เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryMnmt Thanintorn
Map of the Soul ON:E คอนเสิร์ตออนไลน์สุดยิ่งใหญ่ กับโปรดักชั่นระดับโลก
  • เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 11 เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีโอกาสได้รับชมคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งใหญ่ของศิลปินวง BTS จึงอยากมาพูดถึงเรื่องราวความประทับใจที่ได้จากคอนเสิร์ตในครั้งนี้ สาเหตุที่เลือกรับชมคอนเสิร์ต ‘Map of the Soul ON:E’ นี้ก็เป็นเพราะว่าส่วนตัวเป็นแฟนคลับของศิลปินวง BTS อยู่แล้ว จึงเคยรับชมคอนเสิร์ตมาแล้ว และเชื่อมั่นในฝีมือการแสดงสดมาโดยตลอด นอกจากนี้ Map of the Soul ON:E ยังถือเป็นคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งใหญ่ ที่มีการลงทุนกับงานโปรดักชั่นอย่างมาก โดยมีการนำเทคโนโลยี AR มาใช้สร้างความสมจริงและฉากที่เปลี่ยนแปลงไปถึง 4 คอนเสิร์ตฮอลล์

    ข้อดีอย่างนึงสำหรับการรับชมคอนเสิร์ตออนไลน์ก็การเตรียมตัว ที่อาจจะไม่ยุ่งยากมากเท่ากับการออกไปชมคอนเสิร์ตจริงๆ คือเราสามารถดูจากที่ไหนก็ได้เพียงแค่ต้องเตรียมสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้พร้อม จะได้แน่ใจได้ว่าจะสามารถรับชมได้อย่างลื่นไหลไม่มีติดขัดแน่นอน นอกจากนี้แล้วสำหรับแฟนคลับวง BTS ที่มีแท่งไฟของวง ยังสามารถเชื่อมต่อแท่งไฟด้วยระบบบลูทูธผ่านแอปพลิเคชัน Weverse ทำให้ยิ่งรับชมคอนเสิร์ตได้อย่างสนุกสนานเต็มที่ เหมือนกับได้อยู่ในฮอลล์คอนเสิร์ตจริงๆ

    สำหรับศิลปินของเรา BTS เองนี่ก็ไม่ใช่การแสดงคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งแรก จึงมั่นใจได้เลยว่าคุณภาพการแสดงจัดเต็มไม่แพ้การแสดงคอนเสิร์ตปกติแน่นอน และสำหรับบางคนที่อาจจะไม่รู้จัก BTS เป็นกลุ่มศิลปินเกาหลีที่เดบิวต์ในปี 2013 จากค่ายเพลง Bighit Entertainment ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน และเป็นศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่สามารถเจาะเข้าอันดับ 1 ชาร์ตเพลง Billboard hot 100 ได้ เรียกได้ว่าโด่งดังทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นวงที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการแสดงสดเป็นอย่างมาก ซึ่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ได้แสดงผลงานเพลงจากอัลบั้มล่าสุด ‘Map of the Soul:7’ รวมกับผลงานเพลงจากอัลบั้มเก่าอีกด้วย



    เริ่มคอนเสิร์ตมาด้วย ON เพลงไตเติลจากอัลบั้มล่าสุด ‘Map of the Soul:7’  เพลง hiphop ที่มีจังหวะหนักแน่น ทั้งยังร่วมแสดงกับวงดุริยางค์ ทำให้เพลงยิ่งมีความสนุกสนานน่าสนใจ บวกกับเนื้อเพลงที่พูดถึงการก้าวข้ามความลำบากและให้มุ่งหน้าสู้ต่อไป เรียกได้ว่าเหมาะกับการเปิดเพลงเปิด เพราะชวนให้ผู้ชมรู้สึกตื่นตัวและอยากขยับตัวโยกตาม ตามมาด้วยเพลงในช่วงแรกๆที่เดบิวต์ของ BTS อย่าง N.O เพลง hiphop แบบ old school ที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม มาพร้อมกับเบรกแดนซ์สุดพร้อมเพรียงและท่าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ของวง BTS นอกจากนี้ยังมี Intro:Persona เพลงโซโลเดี่ยวของ RM ลีดเดอร์ของวง เป็นเพลงแนว pop-rock ที่มีจังหวะ hiphop สนุกสนาน มีความเป็น old school ตามแบบฉบับของเพลง BTS ในช่วงแรกๆ 

    จะเห็นได้ว่าในช่วงแรกของคอนเสิร์ตจะเน้นไปที่เพลงที่มีจังหวะหนักแน่น สนุกสนาน เพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้ผู้ชมรู้สึกตื่นตัวพร้อมเข้าสู่คอนเสิร์ต ซึ่งในช่วงการของคอนเสิร์ตก็จะเน้นการแสดงไปที่แนวเพลงที่หลากหลาย สลับกันระหว่างโชว์ของวง โชว์โซโลของสมาชิกแต่ละคน และโชว์แบบยูนิต หนึ่งในการแสดงที่ประทับใจมากที่สุดการแสดงหนึ่งนั่นก็คือ Black Swan เพลง pop ที่มีความเป็น hiphop และมีเมโลดี้ที่โดดเด่นด้วยการใช้เสียงเครื่องสายเข้ามาช่วย ทำให้ตัวเพลงมีความแปลกใหม่และลึกลับ ร่วมกับการแสดงที่มีการผสมผสานท่าเต้นแบบ contemporary ยิ่งทำให้ผู้ชมเข้าถึงอารมณ์เพลงมากขึ้น

    อีกหนึ่งการแสดงที่แฟนคลับหลายๆคนตั้งตารอชมก็คือการแสดงยูนิตของวง ซึ่งจะแบ่งออกเป็นแรปไลน์กับโวคอลไลน์ สำหรับเวทีของแรปไลน์ที่รวมเหล่าแรปเปอร์ของวง RM SUGA และ J-hope มากับเพลง UGH! เพลง hiphop บีทหนักแนว Memphis style trap มีท่วงทำนองที่หนักแน่นพร้อมกับเนื้อเพลงที่ติดหู บีทและเสียงยิงปืนที่หนักแน่นรุนแรงชวนให้โยกหัวไปตามๆกัน การตกแต่งเวทีเป็นเวทีมวยและคอสตูมของศิลปินยังทำให้ไปในธีมของนักมวย ยิ่งทำให้ผู้ชมอินไปกับการแสดงสุดร้อนแรงเวทีนี้อีกด้วย สำหรับโวคอลไลน์ที่ประกอบไปด้วย จิน จีมิน วี และจองกุก นั้นมากับ Zero O’clock เพลงแนว mid-tempo ballad ที่ฟังง่าย มีเนื้อหาที่อบอุ่นและปลอบประโลมคนฟัง ด้วยเนื้อเพลงที่มีความหมายให้ทิ้งความกังวลและมาเริ่มต้นกันใหม่ในเวลาเที่ยงคืน


    ปิดท้ายการแสดงด้วยช่วง Encore ที่เรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ทั้งความสนุกสนานกับ Dynamite เพลง pop-disco ที่พาวงขึ้นสู่อันดับ 1 ชาร์ต billboard hot 100 มาแล้ว ด้วยจังหวะสนุกสนาน บวกกับ special effects ที่จัดเต็มทั้ง confetti และลูกโป่ง ทำให้แฟนๆที่อยู่หน้าจอต้องลุกขึ้นเต้นตามไปตามๆกัน รวมถึงความซาบซึ้งกับเพลงสุดท้ายของงาน We are Bulletproof : The Eternal เพลง pop ทีมีเนื้อหาเร้าอารมณ์พูดถึงความลำบากของวงที่ฝ่าฝันมากว่าจะมาถึงวันนี้ เรียกได้ว่าทำเอาแฟนคลับหลายคนเสียน้ำตาไปไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นการจบการแสดงได้อย่างซาบซึ้งกินใจและน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

    ตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงของคอนเสิร์ต Map of the Soul ON:E เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอารมณ์ต่างๆ จากการแสดงที่หลากหลาย BTS ไม่เคยทำให้ผิดหวังเมื่อพูดถึงการแสดงสดที่ทรงพลังและมีคุณภาพ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่สามารถพิสูจน์ได้ คอนเสิร์ตเต็มไปด้วยการแสดงและบทเพลงที่มีความหลากหลาย สมาชิกเต็มที่กับทุกเวทีและถ่ายทอดบทเพลงออกได้เป็นอย่างดี รวมถึงทีมงานเบื้องหลังและแดนเซอร์ที่ทำงานอย่างเต็มที่ ประกอบกันออกมาเป็นคอนเสิร์ตที่ทรงคุณค่าและน่าประทับใจมากที่สุดคอนเสิร์ตหนึ่งที่เคยเข้าชมเลยทีเดียว ยืนยันได้ว่าหาก BTS จะมีคอนเสิร์ตอีกก็คงไม่พลาดซื้อตั๋วเข้าชมไม่ว่าจะได้เข้าชมจริงหรือเป็บแบบออนไลน์ก็ตาม








Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in