด้วยนะครับ”

    ชีโต๊สทำหน้าที่ ผจก. จำเป็น ตามระเบียบ

    “ทำไมถึงเปิดแฟลชไม่ได้คะคุณผู้จัดการ”

    แคทถามชีโต๊สแบบหยอกล้อ

    “อ่า... มัน... แสบตามั้งครับ”

    ชีโต๊สตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนที่จะเดินไปเล่นกับเก็นและยูโร่

    ตอนนี้ชีตาร์กำลังเดินไปนั่งที่โต๊ะของรัน

    “อุ๊ยยย ดูสิ ๆ”

    ทันใดนั้นเสียงฮือฮา และเสียงนินทาดังขึ้นทันที

    “พี่มานั่งโต๊ะนี้แล้วหนูจะไม่เดือดร้อนใช่มั้ยคะ?”

    รันค้อนตาถามชีตาร์

    “มีเพื่อน ๆ รันอยู่อีกสองคน แถมมีเด็กผู้ชายมาด้วย ใครจะว่าอะไรได้ อีกอย่าง จริง ๆ แล้วพวกเราจะมากันส่วนตัว แต่แฟนคลับพวกนี้ก็แอบตามมาเองนะ ”

    “พี่ชีตาร์คะ เมื่อก่อนได้ข่าวว่ามาที่นี่ประจำแล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาล่ะคะ?”

    บันนี่ถาม

    “ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่ชอบแมวใช่มั้ย?”

    ชีตาร์ถาม

    “ใช่ค่ะ ขนาดชื่อยังชื่อชีตาร์เลย”

    ชิคตอบ

    “นั่นมันเสือ!”

    รันกับบันนี่รับพร้อมกันเซ็ง ๆ

    “อีกอย่างพี่เคยสนิทกับพนักงานที่นี่มาก เค้าชื่อคมสันน่ะ แต่แล้ววันนึง เค้าก็ขโมยกระเป๋าตังค์ของพี่ไป”

    ชีตาร์เล่า

    “ตายแล้ว! แล้วพี่แคทไล่ออกเลยมั้ยคะ?”

    บันนี่ถาม

    “ไม่ได้ไล่ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก หลังจากที่คมสันขโมยกระเป๋าตังค์ของพี่ไปไม่นาน เค้าก็เสียชีวิตน่ะ...”

    ทุกคนเงียบไปสามวิ

    “เป็นอะไรตายคะ?”

    รันถาม

    “รถชนตาย”

    “กระเป๋าเงินนั่นมีของสำคัญของพี่ชีตาร์อยู่ด้วย ช่วงนั้นกระวนกระวายน่าดูเลย”

    ชีโตสเดินมาเล่าเรื่องราว พร้อมกับเก็นที่เดินตามมา

    “เงียบน่าโต๊ส ของมันหายไปแล้ว”

    ชีตาร์เบรคน้อง 

    “อีกอย่างมีเรื่องเล่าว่าลูกค้าและพนักงานในร้านนี้ ยังรู้สึกว่าวิญญาณของคมสันยังวนเวียนอยู่ในร้านนี้อยู่เลย”

    ชีโต๊สเล่าแบบเสียงเบา ๆ ทุกคนในโต๊ะเงียบสนิท

    “โครม!!!”

    “ฮืออออ” 

    ยูโร่ร้องไห้เสียงดังหลังจากที่วิ่งเล่นกับแมวจนหกล้ม

    “เจะมั้ยคะ เจะมั้ย?”

    เจนพนักงานสาวพม่าถามด้วยความเป็นห่วง

    “เป็นอะไรมั้ยคะ?”

    แคทรีบวิ่งมาประคองและสำรวจแผลที่ตัวยูโร่ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาและสังเกตเห็นว่าแมวทุกตัวในร้านกำลังเดินเข้ามาที่ยูโร่เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของยูโร่

    “Oh shit…”

    เจนอุทานด้วยสำเนียงอังกฤษแบบสมบูรณ์เมื่อเห็นภาพแมวทั้งร้านกำลังพยายามเข้าไปรุมเอาใจยูโร่ ทั้งส่งเสียงร้อง เลียอย่างทะนุถนอม และแย่งกันคลอเคลีย

    “เกิดเรื่องแปลก ๆ กับยูโร่อีกแล้ว”

    ชีตาร์เดินเข้าไปดูด้วยความแปลกใจ รวมทั้งชิคและบันนี่ด้วย ในขณะที่คนทั้งร้านกำลังสนใจในจุดเดียวกัน รันกับเก็นก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะพวกเขาเห็นยูโร่สื่อสารกับสัตว์อยู่เป็นประจำ 

    “เก็น พี่อยากได้กระเป๋าตังค์คืนให้พี่ชีตาร์ ช่วยดูหน่อยได้มั้ยว่าวิญญาณพนักงานที่ชื่อคมสันยังอยู่ที่นี่จริงรึเปล่า?”

    รันสั่งน้องอย่างไม่ถามความเห็น

    “ทำไมผมต้องทำแบบนั้นล่ะครับ?”

    เก็นถาม

    “แลกกับเกมส์สองแผ่น”

    รันตอบนิ่ง ๆ

    “นี่ชีโต๊ส! คมสันหน้าตาเป็นยังไง?”

    เก็นถามชีโต๊สทันที ชีโต๊สพอรู้ว่าเก็นจะสำรวจวิญญาณก็ตื่นเต้นและรีบกระซิบข้างหูเก็นเพื่อบอกรูปลักษณ์ของคมสัน

    เก็นถอดแว่นและค่อย ๆ มองไปทั่วร้านอยู่พักหนึ่ง จนมาหยุดชะงักที่กระจกด้านหน้าร้าน

    “ใช่เค้ามั้ย?”

    รันถาม

    “ไม่ผิดแน่ครับ”

    เก็นตอบขณะกำลังจ้องออกไปนอกร้าน

    “เค้ากำลังทำอะไร?”

    รันถามด้วยความอยากรู้

    “เขานั่งอยู่บนหลังคารถยนต์ที่จอดหน้าร้าน และมองที่พี่ชีตาร์ตลอดเวลาครับ”

    “น่ากลัวจัง...”

    รันพูดหวั่น ๆ 

    “พี่ขอลองดูหน่อยนะ”

    รันหยิบสร้อยขึ้นมากำ

    “หินชาแมนเอ๋ย หนูต้องการติดต่อกับวิญญาณของคมสัน.... เอ๊ะ!!!”

    ขณะที่รันหลับตากำหินที่คอนั้น เธอกำลังเห็นบางอย่างผิดปกติ

    “ทำไมพี่เห็นแมวล่ะ?”

    รันหลับตาถามคิ้วขมวด

    (เก็น) “ใช่ครับ ตัวสีส้ม”

    (ชีโต๊ส) “มันชื่อว่าคมสัน”

    “เออพี่รัน ว่าแต่ถ้าแมวเข้ามาในร่างพี่แล้วจะคุยกันรู้เรื่องหรอครับ?”

    เก็นถาม แต่รันไม่ตอบ

    “พี่รันครับ”

    ชีโต๊สเรียก

    “พี่รันครับ!!”

    รันลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าเก็น พร้อมเสียงหายใจที่ดังผิดปกติเหมือนคนเป็นหอบหืด (“ครืด..คราด”)
    “เมี้ยว”

    รันส่งเสียงออกมาด้วยเสียงเล็กแหลม มันเป็นเสียงของแมวไม่มีผิด

    “ไม่นะ...”

    ชีโต๊สอุทานด้วยความกังวล

    ตอนนี้เด็ก ๆ แฟนคลับต่างพากันถ่ายรูปแมวนับสิบที่กำลังรุมเล่นกับยูโร่ด้วยความตื่นเต้น

    “พี่แคทฝากดูยูโร่ด้วยนะ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”

    ชีตาร์พูด และเดินขึ้นบันไดไปห้องน้ำที่อยู่ชั้นสอง ระหว่างทางเดินบนชั้นสอง เขาก็ได้ยินเสียงแมวตัวนึงร้องเรียก 

    “เมี้ยว”

    เค้ารู้สึกคุ้นเคยกับเสียงของแมวตัวนี้จึงรีบหันไปมอง แต่ภาพที่ชีตาร์เห็นกลับกลายเป็น รัน ที่กำลังคลานเข่าขึ้นมาจากบันไดและจ้องตาเขาไม่กะพริบ

    “รัน .. ทำอะไรน่ะ” 

    ชีตาร์ทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นรันทำท่าทางเหมือนกับนางแมวยั่วสวาท ซึ่งความจริงแล้วกำลังเป็นแมวจริง ๆเลยต่างหาก ในขณะที่ชีตาร์กำลังแปลกใจ ร่างของรันก็กระโจนด้วยความเร็วสูงผลักอกชีตาร์กลางอากาศหงายท้องลงไปกับพื้น

    “โครม!!”

    ตอนนี้ ร่างของรันกำลังอยู่บนตัวของชีตาร์ โดยวางมือไว้บนหน้าอกของเขา รันแลบลิ้นออกมาเลียที่ใบหน้าของชีตาร์ตั้งแต่คางลากขึ้นไปจนถึงใบหู จากนั้นก็จ้องหน้าชีตาร์และยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบชนจมูก แลัวร้อง “เมี้ยว”

    ตอนนี้ชีตาร์นอนตัวเกร็งและหัวใจของเขากำลังเต้นเสียงดังที่สุดในชีวิต ตั้งแต่ที่มันเคยเต้นมา

    “เพล้ง!!”

    เสียงจานขนมเค้กในมือของแคทหล่นลงมาแตกที่พื้น

    “พวกเธอ... อย่ามาทำแบบนี้ในร้านของชั้นนะ!!!”

    แคทตะโกนต่อว่าด้วยอาการช็อคโดยมียูโร่อยู่ข้าง ๆ ชิค บันนี่ เก็น ชีโต๊ส และวิปครีมก็ตามขึ้นมาดูติด ๆ

    “กรี๊ดดด ตายแล้วทำอะไรกันน่ะ?!”

    วิปครีมโวยวายเมื่อเห็นชีตาร์กำลังจับรันลงมาจากตัวของเขา ส่วนร่างของรันก็พยายามเอาหัวถูไถชีตาร์ตามภาษาแมว ทำให้ยิ่งเกิดความเข้าใจผิด

    “หยุดนะคมสัน!!”

    ชีโต๊สตะโกนออกมา ทำให้แคทหันไปมองชีโต๊สด้วยความประหลาดใจเพราะคมสันเป็นแมวที่เธอรักมาก ตอนนี้แฟนคลับทุกคนขึ้นมามุงกันที่ชั้นสองเพราะเสียงโวยวายที่เกิดขึ้น

    “คมสัน? ... อย่างนั้นก็หมายความว่า”

    ชีตาร์พูดด้วยสีหน้าตกใจ และหันไปมองหินที่คอของรันซึ่งกำลังเรืองแสง แต่รอบนี้ต่างจากเดิมตรงที่แสงเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ

    “คมสันหรอ?”

    ชีตาร์ดึงรันเข้ามากอดในอ้อมแขนต่อหน้าคนทั้งหมด ทำให้เสียงฮือฮาและกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นอีกครั้งทันที

    “คิดถึงมากเลยรู้มั้ย”

    ชีตาร์บอกคมสัน จากนั้นร่างของรันก็หันมามองชีตาร์ และร้องเสียงแมว

    “เมี้ยว ... เมี้ยววว”

    พอร้องจบ ร่างของรันก็ซบลงที่อกของชีตาร์และหลับตาลงอย่างมีความสุข

    “อร๊ายยย แม่แกเป็นแมวเหรอยะ นังรัน!!!”

    วิปครีมโวยวายด้วยความโมโห

    “หรือว่า ข่าวลือที่สองคนนี้จูบกันที่สนามบาสจะเป็นเรื่องจริง...?”

    บันนี่พูดกับชิคเมื่อเห็นสิ่งที่รันและชีตาร์ทำอย่างไม่อายผู้คน

    “ทำไมถึงร้องเป็นแมว พวกเธอกำลังเล่นบ้าอะไรกัน?”

    แคทพูดด้วยความโกรธจนมีน้ำตาออกมาคลอที่เบ้าตา

    “แต่ผมฟังออกนะครับ”

    เด็กน้อยยูโร่บอกกับแคทไปซื่อ ๆ

    ตอนนี้รันลืมตาขึ้นมาเป็นตัวเองโดยอยู่ในอ้อมแขนของชีตาร์พร้อมกับสายตาทุกคนในร้านที่กำลังจ้องดูอยู่

    “คราวนี้อะไรกันอีกล่ะเนี่ย?...”

    รันหลับตา และถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ไปหนึ่งที

    ในเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เด็ก ๆ แฟนคลับทุกคนกลับไปหมดแล้วเพราะแคทขอปิดร้านก่อนกำหนด ภายในร้านเลือเพียง รัน ชีตาร์ เด็ก ๆ ชิค บันนี่ และ แคท นั่งคุยกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายของรันและชีตาร์ได้พยายามอธิบายความจริงทั้งหมด

    “พี่ก็อยากจะเชื่อนะว่าพวกเธอพูดความจริง แล้วก็เชื่อใจชีตาร์มาก แต่สิ่งที่พวกเธอเล่าเกี่ยวกับวิญญาณ มันเกินกว่าที่ใคร  ๆจะเชื่อได้ จะให้พูดยังไงดีล่ะ?”

    แคทพูดด้วยความเครียด เพราะภายในใจเธอยังรู้สึกสบสนว่าทุกอย่างมันเหมือนเรื่องโกหก

    “พวกชั้นก็เชื่อนะ แต่ในหัวมันงงไปหมด เหมือนอยู่ ๆ ก็ได้รู้ความจริงว่าเพื่อนของตัวเองเป็นวันเดอร์วูแม่นน่ะ เธอเข้าใจที่ชั้นพูดมั้ยอะ?”

    บันนี่อธิบายความรู้สึกของตัวเอง

    “แล้วเธอเชื่อชั้นมั้ย? ชิค”

    รันหันไปถามชิค

    “อุ๊บบบ!!!”

    ชิคเอามือปิดปากตัวเอง และรีบวิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำ

    “อ๊วกกกกก”

    “ไม่ต้องตอบก็ได้ รู้แล้วล่ะว่าเครียด”

    รันตอบเอง

    “เสียดายนะ ถ้าเมื่อกี๊เราถามคมสันไว้ว่าซ่อนกระเป๋าตังค์ไว้ที่ไหนแล้วหาจนเจอ ทุกคนก็คงจะเชื่อแน่นอน”

    ชีโต๊สตอบอย่างโชว์ภูมิ

    “จะบ้าเหรอ ถึงถามไปคมสันก็พูดภาษาคนไม่ได้อยู่ดี”

    เก็นเบรคชีโต๊ส

    “เดี๋ยวนะ!”

    แคทพูดด้วยความตื่นเต้น และหันตัวไปจับแขนยูโร่

    “ยูโร่ เธอบอกพี่ว่าฟังที่รันพูดภาษาแมวออกนี่ จำได้มั้ยพี่รันพูดว่าอะไร?!”

    แคทเค้นถามยูโร่ด้วยความตื่นเต้น

    “พี่รันพูดว่า ของสำคัญอยู่ในบ้านฉัน”

    ยูโร่ตอบ พร้อมกับให้ขนมแมวอ้วนกิน

    “ไม่ใช่แล้วล่ะ... เพราะวันที่คมสันคาบกระเป๋าหายไปน่ะ พี่ปิดร้านไปสองวันเพื่อหากระเป๋าตังค์ให้ชีตาร์จนทั่วร้านแล้ว ยูโร่คงพูดออกมามั่ว ๆ ล่ะมั้ง”

    แคทพูดด้วยความท้อแท้

    “ของสำคัญอยู่ในบ้านฉัน...”

    ชีโต๊สย้ำคำแปลของยูโร่ และทำท่าครุ่นคิด

    “ปกติคมสันมีที่นอนประจำรึเปล่าคะ? เพราะแมวอาจเรียกตรงนั้นว่าเป็นบ้านของตัวเองก็ได้”

    ชิคพูดขึ้นมาลอย ๆ ด้วยใบหน้าซีดเซียวเพราะอ้วกจากความเครียด

    ชีตาร์และแคทหันมามองหน้ากันทันที และพูดพร้อมกันว่า

    “ศาลพระภูมิ!!!”

    “คมสันเป็นแมวตัวเดียวที่ชอบนอนในศาลพระภูมิหน้าร้านเป็นประจำ มันอาจคิดว่าที่นั่นเป็นบ้านของมัน!”

    แคทพูดโดยยกนิ้วชี้ขึ้นฟ้าและทำตาโต

    “และมีโอกาสที่ของจะยังอยู่ เพราะกระเป๋าตังค์ไม่ใช่ของกินของแมว หรือแม้แต่คนก็ไม่กล้าเข้าไปหาของในศาลพระภูมิ!”

    ชีตาร์เสริม

    (ชีโต๊ส) “แถมหลังคาของศาลพระภูมิก็ยังช่วยกันฝนอีกด้วย!!”

    (รัน) พูดทำไมชีโต๊ส...

    (บันนี่) “หมายความว่า ถ้าเราเจอกระเป๋าตังค์พี่ชีตาร์ในนั้น ก็คงไม่มีอะไรต้องสงสัยกันอีกแล้วล่ะ”

    (ชิค) “ตื่นเต้นจัง”

    ที่หน้าร้าน ทุกคนยืนล้อมอยู่ด้านหน้าศาลพระภูมิ มองเข้าไปในศาลมีแต่ความมืดมิด ไม่มีของเซ่นไหว้ สภาพเก่าโทรม ขาดคนดูแล

    “ถ้าวิญญาณมีจริงอย่างที่พวกเธอพูด แล้วพวกเราทำแบบนี้กับศาล เจ้าที่จะโกรธมั้ยรัน?”

    บันนี่ถาม

    “ศาลนี้ไม่มีเจ้าที่แล้วล่ะครับ เมื่อกี๊ผมเช็คให้แล้ว คงไม่มีอะไรจะกินน่ะครับ”

    เก็นตอบ

    “ชั้นไม่เคยเอาของมาไหว้เลย ก็ไม่คิดว่าผีจะมีจริงนี่นา”

    แคทตอบ

    “มีหรือไม่มี พี่คงต้องลองพิสูจน์แล้วล่ะค่ะ”

    ชิคบอกแคทแบบหน้าซีด ๆ

    แคทเดินเข้าไปที่ศาลและเอามือล้วงเข้าไปในศาลพระภูมิ เธอควานหาของอยู่สักครู่ก่อนที่จะหยุดชะงักด้วยความตกใจ แคทหันมามองหน้าทุกคนขณะที่แขนยังอยู่ในศาล ทำให้ทุกคนรู้สึกลุ้นและตื่นเต้นมาก ๆ

    “ถ้าเกิดว่าเจอล่ะก็ นี่จะเป็นผลงานของเธอเลยนะชิค”

    บันนี่กระซิบข้างหูชิค เพราะชิคเป็นคนแกะรหัสเรื่องนี้

    ตอนนี้แคทค่อย ๆ เอามือของเธอออกมาจากศาล โดยในมือสั่น ๆ ของแคทนั้น มีกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลอยู่ในมือ

    “นี่มันบ้าไปแล้ว...”

    บันนี่อุทานด้วยความช็อคสุดขีด

    “อุ๊บบบ!!!”

    ชิคเอามือปิดปากและวิ่งไปอ้วกที่กระถางต้นไม้อีกครั้ง

    “เย่ มีจริง ๆ ด้วย!!”

    เก็นและชีโต๊สพากันตะโกนด้วยความดีใจ ส่วนชีตาร์นั้นดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ

    “งั้นขอให้ผมนะครับ”

    ชีตาร์รีบยื่นมาขอกระเป๋าคืนจากแคท

    “ตุ๊บ”

    กระเป๋าตังหล่นลงพื้นเพราะมือไม้ของแคทตอนนี้อ่อนเปลี้ยไปหมด

    “ขอโทษค่ะ”

    แคทรีบก้มตัวลงไปเก็บกระเป๋าให้ชีตาร์ แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นรูปใบหนึ่งที่ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่เปิดอ้าอยู่

    “นี่... มันรูปแคทนี่” 

    แคทหยิบกระเป๋าสตางค์และยืนขึ้นพร้อมกับมองที่รูปอย่างตั้งใจ โดยชีตาร์มีสีหน้าค่อนข้างเครียด และรันเองก็กำลังใจคอไม่ดีที่ชีตาร์มีรูปแคทอยู่ในกระเป๋า

    “ที่เธอกระวนกระวายขนาดนั้นตอนกระเป๋าตังหาย เพราะกลัวคนจะเห็นใช่มั้ย?”

    แคทถามชีตาร์ และจ้องตาของเขา แต่ชีตาร์หลบตาลงไปมองที่พื้นโดยไม่พูดอะไร

    “ตอนนั้นเธอชอบชั้นเหรอ?”

    แคทถามแบบตรงไปตรงมา ชีตาร์จึงรวบรวมความกล้าอยู่แป๊บนึง 

    “ใช่ครับ ตอนนั้นผมแอบชอบพี่”

    ชีตาร์ตอบ 

    รันหันไปมองชีตาร์ด้วยความกังวล

    (บันนี่) “ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย”

    (ชีโต๊ส) “เรากลับไปเล่นกับแมวในร้านมั้ยเก็น”

    บรรยากาศตอนนี้ช่างเงียบและแสนกดดันกับหลาย ๆ คน

    “แล้วตอนนี้ยังชอบอยู่มั้ย?”

    แคทถามชีตาร์ราวกับว่าไม่มีคนอื่นยืนอยู่ใกล้ ๆ 

    “ตอนนี้ คนที่ผมชอบคือรันครับ”

    ชีตาร์ตอบความรู้สึกไปตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง

    รันได้แต่มองหน้าชีตาร์แบบตกใจสุดขีด เหมือนโดนสาปให้ตัวแข็งเหมือนหิน

    “อุ๊บ!!”

    ชิคกำลังจะอ๊วกอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น

    “เธอจะมาอ้วกซีนนี้ไม่ได้นะยะ กลืนกลับเข้าไปเดี๋ยวนี้!!”

    บันนี้ห้ามชิคเพื่อรักษาบรรยากาศ

    “หึ.. ชั้นไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย”

    แคทพูดก้มหน้าและยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะมีน้ำตาหยดลงที่พื้น

    “ฮึก ๆ”

    แคทค่อย ๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

    “พี่แคท ผมขอโทษ”

    ชีตาร์พยายามจะพูดปลอบใจ

    “ขอโทษทำไม... ชั้นไม่ได้ร้องไห้เพราะเธอสักหน่อย”

    แคทปฏิเสธว่าเธอเสียใจเพราะชีตาร์

    “เวลาที่แมวตายไป เค้าต้องอยู่เป็นผีแบบนี้เหรอ? ไม่มีใครเล่นด้วย ไม่มีใครมองเห็น ทำไมมันถึงเศร้าแบบนี้ ฮือ ๆ ...”
    แคทปล่อยโฮครั้งใหญ่ ในหัวใจตอนนี้ของเธอคงแหลกสลายจากทุก ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

    “พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ที่บ้านหนูจะมาจัดการเรื่องวิญญาณของคมสันให้ เค้าจะได้ไปอยู่ในที่สบายแน่นอนค่ะ”

    รันบอกแคท และคำพูดนี้ก็ได้สร้างความอุ่นใจให้กับแคทขึ้นมา

    “บรื้นนนน”

    เสียงรถของเดวิดมารับเด็ก ๆ กลับบ้าน

    “งั้นหนูขอกลับบ้านก่อนนะคะ”

    รันวิ่งเข้ารถเป็นคนแรก โดยไม่ร่ำลาชีตาร์ หรือแม้กระทั่งชิคและบันนี่

    (บันนี่) “ยัยรันจะรีบกลับไปกรี๊ดที่บ้านใช่มั้ย?”

    (ชิค) “ชั้นก็อยากกลับไปอ้วกที่บ้านเหมือนกัน”

    ส่วนชีตาร์ก็ได้แต่มองรันและเด็ก ๆ เดินขึ้นรถจากไป

    ขณะที่รถของเดวิดกำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางกลับบ้าน โดยมีเก็นและยูโร่นอนหลับและกรนอยู่เบาะหลัง ส่วนรันนั่งนิ่งไม่พูดอะไรอยู่ที่เบาะหน้าด้วยอาการแปลก ๆ

    “รัน”

    เดวิดเรียกรันที่เอาแต่นั่งเงียบ

    “ป่าวค่ะ... หนูไม่ได้เป็นอะไร”

    รันตอบอย่างร้อนตัว

    “ไม่ใช่ อาจะถามว่าผู้หญิงผมสั้นน่ะ เค้าพูดอะไรถึงอารึเปล่า?”

    เดวิดถามด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ปนเขิน ๆ

    “พี่แคทหรอคะ?”

    รันถาม

    “ชื่อแคทหรอ? หึ ๆ ยัยแมวเหมียวเจ้าเสน่ห์”

    เดวิดชอบใจเมื่อรู้ชื่อของแคท

    “เค้าบอกว่าอาหล่อนะคะ”

    เดวิดหุบยิ้มพร้อมกับทำตาโตเมื่อได้ฟังรันพูด

    “จริงหรอ? ...”

    แต่ไม่ชอบที่ไว้หนวดเคราแล้วก็ที่ใส่หมวกเหมือนคาวบอยค่ะ

    “อะไรกัน... คนอุตส่าห์มีซิกเนเจอร์”

    เดวิดบ่น

    “แต่วันนี้พี่แคทกำลังเศร้ามากเลย...”

    รันพูดเสียงค่อย

    “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

    เดวิดถาม

    เช้าวันต่อมา หน้าร้านแคทวอล์คคาเฟ่

    เจน พนักงานชาวพม่ากำลังเช็ดกระจกและร้องเพลงเคป๊อบอย่างมีความสุข

    “บรื้นนนน”

    เสียงรถคันหนึ่งกำลังจอด พร้อมกับชายคนหนึ่งได้เปิดประตูลงมา

    “แคทอยู่มั้ย?”

    เจนมองชายหนุ่มด้วยความตกใจและรีบเข้าร้านไปหาแคท

    “คุณแคทค๊าา ผู้ชายมาหา หล่อม่า ๆ เลอออ”

    สักครู่แคทก็แง้มประตูหน้าร้านโดยยื่นแต่หน้าออกมาก่อน

    “คุณเป็นใครคะ?”

    แคทถามเพราะจำเดวิดในแบบที่เซ็ทผมตั้งและโกนหนวดเคราไม่ได้

    “ผมเป็นเพื่อนพ่อของรันครับ”

    เดวิดพูดเสียงหล่อ

    “จริงเหรอเนี่ย? ...”

    แคทเองก็ตกใจใช่ย่อยกับลุคใหม่ของเดวิด ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินออกมาจากประตูร้าน เธอใส่เสื้อกล้ามสีดำ และกางเกงส์ยีนส์ขาด ๆ สไตล์สาวเซอร์ และมียางมัดผมมัดหน้าม้าเอาไว้เป็นจุกอยู่ด้านหน้าแบบคนอยู่บ้าน

    “รันให้ผมมาจัดการเรื่องวิญญาณของคมสันครับ”

    เดวิดยื่นกล่องของขวัญใบหนึ่งให้แคท

    “อะไรคะ?”

    แคททำหน้างงก่อนที่จะเปิดฝาออกและเห็นขวดกลมใสเล็ก ๆ ที่มีจุกปิดอยู่ประมาณ 6 ขวด

    “ขวดอะไรหรอ?”

    แคทเงยหน้าขึ้นมาถามเดวิด

    “ในขวดมีวิญญาณเร่ร่อนของแมวอยู่ขวดละตัว ผมขับรถหาในเมืองนี้จนทั่ว เห็นว่าคุณไม่ชอบให้พวกมันต้องเหงา”

    แคทตกใจและทึ่งมากกับสิ่งที่ได้ฟัง

    “ค คุณ... มองเห็นพวกมันอย่างนั้นเหรอคะ?”

    “ผมต่างหากที่ต้องถาม ว่าคุณอยากเห็นพวกมันรึเปล่า?”

    เดวิดถามกลับ

    “มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ?”

    แคทถามด้วยอาการสับสน

    “ผมจะเป็นคนพาคุณข้ามไปอีกโลกนึงเอง”

    เดวิดตอบแบบเสียงหล่อ

    เจนสาวใช้พม่าแอบดูอยู่ที่หลังประตูก่อนจะอุทานว่า

    “เจ๊ะ... โด้...”

    ก่อนจะค่อย ๆ แอบปิดประตูเข้าร้านไป

    เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ อาม่ากำลังนั่งอ่านหนังสือคนเล่นหวยอยู่ที่สวนหน้าบ้านอย่างสบายใจ ทันใดนั้นเสียงจักรยานของป้าคะน้าก็ดังมาจากหน้าบ้าน ต่างกันตรงที่คราวนี้ป้าคะน้าดูเข้ามาแบบไม่ส่งเสียงโวยวายใด ๆ 

    “เอ่อ... คุณนายคะ”

    ป้าคะน้าลงมาจากจักรยานและทักทายอาม่า

    “มีอะไรเรอะ คะน้า?”

    อาม่าลดหนังสือลงและคุยกับป้าคะน้า โดยในมือป้าคะน้าถือตะกร้าอยู่ใบหนึ่ง เธอดูมีอากัปกิริยาที่ดูเกรงใจเป็นพิเศษ

    “คุณนายคะ คือหมาที่บ้านหนูมันคลอดลูกมาสี่ตัว มีคนเอาไปเลี้ยงแล้วสามตัว แต่เจ้าตัวนี้น่ะมันสีไม่สวยก็เลยไม่มีใครเอาไปเลี้ยง หนูเลยจะเอามาให้คุณนายดูก่อนเผื่อว่าเด็ก ๆ บ้านนี้จะอยากได้น่ะค่ะ”

    อาม่าชะโงกหัวมองเข้าไปในตะกร้าเห็นลูกหมาตัวสีดำสนิทนอนขดตัวร้องงี๊ด ๆ อยู่ แววตาของอาม่าดูตกใจเล็กน้อย

    “จริง ๆ หนูก็ไม่กล้าบอกคุณนายหรอกนะคะ แต่พอดีเมื่อคืนหนูฝันว่ามีคนมารับมันมาที่บ้านนี้น่ะค่ะ แต่คนที่มารับน่ะเป็นเหมือนพวกนักรบโบราณ หนูว่าจะเอาไปแทงหวยด้วยนะคะเนี่ย”

    ป้าคะน้าพูดพลางหัวเราะไปด้วย ส่วนตอนนี้อาม่าเอามือทั้งสองข้างอุ้มเจ้าลูกหมาน้อยขึ้นมาจากตะกร้าพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำตาออกมาคลอที่เบ้าตา

    “แกหางทางกลับบ้านได้แล้วสินะ... บ้านที่แกจะได้เป็นสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้องตามกฎของทั้งสามโลก”

    อาม่าดึงลูกหมาเข้ามากอดพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาที่แก้ม ก่อนที่จะเรียกมันว่า

    “ปิกาจู...”

    (โปรดติดตามตอนต่อไป)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
nenaplayfha (@nenaplayfha)
อยากอ่านต่อแล้ววว รีบมาต่อนะค้าา
np_top_ (@np_top_)
พี่โจ๊ก คือ...อย่าพึ่งอิ่มตัวน้าา กลับมาแต่งตอนต่อไปได้มั้ยคะ รอข้ามปีแล้ววววว อย่าทำแบบนี้ TT
ืnikkie_ (@nikkie_)
บร๊ะเป้นกำลังใจน้าาาาา รออีพีต่อไปค่าาาา
Taewat Barameekamkaseam (@fb3698129468538)
สุดยอดอะสนุกมากครับพี่ น้องเป็นกำลังใจให้
kuchiki_rukia27 (@kuchiki_rukia27)
เก่งมากปิกาจู
bussakon2 (@bussakon2)
แต่งต่อเถอะนะพี่โจ้กกกก อยากอ่านแล้วววว
แต่งต่อด้วยนะครับพี่แฟนผมชอบอ่านมากๆเลยครับ พี่เก่งจริงๆ?
Nuch Minoru Rungchaloemkit (@fb4934679380506)
เย้ๆๆๆ ปิกาจูกลับมาแล้วววววว เขียนเรื่องดีมากเลยคะ จะติดตามนะคะ ปล. ขอตอนใหม่เร็วๆนะคะ ...อิอิ^^
ปิกาจูกลับมาแล้ว เย้ๆ อ่านต่อ มาเร็วๆนร้าพี่โจ๊กก
nnunoii (@nnunoii)
พี่โจ๊กแต่งสนุกขึ้นเรื่อยๆเลยนะคะ อ่านแล้วอยากรู้ตอนต่อไปเลย สู้ๆค่าา
jokesocool (@jokesocool)
@nnunoii ขอบคุณค่า
Nadtawadee Sangsok (@fb1021053458778)
น้ำตาไหลเลยตอนจบ ปิกาจูกลับมาแล้ว ??