พอทำ IF ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างก็เลยหลุดไปอยู่ในกรุ๊ปคนที่ทำเหมือนกัน และคนส่วนใหญ่ในกรุ๊ปนั้นที่แอคทีฟจะอายุราวๆ 50 ขึ้นไป
ที่จริงนี่เป็นบรรยากาศที่ข้อยชอบมากนะ ข้อยไม่ค่อยมีความคิดว่าคนอายุมากกว่าจะไม่เข้าใจเราหรืออะไรแบบนี้ ข้อยจะคิดว่าเขามีสกีลมากกว่าทางใดทางหนึ่ง สอนเราได้ แต่นี่ก็อาจจะเป็นทัศนะของลูกคนโตที่ถูกเลี้ยงมาให้ใกล้ชิดกับพ่อแม่ละมัง
มันเป็นกรุ๊ป IF คนในกรุ๊ปก็คุยกันเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ทางนี้ได้เรียนรู้มากที่สุด คงเป็นแนวคิดที่ว่าอย่าไปถือทัศนะของคนอื่นเป็นของตัวเองมั้ง
อย่างถ้ามีคนที่ยังไม่ได้ศึกษา IF มาบอกว่าเอ็งไม่ควรอด เพราะบลาๆ นั่นก็เป็นทัศนะ “ของเขา” ของของเขาก็เป็นของเขา มันกลายเป็น “ของเรา” เมื่อเราไปหยิบมันมา
คือถ้ามันมีอะไรให้เอามาคิดแก้ไขได้ ก็เอามาคิดแก้ไข แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปหยิบมา ไม่ใช่หน้าที่ของเราเสมอไปที่จะต้องทำให้ทุกคนรู้สึกโอเค
นี่ก็รวมถึงเรื่องอื่นๆ ในชีวิตด้วย
สำหรับบางคน นี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา ง่ายๆ แต่สำหรับข้อย มันยากมากนะ เวลาที่มีคนมองข้อยอย่างนั้นอย่างนี้ ข้อยจะเกิดปฏิกิริยาชอบ-ไม่ชอบ ตลอดจนความคิดว่า ถ้าเขาเข้าใจเรา “ผิด” ก็ต้องแก้ให้ “ถูก”
กระทั่งบางทีก็คิดว่า ถ้าเขาคาดหมายเราอย่างนี้ เราต้องทำ
บางทีก็ไม่ได้ทำหรอก แต่แค่คิดว่ามีคนมา “คาดหมาย” ก็รู้สึกโกรธ เพราะคิดว่าเขาจะมาแย่ง autonomy ของตัวเองแล้ว เลยกลายเป็นนอกจากจะไม่ทำ ยังโกรธเขาด้วย
ที่จริงก็เรื่องของเขาไหมอะ
(บางคนก็ไม่ได้พูดออกมาว่าคาดหมายอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยนะ บางทีข้อยยังไม่รู้เลยว่าตัวเองคิดไปเองว่าเขาคิดหรือเปล่า)
เรื่องของเขานี่คือเรื่องของเขาจริงๆ นะ ตัดออกไปจากตัวเลย disown ไปเลย
กับคนที่สำคัญบางคน ก็คงยัง own ต่อไปละมัง และถ้ามันเกี่ยวพันกับการเป็นมนุษย์ที่ดี (ดีตามที่ข้อยคิดว่าดี) ก็คงทำต่อไป แต่อะไรนอกจากนั้น ก็ทิ้งไปเถอะ ไม่ใช่ของเราสักหน่อย
มันยากมากจริงๆ นะ สำหรับข้อย แต่คิดว่าก็จะพยายาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in