เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฟิคปรมาจารย์ลัทธิมาร #วั่งเซียน MpregLiWang
(4) 忘羡 – หลบหนี
  •  


    เว่ยอู๋เซียนแม้ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากท่าเรือสัตตบงกชในใจก็ไม่คิดออกไปไหนให้อีกคนต้องพลอยเดือดร้อนเช่นกันถึงในใจจะอยากไปดูความเปลี่ยนแปลงภายนอกบ้างก็ตามแต่หลายอย่างสำหรับตัวเขายังเป็นปริศนา การออกไปด้านนอกเท่ากับออกไปที่แจ้ง

     

    น่ากลัวจะไม่เหลือแต้มชีวิตต่อให้เขาอีก

     

    ในเมื่อซุกซนนอกท่าเรือสัตตบงกชไม่ได้เลยถือโอกาสมาช่วยงานเจียงเฉิงเสียหน่อยแต่เจียงเฉิงกลับกล่าวหาว่าเขามาป่วนงานแถมยังไล่ไปฝึกกระบี่เสียอีกด้วยเหตุผลที่ว่ากาลเวลาผ่านมานานคงลืมวิชาไปหมดแล้ว

     

    ไม่เอาหรอก ตัวข้าในตอนนี้ยังรู้สึกขยาดอยู่เลยทุกครั้งที่ข้าดึงกระบี่ออกจากฝักทีไรต้องมีการหลั่งเลือดเสมอ ไม่เอาๆข้าจะอยู่อย่างสงบแล้วอย่าบังคับข้า”แม้คนพี่จะให้เหตุผลด้วยท่าทางขี้เล่นเช่นปกติ แต่เจียงเฉิงก็ไม่ได้เชื่อเต็มร้อยเพราะถึงยังไงขลุ่ยเฉิงฉิงก็สามารถทำให้คนหลั่งเลือดได้เช่นกัน

     

    หากคุณชายเว่ยของท่าเรือสัตตบงกชไม่มีใจจะฝึกเหตุใดเจ้าต้องบังคับเขาเล่า” เวินฉิงที่เอาชามาเปลี่ยนพูดขึ้นบ้างเจียงเฉิงกล่าวขอบคุณก่อนจะรับชามาดื่ม

     

    แต่ถ้าใช้แต่วิชานั้นอยู่ เจ้าก็อาจจะถูกเพ่งเล็งจากทุกตระกูลได้แล้วมันก็ซ้ำรอยเดิม” เจียงเฉิงยังคงยืนยันตามเดิมแต่เวินฉิงที่รู้ดีว่าคุณชายเว่ยคนนี้เป็นร่างเดิมแท้ๆไม่มีจินตาณที่จะฝึกวิชาเซียน อ่อนแรงเกินกว่าจะเหวี่ยงกระบี่

     

    แต่กับเจียงเฉิงที่ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็ได้แต่คิดหาวิธีที่เป็นตรงกลางระหว่างสองฝ่าย

     

    เจ้าตัวเขาไม่มีใจที่จะทำ งั้นท่านให้เขาทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องยุ่งกับขลุ่ยเฉินฉิงก็พอถูกมั้ยในเมื่อไม่ใช้ก็จะไม่เกิดเรื่องดังท่านว่า และส่วนเจ้า เว่ยอู๋เซียนก็ไม่ต้องฝึกดังใจ ดีหรือไม่” เวินฉิงเสนอความคิดขึ้นมาเจียงเฉิงได้ยินดังนั้นเลยแอบคล้อยตาม

     

    แต่ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหล่ะ สุดท้ายก็จะใช้วิชามารอยู่ดีงั้นสิ”เจ้าของขลุ่ยเฉินฉิงปิดปากเงียบ ไม่มีใครเถียงออกเจ้าของปัญหาเองก็รู้ว่าเวินฉิงพยายามที่จะช่วยเขาอยู่ไม่มากก็น้อยก็ได้แต่นึกขอบคุณในใจ

     

    ก็อย่าให้เกิดสิตอนนี้ท่านเองก็แข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องเขาได้แล้วก็ทำเสีย ถ้าเจ้าจัดการเองได้หมดจนไม่ต้องถึงมือเว่ยอู๋เซียนทีนี้ขลุ่ยเฉินฉิงก็ไม่ต้องแผลงฤทธิ์ถูกหรือไม่ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบอยู่แนวหลังก็เถอะ”เวินฉิงเหลือบตามามองคนที่ไม่ค่อยชอบอยู่แดนหลังที่ยังยืนหัวเราะแฮะๆอยู่ไม่ไกลอย่างอ่อนใจว่ามันน่าจะเป็นไปตามที่ท่านประมุขเจียงพูดแน่นอนหากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

     

    เฮ้อออออ” เสียงถอนหายใจยาวๆอย่างหน่ายใจกับคนตรงหน้าที่เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยของท่านประมุขเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

     

    ท่านประมุขขอรับ”

     

    เสียงเรียกจากหน้าประตูเรียกความสนใจจากคนในห้องได้เรื่องที่ปรมาจารย์อี๋หลิงมาอยู่ที่นี่ยังเป็นความลับแม้กระทั่งกับศิษย์ในตระกูลที่มีเพียงคนสนิทของประมุขเจียงเท่านั้นที่รู้แต่จากเสียงที่ฟังคงเป็นมือขวาท่านประมุขเขานั้นหละ

     

    เข้ามา”

     

    มีจดหมายส่งมาถึงท่านประมุข”รับมาเปิดอ่านเสร็จเจียงเฉิงถึงกับคิ้วขมวดหันขมับมามองหน้าเจ้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์อี๋หลิงทันทีจนคนโดนจ้องถึงกับงง

     

    พบหุ่นเชิดจำนวนมากที่ชิงเหอ จินกวงเหยาต้องการเรียกประชุมทุกคนเพราะคาดว่าปรมาจารย์อี๋หลิงกลับมาเยือนโลกอีกครั้งหลังจากแผ่นดินเซียนสงบสุขมาสิบกว่าปี”เว่ยอู๋เซียนได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าจนผมยุ่งเหยิงนี่ตัวเขาตื่นมาอีกครั้งเพื่อโดนใส่ร้ายงั้นหรือ

     

    ข้ามาตัวเพรียวๆไม่มีข้าวของติดตัวมาแม้แต่แดงเดียวไม่มีตราพยัคฆ์ทมิฬแล้ว แถมตอนนั้นข้าผนึกมันจนไม่น่าจะมีใครใช้ได้แล้วแน่นอน”เสียงยืนยันด้วยความมั่นใจทำเอาเจียงเฉิงมองอย่างไม่เข้าใจของที่มีการผนึกมีหรือจะปลดผนึกไม่ได้

     

    เจ้าผนึกได้ เหตุใดจะไม่มีคนปลดผนึกได้กัน”เวินฉิงที่เพิ่งรู้เรื่องเลยกล่าวค้านขึ้นมาบ้างโดยมีประมุขเจียงและศิษย์อีกหนึ่งคนยืนฟัง

     

    ก็เพราะว่าผนึกนี้ข้าใช้เลือดของเวินรั่วหานกับหญิงสาวพรหมจรรย์ในการผนึกหน่ะสิ”เว่ยอู๋เซียนบอกด้วยความภาคภูมิใจคนในห้องที่เหลือพอได้ยินแบบนั้นคนทั้งห้องก็ถึงกับร้องหะออกมาด้วยความคาดไม่ถึง

     

    การผนึกส่วนใหญ่จะใช้พลังแต่ข้าใช้เลือดในการผนึกดังนั้นหากไม่ใช่เจ้าของหรือคนที่ผนึกก็ไม่อาจรู้ได้ว่าผนึกด้วยอะไรถูกมั้ยแถมวิธีแก้ผนึกคือสิ่งตรงข้ามกันของเลือดทั้งสองสายเพื่อขัดแย้งกันเอง”

     

    แล้วทำไมเจ้าไม่ใช้เลือดเจ้าเองหล่ะ จะใช้เลือดของคนชั่วช้านั้นทำไมกัน”

     

    แล้วข้าจะเจ็บยอมเจ็บตัวไปเพื่ออะไรกันเล่าในเมื่อมีคนให้แทนกันได้”เวินฉิงได้ยินคำตอบจากเว่นอู๋เซียนแบบนั้นก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันทีเพราะตัวเธอเองก็เป็นเสมือนหมอประจำเว่ยอู๋เซียนอยู่แล้ว

     

    รวมถึงตอนที่อยู่ล่วงจั้งกั่งนั้นเว่ยอู๋เซียนกำลังทดลองสร้างเวทแปลกๆบางอย่างจนบาดเจ็บหนักพอจับมาตรวจเตรียมรักษากลับพบว่าเจ้าตัวมีพลังหยินในตัวแบบหญิงสาวทำให้รู้ว่าตอนนี้เว่ยอู๋เซียนเองถือว่าเป็นหญิงพรหมจรรย์ได้เช่นกัน

     

    ดีที่เธอเคยเก็บเลือดของเวินรั่วหานไว้เพื่อตรวจมิน่าตอนนั้นเว่ยอู๋เซียนถึงได้ถามหาเลือด และจากที่ฟังการผนึกใช้เลือดของผู้ชายที่ใช้วิชามาร และสาวพรหมจรรย์ที่ไม่ได้ฝึกจินตาณ ดังนั้นวิธีแก้ผนึกก็คือเลือดของหญิงสาวพรหมจรรย์ที่ใช้วิชามารร่วมกับชายที่ไม่ได้ฝึกจินตาณ

     

    การที่เว่ยอู๋เซียนยอมตายที่ปู๋เย่เทียนนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันเขาให้ทำ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนล่วงรู้เรื่องนี้เสียแล้วถึงได้เรียกเว่ยอู๋เซียนกลับมาอีกครั้งเวินฉิงมองหน้าเว่ยอู๋เซียนเล็กน้อยแต่เมื่อเจ้าตัวไม่พูดอะไรก็คงไม่เป็นไร

     

    แล้วมาพูดแบบนี้ไม่กลัวข้าเอาไปบอกเจ้าคนที่มีตราพยัคฆ์หรือไงกัน”

     

    แล้วถ้าข้าไม่บอก เจ้ายอมหรือไงกัน” เป็นทางเจียงเฉิงเงียบบ้างหลังจากนั้นเลยไปเล่าเรื่องจดหมายให้ศิษย์พี่ฟังเพื่อนัดเวลาพาศิษย์พี่ไปคืนเจ้านกยูงที่แอบแนบจดหมายทวงภรรยาและลูกกลับบ้านด้วย

     

    น่าตายยิ่งนัก!

     

     

    忘羡 

     

    เจียงเฉิงให้อยู่บ้านห้ามออกไปไหนให้เวินฉิงเวินหนิงคอยดูแลเพราะเวินฉิงมีครัวส่วนตัวอยู่แล้วไม่มีใครมายุ่งและเตรียมของไว้ทำอาหารเหลือพอหลายคืนเลยทีเดียว

     

    สั่งลาเสร็จศิษย์พี่แอบยื่นหน้ามากระซิบว่าทำแกงรากบัวทิ้งไว้ในครัวทำเอาคนฟังรู้สึกเหมือนได้รับพลังท่วมท้นหากมีหางคงกระดิกส่ายไปมาเป็นแน่ส่วนจินหลิงแม้จะไม่สนิทนักแต่ก็ยังคงให้ความเคารพอย่างดี

     

    แต่เมื่อไปยังที่จินหลินไถเพื่อเข้าประชุมจินจื่อเซวียนขอพาภรรยาไปพักเลยปล่อยให้อาเหยาพูดเรื่องหุ่นเชิดไปก่อนจะรีบตามมา

     

    ทุกท่านคงทราบกันแล้วว่าเมื่อไม่นานมานี้ที่ชิงเหอมีหุ่นเชิดมากมายบุกเข้ามาทั้งๆที่สิบกว่าปีหลังจากปรมาจารย์อี๋หลิงเว่ยอู๋เซียนสิ้นไปก็ไม่มีเรื่องพวกนี้อีกเลยท่านคิดอย่างไร” ถึงจะเปิดเรื่องหุ่นเชิดและเอ่ยเป็นมุมเปิดกว้าง แต่หากฟังดีๆแล้วมันคือการโน้มน้าวให้นึกถึงไปในทางเดียวกัน

     

    หรือว่า!”

     

    หรือว่า ปรมาจารย์อี๋หลิง

     

    ยังมีชีวิตอยู่”

     

    ความโกลหลเกิดขึ้นในที่ประชุมแต่ละตระกูลพูดกันไปมาถึงความน่ากลัวของปรมาจารย์อี๋หลิง รวมถึงย้ำปมในใจของประมุขเจียงอย่างการทรยศตระกูลเจียงของเว่ยอู๋เซียนและการปลิดชีพคนคนนั้นด้วยน้ำมือของศิษย์น้องตระกูลเดียวกัน

     

    เจียงเฉิงทำได้เพียงกำหมัดแน่นด้วยเพราะตาสว่างแล้วว่าศิษย์พี่ของตนนั้นไม่ได้ทำอะไรเลยและตอนนี้กำลังถูกชักจูงเหมือนในอดีตอีกครั้ง

     

    ประมุขเจียง” เสียงของจินกวงเหยาเรียกให้สติเจ้าของชื่อให้ออกจากภวังค์ทุกคนเงียบลงฟังหลังจากคุยกันดังนกกระจอกแตกรัง

     

    ขออภัย ข้าเพียงคิดอะไรเล็กน้อย”เจียงเฉิงยังคงความสุภาพไว้ได้เป็นอย่างดี

     

    ไม่ต้องขออภัยอันใดหรอก ข้าเพียงอยากถามท่านเรื่องของปรมาจารย์อี๋หลิงเพราะท่านเป็นคนสุดท้ายที่เห็นเขาร่วมกับท่านหานกวงจวิน”ใบหน้าที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆแต่คำพูดกลับกำลังตอกย้ำคนที่เป็นผู้กระทำอย่างเขา

     

    หลังจากตกจากหน้าผา ข้าเรียกรวมพลตามหาศพแต่ไม่พบหานกวงจวินและคนในตระกูลหลานพยายามสื่อสารกับวิญญาณเพื่อให้แน่ชัดแล้ว และได้ข้อสรุปตามที่ได้กล่าวเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน”

     

    วิญญาณของปรมาจารย์อี๋หลิงแหลกสลายถูกพลังมารใต้ผาปู๋เย่เทียนกัดกินจนไม่เหลือแม้กระทั่งเศษวิญญาณ”เจียงเฉินกล่าวความหนักแน่น

     

    งั้นหรือ แต่ที่ข้าได้ยินข่าวมาเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านประมุขเจียงได้พาชายคนนึงเข้าไปพักในท่าเรือสัตตบงกชไม่ทราบนาม ปกปิดตัวตนแต่ตั้งแต่วันนั้นที่เข้าไปจนบัดนี้ยังไม่มีวี่แววที่จะกลับออกมานั้นคงไม่ใช่จินหลินหรอกใช่หรือไม่” จินกวางเหยาเจ้าเล่ห์เพทุบายไล่ต้อนประมุขเจียงจนแทบดิ้นไม่หลุด

     

    หรือแท้จริงแล้วจินกวงเหยาจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังมิเช่นนั้นจะรู้ช่วงเวลาที่จะจับตามองได้ตรงขนาดนี้ได้อย่างไร

     

    เขามาขอเป็นคนงาน ข้าจึงรับเขามา”เพราะประสบการณ์สั่งสมให้รู้วิธีการตอบให้ลื่นไหล

     

    งั้นเพื่อความโปร่งใสข้าอยากขอให้ท่านประมุขเจียงยอมให้ทุกคนในที่นี้สามารถเข้าไปยังท่าเรือสัตตบงกชได้เพื่อตรวจสอบให้เห็นกับตาว่าท่านไม่ได้ปิดบังอะไรจากพวกเราทุกคน”จบคำของจินกวงเหยาตระกูลต่างๆ ก็โห่ร้องต้องการให้พิสูจน์

     

    เจียงเฉิงกำหมัดแน่นเพราะไม่สามารถลุกออกไปจากที่นี่ได้เพราะจะออกพิรุธเกินไปได้แต่หวังให้วันนี้เว่ยอู๋เซียนอยากออกไปเที่ยวเล่นยามค่ำคืนของวันนี้ก็เท่านั้น

     

    แต่หลานฮวั่นที่รับฟังเรื่องราวจากคนน้องมาแล้วเลยแอบส่งผีเสื้อส่งสาส์นไปยังน้องชายที่อยู่ด้านหน้าจินหลินไถไม่ได้เข้าร่วมประชุมเพราะผิดหวังที่ไม่ได้พบคุณชายเว่ย

     

    เกิดอะไรขึ้น” เสียงของผู้มาใหม่ที่เพิ่งจะก้าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้างุนงงกับความวุ่นวายตรงหน้าเรียกให้ประมุขเจียงหันไปมองอย่างหาเรื่องของคนที่มาช้า

     

    จินจื่อเซวียน!

     

     

    忘羡 

     


    หลานวั่งจีวิ่งตามหาคนที่กำลังถูกหมายหัวทั่วทุกที่ในสกุลเจียงไม่สนกฎสกุลหลานแต่อย่างใดใจเต้นไม่เป็นส่ำเป็นห่วงใครอีกคนจนได้ยินเสียงโครมดังออกมาจากเรือนหนึ่งจึงเข้าไปเห็นชายชุดสีม่วงบ่งบอกว่าเป็นศิษย์สกุลเจียงใส่หน้ากากแทงกระบี่ใส่เว่ยอิง

     

    ตระกูลเจียงมีผู้ทรยศ

     

    เห็นแบบนั้นจึงรีบเข้าไปผลักและปาดคอคนที่ทำร้ายคนของเขาทันทีก่อนจะอุ้มคนเจ็บขึ้นกระบี่หนีไปแต่จนแล้วจนรอดคุณชายรองหลานที่เห็นคนในอ้อมกอดท่าทางจะไม่ไหวจริงร่อนลงกลางป่าใกล้อี๋หลิงเมื่อเห็นบ้านไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่ง

     

    เคาะประตูไม่กี่ทีก็มีเสียงตะโกนถามดังออกมา“หานกวงจวิน” เมื่อตอบคำถามไปประตูก็แทบจะเปิดทันที น่าตกใจที่คนด้านในที่เปิดประตูออกมากลับเป็นคนที่เคยเป็นคนข้างกายจินจื่อเซวียนอย่างแม่นางหลัว

     

    ท่านหานกวงจวิน เกิดอะไรขึ้น”นางถามขึ้นขณะที่ช่วยพาร่างคุณชายเว่ยไปนอนทำแผลที่เตียงโดยฝากคนเป็นสามีกั้นลูกสาวไว้ไม่อยากให้เห็นเลือดเสียเท่าไหร่

     

    มีคนปลุกระดม ฆ่าคุณชายเว่ย” ได้ยินแบบนั้นแม่นางหลัวก็นึกถึงข่าวลือเรื่องการล้อมปราบปรมาจารย์อี๋หลิงแม้จะคิดว่าเป็นเรื่องจริงแต่ถ้าคนคนนี้ตายไปแล้วเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่กัน

     

    แต่ครั้นจะถามออกไปก็ไม่กล้าจึงได้แต่คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้อยู่ห่างๆ เพราะคนบาดเจ็บยังไงก็เป็นผู้มีพระคุณกับตัวเธอ

     

    เช้าวันถัดมาเธอเตรียมมื้อเช้าให้ครอบครัวเธอและแขกทั้งสองเว่ยอู๋เซียนยังคงเป็นเว่ยอู๋เซียนที่ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนๆก็ยังคงตื่นยามซื่อเป็นกิจวัตรแต่เมื่อเห็นว่าหานกวงจวินยังคงนั่งฝั่งอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อคืนก็อดทึ่งในความอดทนไม่ได้

     

    ท่านหานกวงจวิน นี่ยาใส่แผลข้าฝนไพรไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”คนตรงหน้าเพียงรับและเอ่ยขอบคุณตามมารยาท ก่อนจะนำมันวางไว้ที่ข้างตัวคาดว่าน่าจะรอให้คนป่วยตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งมันก็จริง

     

    หลานจ้าน...”

     

    เว่ยอิง เป็นอย่างไรบ้าง”หลานจ้านโอบรอบเอวคนป่วยเพื่อช่วยพยุงลุกขึ้นนั่ง เว่ยอู๋เซียนมองคนพูดด้วยตาพร่ามัวปากสั่นน้อยแต่ใบหน้าซีดเซียวนั้นทำให้สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างท่วมท้น

     

    โอเคขึ้นแล้ว ที่นี่ที่ไหนกัน”

     

    ที่นี่เป็นบ้านข้าเองคุณชายเว่ย”เสียงหวานที่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มน้อยทำเอาคนได้รับคำตอบถึงกับเลิกลักเพราะจดจำแม่นางคนนี้ไม่ได้

     

    คนรู้จักหรือข้าเคยไปทำอะไรให้นางหรือไม่กันเหตุใดจึงรู้ข้าได้ระหว่างที่ยังคิดรำลึกความทรงจำอย่างแข็งขัน อยู่ๆก็เหมือนมีบางอย่างสะกิดใจขึ้นมา

     

    เหมียนเหมียน เจ้าคือเหมียนเหมียน!”

     

    ท่านเรียกชื่อลูกสาวข้าทำไม” เป็นเสียงทุ้มของคนมาใหม่ที่เดินมาพร้อมกับเด็กสาวตัวน้อยที่กอดเข่าชายคนนั้นเหมือนกล้าๆกลัวแขกผู้มาเยือน

     

    โอ้ นี่ข้าได้เจอเหมียนเหมียนคนโตแล้วก็เหมียนเหมียนตัวน้อยด้วยงั้นหรือนี่” คนบนเตียงหัวเราะขำๆก่อนจะเป็นตัวแม่นางหลัวที่ยิ้มรับพร้อมกับแนะนำคนมาใหม่ทั้งสองแก่คนหนึ่งสามีคนหนึ่งลูก

     

    ข้าเสียมารยาทเอ่ยถามท่านเล็กน้อย ท่านมาจากสำนักใดหรือ”เว่ยอู๋เซียนถามด้วยใบหน้านอบน้อม

     

    เขาเป็นพ่อค้าไม่ได้ฝึกวิชาแต่เดี๋ยวนี้เขายอมออกเยี่ยเลี่ย(ล่าภูติผี)กับข้าแล้วส่วนท่านทั้งสองนี้คือคุณชายเว่ยและคุณชายรองหลาน”เหมียนเหมียนกอดแขนสามีด้วยความรัก

     

    แม่นางหลัว สุขสบายดีหรือไม่”น้อยครั้งนักที่หานกวงจวินจะแสดงท่าทีห่วงใยผู้อื่นแบบนี้ แต่ทำใจมันหน่วงแปลกๆกันไม่เข้าใจเลย

     

    ข้าอยู่กับสามีและลูก สุขสบายดี ขอบคุณท่าน”

     

    แม่นางหลัว วันนี้ข้าได้รู้ชื่อจริงเจ้าแล้ว” คนโดนรู้ชื่อจริงมีทีท่าเอียงอายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตเพราะถึงอย่างไรคนตรงหน้าก็ถือเป็นหนุ่มรูปงามหาตัวจับได้ยากแถมยังเคยช่วยให้ตนรอดพ้นจากการถูกนาบเหล็กร้อนตราตระกูลเวิน

     

    ทำแผล”

     

    ท่านหานกวงจวินของใครๆยกไพรขึ้นจัดการแผลที่ท้องของเว่ยอู๋เซียนจนเรียบร้อยจึงยอมให้คนอื่นเข้ามาทำเอานึกถึงสมัยก่อนที่เรียนอยู่กูซูครานั้นเข้าไปหลังเขากูซูเพื่อจับปลาเล่นคนเดียวแต่ดันลื่นล้มจนได้แผลลากยาวจากกลางน่องจนเกือบครึ่งโคนขา

     

    ปกติเวลาได้แผลมาคนอย่างเว่ยอู๋เซียนมักปล่อยให้แผลหายเองไม่คิดสนใจแต่เลือดไหลเจิ่งนองขนาดนี้คงต้องทำแผลสักหน่อยแต่ความเจ็บปวดทำให้ทำได้เพียงดันตัวขึ้นมาบนหินเตี้ยๆนี่เพื่อดูแผลเสียก่อน

     

    เสื้อผ้าสีขาวถูกย้อมด้วยเลือดหลานวั่งจีที่ผ่านมาพอดีเลยตกเป็นเหยื่อให้กับเว่ยอู๋เซียนที่อยากแกล้งคนพอดีแต่หลานวั่งจียามนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธแถมยังแบกขึ้นหลังเสียอย่างนั้นทั้งๆ ที่ย้ำกับใครๆว่าไม่ชอบการสัมผัสตัวผู้อื่นแต่ก่อนหน้านั้นยังมีแก่ใจทำแผลให้ถึงผ้าพันแผลจะพันไม่เรียบร้อยไปบ้าง

     

    แต่ตอนนี้พันเรียบร้อยแน่นกำลังดีเหมือนคนที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

     

    น่าชื่นชมน่าชื่นชม

     

    ขอบคุณแม่นางหลัวที่ให้ความช่วยเหลือ ตอนนี้เราโดนหมายหัวอยู่อาจจะส่งผลร้ายต่อพวกท่านข้ากับหลานจ้านคงต้องลาแต่เพียงเท่านี้” เว่ยอิงยืนวาดแขนเคารพโดยมีวั่งประคอง

     

    หามิได้ๆหากท่านเดือดร้อนอันใดสามารถมารับความช่วยเหลือจากข้าได้ทุกเมื่ออย่าได้เกรงใจ”แม่นางกล่าวพร้อมวาดแขนเคารพกลับ

     

    ขอบคุณ” เว่ยอู๋เซียนกับหานกวงจวินกล่าวพร้อมขอตัวลาออกไปยังจุดหมายที่ตกลงกันไว้หรือจริงๆ แล้วมันเป็นกึ่งคำชวนเข้าถิ่นคนร่างบางข้างๆ

     

    ล่วงจั้งกั่ง

     

     

     

     


    สถานีต่อไปล่วงจั้งกั่ง บ้านเก่าคุณเว่ยอิงเขานะคะ

    ถึงหลานจ้านจะเคยไปเยี่ยมเยียนแต่ไม่เคยค้าง

    รอบนี้ต้องค้างแล้วนะเจ้าคะอิอิ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in