เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ศุกร์ศัลย์: เรื่องราวของหมอศัลย์ที่แสนจะธรรมดาเป็นพิเศษHappy Friday Knight: ศุกร์ศัลย์
นิสิตแพทย์เอ๋ยเจ้ามีหน้าที่หลายอย่างด้วยกัน
  • "ผู้ป่วยชายไทยคู่ อายุ 60 ปี อาชีพ ค้าขาย..."
    "ขายอะไร"
    "เอ่อ..."
    "ซักประวัติไม่ละเอียด ไปซักมาใหม่ เอ้า คนต่อไป"

    สำหรับนิสิตนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิกแล้วนั้น การซักประวัติตรวจร่างกายผู้ป่วยให้ละเอียดครบถ้วนถือเป็นหน้าที่หลักที่ต้องทำให้สมบูรณ์ การซักประวัติตรวจร่างกายที่ไม่ครบถ้วนจะไม่สามารถวินิจฉัยแยกโรคได้

    "ขายข้าวแกงค่ะ"
    "ข้าวแกงนี่มีอะไรบ้าง"

    บางทีความละเอียดอาจทำให้เราได้ข้อมูลที่คาดไม่ถึง

    "ขายพะแนง ต้องชิมน้ำแกงที่มีกะทิทุกวัน คนไข้ของเราอาจเป็น dyslipidemia (ไขมันสูง) ได้"
    "ขณะขายข้าวแกงอยู่นั้นก็รู้สึกแขนขาซ้ายอ่อนแรงทันที"
    "รู้ได้ไง ตอนนั้นทำอะไรอยู่"
    "ขายข้าวค่ะ"
    "ไม่ใช่ หมายถึงรู้ onset ได้ยังไง เนี่ย ซักประวัติไม่ละเอียดแล้วจะรู้ onset ได้ยังไง ไม่รู้ onset จะให้ fibrinolytic drugs ได้ยังไง ไป เลิกๆๆ สอนต่อไม่ได้เลย"

    เราและเพื่อนคอตก การเรียนข้างเตียงผู้ป่วยวันนี้แทบไม่ได้อะไรเลยเพราะความไม่ละเอียดแท้ๆ

    เอาใหม่ ซักประวัติใหม่ ตรวจร่างกายใหม่ คนไข้คนใหม่

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    "ผู้ป่วยชายไทยคู่ อายุ 65 ปี ภูมิลำเนา..."
    ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยากอดอกนิ่ง เหล่าแพทย์ประจำบ้านอายุรกรรมรายล้อม นิสิตแพทย์ยืนกุมเป้านิ่ง

    "12 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล หลังจากปั่นจักรยานกลับมาจากซื้อของ ซื้อน้ำมันถั่วเหลือง 1 ขวด น้ำตาลทรายมิตรผล 1 ถุง ซอสภูเขาทองขวดใหญ่ 1 ขวด ก้าวเข้าบ้านด้วยเท้าซ้ายก่อน ตอนนั้นยังเดินได้ปกติค่ะ ใช้มือขวาหยิบน้ำมัน น้ำตาล แล้วก็ซอสตามลำดับ ตอนนั้นก็ยืนเก็บของได้ปกติค่ะ

    เก็บของเสร็จก็ไปอาบน้ำ หยิบผ้าขนหนูด้วยมือซ้าย ก้าวเท้าเข้าห้องน้ำด้วยเท้าขวา ขณะกำลังหยิบขันด้วยมือขวาเพื่อตักน้ำอาบ ก็ล้มลงไปทันทีค่ะ ตอนล้มล้มข้างขวา ขันในมือขวาหล่นลงกับพื้น..."

    "นี่เธอเล่ามายืดยาว มันได้ประเด็นอะไรมั้ยเนี่ย"
    พี่เดนท์ที่ยืนอยู่หลังอาจารย์กลั้นขำไม่ไหว หัวเราะพรวดออกมาอย่างไม่อาย

    "ประวัติโดยละเอียดค่ะอาจารย์ หนูกำลังจะสื่อว่าคนไข้เป็น stroke ข้างขวาค่ะ onset 12 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาลค่ะ"

    "เวลาซักประวัติ ซักให้มันได้ point ไม่ใช่ว่าซักไปเรื่อย อะ มีอะไรจะพูดอีก ว่ามา"

    ที่ทำอยู่นั้นแม้ว่าจะเหมือนประชด แต่ตอนนั้นเราตั้งใจซักประวัติตรวจร่างกายเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุดจริงๆนะคะ

    สุดท้ายอาจารย์ก็ขำ บรรยากาศก็เลยผ่อนคลาย แม้ว่าจะไม่ใช่การนำเสนอที่ดีนัก แต่ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จค่ะ คนไข้ได้รับการรักษาอย่างที่ควรจะเป็นจากประวัติของเรา อาจารย์ได้สอน เพื่อนๆพี่ๆได้ความรู้

    อยากฝากน้องๆนิสิตนักศึกษาแพทย์ไว้ ว่าการซักประวัติตรวจร่างกายถือเป็นหัวใจของการเรียนชั้นคลินิก ทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ดูแลคนไข้เป็นองค์รวม แล้วเราจะได้เรียนกันอย่างเหมาะสมที่สุดค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in