เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พิฬารลมnimon
ตอนที่ ๔ วิฬารดมบุปผาแลเชยผกา


  • “หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ 

    ปริหายติ อนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวา 

    อุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโร

    - มัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย

    มัวหวังวันข้างหน้า ก็จะมีแต่สลาย

    อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี

    รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะ (ความยินดี) เกิดขึ้น

    คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า -”


         “ไม่มีความแน่นอนในชีวิต

    ไม่มีความคิดใดจะเสียเปล่า

    เพราะไม่มีอดีตอนาคตเล่า

    มีเพียงมัวเมาหลงในสิ่งเหล่านี้”


         วันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นนอนตามปกติ และฉันพบว่า ฉันอยู่ในห้องของฉัน ฉันสับสนไปหมด ทำไม ฉันถึงจำได้ว่า 


    ‘ฉันเห็นศศิกลายร่างเป็นแมวดำ ตัวที่ฉันให้เข้ามาที่ห้องเมื่อคืนวาน’ แล้วฉันจำได้ว่า 


    ‘ฉันสลบไป’แต่กลับกลายเป็นว่า 


    ‘ฉันมาอยู่ที่ห้องได้ไง’


    “หรือว่า ฉันฝันไป”ฉันพึมพำกับตัวเอง


    “ศศิจะเป็นแมวไปได้ยังไง สงสัยฟังคนอื่นพูดมากเกินไป จนเก็บไปฝันแน่เลย”ฉันพูด และเริ่มไปอาบน้ำ แต่งตัว ก่อนที่ฉันจะไปเคาะประตูห้องของศศิ แต่ศศิไม่ยอมออกมาสักที จนวายุเดินออกมาแทน


    “ศศิ เขาฝากอันนี้มาให้ผม ก่อนที่เขาจะออกไป เพราะเขาบอกว่า คุณเมย์น่าจะยังไม่ได้อ่านไลน์เขา”วายุบอก


    “ขอบคุณค่ะ”ฉันพูด และรีบเปิดไลน์อ่าน


    ‘ผมต้องรีบไปทำงานที่ค้างก่อน วันนี้คุณไปกับคุณวายุนะ’ฉันอ่านไลน์แล้วยิ่งสับสน แต่ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งคุณวายุถาม


    “วันนี้ผมไปส่งไหม”วายุถาม


    “ไม่เป็นไรค่ะ คนล่ะที่กันเลยค่ะ”ฉันพูด


    “พอดี วันนี้ ผมต้องแวะเข้าตึกคุณเมย์พอดี”วายุพูด


    “ไปขายประกันตรงนั้นหรือค่ะ”ฉันถาม


    “ใช่ ชั้น 42 ของตึกคุณ คือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใช่ไหม ผมไปดีลจนได้ว่า ลูกบ้านทุกคนจะได้รับประกันสุขภาพจากบริษัทผม เชื่อไหม ผมได้ค่าประกันมาเต็มเลย”วายุบอก


    “ฉันดีใจแทนคุณวายุด้วย”ฉันพูด


    “จริงๆแล้ว ผมต้องขอบคุณ คุณเมย์”วายุพูด


    “ขอบคุณฉันทำไมคะ”ฉันถาม


    “วันนั้น คุณพูดกับผมว่า ทำไมถึงไม่ไปดีลกับอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจเกี่ยวกับสุขภาพ แล้วเผื่อเขาจะได้สนใจประกันสุขภาพไง คุณจำได้ไหม”วายุบอก


    “จำได้ค่ะ ตอนนั้น ฉันคิดยังงั้นจริงๆ แต่ยังไง ถึงฉันพูด แต่ก็ไม่ได้จะสำเร็จ ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของคุณวายุ ใช่ไหมค่ะ”ฉันพูดเยินยอ


    “ไม่ใช่ความสามารถอะไรหรอกครับ”วายุพูดแล้วเกาหัวเขินๆ


    “วันนี้ ฉันขอรบกวนด้วยคะ”ฉันพูด


    “เชิญเลยครับ”วายุตอบ


          ในจดหมายที่วายุเอามาให้ฉัน เขียนว่า ‘พอดีผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ผมต้องรีบไปเคลียร์งานที่เหลือ วันนี้ คุณไปกับวายุนะ เพราะว่า ผมต้องเข้าบริษัทก่อน’ จากศศิ


    ‘ทั้งไลน์และจดหมายเหมือนกัน แล้วศศิรู้ได้ไงว่า วายุจะไปตึกทำงานเรา’ฉันคิดในใจ ก่อนตัดสินใจถามวายุว่า


    “คุณวายุกับศศิคุยดีกันแล้วหรือคะ เขาถึงนำจดหมายมาฝาก”ฉันแกล้งถาม


    “เปล่าเลยครับ เอาเป็นว่า ผมอยากเป็นมิตร แต่เขาไม่อยากเป็นมิตรกับผมอยู่ดีครับ”วายุบอกแล้วก็หัวเราะ


    “แล้วคุณวายุบอกเรื่องข่าวดีนี้กับศศิหรือเปล่าคะ”ฉันถาม


    “เปล่าครับ ผมบอกคุณเมย์คนแรกเลย มีอะไรหรือเปล่าครับ”วายุถาม ในขณะที่ลงลิฟต์ด้วยกัน


    “ลองอ่านจดหมายดูคะ”ฉันยื่นจดหมายให้วายุอ่าน

    “จะดีหรือครับ”วายุถาม


    “ดีคะ”ฉันตอบ และวายุก็รับไปอ่าน ก่อนที่จะงงและพูดว่า


    “ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ เขาแค่เขียนว่า เขายุ่งต้องรีบเข้าบริษัทแค่นี้เอง”


    “อ้าว”ฉันพูด และรับจดหมายกลับมาอ่านอีกครั้ง ฉันก็อ่านเจอแบบนี้ แต่ทำไม วายุกลับอ่านได้อีกแบบ แล้วฉันก็เชื่อว่า วายุอ่านได้อีกแบบจริงๆด้วย


    “ฉันคงเหนื่อยแล้วตาฝาดคะ”ฉันพูดด้วยความงุนงง


    “ผมเข้าใจครับ ก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา”วายุบอก พร้อมกับยื่นกระป๋องโค้กให้


    “ทานน้ำตาลหน่อยไหม จะได้หายเหนื่อย”วายุพูด


    “ไม่ดีกว่าค่ะ กลัวเป็นเบาหวาน”ฉันพูด


    “ฮ่าๆ งั้นผมขอทานล่ะกัน”วายุบอก และฉันขึ้นรถวายุ ก่อนที่เขาจะไปส่งที่บริษัท และเราสองคนก็แยกกัน 


    “สวัสดีค่ะ”ฉันทักทุกคน และทุกคนทักกลับ ยกเว้นศศิที่หายหน้าไปไหน ทุกคนกำลังดูยุ่งกับงานตรงหน้าอย่างมาก จนไม่หันมามองอะไรฉันเลย

  •      ส่วนฉันก็รีบเปิดลิ้นชักที่ฉันล็อกไว้ และเอางานออกมาตรวจทานอีกครั้งเช่นกัน ในขณะที่ฉันกำลังตรวจงานอยู่นั้น ศศิก็เดินมาจากไหนไม่รู้ และทักฉัน


    “หูเมื่อยไหม คุยกับนายวายุ”ศศิถามยิ้มๆ


    “ไม่เลย ฉันชอบฟังเขานะ เขาพูดไปได้เรื่อยๆ คุณรู้ได้ไงว่า เขาได้งานที่ตึกเรา”ฉันแกล้งหยั่งเชิงถามดู


    “รู้สิ ก็ผมได้ยินเขาโทรคุยกับใครเมื่อคืนไม่รู้ และเขาพูดชื่อคุณด้วย”ศศิพูด


    “ห้องคุณวายุห่างจากห้องคุณมากเลย เพราะมีห้องฉันกั้นอยู่ คุณได้ยินได้ไง”ฉันถามด้วยความสงสัย


    “เขามาคุยที่ระเบียงเสียงดัง ผมเลยได้ยิน คุณนั้นล่ะ ทำไมถึงไม่ได้ยิน”ศศิถามกลับ


    “ฉันหลับไป”ฉันพูด และกำลังจะถามเรื่องจดหมาย แต่เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นมาก่อน และฉันรับสายคุณวายุที่โทรมาหาฉัน


    “หา มีคนอยากพบฉันหรือคะ”ฉันถามด้วยเสียงหลง 

    “เดี๋ยวฉันต้องถามหัวหน้าก่อนค่ะ”ฉันพูด


    “พี่บุ๋ม”ฉันเรียกพี่บุ๋มและเล่าให้พี่บุ๋มฟังถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ฉันได้ยินจากคุณวายุมา และพี่บุ๋มบอกว่า 


    “เดี๋ยวพี่ไปถามนายก่อน” ก่อนที่พี่บุ๋มจะกลับมาบอกว่า 


    “ทางนั้น เขามาขออนุญาตนายแล้ว ดังนั้น เมย์ไปก่อนไป”


    “ค่ะ”ฉันตอบรับ และรีบเดินขึ้นข้างบนไปหาวายุ และวายุรออยู่ วายุพาฉันไปรู้จักกับใครก็ไม่รู้อีกหลายคน ซึ่งฉันก็ยิ้ม และเล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟังว่า

     

    ‘ทำไม ฉันถึงคิดเรื่องราวแบบนี้’


    “คุณวายุ น่าจะบอกว่า คุณวายุคิดเอง”ฉันพูด


    “ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ เพราะผมจะพูดออกมาได้ไม่ดี เท่ากับที่คุณเมย์เป็นคนคิดสิครับ”วายุพูด


    “แต่ความเป็นจริง คุณวายุก็เป็นคนไปติดต่อเองคะ”ฉันพูด


    “ใช่ครับ แต่ผมไม่อยากเอาหน้าในสิ่งที่ผมไม่ได้คิดครับ”วายุพูด


    “คุณเป็นคนดีมากเลย”ฉันพูด และขอตัวกลับไปทำงานต่อ ซึ่งวายุก็บอกว่า 


    “เดี๋ยวผมไปส่งครับ” ซึ่งฉันก็ตอบรับไป ก่อนจะกลับมาที่แผนก และตรวจงานอีกครั้ง ก่อนจะไปส่งพี่บุ๋ม


    “เสร็จแล้วหรือ”พี่บุ๋มถามด้วยความตกใจ


    “ค่ะ เมย์ทดลองระบบกับศศิแล้วด้วยค่ะ”ฉันพูด


    “อืม ไหน ลองให้พี่โหลดดูสิ”พี่บุ๋มบอก พร้อมเรียกให้น้องเนตรและน้องนิดโหลดแอพทดลองก่อนด้วย

     

    “โอเค ดีเลย”พี่บุ๋มบอก และพูดต่อว่า


    “พี่นัดลูกค้าพรุ่งนี้เลยนะ”พี่บุ๋มบอก


    “ค่ะ”ฉันตอบ และพี่บุ๋มถามศศิต่อว่า 


    “โอเคไหม”ศศิก็ตอบตกลง แล้วพี่บุ๋มเลยบอกให้ฉันกับศศิตรวจงาน และคุยกันว่า 


    “จะพูดอะไรให้ลูกค้าฟัง และพยายามหาคำถามที่ลูกค้าจะถาม แล้วเราหาคำตอบเพื่อตอบลูกค้า”พี่บุ๋มพูด ซึ่งฉันก็ตอบรับอย่างเข้าใจ

  •       ฉันและศศิเลยคุยกัน และแยกกันว่า ใครจะคุยอะไรกับลูกค้า และค่อยๆคิดว่า ลูกค้าน่าจะถามอะไรบ้าง ซึ่งทำให้พวกเราทั้งสองคนคุยกัน เพื่อวางแผนออกมาได้ดีมากยิ่งขึ้น และก็เริ่มถึงตอนใกล้เที่ยง


    “ทุกคนไปกินกันเร็ว พี่จองไว้ตอนเที่ยง พอดีเดินไป ก็ถึงพอดี”พี่บุ๋มพูด และทุกคนพร้อมใจกันปิดคอมพิวเตอร์ และเก็บงานทุกงานเข้าลิ้นชักกับเข้าแฟ้มทั้งหมดให้เรียบร้อย ก่อนที่พวกเราเตรียมพร้อมหยิบกระเป๋า และเดินทางไปยังร้านบุฟเฟ่ต์ที่เรากินกัน


    “ดีจังไม่ต้องไปตัก”น้องนิดบอก


    “จริงด้วยครับ”ศศิพูดขึ้นมา


    “ใช่”น้องเนตรบอก และทุกคนพร้อมใจกันกดเลือกอาหาร และรออาหารมา ซึ่งก็ไม่นานด้วย ก่อนที่พวกเราจะกินกันครบสองชั่วโมง และเดินเที่ยวห้างกันก่อน ถึงค่อยแยกกันกลับบ้าน


    “ดีใจจัง ที่วันนี้กลับเร็ว จะได้พักผ่อนด้วย”ฉันบอก ขณะที่เดินไปที่รถของศศิด้วยกัน


    “เหมือนกัน”ศศิพูด และพวกเราทั้งสองคนก็เข้าไปในรถ และไม่ได้คุยอะไรกันจนมาถึงที่ลิฟต์ ที่กำลังจะขึ้นไปยังชั้นของเรา และพูดว่า


    “นายวายุ เขาเป็นคนดีมากเลยนะ”ศศิพูด


    “ประชดหรือเปล่า”ฉันถามด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


    “ผมคิดจริง และพูดจริง ผมมีคำถามอยากถามคุณว่า คุณชอบเขาไหม”ศศิพูด


    “ฉันไม่ชอบเขาค่ะ”ฉันตอบ


    “แล้วคุณมีคนที่ชอบอยู่แล้วไหม”ศศิถาม


    “ไม่มีค่ะ”ฉันตอบ และถึงห้องของพวกเรา ฉันเลยบอกว่า “ฉันไปพักก่อนนะ”


    “ครับ ผมดีใจที่คุณไม่ได้รักนายวายุครับ”ศศิพูด และเดินเข้าไปที่ห้อง พร้อมกับปล่อยให้ฉันงุนงงกับท่าทีของเขามากเลยในวันนี้ 

  •      ขณะที่ฉันกำลังดูทีวีอยู่ ฉันได้ยินเสียงเคาะระเบียงขึ้นมา และฉันเยี่ยใมหน้าไปเห็นคุณวายุ แล้วเขาคุยกับฉันว่า 


    “กินด้วยกันไหมครับ”วายุถาม


    “ไม่ไหวค่ะ ฉันไปกินบุฟเฟ่ต์มา”ฉันบอก


    “ผมลืมไปเลย งั้นผมไปกินนะ”วายุพูด


    “ค่ะ”ฉันตอบกลับไป 


    แล้วฉันเดินไปดูทีวีก่อน หลังจากละครจบ ฉันไปอาบน้ำ และฉันไปนอน ก่อนจะฝันว่า


    ‘เมื่อฉันหลับฝันเห็นแมวขาวตัวหนึ่ง


         และตัวฉันซึ่งกลายเป็นเด็กน้อยประถมวัย

    ฉันกำลังเล่นกับแมวขาวตัวนั้นไซร้

    และฉันได้นอนหลับกับมันอย่างสุขใจ

    ฉันเล่นตกปลากับแมวขาวตัวนั้น

    อย่างสนุกสนานพลันตกปลาได้

    และฉันยื่นให้แมวขาวได้ทานไป

    ก่อนจะกลับมาได้นอนเล่นกับแมวนั้น

    และฉันเฝ้ามองดูเจ้าแมวขาวหลับนำ

    และจดจำทุกสิ่งที่เป็นตัวของมัน

    ก่อนตัวฉันจะกลายเป็นวัยรุ่นพลัน

    และหูฉันกลับกลายเป็นหูของแมวไป

    ฉันหันไปมองแมวขาวตัวนั้น

    เห็นว่ามันยิ้มให้ฉันอย่างตั้งใจ

    แล้วอยู่ดีแมวขาวนั้นก็เปลี่ยนไป

    กลายเป็นได้เปลี่ยนเป็นแมวดำแทน’

    และฉันตกใจมาก ฉันเรียกชื่อแมวดำตัวนั้นจากจิตใต้สำนึกที่ฉันเคยเห็นมันทั้งหมดสองครั้งทั้งที่ระเบียงของศศิ และที่ทำงานที่ฉันได้เห็นศศิกลายร่างเป็นแมวดำ ก่อนที่ฉันจะพึมพำกับตัวเองว่า 

    “ศศิ”แล้วอยู่ดีแมวดำกับฉันก็หายไป

  •     ก่อนที่ฉันจะตื่นนอนขึ้นมา และพบว่า ฉันอยู่ในร่างของแมวขาวตัวนั้นที่ฉันฝันแล้ว เพราะฉันมองผ่านแอ่งน้ำที่อยู่ข้างหน้า แล้วฉันก็เห็นว่า มีภาพเงาแมวขาวสะท้อนอยู่ตรงหน้าฉัน


    “ไม่จริง ฉันเป็นแมวขาวตัวนั้นได้ไง ฉันฝันอยู่”ฉันพูดอย่างตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก และฉันใช้เล็บข่วนโดนผิวหน้าแมวขาวตัวที่เป็นฉัน ก็พบว่า 


    ‘นี่ไม่ใช่ความฝัน ฉันเป็นแมวจริงๆ’


    “ฉันจะทำไงดี”ฉันตกใจอย่างมาก และก็ไม่รู้จะทำไงดี แล้วเมื่อฉันหันไปมอง ฉันก็พบว่า 


    ‘เป็นสถานที่ๆฉันไม่เคยเห็นมาก่อน’ 

  •      เพราะภาพข้างหน้าที่ฉันเห็น เป็นภาพที่แปลกไปมาก ฉันเห็น รถเหาะได้ และบางร้านคาเฟ่อยู่ตรงอากาศ มนุษย์บางคนเหาะได้ แต่บางคนก็ยืนอยู่ที่พื้น และมีหุ่นยนต์ที่หน้าตาทั้งเหมือนมนุษย์และเหมือนหุ่นยนต์เดินขวักไขว่เต็มไปหมด


    “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”ฉันพึมพำด้วยความเครียด

    และฉันตัดสินใจเดินออกไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ถึงจุดหมายปลายทางที่กำลังจะไป และอยู่ดีๆ ก็มีแมวสีส้มตัวหนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน แล้วมันก็ออกปากไล่ฉัน


    “ออกไป นี่คือเขตของพวกเรา แกเป็นเเมวจร ออกไป”พวกมันไล่ และก็มีแมวหลายตัววิ่งออกมาข่วนฉันใหญ่ และฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะหนีการข่วนจากแมวพวกนี้ไปให้ได้


    “หยุดๆ ฉันไปก็ได้”ฉันพูด และฉันก็เกิดหิวขึ้นมา จนฉันต้องพยายามไปคุ้ยถังขยะกินอาหาร เพราะฉันไม่รู้จะไปกินที่ไหนแล้ว แต่ฉันก็โดนมีดปังตอลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ เฉียดหูฉันไปนิดนึง และได้ยินเสียงคนดังขึ้นมาว่า


    “มึงห้ามกิน กูให้หมาของกูกิน ออกไป อีแมวชั่ว”

    และฉันรีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตเลย จนฉันเดินไปทั่วๆก็เหนื่อย พอจะพัก ฉันก็ถูกไล่ที่อีก จนฉันเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงกลางคืนแล้ว ฉันก็เริ่มเหนื่อยจนหมดแรงจริงๆ ฉันจึงแอบไปนอนตรงต้นไม้ใหญ่ของบ้านหลังหนึ่ง และฉันเผลอหลับไป โดยที่ฉันแอบคิดว่า วันพรุ่งนี้เช้า ฉันจะตื่นขึ้นมา และพบว่า

     

    ‘นี่แค่ฝันไป’

  •      วันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมา เพราะฉันรู้สึกเจ็บมากเลย แล้วฉันก็พบว่า เจ้าเด็กซน มันเอาก้อนหินมาปาใส่ฉัน ฉันเจ็บมาก แต่ก็ต้องพยายามหลบ จนหนีลงมาจากต้นไม้ได้ และฉันก็รีบวิ่งหนีไปไม่ให้เด็กไล่ตามทัน แต่ฉันยังไม่ทันที่จะได้พัก ก็เจอหมาไล่กวดอีก


    “อะไรกับชีวิตฉันหนักหนาเนี่ย”ฉันเหนื่อยสุดหัวใจเลย และฉันคิดว่า 


    ‘ถ้าฉันบินได้ก็น่าจะดีนะ’และอยู่ดีๆ ฉันก็บินขึ้นมา และฉันถูกตำรวจไล่กวดฉันอีก และบอกว่า 


    “แกเป็นแมวจร แกห้ามบิน”ตำรวจพูด ก่อนจะพาฉันไปยังที่ๆหนึ่ง ที่ๆฉันได้กลิ่นสาปเลือดของอะไรก็ไม่รู้ และเขาพาฉันไปขังกรง ฉันได้ยินว่า แมวในนั้นคุยกันว่า 


    “แมวทุกตัวจะถูกฆ่าในที่สุด” 


    “ไม่เอา ฉันไม่ยอมตาย”ฉันพูดกับแมวพวกนั้น และพยายามใช้แรงที่เหลืออยู่ในการเอาตัวทุบให้กรงมันหลุด เมื่อแมวเหล่านั้นเห็นชอบกับสิ่งที่ฉันทำ พวกมันก็ช่วยกันเต็มที่ จนทุกตัวหลุดออกไปกันได้ และวิ่งหนีตายกันเต็มที่ ฉันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเลย และฉันเห็นแหล่งน้ำตรงหนึ่ง จึงตั้งใจว่า จะไปกินน้ำและพักก่อน

  •      แต่เมื่อฉันพักได้ไม่นาน ฉันก็พบว่า เจ้าหุ่นยนต์เดินมาหาฉัน และมันก็วิ่งไล่กวดฉันเต็มที่อีก


    “กรรมของฉันจริงๆ”ฉันพึมพำกับตัวเอง และรีบหนี แต่หนีไม่ได้ ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจสู้กับมันสุดชีวิต จนฉันไปปิดสวิตซ์ของมันได้ในที่สุด และฉันได้ยินเสียงดังออกมาจากเจ้าหุ่นยนต์ว่า


    “ระบบถูกปิด ระบบคลื่นสมองกำลังทำงาน ระบบความทรงจำกำลังเปลี่ยน”

  •      พอฉันได้ยินแบบนี้ ฉันก็รีบวิ่งหนีไปอีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่า มีคนกวักมือเรียกฉันให้มากินอาหารที่เขามอบให้ แต่พอฉันดมแล้วมันรู้สึกมึนๆชอบกล ฉันจึงรีบหนีคนนั้นไป แต่คนนั้นก็ยังตามฉันมาติดๆ และบังคับให้ฉันกินให้ได้ ฉันตัดสินใจปีนขึ้นไปที่ต้นไม้ และตัดสินใจพักตรงนั้นก่อน 

         และอยู่ดีๆท้องฟ้าจากที่สดใส ก็กลายเป็นมืดลงอย่างกะทันหัน และฉันได้ยินเสียงพูดที่ดังมาจากอากาศ โดยพูดว่า

    “ความทรงจำเปลี่ยน โลกกำลังเปลี่ยน โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางสมอง โลกกำลังเปลี่ยน โปรดระวัง โปรดระวัง” และเสียงฟ้าผ่าก็ผ่าลงมาตรงที่ตัวฉันอยู่บนต้นไม้ ก่อนที่ฉันจะตกจากต้นไม้ และหมดสติลงไปในที่สุด

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in