เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Abysspiyarak_s
Day 5-6: Color pencils and Fool
  • 5. ดินสอสี

    หลังเลิกงาน ลีโอกับผมแวะซื้อของอาหารค่ำสำหรับกลับไปกินที่บ้านของเขา
    และดินสอสีชุดใหญ่สำหรับเป็นของขวัญวันเกิดให้คริสทีน ลูกสาวคนเดียวของเขา


    ปีนี้ คริสทีนอายุสิบสอง และเข้าใจเหตุผลที่พ่อกับแม่ของเธออยู่ด้วยกันไม่ได้ทุกประการ
    เธอรู้จักผมในฐานะเพื่อนสนิทของพ่อเธอ และยังพยายามทำความเข้าใจกับเธอไม่สำเร็จว่า
    การที่ผมเป็น ‘ฮาฟุ’ หรือ ลูกครึ่งญี่ปุ่น ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้เรื่องมังงะหรืออนิเมะมากกว่าเธอเลย
    เรื่องวาดรูปยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่ ความสามารถเดียวที่ผมมี คือ พูดภาษาญี่ปุ่นได้และอ่านออก
    แต่เท่านั้นก็เป็นตัวช่วยสำหรับแพทย์นิติเวชที่มีลูกสาววัยย่างเข้าสู่วัยรุ่นอย่างลีโอได้มากพอแล้ว


    คริสทีนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเลือกที่จะรักษาระยะห่างในความสัมพันธ์ของเขากับผมเอาไว้
    เพราะผมยังไม่แน่ใจว่า หากพ่อของเธอกับผมกลายเป็นมากกว่าเพื่อน เธอจะรับมันได้ขนาดไหน
    แต่เหตุผลสำคัญยิ่งกว่า คือ ผมอยากให้ลีโอได้ใช้เวลาในการคิดทบทวนเรื่องของเราให้มากกว่านี้
    เพราะในขณะที่ผมรู้ตัวมาตั้งแต่แรกแล้วว่า ผมไม่เคยมีเรื่องความสัมพันธ์กับผู้หญิงอยู่ในความคิด
    แต่ลีโอชอบผู้หญิงมาโดยตลอด แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเคยรัก มีความสัมพันธ์กับเธอจนมีลูกคนหนึ่ง


    ช่วงเวลาของการหย่าร้างกับแครอล และตกลงกันเรื่องปกครองบุตร เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของเขา
    ผมเป็นคนที่อยู่ข้างเขาตลอดช่วงเวลานั้น ความหวั่นไหวไม่มั่นคงดังกล่าวอาจทำให้ใจเขาต้องการที่พึ่ง
    เหมือนทฤษฎีที่ว่าการเดินบนสะพานแขวน ความหวาดหวั่นในใจทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายดึงดูดใจมากขึ้น


    ไม่ว่าในใจเขาจะคิดอย่างไรในช่วงเวลานั้น ผมยอมรับว่า ผมชอบลีโอ คิงส์ลีย์ มาตั้งแต่แรกที่เราเริ่มรู้จัก
    ความชอบที่ผมมีต่อเขา เป็นความชอบในความหมายที่จริงจัง ชอบอย่างที่รู้สึกว่า ผมสูญเสียเขาไปไม่ได้
    ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงเลือกเว้นช่องว่างของความสัมพันธ์ของเราสองคนเอาไว้ เผื่อให้กลับตัวได้ทัน
    อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดการเรื่องหย่าร้างลงตัว ลีโอไม่ได้ออกเดทกับใครคนไหนอีกเลยแม้แต่คนเดียว
    เขาไม่สนใจใครอื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เขาไม่มีความสัมพันธ์กับใคร นอกจากผมเพียงคนดียว


    แม้ว่าตลอดสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา เขาแสดงออกเป็นนัยเวลาที่เราอยู่กันตามลำพังว่า เขาชอบผมเกินเพื่อน
    เราต่างรู้ว่า การได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุด และสงบสุขที่สุด
    ในเวลาที่ว้าวุ่น ลีโอทำให้จิตใจของผมสงบลงจนเป็นปกติ แต่ในเวลาที่เขาต้องการแสดงความรู้สึกต่อผม
    เขาก็สามารถทำให้หัวใจที่เต้นในจังหวะปกติของผมเต้นแรงขึ้นด้วยเสียงกระซิบและสัมผัสทางกาย
    เราอาจนอนกอดกันตลอดคืน แต่ผมก็ให้เขาได้มากที่สุดแค่การกอด จูบ และตอบสนองภายนอกเท่านั้น


    ในความใกล้ชิดของเรายังคงมีเส้นแบ่งบางเบาคั่นกลางเอาไว้ เขาไม่เคยล้ำเส้น และไม่เคยถามเหตุผล
    เขารู้ตลอดเวลาว่า ผมยังคงใช้ชีวิตที่ไม่ผูกมัดกับใครไปตามปกติ แต่ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผม
    ความสัมพันธ์ระหว่างเรามีรูปร่างที่จับต้องได้ แต่เหมือนสมุดระบายสีที่เส้นเป็นภาพแต่เว้นขาวว่างไว้
    แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ วันที่ผมเฉลยในสิ่งที่เขาอยากรู้ หลังจากที่ผมกลับจากการสืบหาเบาะแส
    เกี่ยวกับนีล แมคเคนซี ผู้ตายในคดีที่ไบรตัน เส้นแบ่งบาง ๆ ที่เคยกั้นระหว่างเรา ก็ถูกลบออกไปในที่สุด
    ส่วนสีที่จะถูกระบายลงไปในช่องว่างระหว่างลายเส้นที่ถูกร่างเอาไว้ จะเป็นสีอะไรบ้าง ผมยังบอกไม่ได้


    ในเวลานี้ ในเวลาที่ลีโอกับผมกลับมาถึงบ้านของเขา ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ดินสอสีของขวัญของคริสทีน
    ถูกละทิ้งไปชั่วคราว เมื่อสองมือของเราสองคนไม่ว่างพอจะจับยึดสิ่งใด นอกจากคนในอ้อมกอดเราเอง


    เมื่อความอดทนรอคอยสิ้นสุดลง ความปรารถนาที่เขาเก็บกลั้นเอาไว้ก็ถาโถมใส่ จนผมเกือบตั้งตัวไม่ติด

    “ฮารุ... ฮารุ...” 

    เขาเรียกชื่อของผมครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่ริมฝีปากของเขาแทบไม่ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
    มือของเขาไล้สัมผัสไปทั่วผิวกายของผม ขณะที่ผมสอดนิ้วมือผ่านเส้นผมสีเงินของคนที่ทาบทับบนร่าง
    ทุกสัมผัสของเขาเต็มไปด้วยความโหยกระหายเหมือนคนขาดน้ำพบแหล่งน้ำที่เขาสามารถตักตวงเอาได้
    แต่ความลังเลกับจังหวะรุกเร้าที่ขาดหายไปครู่ทำให้ผมรู้ว่า เขาไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน


    ใบหน้าของเขาแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม เมื่อผมเอื้อมแขนออกไปโอบกอดและโน้มตัวเขาลงมากระซิบบอก
    เขาไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ผมเสนอให้ แต่ภายในเวลาไม่นานนัก เมื่อเราเรียนรู้ความเคลื่อนไหวของกัน
    เขาก็กลายเป็นฝ่ายที่ดึงตัวผมให้กลับมาอยู่ด้านล่าง แล้วพลิกกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายคุมเกมทั้งหมดแทน


    “ฉันรักนาย” เขาเอ่ยบอก คำพูดนั้นหนักแน่นมากพอกันกับลมหายใจที่หอบสะท้อนอย่างหนักหน่วง
    “ผมรู้เรื่องนั้นมานานแล้ว” ผมตอบด้วยเสียงแหบพร่าแทบไม่ต่างกัน และจูบตอบเขาแทนคำยืนยัน


    หลังความต้องการของเขาได้รับการตอบสนองจนเต็มที่ ผมโอบกอดคนที่ค่อย ๆ ทอดกายลงแนบอก
    โดยที่เขาไม่ได้ใส่ใจกับร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและร่องรอยของอารมณ์ที่หลงเหลือของผม
    เขาสอดแขนเข้ามาโอบรอบเอวของผมไว้ราวกับกลัวว่า ผมเป็นความฝันที่อาจสูญสลายไปต่อหน้า
    ในขณะที่ผมจูบเรือนผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาก่อนเวลาเล็กน้อยของเขา และลูบอย่างแผ่วเบา


    “ลีโอ... ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” ผมเอ่ยขึ้น “ในวันที่นีลอาจหายตัวไป คุณไปทำอะไรที่ไบรตัน”




    6. Fool


    “There are two ways to be fooled. One is to believe what isn't true;
    The other is to refuse to believe what is true.” ― Søren Kierkegaard


    ‘มีสองกรณีที่ทำให้เราถูกหลอกให้หลงเชื่อ ทางหนึ่ง คือ เชื่อในสิ่งที่ไม่จริง
    อีกทางหนึ่ง คือ ไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่เป็นความจริง’ ... ซอเรน เคียร์เคอกอร์บอกไว้อย่างนั้น
    แต่คำถามที่ผมมี และดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรจริง อะไรเท็จ
    และมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถหลอกคนอื่น และหลอกตัวเองให้เชื่อได้อย่างแนบเนียนที่สุด


    ตอนนี้ ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวของนีล โกวินดา แมคเคนซี ผู้ตายที่เราพบศพในมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ
    ในสภาพเปลือยเปล่า ปราศจากคราบเลือด ไร้ร่องรอยความทรมาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้า
    ตัวของเขาถูกหั่นให้ขาดครึ่งท่อนด้วยอุปกรณ์ที่มีความคม อวัยวะภายในที่ควรจะทะลักออกมาจากแผล
    โดยเฉพาะอวัยวะที่อยู่ภายในช่องท้องถูกวางกองไว้บนพื้นหญ้าอย่างเรียบร้อย ไม่กระจัดกระจายไปทั่ว


    มีคนให้ความเห็นว่า สภาพศพของเขามีสภาพเหมือนกับศพของเอลิซาเบธ ชอร์ต หรือ ‘แบล็กดาห์เลีย’
    หญิงสาวชาวอเมริกันที่ถูกฆ่าในปี 19747 และถูกนำศพมาทิ้งเอาไว้ในบนสนามหญ้า โดยที่ไม่มีใครรู้เห็น
    แต่จุดที่แตกระหว่างแบล็กดาห์เลียกับนีลมีด้วยกันหลายประการ ไม่ใช่แค่ความเป็นหญิงหรือชาย
    หรือเรื่องที่ในยุคนั้น ไม่มีกล้องวงจรปิดในที่สาธารณะ ไม่มีเทคโนโลยีนิติวิทยาศาสตร์มาช่วยไขคดี


    ใบหน้าของนีลไม่ได้ถูกทำลายเหมือนใบหน้าของเอลิซาเบธ ชอร์ต ที่มุมปากสองข้างถูกกรีดจนถึงหู
    เต้านมข้างหนึ่งของแบล็กดาห์เลียถูกเฉือนหายไป เนื้อที่ต้นขาของเธอถูกตัด และยัดใส่ในระหว่างขา
    สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นการกระทำที่รุนแรง และอาจส่อนัยเรื่องความรุนแรงทางเพศด้วยซ้ำไป
    แต่ร่างกายของนีลไม่มีบาดแผลฉกรรจ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่นับว่าร่างกายของเขาขาดออกเป็นสองท่อน
    ผมอดคิดไม่ได้ว่า ท่าทางของเขาเหมือนกับกำลังนอนมองท้องฟ้า และยิ้มกับฝันกลางวันของตนเอง


    รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเป็นสิ่งที่สะดุดใจของผมมากที่สุด เช่นเดียวกับตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่


    “นายชอบแบบไหนมากกว่ากัน” ผมเคยถามนีล... ชายหนุ่มชุดดำที่ผมไม่รู้จักชื่อในเวลานั้น
    ดวงตาสีนิลของเขากะพริบปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจคำถาม จนกระทั่งผมขยายความคำถามที่ว่า
    คำตอบของเขาฟังดูลังเล และดูไม่ค่อยแน่ใจนัก แม้กระทั่งในเวลาที่เราอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้อง


    “รุกนะ... ผมคิดว่า” คำตอบกับท่าทางของเขาทำให้ผมเกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้ทำ
    “นายหลอกฉันไม่ได้หรอก” ผมส่ายหน้า และยิ้มให้เขา “นายไม่เคย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชอบแบบไหน”


    นั่นคือความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างลีโอกับนีล... ฝ่ายแรกไม่เคย แต่รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร
    ในขณะที่ฝ่ายหลัง ไม่เคย ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ความต้องการของตัวเอง นอกจากอยากลองสักครั้ง
    รอยยิ้มของเขาตอนที่ตอบคำถามของผมว่า เขาแน่ใจแล้วหรือที่จะมีอะไรกับผม เป็นรอยยิ้มของชัยชนะ
    ไม่ใช่ชัยชนะเหนือผม แต่เป็นชัยชนะที่เขามีเหนือบางคน เป็นชัยชนะของเด็กเหนือผู้ใหญ่
    และในตอนนี้ ผมรู้แล้วว่า ผมมองเขาไม่ผิด และรู้แล้วว่า คนที่เขาคิดถึงก่อนตัดสินใจจะมีอะไรกับผม
    คนที่ก้าวก่ายกับชีวิตเขา คนที่ไม่เคยยอมรับตัวตนของเขา ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก พ่อแท้ ๆ ของเขา


    เซ็กซ์ครั้งแรกของนีล ไม่ได้มาจากความต้องการเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการพิสูจน์ตัวตนของเขาด้วย
    เขาหลอกตัวเองไม่ได้ และการมีความสัมพันธ์บนเตียงกับผู้ชายด้วยกันอย่างผม ช่วยยืนยันความคิดนั้น
    ผมบอกไม่ได้ว่า สิ่งที่เขาตัดสินใจนั้นผิดหรือถูก แต่เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ผมยอมรับการตัดสินของเขา
    นั่นหมายความว่า ผมจะหยุด เมื่อเขาต้องการให้หยุด และทำในสิ่งที่จะปลอดภัยกับเราสองคนมากที่สุด


    “ถ้าให้โอกาสตอบอีกหน นายจะเปลี่ยนคำตอบที่เคยตอบฉันทีแรกไหม” ผมถามนีลอีกครั้ง
    เขาไม่ได้ตอบในทันที เขาพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ใบหน้ากับหูแดงก่ำของเขาฟ้องว่า ไม่
    เขาได้ ‘ลอง’ แล้วทั้งสองอย่าง และสีหน้าของเขาในตอนที่ต้องตอบคำถามของผมอีกครั้งคราวนั้น
    เป็นคำตอบให้ผมได้อย่างดีว่า คำตอบของเขาหลังจากเรียนรู้ประสบการณ์ที่แท้จริง ไม่ใช่คำตอบเดิม


    ผมรู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น และบทบาทที่ตัวเองชอบมากกว่า
    ผมถอนตัวจากเขา จัดการกับตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนข้างเขา แล้วดึงตัวเขาให้หันหน้ามาหาผม
    “ยอมรับในสิ่งที่นายชอบ มันไม่ดีตรงไหนกัน” ผมยื่นมือออกไปขยี้ผมเขาแล้วยิ้มให้อย่างเข้าใจ
    เป็นเวลานั้นเอง ที่นีลยิ้มตอบผมกลับมาอย่างโล่งใจและจริงใจที่สุด และรอยยิ้มของเขาในเวลานั้น
    ก็เป็นรอยยิ้มอย่างเดียวกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาหลังจากความตายมาเยือนแล้วด้วย


    อะไรทำให้เขายิ้มได้อย่างมีความสุขเหมือนค้นพบสิ่งที่ต้องการในชีวิตก่อนตายแล้วเช่นนั้น



    ผมนั่งมองภาพในแฟ้มรายงานการชันสูตร ภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้อง และแผนที่บนกระดานในห้อง
    มีกูสเบอรี่ฟูลที่ซื้อมาจากเซนส์บิวรี่ที่กินค้างอยู่ในมือข้างหนึ่ง เพิ่งรู้ตัวว่าผมกำลังขบช้อนที่ใช้กินอยู่


    สำหรับตำรวจคนอื่น ความสนใจของพวกเขาดูจะมุ่งไปที่การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
    โดยเฉพาะพีท โดเฮอร์ตี เพื่อนร่วมงานของผม ที่เป็นคนไปถึงที่เกิดเหตุคนแรก และโทรศัพท์เรียกผม
    เขาเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องที่สภาพศพของนีลดูเหมือนศพในกรณีของแบล็คดาห์เลียทีสหรัฐอเมริกา


    คนที่ลงมือฆ่านีลอาจเป็นแพทย์ หรือคนที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำศพ เช่น คนในห้องดับจิต เป็นต้น
    เนื่องจากคนกลุ่มนี้ มีอุปกรณ์หรือสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ที่สามารถจัดการกับศพได้สะดวก
    และมีความเป็นไปได้มากว่า อาชญากรอาจเป็นคนรักเพศเดียวกัน จึงเข้าถึงตัวของนีลได้ง่าย
    ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ เป็นข้อสันนิษฐานที่ตำรวจในทีมส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน
    สำหรับผมเอง ผมก็คิดว่า ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ ฟังดูสมเหตุสมผล น่ารับฟังดีอยู่
    แต่ก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่อยากเชื่อ และมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่เพียงพอจะเชื่อ


    ผมปักช้อนลงในถ้วยขนมที่ผมกินแทนอาหารกลางวัน เพราะไม่อยากอาหารอะไรทั้งนั้น
    วางถ้วยกูสเบอร์รี่ฟูลลงบนโต๊ะทำงาน ข้างแก้วกระดาษใส่กาแฟแบบหยอดเหรียญที่เย็นชืด


    ผมอดคิดถึงลีโอ คิงส์ลีย์ไม่ได้... เราไม่ได้พบหน้ากันมาพักใหญ่แล้ว หลังจากคืนวันนั้น
    ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้งั่งมากเท่านี้มาก่อนเลย 



    To be continued >>> Day 7-8: Key chain and Jacket
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
dalnimxstar (@dalnimxstar)
เป็นตอนที่บรรยายความรู้สึกได้ลึกซึ้งมากเลยค่ะ ตอนที่พูดถึงกรณีถูกหลอกให้เชื่อนี่หลอนไปถึงวิชา Stat เลย มีกรณี Type I error กับType II error ผิดเพราะเชื่อสิ่งผิดกับผิดเพราะไม่เชื่อสิ่งถูกเหมือนกัน จังหวะนี้ขนลุกกว่าตอนจินตนาการสภาพศพอีกค่ะ 55555 แล้วก็ Gooseberry fool นี่แค่อ่านก็เปรี้ยวปากอยากกินแล้ว หิวว //ขอบคุณสำหรับนิยายค่าา ชอบมากเลยบรรยากาศสืบ ๆ ศพ ๆ เนี่ย
piyarak_s (@piyarak_s)
@dalnimxstar ขอบคุณที่มาอ่านเรื่องนี้ต่อด้วยค่ะ ?

ไม่ว่าอะไรก็ไม่เท่ามนุษย์หลอกตัวเองเลยค่ะ แต่วิชา Stat นี่ขอบาย เรียนหนเดียวพอ 555