เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My lovely couple fictioneveryeng
You & I [Eunseo x Bona]
  • “You & I”



    Eunseo & Bona




    โบนาอายุ 12 ขวบ


    อึนซออายุ 9  ขวบ

    “โบนา...ลูกเดี๋ยววันนี้จะมีแขกมาที่บ้านนะจ๊ะ”เสียงใจดีของมารดาเอ่ยบอกแก่เด็กหญิงวัยประถมปลายที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านในตอนสายของวันหยุดสุดสัปดาห์ เด็กหญิงจึงได้ตื่นสายกว่าวันปกติแต่ก็ยังเป็นเวลาเช้าของเด็กบางคนเพราะเพิ่งจะล่วงเลยเวลาเคารพธงชาติมาไม่กี่นาที


    “ใครจะมาเหรอคะ”เด็กหญิงเดินเข้าไปหามารดาที่กำลังวุ่นวายอยู่ในห้องครัวสำหรับการเตรียมมื้อเช้าที่อาจจะเผื่อแผ่ไปถึงมื้อกลางวันด้วยในบางที


    “คนรู้จักของแม่จ้ะเห็นว่าจะพาลูกสาวมาด้วย น่าจะเป็นน้องหนูซัก2-3ปีนี่แหละ”มารดาตอบพลางใช้ทัพพีคนแกงในหม้ออย่างขมีขมัน “แบบนี้หนูก็เป็นพี่ใช่ไหมคะ”เด็กหญิงดูดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นด้วยตัวเองเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องหรือญาติในวัยใกล้เคียงกันเท่าไหร่นัก อีกทั้งแถวบ้านก็มีแต่เด็กผู้ชายเป็นส่วนใหญ่เด็กหญิงจึงไม่ค่อยมีเพื่อนในวัยเดียวกันมากนักนอกจากเพื่อนที่โรงเรียน มารดาได้ยินคำพูดของลูกสาวก็หันมาส่งยิ้มพลางพยักหน้ารับก่อนจะทำการปิดเตาไฟเมื่อมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    “ใช่จ้ะเพราะฉะนั้นโบนาต้องเป็นพี่ที่ดีคอยดูแลน้องและห้ามแกล้งน้องอย่างเด็ดขาด”ประโยคหลังของมารดาเหมือนจะแหย่ลูกสาวมากกว่าเด็กหญิงเลยย่นคิ้วใส่


    “หนูไม่ใช่คนขี้แกล้งซักหน่อย”ตอบปฏิเสธไปด้วยท่าทีงอนๆมารดาเห็นก็ยิ่งขำก่อนจะบอกให้ลูกสาววัยประถมช่วยจัดเตรียมจานไปไว้ที่โต๊ะทานข้าว โบนาก็ว่าง่ายทำตามที่มารดาบอกเดินไปหยิบจานบนชั้นพร้อมกับช้อนส้อมพอได้มาเรียบร้อยแล้วเดินเอาไปจัดวางบนโต๊ะ เด็กหญิงทำได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเป็นหน้าที่ประจำของตนเอง เดินไปเปิดตู้เย็นจัดการเตรียมน้ำดื่มสำหรับตัวเองและผู้เป็นแม่ พอโต๊ะอาหารสำหรับมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วเด็กหญิงก็นั่งประจำที่ของตนเองรอมารดาซึ่งกำลังจัดแจงตักอาหาร ลำเลียงมาเสิร์ฟยังโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนักเด็กหญิงดูจะตื่นตาตื่นใจกับอาหารฝีมือมารดาทุกครั้ง แม้ว่าจะได้ลิ้มลองทุกวันอยู่แล้วแต่โบนาก็ยังคงตื่นเต้นกับความอร่อยในรสมือของผู้เป็นแม่ชมเปราะว่าคุณแม่ของเธอทำอาหารอร่อยที่สุดในโลก มารดาส่ายหน้าไปมากับความปากหวานของลูกสาวเพียงคนเดียวสองแม่ลูกปล่อยให้มื้อเช้าดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แม้จะมีกันแค่เพียงสองคนภายในครอบครัวเล็กๆแต่เด็กหญิงก็ไม่เคยรู้สึกขาดแต่อย่างใด พอทานข้าวเสร็จอะไรเสร็จก็ช่วยมารดาเก็บจานทำความสะอาดเรียบร้อยก็ไปนั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่น รายการโปรดกำลังฉายอยู่ตอนนี้ทำเอาเด็กหญิงแทบไม่กระดิกตัวไปไหน ดวงตาแป๋วนั่งจ้องโทรทัศน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะ ไม่ทันได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านที่มันดังขึ้นมาได้สักพัก


    “โบนาเบาเสียงทีวีลงหน่อย”มารดาที่เดินออกมาจากห้องครัวส่งเสียงปรามลูกสาวที่เปิดโทรทัศน์เสียงดังเหมือนจะได้ยินกริ่งประตูดังแต่เพราะเสียงทีวีมันกลบเลยไม่มั่นใจ มองดูเวลาแล้วก็ไม่มั่นใจว่าแขกที่นัดกันเอาไว้จะมาหรือยังพอเลียงทีวีที่แม่ลูกสาวลดระดับลงให้แล้วก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านที่มันดังขึ้นอีกรอบ เจ้าของบ้านจึงต้องละมือจากงานครัวที่กำลังล้างจานชามอย่างขะมักเขม้นเปิดประตูบ้านออกไปดูให้แน่ใจว่าเป็นใครกันที่มากดกริ่ง ส่วนลูกสาวที่พอเห็นแม่เดินออกไปเปิดประตูก็ทิ้งรีโมทลงบนโซฟาตามไปเสริมกำลังด้วยอีกแรง สองแม่ลูกที่พากันออกไปดูแขกที่มากดกริ่งอยู่นอกรั้วประตูเหล็กช่องแคบน้อยจากลวดลายเหล็กดัดตรงประตูก็พอให้มองเห็นว่าเป็นใคร มารดาแย้มยิ้มออกมาทันทีรีบเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านให้กว้างขึ้น โบนามองไปยังแขกที่ยืนอยู่หลังประตูที่มันค่อยๆเลื่อนออกตามแรงของมารดา


    “เชิญค่ะ...แหมทำไมไม่โทรเข้าไปล่ะจ๊ะจะได้รีบออกมาเปิดประตูให้”มารดาของเด็กหญิงว่าอย่างรู้สึกเกรงใจที่ปล่อยให้แขกยืนกดกริ่งเรียกอยู่หน้าบ้าน ส่วนแขกของบ้านเองก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โบกมือเป็นเชิงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรเหตุเพราะตนมาเป็นฝ่ายรบกวนเจ้าของบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ พลางเลื่อนสายตามองมายังเด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังของมารดาครั้งแรกที่เจอกันเหมือนจะยังไม่โตเท่าตอนนี้


    “โบนา..ทักทายคุณน่าเค้าก่อนสิลูก”มารดาเอ่ยขึ้นให้เด็กหญิงค่อยๆเดินออกมาจากด้านหลัง ค่อยโค้งศีรษะให้คุณน้าอย่างที่มารดาบอกด้วยความนอบน้อมทำเอาคนมองนึกเอ็นดูในความน่ารัก “โตขึ้นเยอะเลยนะคะ แหมตอนที่คุณพี่พาไปที่สมาคมยังอยู่อนุบาลหรือเปล่า”คุณน้าเอ่ยคุยกับมารดาแล้วยิ้มให้โบนา เด็กหญิงมองผู้ใหญ่สองคนเค้าคุยกันก่อนที่คุณน้าคนนั้นเอ่ยบอกว่าตนเองก็พาลูกสาวคนเล็กมาด้วยแต่นั่งรออยู่ที่รถ ก่อนจะขอตัวไปรับลูกสาวที่ว่ามาอยู่ด้วยเพราะเห็นทีคงมีเรื่องให้คุยกันอีกเยอะแยะจะปล่อยให้อยู่ในรถเกรงว่าจะไม่ได้ความ มารดาเธอเองก็เห็นด้วยรีบเสริมทับให้ไปพามาจะได้มาเป็นเพื่อนกันกับโบนา เด็กหญิงเองได้ยินก็ตื่นเต้นจะได้มีเพื่อนเล่นในวันหยุดแบบนี้พอเห็นคุณน้าที่หายไปเมื่อครู่กำลังเดินกลับมาพร้อมกับจูงมือเด็กหญิงตัวเล็กกว่าเธอนิดหน่อยมาด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะขี้อายอย่างมากเพราะเอาแต่จับมือแม่ของตนเองไม่ยอมปล่อยแถมยังเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังเหมือนกลัวอะไรอย่างนั้น

    “อึนซอ...ลูกทักทายคุณป้ากับพี่โบนาสิคะ”คุณน้าบอกแก่ลูกสาวตัวเล็กที่หลบอยู่ข้างหลังตนแล้วโผล่มาแค่หน้าพอเห็นคนแปลกหน้าก็ผลุบไปหลบอยู่ข้างหลังต่อ โบนาอมยิ้มมองเด็กหญิงหน้าตาน่ารักตากลมแป๋วเหมือนตุ๊กตาผ้าที่เธอชอบเล่นไม่มีผิดแต่เหมือนสีตาของเด็กหญิงคนนั้นเข้มกว่าเหมือนลูกอะไรซักอย่างเลยล่ะ โบนาคิดดังนั้นก็หัวเราะเบาๆให้เด็กขี้อายที่หลบอยู่หลังคุณน้าโผล่หน้าออกมาดูด้วยความสงสัยทั้งยังมุ่นคิ้วใส่อีก พอโบนาจ้องมองเต็มสายตาเด็กนั่นก็เขินรีบผลุบหน้าหายไปอีกครั้งเหมือนกำลังเล่นจ๊ะเอ๋เป็นเด็กเล็กไปได้


    “ดูหนูอึนซอเป็นเด็กขี้อายนะ ดูสิเกาะติดแม่เป็นตังเมเชียว”มารดาของโบนากล่าวขึ้นแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูทว่าคุณน้าก็ส่ายหน้าไปมาพลางใช้มือกึ่งลากกึ่งดึงลูกสาวตนเองให้มายืนด้านหน้า เด็กหญิงตากลมก็เงยหน้าขึ้นมองมารดาที่กำลังนิ่วหน้าตำหนิใส่เพราะไม่ยอมทักทายคนอื่นเด็กนั่นเหมือนจะรับรู้ได้จึงค่อยๆค่อมศีรษะลงให้ พลางเปล่งเสียงเล็กๆทักทายอย่างนอบน้อมนั่นแหละจึงค่อยเป็นที่พอใจของคุณน้าเค้าขึ้นมาหน่อย


    “ดูสิคะลูกคนนี้แหม..แรกๆก็อายอย่างนี้คร้านพอสนิทกันแล้วจะแปลงร่างกลายเป็นลิงเป็นค่างชวนหนูโบนาซนสิไม่ว่า”คุณน้าพูดอย่างคนที่รู้จักลูกสาวคนเล็กดีพลางสั่นหน้าไปมา


    “อึนซอลูกไปเล่นกับพี่โบนาเค้านะเดี๋ยวแม่จะคุยธุระกับคุณป้าเค้า หนูโบนาจ๊ะน้าฝากน้องด้วยนะลูก”โบนาพยักหน้ารับคำพร้อมยื่นมือไปตรงหน้าให้เด็กหญิงอีกคนจับ เจ้าของดวงตากลมก็ขยับหนีถอยไปอยู่ข้างมารดาอีกครั้งมองอีกคนด้วยความประหลาดใจซึ่งโบนาก็ยิ้มให้ทั้งตาทั้งปากด้วยเอกลักษณ์ของตนที่มีดวงตายิ้มได้ มารดาของโบนามักบอกว่ารอยยิ้มจะเป็นสิ่งที่สามารถสร้างมิตรภาพได้เพราะฉะนั้นโบนาจึงยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างต้องการผูกมิตรด้วย


    “ไปเล่นกับพี่นะคะ”ตามด้วยประโยคหวานล้อมคนน้องให้ค่อยขยับออกจากพื้นที่แต่ก็ยังลังเลอยู่ เงยหน้าขึ้นมองมารดาตนเองอย่างขอความเห็น “ไปเล่นกับพี่เค้าสิลูก แม่จะไปคุยกับคุณป้า”เหมือนเป็นคำอนุญาตจากมารดาเลยทำให้อึนซอขยับเข้าไปหาคนพี่ที่ยืนรออยู่ไม่ห่างกันนัก วางมือเล็กของตนลงบนอุ้งมือขนาดเท่ากันปล่อยให้คนพี่จับจูงพาไปที่ไหนก็ไม่รู้แต่ที่รู้คืออึนซอยังมีความสงสัยบางอย่างที่อยากจะรู้


    “เดี๋ยววววว…”เสียงเล็กของเด็กหญิงที่ถูกจับจูงลากหายเข้าไปในบ้านก็ดังขึ้น โบนาชะงักฝีเท้าแล้วหันมามองด้วยสีหน้าตั้งคำถามกำลังจะพาไปเล่นบ้านตุ๊กตาอยู่แล้วเชียว “มีอะไรเหรอ”โบนาถามเพราะเด็กหญิงตากลมเงียบไปเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันแถมดึงมือตัวเองกลับไม่ให้โบนาจูงอีกต่างหาก


    “เมื่อกี้...เค้าเห็นนะ”อึนซอเอ่ยขึ้นแล้วจ้องหน้าโบนาเขม็ง “มีอะไร..”โบนาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเห็นอะไรเพราะเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดออกมามือก็ถูกันเหมือนหาทางออกไม่ได้ ก่อนจะเอาไปจับสายกระเป๋ารูปการ์ตูนมูมินที่คล้องคอเอาไว้


    “ทำไมเมื่อกี้ทำแบบนี้ได้ด้วย”อึนซอไม่ได้พูดเฉยๆแต่เอามือขึ้นมาดึงหางตาของตัวเองให้มันหรี่เล็กลงพยายามจะทำออกมาให้คนพี่เห็นเป็นภาพแต่ไม่รู้ว่าที่ตัวเองทำนั่นมันตลกจนโบนาต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมา พอเห็นว่าอีกฝ่ายหัวเราะกันก็เกิดความโมโหฮึดฮัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากมายนอกจากดึงมือออกจากตาตนเอง แล้วตะเบงเสียงบอกให้โบนาหยุดหัวเราะซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมหยุดแต่โดยดีแต่ก็กลั้นยิ้มขบขันเอาไว้ เจ้าของดวงตากลมก็ยิ่งทั้งเขินทั้งอายบ่นงุบงิบก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองอีกคน


    “ไม่หัวเราะแล้ว เมื่อกี้ทำอะไรเหรอ”


    “ทำแบบพี่ไง..เมื่อกี้ตอนพี่ยิ้มพี่ก็ทำ”อึนซอว่าดังนั้นให้โบนามุ่นคิ้วไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรแต่พอได้ยินคนอายุน้อยกว่าเรียกตัวเองว่าพี่ก็อดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ อึนซอที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดีก็รีบร้องใหญ่ว่าทำอีกแล้วทำอีกแล้วจนโบนาทำหน้าเหรอหราตกใจไม่รู้ว่าคนน้องหมายถึงอะไรแล้วอึนซอก็ปรี่เข้ามาหา นิ้วป้อมสั้นก็ชี้ไปที่ดวงตาของคนพี่ให้โบนาเข้าใจได้ในทันทีว่าคนน้องหมายถึงอะไรก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


    “แบบนี้เหรอ..”โบนายิ้มกว้างทั้งตาทั้งปาก อึนซอก็รีบพยักหน้าหงึกหงักพยายามยิ้มทำตามบ้างแต่ก็รู้ว่าตาของตัวเองโตเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้นได้


    “มันเป็นความสามารถพิเศษนะ เข้าไปเล่นในบ้านกันดีกว่า”โบนาบอกแล้วเดินนำเข้าไปก่อนโดยมีอึนซอเดินตามไปในทันทีเพราะเริ่มจะคุ้นเคยกันบ้างแล้วอีกอย่างอึนซอจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำอย่างไรถึงจะมีตายิ้มแบบโบนา!!!


    เล่นกันไปเล่นกันมาสักพักอึนซอก็เริ่มปวดฉี่อยากจะเข้าห้องน้ำโบนาจึงบอกให้เดินไปทางห้องครัว ชี้ทางให้เสร็จสรรพอีกฝ่ายก็พยักหน้าเข้าใจตามที่คนพี่บอกก็เดินง่อกแง่กไปตามทาง พอถึงห้องครัวก็สอดสายตามองหาเห็นประตูไม้บานใหญ่มีป้ายภาษาอังกฤษติดเอาไว้ดีนะที่ชอบเรียนภาษาปะกิดถึงได้อ่านออก รีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำโดยเร็วเพราะเดี๋ยวจะต้องไปรับลูกกลับมาจากโรงเรียนพี่โบนาบอกเอาไว้แบบนี้!!! พออกมาจากห้องน้ำหลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วล้างมือก็สะอาดเพราะคุณครูบอกเอาไว้ว่าหลังจากเข้าห้องน้ำก็ต้องล้างมือ มองซ้ายมองขวาอย่างไม่คุ้นตาแต่ก็อยากสำรวจบ้านคนอื่นบ้างจะเหมือนกับบ้านตนเองหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นร่างป้อมสั้นของเด็กหญิงวัยประถมห้าก็เริ่มทำการสำรวจห้องครัวนั่นราวกับว่าเป็นโลกกว้างที่น่าสนใจ เหมือนเกาะที่มีสมบัติให้เหล่าโจรสลัดได้ออกค้นหาเหมือนในการ์ตูนที่ตนเองเพิ่งจะดูจบก่อนมาที่บ้านนี้ แล้วเหมือนโจรสลัดน้อยจะพบหีบสมบัติอันลำค่าเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนตู้ขนาดสามชั้นที่ชั้นบนสุดมีขนมคุกกี้บรรจุเอาไว้อยู่ในโหล อีกโหลหนึ่งก็เป็นช็อกโกแลตน่าตาน่าทานอย่างมากอีกอย่างวันนี้ยังไม่ได้ทานขนมเป็นของว่างเลย


    เจ้าของดวงตากลมเหลียวซ้ายแลขวามองหาอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยยืดความสูงของตัวเองให้เอื้อมถึงขวดโหลนั่นได้จนกระทั่งเห็นม้านั่งตัวเล็กอยู่แถวนั้นจึงไปลากมามันน่าจะแข็งแรงพอให้ร่างป้อมสั้นของตัวเองขึ้นไปยืน โดยไม่หล่นลงมาได้พอลากเก้าอี้มาวางไว้หน้าตู้เรียบร้อยแล้วก็พยายามพาตัวเองปีนขึ้นเก้าอี้มีเสียงดัง “ฮึบ” แต่ม้านั่งตัวเล็กที่ยืนอยู่ก็มีความสูงไม่พอจะให้แขนสั้นเอื้อมเปิดประตูตู้ชั้นบนสุดได้ จึงต้องเขย่งปลายเท้าตัวเองช่วยด้วยอีกแรงหนึ่งพอต้องทรงตัวบนม้านั่งนั่นก็ทำเอาโงนเงนไปมาไม่น้อย


    อีกนิดเดียว..อีกนิดก็จะเปิดหีบสมบัติได้แล้ว!!!


    ฮึบบบบ…!!!!


    “แม่...ขโมยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”เสียงแปดหลอดที่ดังขึ้นกะทันหันทำเอาโจรสลัดวัยกระเตาะขวัญกระเจิงไปคนละทิศละทางมือข้างหนึ่งที่เอื้อมถึงประตูตู้แล้วก็ต้องปล่อยให้หลุดออก พอไม่มีที่จับยึดแล้วหลักโงนเงนอยู่เมื่อครู่ก็หงายตัวเอนไปด้านหลังและ…


    ตุบ!!!!!


    “แงงงง ฮืออ...หัวปูดหมดแล้ว หัวปูดหมดแล้ว”




    “ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ”เสียงของผู้ใหญ่ทั้งสองคนดังเข้าหูซ้ายทะลุไปหูขวาของเด็กสองคน ที่เพิ่งจะสานสัมพันธไมตรีกันไปหยกๆแต่ต้องมายืนเกาะแข้งเกาะขามารดาของตนเองหลังจากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น อึนซอที่ยืนเกาะแม่ของตนเองเอาไว้พลางใช้มืออีกข้างกุมหน้าผากที่บวมปูดของตัวเองเอาไว้แน่น ตอนที่ก้นกระแทกพื้นมันไม่เจ็บเท่าไหร่แต่หัวที่ไปโดนกับขาโต๊ะจังๆนี่แหละที่ทำเอาเด็กหญิงถึงกับมึนร้องไห้จ้าละหวั่น “แม่..อึนซอหัวปูดหมดแล้ว”ได้ทีเด็กหญิงก็รีบอ้อนมารดาของตัวเองแถมส่งสายตาไปให้เจ้าของตายิ้มที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นแบบนี้ มากล่าวหากันว่าเป็นขโมยได้ยังไงแค่อยากจะกินขนมเท่านั้นเอง ยิ่งเบะปากน้ำตาคลอเบ้าเมื่อมารดาเอามือมาลูบบริเวณหน้าผากที่นูนขึ้น


    “หนูขอโทษนะคะคุณน้า หนูได้ยินเสียงในห้องครัวนึกว่าเป็นขโมยไม่เห็นว่าเป็นน้อง”โบนาสารภาพความผิดของตนเองโดยไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ใครให้เจ้าเด็กตัวจ้อยนี่ทำเสียงดังกุกกักกันล่ะ ฟากคุณแม่ของอึนซอพอเห็นเด็กหญิงทำคิ้วตกลงน้อยๆกับปากจิ้มลิ้มที่งุ้มลงนั่นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณน้าไม่ถือโทษโกรธ อีกอย่างแม่ลูกสาวตัวดีของเธอก็มีส่วนผิดอยากกินก็ไม่ยอมบอกเจ้าของบ้านเค้าดีดีมันน่าตีให้เนื้อลายนัก แต่พอเห็นหน้าฝากปูดนั่นก็ไม่อยากจะเอาเรื่องอึนซอให้มากความเจ็บแค่นี้ก็คงพอเข็ดหลาบแล้ว อันที่จริงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นอุบัติเหตุทั้งนั้นแต่ยิ่งได้ฟังคำขอโทษจากโบนาแล้วก็ยิ่งทำให้คุณน้ารู้สึกเอ็นดูในตัวเด็กหญิงมากขึ้นไปอีก


    “โบนา..ขอโทษน้องเค้าหรือยังลูก”มารดาเอ่ยกับลูกสาวที่ยังไม่ได้ขอโทษคนเจ็บเลยแม้โบนาจะทำหน้าลังเลอยู่ซักพักแม้จะเป็นไปด้วยความคิดเข้าข้างตนเองว่าเธอไม่ผิดสักหน่อย เพราะอึนซอทำลับๆล่อๆและเธอก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องครัวก็ต้องระวังเอาไว้ก่อนเห็นข่าวในทีวีออกจะเยอะแยะ ถ้าเกิดเป็นขโมยจริงๆล่ะ


    “ขอโทษ..”


    “อื้อ..”คนน้องก็รับคำขอโทษอย่างน่ารักน่าชัง


    “ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะคะคุณพี่”คุณน้าเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะจับมือลูกสาวเพื่อจะพากลับบ้านโบนามองตามเด็กตากลมนั่นอีกครั้งพลางค่อมศีรษะลาคุณน้า จะหันหลังกลับไปก็จิตใจว้าวุ่นสงสัยงานนี้หลังจากคุณน้ากลับไปแล้วเธอต้องโดนมารดาดุเรื่องนี้แน่ๆ เข้าบ้านกลับไปรอเลยดีกว่าแต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงใครอีกคน


    “นี่”


    “ซอมีตังค์นะมีเยอะด้วย คุณแม่ให้มา”


    “ซอไม่ใช่ขโมยนะ”


    “จำมูมินของซอไว้..มูมินของซอมีตังค์เยอะมากบอกเลย”กระเป๋าสะพายคล้องคอรูปการ์ตูนมูมินถูกยื่นมาตรงหน้าของโบนาด้วยแขนป้อมสั้นพร้อมสีหน้าจริงจังของเด็กตากลม ที่ทำเอาโบนาทั้งขำทั้งอยากจะหัวเราะแต่ต้องกลั้นเอาไว้พลางพยักหน้ารับรู้ถึงสิ่งที่อีกคนตั้งใจจะบอกกัน


    เด็กบ๊องจริงๆ!!!! โตไปจะเป็นเด็กแบบไหน





    โบนาอายุ 20 ปี


    อึนซออายุ 17 ปี



    “เจอแล้ว…”เสียงเล็กของคนบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวดังขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่ชูอะไรบางอย่างขึ้นแกว่งไปมาบนอากาศอึนซอที่กำลังคร่ำเคร่งกับเกมกดในมือไม่ได้สนใจจะเงยหน้าขึ้นมามองแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้กำลังถึงจุดสำคัญที่หลังจากพยายามมาหลายวันแล้วในการพิชิตด่านยากแสนยากจะไม่ยอมให้น้อยหน้าใครบางคนเด็ดขาด ขอเอาฐานะลูกพี่เป็นประกันขืนแพ้ให้ลูกกระจ๊อกมีหวังอับอายไปสามบ้านสี่บ้าน ต่อให้เสียงของพี่สาวคนสนิทจะดังลั่นแค่ไหนอึนซอก็ขอเอาชนะในด่านนี้ก่อนแล้วค่อยไปสนใจทีหลังก็ยังไม่สายเพราะกว่าพี่เค้าจะกลับบ้านก็ต้องรอแม่มารับ นั่นมันก็คืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าเพราะฉะนั้นอึนซอมีเวลาถมเถที่จะเอาชนะเกมแล้วค่อยเอาเวลาที่เหลือไปสนใจพี่สาว แต่เหมือนพี่สาวที่ว่าจะไม่ให้ความร่วมมือกันสักนิดเพราะขยับพาตัวเองมาวอแวเจ้าแห่งเกม ที่ไถลตัวเองลงมานั่งข้างล่างเตียงปล่อยให้พี่สาวยึดเตียงนอนตนเองไป


    “อึนซอ...ดูสิพี่เจออะไรบางอย่างด้วยล่ะ”พี่สาวเค้าก็ยังไม่หยุดล่อลวงด้วยคำว่าอะไรบางอย่างเพื่อมาดึงความสนใจของเจ้าเด็กติดเกมรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่ช่วงนี้เจ้าเด็กนี้เอาแต่สนใจคะแนนในเกมมากกว่าเธอ ถึงจะรู้ว่าตอนนี้อึนซอกำลังท้าดวลกับเพื่อนสนิทอยู่ก็ตามแต่นี่มันเป็นเวลาของเธอ สิ่งที่เจ้าเด็กนี่ควรจะสนใจมากที่สุดก็คือเธอต่างหากตั้งแต่เปลี่ยนจากเด็กม.ต้นมาเป็นเด็กม.ปลายปีแรกก็ออกลายเสียแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนอะไรอะไรก็เธอยิ่งตอนประถมไม่ต้องพูดถึงติดเธออย่างกับอะไรดีช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ต้องมาเล่นด้วยกันที่บ้านเธอบ้างหรือบ้านอึนซอบ้างสลับกันไป วันธรรมดาเลิกเรียนแล้วบางวันก็มาขลุกอยู่ด้วยกันบางทีเล่นด้วยกันเพลินก็นอนค้างก็มี แต่พอเจ้าเด็กบ้านี่ขึ้นม.ต้นก็เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นแม้เธอเองก็มีเพื่อนเหมือนกันแต่ก็ยังให้ความสำคัญกับอึนซออยู่ เสาร์อาทิตย์ยังคงเป็นเวลาที่เธอมีให้อึนซอเสมอแม้บางทีจะมีเพื่อนหนีบมาด้วยบ้างแต่ก็ยังให้อึนซอเป็นที่หนึ่ง แต่ทำไมพอเจ้าเด็กนี่เริ่มขึ้นม.ต้นกลับติดเพื่อนมากกว่าเธอแล้วยิ่งขึ้นม.ปลายปีแรกแบบนี้ก็มาติดเกมอีกมันน่าไหม…


    “แป๊บนะพี่โบนาเดี๋ยวผ่านด่านนี้แล้วซอจะไปดู”ถึงพูดแบบนั้น แต่สายตาไม่ยอมละจากหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดในมือไปแม้สักวินาทีเดียวทำเอาคนที่นั่งอยู่บนเตียงเริ่มออกอาการไม่พอใจนิดๆ “อึนซอสนใจเกมมากกว่าพี่งั้นพี่ก็กลับดีกว่า เชิญอึนซอเล่นเกมไปตามสบายเลยนะคะ”ไม่พูดเปล่าแต่พี่สาวคนสนิทก็ทำท่าจะลุกเดินลงจากเตียงออกไปทันทีทำเอาเจ้าแห่งเกมส่งเสียงร้องห้ามเพราะเหลือตั้งชั่วโมงกว่าแม่ของคนพี่จะมารับ


    “พี่จะกลับได้ไง คุณป้ายังไม่มาซักหน่อย”


    “นั่งรถกลับก็ได้ กุญแจบ้านพี่ก็มี”โบนาว่าพลางไหวไหล่อย่างไม่สนใจอะไรหยิบเอากระเป๋าของตนเองมาถือไว้ในมือพอจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนของคนน้อง ข้อมือบางก็ถูกใครอีกคนถลาเข้ามาจับออกแรงดึงรั้งไม่ให้เดินออกไปจนต้องหันมาใช้สายตามองอย่างตั้งคำถาม เจ้าชองใบหน้าคมดวงตาสีเข้มก็ฉีกยิ้มกว้างสำนึกผิด


    “ซอไม่สนใจเกมแล้วก็ได้ เอาไว้เดี๋ยวค่อยเล่น”


    “ถ้าพี่อยู่แล้วซอไม่ได้เล่นเกม พี่ก็กลับแล้วนี่ไงคะทีนี้ซอจะได้เล่นเกมเต็มที่เลย”คนพี่เค้าก็ยอกย้อนเสียจนคนน้องเริ่มไปไม่เป็นกรอกตาไปมา อย่างคนที่กำลังสรรหาคำพูดมาทำให้สถานการณ์ระหว่างตนเองกับพี่สาวคนสนิทมันคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างไรเสียอึนซอก็ไม่อยากทะเลาะกับพี่สาวคนนี้นัก


    “ถึงพี่กลับไปซอก็เล่นเกมไม่สนุกหรอก ซอขอโทษที่เอาแต่เล่นเกมงั้นเอาแบบนี้ต่อไปนี้เวลาอยู่กับพี่โบนาซอจะไม่เล่นเกมแล้วโอเคไหม”คนน้องเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังแม้แววตาจะมีร่องรอยความลังเลอยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้าหากสิ่งที่ตนเองพูดออกไปแล้วทำให้พี่สาวคนสนิทอารมณ์ดีได้อึนซอก็ถือว่ามันคุ้ม อย่างน้อยอึนซอก็แค่เสียเวลาเล่นเกมไปไม่กี่ชั่วโมงที่ได้อยู่กับพี่โบนาแต่ก็ยังมีเวลานอกเหนือจากนั้นอีกเยอะแยะให้อึนซอเล่น แค่นี้มันสบายมากเพราะคิดทวนมาอย่างดีแล้วยังไงเสียก็มั่นใจว่าตนเองไม่เสียตำแหน่งลูกพี่ให้กับเพื่อนสนิทอย่างแน่นอน ตอนนี้ต้องรักษาตำแหน่งน้องสาวคนสำคัญของพี่โบนาเอาไว้ก่อน!!!


    “พูดแล้วนะทำให้ได้ด้วยล่ะ”


    “สบายมากเพื่อพี่ได้อยู่แล้ว”เอานิ้วโป้งปัดปลายจมูกตัวเองอย่างทะเล้นส่งให้โบนาที่เห็นก็หัวเราะออกมาก่อนจะเอากระเป๋ากลับไปวางไว้ที่เดิมกระโดดขึ้นบนเตียงกว้างของอึนซอ โดยมีเจ้าของห้องแอบเป่าปากอย่างโล่งอกที่ตัวเองสามารถรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ขืนโดนพี่โบนางอนอีกรอบไม่รู้ว่าอึนซอจะใช้อะไรไปง้อแล้ว คนอะไรงอนแล้วหายเองยากชะมัดแถมแต่ละเรื่องที่งอนมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเอง แต่เอาเถอะอึนซอก็ยังไม่เบื่อจะง้อเสียหน่อยแค่นี้สบายมาก


    “เมื่อกี้พี่บอกว่าเจออะไรเหรอ”อึนซอเท้าความไปถึงก่อนหน้านี้ที่พี่สาวร้องเสียเสียงดังเหมือนเจออะไรที่มันสำคัญเข้าพอเห็นดวงหน้าหวานกับรอยยิ้มทั้งตาทั้งปากที่เอกลักษณ์ของโบนา อึนซอก็คิดว่ามันน่าจะเป็นของที่มีความหมายไม่อย่างนั้นคนพี่ก็คงไม่ยิ้มหวานขนาดนี้ ชะโงกไปดูโบนาที่กำลังหยิบอะไรบางอย่างที่ตัวเองนำไปวางไว้ตรงหัวเตียงขึ้นมาโชว์ให้อึนซอได้เห็นเต็มสองตา คนน้องที่พอเห็นของที่คนพี่โชว์ก็ทำตาโตอ้าปากกว้างจนแมลงเข้าไปทำรังได้ก่อนจะร้องเสียงดังลั่นกระโดดขึ้นไปบนเตียงบ้างเพื่อจะไปยื้อแย่งของสิ่งนั้นจากคนพี่ แต่โบนาก็หลบหลีกได้ทันไม่ให้อึนซอแย่งไปจากตนเองได้แถมหัวเราะใส่อีกเพราะตอนนี้ใบหน้าของอึนซอแดงกล่ำเป็นลูกตำลึง


    “พี่โบนาไปหาเจอได้ยังไง อึนซอว่ามันหายไปตั้งนานแล้วนะ”


    “ความสามารถพิเศษไง อะไรที่อึนซอหาไม่เจอพี่ก็หาเจอหมดไม่ใช่เหรอ”คนพี่เอียงคออย่างน่ารักแถมมือก็ยังถือกระเป๋าลายการ์ตูนมูมินเอาไว้แน่น คงจะกลัวว่าคนน้องจะไปแย่งแน่ๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงอึนซออยากจะแย่งมันมาใจจะขาดเพราะนั่นมันเป็นความอับอายที่อึนซอจำได้ดี มันเป็นเหตุการณ์วันแรกที่เรารู้จักกันนั่นแหละทั้งที่เริ่มต้นมันก็สวยงามนะ แต่เพราะเหตุใดถึงลงท้ายด้วยเรื่องน่าอายเสียได้แถมยังเป็นเรื่องน่าอายของอึนซอด้วย ยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้แม่นเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานดันไปอวดรวยใส่พี่เค้าได้ยิ่งคิดมันก็ยิ่งน่าขายหน้า แต่ตอนนั้นมันก็ยังเด็กเนอะถึงจะเด็กกว่าคนตรงหน้าแค่ปีเดียวก็ตาม แต่อึนซอก็ถือว่าตนเองเป็นน้องนั่นแหละและคนเป็นพี่ก็ต้องตามใจน้องสิ


    “ขโมย...”


    “ไม่ได้เป็นซักหน่อยพี่ต่างหากที่โวยวายไปเอง”อึนซอรีบแก้ต่างถึงเรื่องมันจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตามแต่ดูสิพี่เค้ายังเอามาล้อกันได้อีก “แต่อึนซอจะหยิบขนมจากในตู้บ้านพี่นะ”โบนาว่าแล้วชูกระเป๋ามูมินไปตรงหน้าล่อลวงอึนซอเต็มที่คนน้องเห็นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆล้มตัวลงนอนคว่ำไปกับเตียง


    “ก็ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นโจรสลัดนี่นา กำลังจะได้สมบัติแล้วเชียวจู่ๆก็หล่นตุบหัวปูดอีกต่างหาก”บอกเสียงอู้อี้เพราะฟุบหน้าลงไปกับฟูก แต่ก็ยังได้ยินชัดเจนและมันทำให้คนฟังหัวเราะอีกครั้ง โบนาเพิ่งจะรู้ว่าถึงจินตนาการของเด็ก ป.5ในวันนั้นก็ตอนนี้นี่เองจะว่าไปรู้จักกันมาตั้งหลายปีก็ไม่เคยถามถึงเรื่องตอนนั้น ก็เด็กนี่นาอะไรมันก็ลืมง่ายไปหมดแหละ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้มาเจอกระเป๋านี่ก็คงลืมไปแล้วว่าเคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น


    “หูว...เป็นโจรสลัดด้วย”


    “หยุดแซวเลยพี่โบนา อายเป็นนะเนี่ย”พูดออกมาแต่ก็ไม่ยอมเอาหน้าออกจากฟูกก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่าอายเป็นและตอนนี้ก็กำลังอายอยู่


    “แต่ตอนนั้นอึนซอน่ารักมากเลยนะ”โบนาเอ่ยแล้วขยับพาตัวเองไปนั่งใกล้กับคนที่นอนฟุบไปกับเตียงสองมือจับเข้าที่ไหล่ของอึนซอ พยายามดึงรั้งให้น้องสาวคนสนิทที่ฟุบหน้าไปกับเตียงให้ลุกขึ้นมาคุยกันดีดีแต่อึนซอก็ฝืนตัวเอาไว้ไม่ยอมไปตามแรงดึงของโบนา


    “พี่แค่พูดปลอบใจซอรู้”


    “อึนซอน่ารักจริงๆ ตัวสั้นๆป้อมๆเดินดุกดิกน่ารักจะตาย”ลากเสียงยาวยืนยันคำพูดของตนเอง อึนซอเลยผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย


    “จริงเหรอ...ซอน่ารักจริงอะ”


    “คำพูดพี่มันเชื่อไม่ได้เหรอ ว่ายังไงเชื่อได้ไหม”โบนาเลิกคิ้วขึ้นสูงนิดหน่อยพลางหรี่ตามองคนที่นอนอยู่ที่ตอนนี้พลิกกายมานอนหงายมองหน้ากัน “ตอนนั้นน่ารักแล้วตอนนี้น่ารักไหม”คราวนี้คนน้องแกล้งจ้องหน้าคนพี่เขม็ง โบนามองแล้วก็หัวเราะออกมาเอื้อมมือไปบิดแก้มอย่าหมั่นเขี้ยว ตอนเด็กก็น่ารักอยู่หรอกพอโตขึ้นมาหน่อยทำมาเป็นกวนประสาทแต่ก็...ยังน่ารักอยู่ดีถึงบางทีจะซื่อบื้อไปหน่อย


    “อ่อยยยยอันเอบ”


    “อะไรพูดอะไรคะ พี่ฟังไม่รู้เรื่องเลย”คนพี่ก็แกล้งยียวนไม่ยอมปล่อยมือที่บิดแก้มทั้งสองข้างของคนน้องง่ายๆ อึนซอเลยต้องส่งมือไปหยิกแก้มคนพี่บ้างคราวนี้เลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างหยิกแก้มอย่างไม่มีใครยอมปล่อย ต่างฝ่ายต่างก็กลัวเสียเปรียบพออึนซอบอกให้โบนาเป็นคนปล่อยก่อน โบนาก็ไม่ยอมให้อึนซอเป็นฝ่ายปล่อยก่อนจนกระทั่ง


    “อึนซอ...ปล่อยนี่พี่นะ”พอเอาความเป็นพี่ขึ้นมาอ้างสิทธิ์คนเป็นน้องอย่างอึนซอจะทำอะไรได้ก็ต้องปล่อยมือออกจากแก้มของพี่สาว ทันทีที่แก้มของโบนาเป็นอิสระก็ถึงเวลาที่แก้มของอึนซอเป็นอิสระบ้าง


    “โบนา..ลูก คุณแม่มารับแล้วจ๊ะ”เสียงของมารดาของอึนซอดังจากข้างนอกประตูห้องให้ทั้งสองคนที่เพิ่งเปิดสงครามหยิกแก้มกันไปพากันหันไปมองประตู แล้วก็เป็นโบนาที่รีบขานรับกลับไป


    “พี่กลับก่อนนะ”


    “พรุ่งนี้...”อึนซอเอ่ยขึ้นให้คนที่กำลังจะหยิบกระเป๋าหันมามองด้วยสายตาเป็นเครื่องหมายคำถามเพราะอึนซอไม่ยอมพูดอะไรต่อ


    “พรุ่งนี้ทำไมอึนซอ”


    “ถ้าได้ช็อกโกแลตเยอะอย่าลืมเอามาให้ซอนะ ชอบของฟรี”ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวที่เรียงรายเพราะเพิ่งจะไปรักษารากฟันมาสดร้อนๆ นี่ว่าจะไปดัดฟันด้วยแต่อาหมอบอกว่าฟันสวยแล้วอึนซอก็เลยไม่ทำ ส่วนคนฟังที่แอบนิ่วหน้ามุ่นคิ้วใส่อารมณ์เปลี่ยนไปเล็กน้อยหรี่ตามองคนอายุน้อยกว่า


    “ตัวเองก็ได้เถอะไม่ต้องมาเอาของพี่หรอก”โบนาพูดจบก็หยิบกระเป๋าแล้วเปิดประตูห้องออกไปทันที อึนซอมองตามแล้วส่ายหน้าไปมาสงสัยพี่สาวคงจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นอารมณ์ถึงได้ปรวนแปรง่ายอย่างนี้ ก็แค่ช็อกโกแลตวาเลนไทน์เท่านั้นเองเห็นได้มาทุกปีก็ไม่เคยกินเอาแจกหมด พอมาให้น้องให้นุ่งแค่นี้ทำหวงใช้ไม่ได้เลยพี่โบนา





    “ทำไมเราต้องมาทำตัวลับๆล่อๆหน้าคณะพี่โบนาด้วยล่ะ”คนที่ส่งเสียงถามด้วยความสงสัยก็ยกมือขึ้นเกาท้ายทอย ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองจะต้องลากสังขารนั่งรถหลายนาทีเพื่อมายืนตากแดดอยู่ข้างตึกสูง ทำตัวลึกลับเหมือนมารับซื้อของโจรแถมอยู่หน้าคณะเรียนของพี่สาวของเพื่อนสนิทอีก ซึลกิไม่เข้าใจจริงๆพอถามเจ้าตัวต้นเรื่องที่เอาแต่ใช้สายตาสอดส่องเข้าไปในโรงเรียน ทั้งที่เวลานี้มันก็เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วจะเข้าไปข้างในก็คงไม่มีใครว่าแต่พอเสนอไปแบบนี้กลับโดนคุณเพื่อนสนิทตอกกลับว่าแอบมาไม่ให้เค้ารู้ตัวจะเข้าไปเดินในถิ่นเค้าได้อย่างไร ซึลกิก็อยากจะตอกกลับว่าไอ้ที่ทำกันอยู่ตอนนี้ไม่เป็นจุดเด่นเลยเชียวหรือ เสื้อนักเรียนสีเหลืองที่สวมใส่กันอยู่ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กม.ปลายโรงเรียนไหน


    มันเด่นมากเลยล่ะ...เด่นจนสายตาของนักศึกษาพากันมองมาเป็นจุดเดียว

    “ซอ...เราว่าเข้าไปข้างในกันเถอะไม่ก็กลับกันก็ได้”น้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจของซึลกิปลุกให้อึนซอที่ระดมสายตามองเข้าไปในโรงเรียน เพื่อมองหาใครคนหนึ่งต้องเลื่อนสายตากลับมามองที่เพื่อนสนิท


    “ไม่...จนกว่าจะเห็นพี่โบนาออกมา”


    “โทรไปหาพี่เค้าสิบอกว่ารออยู่หน้าคณะ”อึนซอขึงตาใส่เพื่อนอีกครั้งที่พูดจาไม่รู้เรื่องทั้งที่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าแอบมาดู จะให้โทรไปบอกเพื่ออะไร!!


    “กิแกกินข้าวหรือว่ากินหญ้ากันแน่ โทรไปบอกพี่โบนาก็รู้หมดสิว่าแอบมามหาลัยพี่เค้าไม่ฉลาดเอาซะเลย”ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาแล้วหันกลับไปใช้สายตาระดมสอดส่องหาคนที่ต้องการต่อ


    “แล้วทำไมต้องมาแอบมาล่ะ อึนซอไปทำอะไรให้พี่โบนาโกรธอีกเหรอ”อึนซอตวัดตากลับมามองซึลกิที่เหมือนจะเริ่มพูดจาไม่เข้าหู แต่ซึลกิก็ไหวไหล่อย่างไม่สนใจเพราะตนเองพูดไปตามความจริงเท่าที่รู้จักกันมาหลายปีกับอึนซอตั้งแต่มัธยมต้นก็ได้รู้จักกับพี่สาวคนสนิทของอึนซอด้วย บ่อยครั้งที่ซึลกิมักจะเห็นอึนซอต้องคอยตามง้อพี่โบนาเสมอเหตุเพราะทำตัวไม่น่ารักนี่แหละ แต่ถึงจะต้องตามง้อบ่อยแค่ไหนแต่เหมือนอึนซอก็ยังชอบทำให้พี่โบนาโกรธสงสัยเพื่อนของเธอคงจะเป็นโรคจิตชอบแกล้งชอบแหย่ให้อีกคนโกรธ พอโดนโกรธก็เหมือนจะมีความสุขพอถามว่าไปแกล้งพี่เค้าทำไมก็มักจะได้คำตอบแบบเดิมที่อึนซอมักจะงัดเอามาเป็นข้ออ้างเสมอคือถ้าไม่ให้แกล้งพี่โบนาจะให้มาแกล้งแกไหมล่ะ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ซึลกิก็เห็นอึนซอแกล้งเธออยู่ดีแต่แกล้งพี่โบนามากกว่าหน่อย แบบนี้ซึลกิควรจะดีใจใช่หรือไม่


    “หลบเร็วพี่โบนาออกมาแล้ว”อึนซอพูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแสองคนแล้วรีบดึงลากซึลกิให้พ้นจากด้านหน้าประตู จะให้ไปหลบตรงไหนทั้งที่มันออกจะโล่งมีแค่ถึงขยะกับตู้โทรศัพท์ สุดท้ายก็มากองกันอยู่ด้านหลังถังขยะที่มีความสูงระดับเกือบถึงอกสองถังซึ่งวางตั้งไว้ตรงฟุตบาทข้างด้านหน้าของตึก


    “ก้มลงไปสิเดี๋ยวก็โดนเห็นหรอก”อึนซอกดหัวเพื่อนให้ก้มลงต่ำซึ่งซึลกิก็โวยวายเพราะแถวนี้มันเหม็นจะตายแถมขยะล้นออกมาข้างนอกด้วย พอเสียงดังมากเข้าก็ถูกเอามือปิดปากเอาไว้ล็อกคอเอาไว้ด้วยนี่มันกำลังจะฆาตกรรมกันชัดๆ


    “โห...ได้ทั้งช็อกโกแลตทั้งดอกไม้ แหมแถมเสื้อมีแต่หัวใจอีกไม่ติดด้านหลังเสื้อมันด้วยล่ะ”อึนซอเอ่ยทันทีที่เห็นร่างของพี่สาวคนในสนิทในชุดนักเรียนปกติแต่ที่มันไม่ปกติคือเสื้อเต็มไปด้วยสติกเกอร์รูปหัวใจ แถมสองไม้สองมือนอกจากกระเป๋าแล้วยังมีทั้งช่อดอกไม้บ้างดอกกุหลาบแยกเป็นดอกรวมมาเป็นกำบ้างไหนจะขนมนมเนยต่างๆ ช็อกโกแลตหลายต่อหลายชิ้นแถมถือมาคนเดียวไม่หมดให้เพื่อนที่ตามมาด้วยอีกสองคนช่วยถือ นี่พี่เค้าจะฮอตเวอร์ไปไหน!!!


    “โหได้ของเยอะกว่าแกกับฉันอีกอะ นี่ว่าพี่เค้าน่ากลัวแล้วนะแต่ยังมีคนกล้าเอาไปให้อีก”ซึลกิที่ลืมความเหม็นของขยะไปชั่วขณะมองตามสายตาของเพื่อนก็เห็นพี่สาวคนสนิทของอึนซอยืนรออะไรบางอย่างตรงด้านหน้าโรงเรียน


    “ที่มาทำลับๆล่อๆนี่คือจะเอาของไปให้พี่เค้าป่ะ”ซึลกิตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่แต่ซึลกิก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่...แกเห็นฉันซื้ออะไรมารึเปล่า”อึนซอถามกลับซึ่งซึลกิก็ส่ายหน้าเพราะมาด้วยกันและไม่เห็นอึนซอจะมีอะไรติดมือมาเลย แล้วมันมาทำอะไรที่โรงเรียนพี่สาวล่ะ


    “แล้วแกมาทำอะไร”ถามอีกครั้งและหวังว่าครั้งนี้จะได้คำตอบที่มันดีกว่าด่าเธอกลับถ้าด่ากันอีกครั้งซึลกิจะไม่ไว้หน้าจริงๆ เพื่อนก็เพื่อนเถอะ!!!


    “พี่โบนาไม่ยอมเอาช็อกโกแลตให้ฉัน”

    “อะไรนะ!!! เรื่องแค่นี้แกถึงกลับต้องตามมาถึงโรงเรียนพี่เค้าเลยเหรอ อึนซอแกนี่มันจริงๆเลยแกยังไม่ให้พี่เค้าเลยแล้วมาหวังว่าพี่เค้าจะให้แกได้ยังไง”ซึลกิแทบอยากจะประทับฝ่ามือลงบนศีรษะเล็กจ้อยของเพื่อนสนิท ดูสิ่งที่อึนซอบอกมาแต่ละอย่างมันน่าจับยัดลงไปในถังขยะเสียจริง


    “ปกติพี่เค้าก็เอามาให้ฉันทุกปีนี่หว่าปีนี้ พอฉันบอกว่าอย่าลืมเอามาแบ่งนะก็บอกว่าไม่ให้เพราะเดี๋ยวฉันก็ได้งกจริงๆจะมาดูว่าจะเอาไปให้ใครกัน”อึนซอบอกอย่างหมายมั่นปั้นมือมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าพี่สาวจะเอาไปให้ใครกันแน่ เธอนี่คือน้องสาวคนสำคัญเชียวนะจะมองข้ามกันไปได้ยังไง


    “อึนซอ..แกดูนั่นสิ”ซึลกิรีบกระตุกชายเสื้อเพื่อนให้ดูตามที่ตนเองชี้เพราะตอนนี้มีผู้ชายตัวสูงน่าจะอยู่คณะเดียวกันกับโบนาในมือมีดอกไม้เป็นดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก ท่าทีเอียงอายนั่นที่แสดงออกมาให้คนมองดูออกได้ทันทีว่าหนุ่มคนนั้นรู้สึกยังไงกับโบนาส่วนตรงที่อึนซอกับซึลกิยืนหลบกันถึงจะเห็นชัดเจนแต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน


    “โหนี่เพิ่งจะเคยเห็นคนเค้ามาสารภาพรักนะเนี่ย จะว่าไปแล้วพี่โบนาก็มีคนมาชอบเยอะเนอะทั้งที่ดูเงียบๆแบบหยิ่งๆอะไรแบบนี้เออแต่พี่เค้าสวยไงให้อภัยได้แกว่าพี่โบนาเค้าจะตอบรับหรือปฏิเสธ”ซึลกิพูดไปเรื่อยๆ ไม่ได้มองว่าเพื่อนของตนเองกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดรู้สึกหงุดหงิดกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า “พี่โบนาไม่ชอบหรอกหมอนั่นไม่ใช่สเปกพี่โบนาซักหน่อยเชื่อสิ”อึนซอบอกไปด้วยความมั่นใจเพราะตนเองรู้จักพี่สาวคนสนิทดีอีกอย่างหมอนั่นไม่เห็นจะหล่อซักนิด หน้าตาเหมือนกับปลาหมอจำศีลนี่อีกนิดก็แทบจะปิดตาเดินแล้วล่ะ


    “แต่พี่โบนารับดอกไม้เค้าแล้วนะ”ซึลกิคอยรายงานสถานการณ์ทั้งที่ก็เห็นพร้อมกันแต่ดูจากรอยยิ้มของชายหนุ่มแล้ว...


    “ฉันว่าพี่โบนารับรับเค้าชัวร์เลย ดูดิยิ้มกว้างกว่าแปซิฟิกอีก”ซึลกิหันมายักคิ้วให้เพื่อนสนิทที่ตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หรี่ตามองดวงหน้าคมที่มักจะมีรอยยิ้มเสมอทว่าเวลานี้กลับบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจใคร


    “นี่แกหวงพี่สาวเหรอ ว๊าย...เด็กติดพี่”ซึลกิหัวเราะหยอกเย้าเพราะนานๆทีจะเห็นอึนซอออกอาการอะไรอย่างนี้


    “อะไร..ใครหวงไม่มี”ปฏิเสธไปแต่มือก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงนักเรียนหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาตั้งใจว่าจะโทรหาคนพี่ ถามมันให้รู้เรื่องไปเลยจะได้ไม่ต้องมาค้างคากันอย่างนี้ “แล้วนั่นแกจะโทรหาใคร”ซึลกิถามแต่อึนซอไม่ตอบเพราะเอาโทรศัพท์แนบหูอยู่รออีกฝ่ายจะกดรับสายกัน ดวงตาก็มองตรงไปยังเจ้าของปลายสายที่อยู่ห่างกันไม่กี่เมตร


    “พี่โบนา...อยู่ไหนเอ่ยนี่อึนซอมารออยู่หน้าโรงเรียนพี่แล้วเนี่ย”พูดแล้วก็ก้าวออกไปจากด้านหลังถังขยะที่หลบ ซึลกิเห็นก็รีบตามออกไปเพราะตอนนี้คิดว่าเสื้อผ้ามันซึมซับกลิ่นขยะจนเหม็นติดทั้งตัวแล้ว


    “อึนซออยู่ตรงไหน..”โบนาที่รับสายพอได้ยินคนน้องเอ่ยออกมาแบบนั้นก็รีบมองหาทันทีก่อนจะเห็นร่างคุ้นตาในชุดนักเรียนกำลังเดินตรงมาหาเธอโบนาหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มหนุ่มคนนั้นแล้วพูดอะไรสองสามคำ ก่อนจะเดินไปหาอึนซอแต่ชายหนุ่มนั่นเรียกชื่อโบนารั้งให้พี่สาวคนสนิทให้หันไปมอง


    “โบนา...เราจะรอนะ”


    “อื้อ..ไว้เดี๋ยวเราจะบอก”โบนายิ้มแล้วหมุนตัวกลับเดินไปหาอึนซอ พอเห็นว่าคนน้องไม่ได้มาคนเดียวแต่มาพร้อมกับเพื่อนสนิทคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว ซึลกิพอเห็นพี่สาวคนสนิทของเพื่อนก็รีบเอ่ยทักทายทันที

    “อันยองค่ะพี่โบนา แหม...เรตติ้งสูงมากนะคะ”ซึลกิหัวเราะแล้วเห็นว่าด้านหลังของโบนามีเพื่อนตามมาอีกสองคน “โบนา...ของนี่จะเอายังไงล่ะ”เพื่อนพี่เค้าถามโบนานิ่งคิดไปนิดเดียว ก็บอกว่าถ้าเป็นขนมกับช็อกโกแลตก็ให้เพื่อนเอาไปกินได้เลยส่วนดอกไม้ก็แล้วแต่เพื่อนว่าจะเอาไปทำอะไร


    “ไว้เจอกันวันจันทร์นะ”โบนาโบกมือให้เพื่อนทั้งสองคนสุดทางแล้วก็หันมาให้ความสนใจรุ่นน้องทั้งสองคน คนหนึ่งก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดีแต่อีกคนไม่รู้เป็นอะไรหน้าหงิกหน้างอเป็นปลาทูคอหักไปได้


    “แล้วมากันได้ไงโรงเรียนเราอยู่คนละทางกันเลย”โบนาถามค่อนข้างจะแปลกใจที่เห็นทั้งสองคนที่นี่ ซึลกิล่อกแล่กไม่รู้จะตอบคนพี่ยังไง จึงหันไปกระทุ้งข้อศอกใส่อึนซอให้รู้สึกตัว


    “มาเอาช็อกโกแลต พี่ติดช็อกโกแลตวาเลนไทน์ของซอไว้”


    “พี่ไปติดอึนซอตอนไหน”คนพี่ได้ยินดังนั้นก็มุ่นคิ้วใส่ “พี่ให้ซอทุกปี ปีนี้พี่ก็ต้องให้สิ”คนน้องก็ไม่ยอมทวงจะเอาให้ได้ แถมไม่รู้ว่าทำไมถึงอารมณ์เสียแบบนี้รู้สึกอยากจะพาลใส่โบนาอย่างไม่มีเหตุผล


    “ไม่ให้”


    “ต้องให้สิ”สองคนทุ่มเถียงอย่างไม่มีใครยอมลงให้กัน ซึลกิที่เป็นคนกลางก็ได้แต่ยืนดูเงียบๆไม่กล้าเข้าไปห้าม


    “ทำไมล่ะ..จะเอาไปให้หมอนั่นเหรอ”อึนซอว่าแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทางให้โบนาที่ได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อยไม่คิดว่าคนน้องจะมาเห็น


    “พี่จะให้ใครมันก็เรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับอึนซอซักหน่อย”โบนายียวนไม่ชอบให้อีกคนมาพาลใส่เอาแต่ใจกันอย่างไม่มีเหตุผลอย่างนี้ ปกติอึนซอไม่เคยทำตัวใส่เธออย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ถึงจะดื้อกวนประสาทแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยประชดกันโดยยกเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นของเรา


    “อ้อ...พี่โบนาเห็นคนอื่นดีกว่าซอใช่ไหมล่ะ”


    “อึนซอ...แกใจเย็นๆ”ซึลกิห้ามแต่เหมือนอึนซอตอนนี้กำลังหงุดหงิดอย่างมากปรายสายตาขวางๆมาให้ซึลกิด้วยอีกคน


    “วันนี้พี่ไม่ไปบ้านอึนซอ แล้วอึนซอก็ไม่ต้องมาบ้านพี่”คนพี่ก็ยื่นคำขาดมาด้วยอารมณ์เช่นกัน คนน้องที่ได้ยินด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดมากอยู่แล้วก็ยิ่งเหมือนมีอะไรไปเติมเชื้อไฟให้โหมไหม้ยิ่งขึ้น


    “ก็ได้...ซอไม่ไปก็ได้เชิญพี่โบนาไปเดทกับหมอนั่นเลย”


    “ใช่...พรุ่งนี้เค้าชวนพี่ไปสวนสนุกแล้วเดี๋ยวพี่จะโทรไปตอบตกลงเค้า”


    “กิกลับ!!!”อึนซอบอกเสียงดังแถมยังคว้ามือของซึลกิกระชากให้เดินตามออกไปไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมามองพี่สาวคนสนิท

    ไอ้เด็กบ้า!!!!!!!!!

    เฮ้อ...


    เสียงถอนหายใจดังขึ้นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับ รู้แต่ว่าตอนนี้อึนซอถอนหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเต็มห้องนอนแล้ว ตั้งแต่แยกกับโบนาที่หน้ามหาวิทยาลัยของคนพี่แล้วอึนซอก็ไม่รู้ว่าตนเองทำนิสัยแย่ๆแบบนั้นได้ยังไง ครั้นจะโทรไปขอโทษพี่เค้าก็ไม่รู้ว่าอยากจะฟังกันหรือเปล่า แต่มาคิดดูอีกทีแล้วก็ไม่ใช่ความผิดของเธอซักหน่อยอีกคนอยากจะทำตัวไม่เหมือนเดิมเองทำไม ทั้งที่เคยให้กันทุกปีแต่ปีนี้กลับจะไปเดทกับคนอื่นแทนเสียอย่างนั้น คนที่ควรจะมาขอโทษคือคนพี่ต่างหากไม่ใช่อึนซอ ถอนหายใจออกมาอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอนบนเตียงหลังจากเดินมาแล้วรอบห้องแต่ก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดี


    “ชอบผู้ชายหน้าตาแบบปลาหมอจริงๆเหรอ พี่ฮยอกยังหล่อกว่าเยอะมาก”อึนซอพึมพำออกมาคนเดียว ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังเพดานห้องที่คุ้นตาอยู่แล้วพอคิดถึงหมอนั่นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ผละลุกขึ้นนั่งกลางเตียงก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือเปิดลิ้นชักหยิบอะไรบางอย่างออกมา ของที่คิดว่าจะให้คนพี่แต่ก็ไม่ได้ให้คิดว่ายังไงตอนเย็นก็ต้องเจอกันที่บ้านตนเองอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาทะเลาะกันแบบนี้อึนซอมองกล่องช็อกโกแลตจากต่างประเทศที่อุตส่าห์เก็บเอาไว้ให้โบนา เมื่อสองอาทิตย์ก่อนบิดาของเธอไปต่างประเทศอึนซอก็เลยอ้อนให้ผู้เป็นพ่อซื้อช็อกโกแลตมาเป็นของฝาก ตั้งใจว่าจะเอาเป็นของขวัญวาเลนไทน์ให้โบนาเพราะอีกคนชอบช็อกโกแลตของญี่ปุ่นมาก


    “เอาไงดี...”


    “สวนสนุกเหรอ...”เอานิ้วแตะที่ปากพลางครุ่นคิดไปด้วย เก็บช็อกโกแลตเข้าที่เดิมแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียง คว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งไว้บนเตียงติดมือไปด้วยรีบกดเบอร์โทรออกหาใครบางคน


    “กิ..พรุ่งนี้แปดโมงเจอกันที่หน้าบ้านพี่โบนาอย่าให้พี่เค้าเห็นนะ ถ้าแกไม่มาฉันจะบอกพี่ไอรีนว่าวันก่อนมีคนมาจีบแกที่เรียนพิเศษ”พูดเสร็จอึนซอก็วางสายไปทันทีแน่ใจว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องเห็นซึลกิที่บ้านโบนาแน่นอน แฟนสาวของเพื่อนสนิทขึ้นชื่อเรื่องหวงแฟนจะตาย ยิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงรุ่นพี่มาจีบแน่นอนว่าจะต้องไปนั่งเฝ้าซึลกิที่โรงเรียนสอนพิเศษแน่นอนและนั่นมันคือฝันร้ายของคังซึลกิ อึนซอรู้นิสัยเพื่อนสนิทดียังไงมันก็ไม่ยอมให้แฟนตัวเองมานั่งเฝ้าอย่างแน่นอนอ้อ..มันหวงแฟนมันไง..แฟนมันสวยมากอันนี้อึนซอรับประกัน!!!

    เดทได้ก็เดทไปถ้าคิดว่าจะมีความสุขในการเดทนะ!!!!!

    ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่อึนซอคาดเอาไว้พอมาถึงหน้าบ้านของคนพี่ ก็เห็นว่าเพื่อนสนิทยืนหน้าบอกบุญไม่รับห่างจากบ้านคนพี่ไปนิดหน่อย อึนซอยิ้มกริ่มมองดูนาฬิกาตรงข้อมือแล้วคาดว่าอีกไม่นานพี่สาวคนสวยก็น่าจะออกมาถ้าหากจะไปสวนสนุกในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ยังไงก็ต้องออกจากบ้านประมาณนี้เพราะต้องเผื่อเวลาให้รถติดไหนจะคนที่สวนสนุกที่มันต้องเยอะแน่ๆอีกยืนรอกันไม่นานถึงซึลกิจะไม่ยอมพูดด้วยก็ตามเพราะโกรธที่โดนบังคับ แต่อึนซอไม่คิดจะง้อตอนนี้หรอกเดี๋ยวยังไงอีกฝ่ายก็หายเองอยู่แล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนแบบนี้ซักหน่อยมันต้องรู้สึกชินได้แล้วก่อนที่อึนซอจะเพ่งความสนใจไปยังประตูหน้าบ้านหลังที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะมีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง เป็นโบนาที่กำลังเปิดประตูรั้วบ้านให้อึนซอกับซึลกิรีบหลบหลังต้นไม้แถวนั้น พอเห็นว่าคนพี่กำลังเดินไปตามถนนในหมู่บ้านเพื่อออกไปขึ้นรถตรงหน้าปากซอยก็ทิ้งระยะห่างไว้แต่ก็ตามไปอย่างแนบเนียนแน่ใจว่ายังไงโบนาก็จับไม่ได้อยู่แล้ว อึนซอที่เดินตามหลังคนพี่ก็อดชื่นชมอีกคนอยู่ในใจเพราะวันนี้โบนาแต่งตัวน่ารักจริง ชุดเอี๊ยมยีนส์ขาสั้นสวมทับเสื้อยืดสีชมพูข้างในรองเท้าผ้าใบดูน่ารักสมวัย ผมยาวที่มัดเก็บเป็นหางม้าเรียบร้อยเสียจนอึนซอคิดว่าไม่มีใครจะเหมาะเป็นแฟนกับพี่สาวคนนี้เลยซักคน


    เดินตามกันไปจนกระทั่งถึงหน้าปากซอยยืนรอรถซักพัก พี่สาวก็โบกรถแท็กซี่ขึ้นไปนั่งพลางขับออกไปก่อนหน้าอึนซอกับซึลกิเล็กน้อย รู้อยู่แล้วว่าพี่สาวคนสวยจะไปที่ไหนเพราะฉะนั้นอึนซอเลยใจเย็นมากขึ้น


    “แกเป็นบ้าเหรออึนซอ”


    เปล่า...ทำไมแกคิดงั้น”อึนซอเลิกคิ้วสูงหันไปมองเพื่อนที่เงียบมาตลอดทางเพิ่งจะเปิดปากพูดเอาตอนที่ใกล้จะถึงที่หมายแล้ว


    “ช่างเถอะ..แกมันก็แค่น้องสาวหวงพี่แล้วไม่ยอมรับ”


    “ไม่ได้หวงแต่หมอนั่นไม่เหมาะกับพี่โบนา”


    “แล้วใครเหมาะ”


    “ไม่มีอีกอย่างพี่โบนาเพิ่งเข้ามหาลัยเองนะ”อึนซอบอกอย่างมีอารมณ์ร่วม “แกก็อยู่แค่ม.5แถมเด็กกว่าพี่เค้าด้วย เอาอะไรมาคิดว่าเหมาะไม่เหมาะล่ะ”ซึลกิก็ขัดขึ้นมาอีก แต่คราวนี้อึนซอไม่ตอบเพราะรถขับมาถึงสวนสนุกแล้วจ่ายเงินเสร็จก็คว้าคอซึลกิให้ตามลงมาช่วยกันมองหาโบนา ก่อนจะเห็นว่าพี่สาวคนสนิทกำลังยืนคุยกับชายหนุ่มคนเมื่อวานที่อึนซอเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะอะไรมันแค่รู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยอันที่จริงอึนซอก็ไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมาเกาะแกะพี่สาวคนสนิททั้งนั้นแหละ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ตนเองเป็นอย่างนั้นแค่คิดว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบก็เท่านั้นที่อยากจะใส่ใจและเวลานี้สิ่งที่อึนซอให้ความสนใจคือสองคนข้างที่อยู่เยื้องขึ้นไปในแถวเข้าคิวซื้อบัตร พอได้ตั๋วกันเรียบร้อยสองคนผู้สะกดรอยตามคู่เดทก็รีบหลบฉากอยู่ด้านหลังคนอื่น แอบลอบมองหนุ่มสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าเค้าคุยอะไรกันบ้าง แต่ไม่ชอบเลยที่เห็นคนพี่ยิ้มให้อีกฝ่ายหงุดหงิดจนอยากจะเข้าไปกระชากแล้วพาพี่สาวหนีไปให้พ้นแต่ขืนทำแบบนั้นอึนซอจะมองหน้าพี่โบนาไม่ติดแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแยกออกอย่างมีชั้นเชิงโดยไม่ให้เรื่องสาวมาถึงตัวอึนซอได้


    “จะตามไปเรื่อยๆอย่างนี้เหรอ แก..วันนี้วันเสาร์นะฉันก็มีเรื่องอยากจะไปทำบ้างไม่ใช่มาตามก้นน้องสาวติดพี่อย่างแกเนี่ย”ซึลกิโอดครวญเบาๆเจอหน้าอึนซอตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์แล้วก็ยังต้องมาตามติดต้อยๆวันหยุดอีก


    “ทำอย่างกับว่าฉันอยากจะเจอแกมากอะกิ แต่เผอิญว่าแกเป็นเพื่อนฉันไง”


    “เพื่อนคนอื่นก็มี”


    “แต่ฉันสนิทกับแก”


    “เออ...ฉันมันโชคร้ายที่มาสนิทกับแกเอง แล้วจะเอาไงต่อจะตามไปอย่างนี้เหรอ”เมื่อหมดหนทางจะโต้แย้งกับอึนซอแล้วก็มีแต่ต้องไหลตามน้ำไปเท่านั้น


    “ใครบอกว่ามาตามเฉยๆมาจับแยกต่างหากล่ะ แกไม่ต้องอ้าปากจะแย้ง”อึนซอรีบพูดออกมาเมื่อเห็นว่าซึลกิกำลังจะอ้าปากพูด ก็ตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำให้เดทวันนี้มันล่มไปต่อหน้าต่อตานี่แหละถึงได้มา


    “เอาตามใจแกเลย ฉันมันเลือกอะไรได้ที่ไหนโน่นพี่โบนาไปโน่นแล้ว”ซึลกิว่าอย่างนั้นไม่ถึงนาทีก็โดนเพื่อนลากให้เดินตามไปทันที ส่วนร้านที่เด็กหนุ่มพาโบนาเข้าไปก็เป็นร้านขายอาหารฟาสต์ฟู๊ดชื่อดังจากเมืองลุงแซม สองเพื่อนซี้ไม่รอช้ารีบตามเข้าไปโดยเลือกที่นั่งคนละฟากกับอีกคู่ แต่หาจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน


    “เดี๋ยวโบนาอยากกินไรบอกเราเดี๋ยวเราไปสั่งให้”ชายหนุ่มบอกด้วยท่าทีเคอะเขินทำตัวไม่ค่อยถูกนักที่ต้องมาเที่ยวด้วยตามลำพัง ส่วนโบนาเองก็ใช่ว่าจะคุ้นชินทั้งที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากมาสักนิดแต่เพราะใครบางคนนั่นแหละใครบางคนที่ทำให้เธอโมโหจนตกลงรับคำชวนของเพื่อนผู้ชายคนนี้ไป


    “อะไรก็ได้แล้วแต่ซองแจเลยเราทานได้หมด”


    “งั้นเดี๋ยวเรามานะ”เขาลุกจากที่นั่งเพื่อจะไปสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่โต๊ะอีกฝั่งก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน


    “ขะขอโทษค่ะพอดีเราไม่ทันเห็น”น้ำเสียงเหมือนคนสำนึกผิดในสิ่งที่เพิ่งจะทำลงไปด้วยการบีบขวดซอสใส่ชายหนุ่มที่เดินผ่านไปเหมือนจะไม่ตั้งใจแต่ที่ทำลงไปมันมาจากความตั้งใจล้วนๆแฝงด้วยการโดนบังคับมานิดหน่อย แต่พอได้ทำลงไปก็เกิดความสะใจขึ้นมานิดหน่อย ไม่ต้องบอกว่าทำไมถึงได้สนิทกันในเมื่อโลกนี้ชอบดึงดูดคนที่เหมือนกันมาเจอกันอยู่แล้วด้วยเหตุนี้ซึลกิกับอึนซอก็ดูเหมือนคู่หูคู่ฮาที่คนว่าอีกคนก็ยอมทำตามแม้จะอิดออดในทีแรกก็ตาม ส่วนผู้ถูกกระทำอย่างชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ดูอึ้งกิมกี่เมื่อซอสมะเขือเทศกระเด็น ไม่สิเรียกว่ามันทะลักมาโดนเสื้อเข้าจนเปื้อนไปทั้งตัวแถมคนกระทำก็เหมือนหวังดีเอาผ้ามาเช็ดจนเสื้อสีสดใสถูกละเลงด้วยสีแดงของซอสมะเขือเทศ


    “ขอโทษๆ เราไม่ทันเห็นเดี๋ยวๆเราพาไปห้องน้ำนะ พี่คะห้องน้ำไปทางไหนคะ”ซึลกิไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็รีบเอ่ยถามพนักงาน พอรู้ทางแล้วก็รีบทั้งดึงทั้งลากเด็กหนุ่มหน้าตี๋นั่นหายไปทางหลังร้านแถมส่งสัญญาณให้เพื่อนสนิทเรียบร้อยให้ดำเนินตามแผนขั้นต่อไปทันที อึนซอยิ้มกริ่มมองคนที่นั่งอยู่อีกฟากของร้านเหลียวซ้ายแลขวาแล้วจึงค่อยเดินไปหาโบนาที่โต๊ะพร้อมกับถาดอาหารของตน ทำทีเหมือนว่าตนเองกำลังมองหาที่นั่งทั้งๆที่ร้านก็มีโต๊ะว่างเยอะแยะ!!!


    “อ้าวพี่โบนาทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ”คนเจ้าเล่ห์ทำทีเหมือนเพิ่งเห็นพี่สาวคนสวยทำสีหน้าประหลาดใจอย่างมากที่เห็นคนพี่นั่งเดียวดาย โบนาเองก็แปลกใจที่เห็นอึนซอที่นี่แต่สีหน้าท่าทางของเจ้าเด็กบ้าของเธอไม่ได้มีความสำนึกผิดเลย ทั้งที่เมื่อวานเราเพิ่งจะทะเลาะกันแต่อีกคนกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โบนาจึงเลือกที่จะไม่สนใจทำทีเป็นไม่เห็นว่าอึนซออยู่ตรงนั้น แต่คนอ่อนวัยก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องโดนแบบนี้ถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะคนพี่เสียเลย เพราะแน่ใจว่าหนุ่มหน้าตี๋นั่นคงไม่ได้ออกมาเร็วๆนี้แน่ดีไม่ดีตอนนี้คงนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ


    “โต๊ะอื่นก็มีทำไมไม่ไปนั่ง”


    “กลัวพี่โบนาเหงาไงมานั่งเป็นเพื่อน”ส่งยิ้มกว้างให้แต่ก็ถูกคนพี่เมินอีกตามเคย


    “ไม่ต้องพี่มีคนนั่งด้วยแล้ว”อึนซอก็ทำท่ามองหาเหลียวซ้ายมองขวาแล้วหันกลับมายิ้มให้โบนาอีกครั้ง “ไม่เห็นมีเลยเนี่ยเห็นพี่นั่งอยู่คนเดียวเลย”คนน้องทำมึนแล้วค่อยๆแกะห่อเบอเกอร์พร้อมทั้งหยิบอีกอันส่งให้คนพี่


    “กินเถอะน่าพี่ไม่ได้ทานข้าวเช้ามาใช่ไหมล่ะ”


    “ไม่อ่ะเดี๋ยวเพื่อนพี่ก็ซื้อมาให้”


    “เฮ้อ...เนี่ยซอสั่งอันที่พี่ชอบมาเลยนะ”อึนซอก็คะยั้นคะยอให้โบนารับไป ทีแรกก็ว่าจะไม่รับหรอกแต่เพราะท้องดันร้องขึ้นมาต่อหน้าอีกคนมันทำให้โบนาจำใจต้องรับเบอเกอร์มาจากอึนซอ แต่ก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อแกะห่อเบอเกอร์ออกเจ้าเด็กนี่มันจำได้จริงๆว่าเธอชอบอะไร ก่อนทั้งคู่จะนั่งทานเบอเกอร์กันจนเสร็จแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าปีย์จะกลับมาทำเอาโบนาเริ่มแปลกใจ


    “ไปเดินย่อยอาหารกันเถอะ ซออยากเล่นม้าหมุน”พอเห็นว่าคนพี่กำลังจะโทรหาเจ้าหมอนั่นอึนซอก็รีบโน้มตัวไปแย่งโทรศัพท์มือถือมาไว้ในมือแล้วเก็บถาดอาหารที่กินกันเสร็จแล้วไปไว้ในที่ที่มันควรอยู่ เสร็จแล้วก็กลับมากึ่งลากกึ่งจูงโบนาออกจากร้านไปทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วแบบไม่ให้อีกคนตั้งตัวได้ ออกมาจากร้านได้โบนาก็สะบัดมือออกจากการจับจูง


    “เอาโทรศัพท์พี่คืนมา”


    “พี่จะโทรหาคนที่หายไปแล้วทิ้งพี่ไว้ในร้านคนเดียวทำไม ไม่มีมารยาทแบบนั้นไม่ต้องไปคบหรอก”อึนซอว่า


    “เรื่องของพี่”


    “เอ้า...งั้นนี่ก็เรื่องของซอเหมือนกัน ซอไม่คืน”อึนซอลอยหน้าลอยตาตั้งใจยั่วโมโหอีกคนอย่างจงใจ โบนามองแล้วก็โมโหจริงๆจนต้องเดินหนีอึนซอไปที่อื่นแต่อึนซอก็ไม่ยอมให้อีกคนคลาดสายตารีบตามไปทันที


    “พี่โบนาาาาา...หยุดก่อนมาคุยกันดีดีนะ”


    “ไม่คุยพี่ไม่คุยกับอึนซอ”โบนาไม่ยอมฟังสาวเท้าเดินไปตรงประตูทางออกของสวนสนุกแต่อึนซอก็ตามมาทันคว้าข้อมือไว้ได้สำเร็จ


    “แต่ซอจะคุยกับพี่ พี่อย่าเพิ่งด่าซอนะมีของจะให้”มือข้างที่จับข้อมือของโบนาเอาไว้ก็จับเอาไว้ให้แน่นเพราะกลัวคนพี่จะดิ้นหลุด ปลดสายสะพายกระเป๋าเป้ด้วยแขนอีกข้างพลางใช้ปากช่วยรูดดึงซิปกระเป๋าให้เปิดออก โบนาที่แอบมองอยู่ก็แอบขำกับกิริยาบ้าบอนั่น


    “อ่ะนี่..ช้าไปวันหนึ่งไม่เป็นไรหรอกเพราะตั้งใจจะให้”อึนซอยื่นกล่องช็อกโกแลตไปตรงหน้าคนพี่ โบนาเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างมีคำถาม


    “อันนี้อึนซอขอคุณพ่อให้ซื้อมาจากญี่ปุ่น พี่ชอบไม่ใช่เหรอ”เอ่ยบอกแต่ไม่ยอมมองหน้าคนพี่รู้สึกเหมือนหน้าร้อนๆหรือว่าแดดแถวนี้มันจะแรงเกินไป


    “ทำไมไม่ให้เมื่อวานล่ะ”


    “ก็ตั้งใจจะเอาไปให้นั่นแหละ แต่ว่าเห็นพี่ได้เยอะแล้วไง”


    “เหรอ...เลยมาให้วันนี้”โบนาหรี่ตามองแต่ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อยๆ


    “ไม่เอาเหรอ”


    “อื้อ..ขอบใจนะที่จริงพี่ก็มีให้อึนซอเหมือนกันแหละ แต่เมื่อวานอึนซอทำตัวไม่น่ารักเลยไม่อยากให้ไว้กลับจากสวนสนุกค่อยไปเอาที่บ้านพี่นะ”โบนาบอกซึ่งอึนซอก็พยักหน้ารับ

    “แล้ว...”โบนาเอ่ยขึ้นพลางรับกล่องช็อกโกแลตมาจากอึนซอ “เอ่อ..ไหนๆวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำแล้วงั้นเอางี้ไปเล่นของเล่นกัน”อึนซอวาดยิ้มกว้างดวงตาเปล่งประกายซึ่งโบนาก็พยักหน้าตกลงให้เป็นคำตอบ เหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไปเรียบร้อยแล้ว

    “งานนี้แกเป็นหนี้ฉันอีกแล้วนะอึนซอไว้จะเอาคืนให้สาสม”ซึลกิเอ่ยก่อนจะทิ้งเสื้อเปื้อนซอสของเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่ เธอออกอุบายให้อีกฝ่ายถอดเสื้อออกมาแล้วบอกว่าตนเองจะไปซื้อเสื้อมาชดใช้ โดยให้เขารออยู่ในห้องน้ำ พอแยกออกมาจากตรงนั้นได้ซึลกิก็เอาเสื้อมาทิ้งที่ถังขยะนี่แหละ คราวนี้หมดหน้าที่ของเธอแล้วจะได้กลับไปนอนให้เต็มอิ่มเสียทีวันหยุดทั้งที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เสียพลังงานไปก็เยอะกลับไปนอนเล่นเกมอยู่บ้านดีกว่าเป็นไหนไหนแต่ไม่ลืมส่งข้อความไปบอกอึนซอว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว


    น่าสงสารหนุ่มตี๋นั่นที่มายุ่งกับพี่สาวของอึนซอ ไม่รู้ซะแล้วว่าเพื่อนเธอหวงพี่สาวมากแค่ไหน...




    ทั้งคู่หยุดรอกันที่ถนนซึ่งเป็นทางผ่านของรถไฟต้องหยุดรอให้รถไฟผ่านไปก่อนโดยมีอีกหลายคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ตั้งใจว่าจะพากันไปเล่นเครื่องเล่นที่เพิ่งมาใหม่ไม่นานนักขบวนรถไฟก็ค่อยๆแล่นผ่านไปทีละโบกี้


    “ขอจับมือนะ”โบนาถามอย่างขออนุญาตแต่เป็นการขออนุญาตที่ไม่รอคำตอบจากคนน้องเพราะโบนาคว้ามืออึนซอไปจับไว้ทันทีที่พูดจบ จากนั้นก็พากันเดินจับมือโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก แม้ปกติเรื่องจับเนื้อต้องตัวระหว่างเราสองคนมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้...อึนซอกลับรู้สึกแปลกไปแต่มันไมได้มีความหมายไปในทางที่ไม่ดีนะ ตรงกันข้ามเลยต่างหากล่ะทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้กันนะ..


    “พี่ว่าอันนี้น่าสนใจไหม”อึนซอชี้ชวนให้ดูเครื่องเล่นใหม่ โบนาก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วหันมายิ้ม “อื้อก็น่าสนใจนะ”ตอบไปให้อึนซอยิ้ม


    “พี่นี่คิดเหมือนซอเลย”


    “เปล่า..พี่หมายถึงอึนซอนะ”


    “อื้อ...ฮะ!!เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะ”อึนซอไม่รู้ว่าตัวเองร้องออกไปด้วยเสียงไหนรู้สึกตกใจจนหัวใจมันเต้นผิดจังหวะ หันไปมองหน้าคนพี่ที่ยืนอยู่ตรงเดิม


    “ตกใจอะไร”โบนาเอียงคอถามด้วยความสงสัย


    “อ้อ...เปล่าไม่มีอะไร”อึนซอแกล้งกระแอมไอก้มหน้ามองบัตรเครื่องเล่นในมือ พยายามหายใจช้าๆลดอาการตกใจของตนเอง สงสัยคงจะฟังผิดไปเองหูเจ้ากรรมก็เล่นตลกอะไรก็ไม่รู้ได้ยินอะไรก็เพี้ยนไปหมด หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พากันตระเวนเล่นเครื่องเล่นอย่างอารมณ์ดี แทบจะเล่นทุกอย่างที่เล่นได้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนลืมไปว่าก่อนหน้านั้นเคยมีเรื่องไม่พอใจกันมาแค่ไหน


    “เหนื่อยชะมัด”อึนซอนั่งหมดแรงอยู่บนม้านั่งบนศีรษะก็สวมที่คาดผมมิกกี้เมาส์เอาไว้เพราะคนพี่บังคับให้ใส่ ส่วนคนที่บังคับก็หายไปไหนไม่รู้ พลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีส้ม ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะใช้เวลาอยู่ในสวนสนุกจนเย็นขนาดนี้ได้เป็นสถิติใหม่เลยล่ะ พอละสายตาจากท้องฟ้าก็เห็นอีกคนที่หายไปกำลังเดินตรงมาหากันบนศีรษะก็มีที่คาดผมแบบเดียวกันอยู่


    “นี่น้ำ”คนพี่ยื่นขวดน้ำเย็นมาตรงหน้าแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างกัน อึนซอเองก็ที่กำลังรู้สึกกระหายเปิดขวดน้ำออกดื่มจนร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น


    “ยังเหลืออีกอย่างนะที่เราไม่ได้เล่น ปิดท้ายก่อนกลับบ้านดีไหม”โบนายิ้มแล้วชูบัตรขึ้นมาตรงหน้า อึนซอก็พยักหน้ารับไหนไหนก็มาแล้วเล่นให้มันคุ้มไปเลยแล้วกันพากันลุกเดินจากม้านั่ง พากันเดินไปยังเครื่องเล่นสุดท้ายที่จะส่งท้ายกับการมาสวนสนุกในครั้งนี้ของทั้งคู่




    เวลานี้ทั้งอึนซอกับโบนาอยู่ภายในตู้กระจกใสซึ่งกำลังเคลื่อนขึ้นสูง รู้สึกเหมือนนิยายวัยรุ่นที่เคยอ่านผ่านตาเวลาที่พระเอกนางเอกมาสวนสนุกกัน อึนซอไม่เคยเข้าใจว่าทำไมจะต้องนั่งชิงช้าสวรรค์เป็นอันดับสุดท้าย ตอนนี้อึนซอก็หาคำตอบนั่นยังไม่เจอเพราะระหว่างทั้งสองคนเกิดความเงียบขึ้น พากันมองไปยังวิวตรงหน้าดวงอาทิตย์กำลังลับหายไปในไม่ช้า กระเช้ามันเริ่มไต่สูงขึ้นเรื่อยๆจนทำให้มองเห็นเครื่องเล่นที่พากันไปเล่นวันนี้ได้ชัดเจน รอยยิ้มค่อยผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยกัน


    “พี่โบนา..ดูสิเห็นหมดเลย”


    “จริงด้วย...สวยเนอะ”


    “อึนซอ”โบนาเรียกชื่ออีกฝ่ายซึ่งก็ละสายตาจากวิวมามองหน้าคนพี่ “อะไรคะ”ขานรับด้วยรอยยิ้มแต่มองดูสีหน้าคนพี่ดีดีแล้วเหมือนมีร่องรอยความไม่แน่ใจบางอย่างเกิดขึ้นมันทำให้อึนซอรู้สึกกังวล


    “พี่โบนาเป็นรึเปล่า”โบนาส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะคลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น


    “พี่ถามอะไรอึนซอได้ไหม”


    “ว่ามาสิคะ อึนซอตั้งใจฟังอยู่เนี่ย”หัวเราะออกมานานๆที่จะเห็นคนพี่มีสีหน้าท่าทางกังวลคงจะต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ

    “อืม..สมมุติว่า”


    “สมมุติว่า...”อึนซอพูดตามอีกคน


    “ถ้าเกิดว่ามีคนที่ไม่รู้จักมาสารภาพรักกับอึนซอ อึนซอจะทำยังไง”


    “สารภาพรัก!!!”อึนซอทวนคำนั้นอีกรอบสมองเริ่มไตร่ตรองคิดถามที่คนพี่ถามแล้ววิเคราะห์ได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวกับไอ้หนุ่มหน้าตี๋นั่นแน่นอน ที่แท้มาสารภาพรักนี่เองใครจะยอมให้ไปบอกว่าตกลงกันล่ะ ไม่มีทางเสียหรอก


    “ปฏิเสธ..อึนซอจะปฏิเสธไม่รู้จักจะไปชอบได้ยังไง”


    “งั้นขยับมาอีกนิด...ถ้าเป็นเพื่อนล่ะ”อึนซอตาโตขึ้นมาอีกนี่นอกจากไอ้หนุ่มหน้าตี๋นั่นมันมีกี่คนกันที่มาสารภาพรักกับพี่สาวคนสวย


    “ปฏิเสธ..เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว ถ้ามีเพื่อนมาบอกรักมันออกจะแปลกๆไม่ใช่เหรอพี่โบนาไม่ดีหรอก”อึนซอตอบอย่างจริงจังยังไงก็ไม่ยอมให้พี่สาวคนนี้ไปรับรักใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ ..มันยังไม่ถึงเวลานั้นเสียหน่อยจะรีบไปไหน


    “งั้นถ้าเป็นคนที่เราสนิทด้วยมากๆล่ะ”โบนายังถามต่อ อึนซอก็ตาโตขึ้นมาอีกนี่ถึงขั้นสนิทกันมากด้วยเหรอทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อน “ไม่ได้เลยไม่ได้เด็ดขาด แบบนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่เลยสิพี่โบนา คือแบบถ้าซอไม่ได้ชอบเขาซอจะไม่ให้ความหวังเลยนะมันดูจะเป็นการทำร้ายกันเกินไป ยิ่งสนิทด้วยมันก็ยิ่งเลวร้ายอะ”อึนซอตอบพลางลอยเป่าปากเล็กน้อย


    “อือ...”


    “นี่พี่แค่สมมุติใช่ไหม”อึนซอถามเพราะอีกฝ่ายเงียบไป


    “งั้นถามครั้งสุดท้ายนะ”โบนาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยมองจ้องคู่สนทนาที่ก็มองเธออย่างรอคอยคำถามเช่นกัน


    “แล้วถ้าเป็น...พี่ล่ะ”


    “ห๊ะ...อะไรนะ ...ถ้า ..เป็น พี่ โบนาเหรอ”อึนซอเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยินสมองมันอื้ออึงไปหมด อยู่ดีดีก็เกิดรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียดื้อๆ


    “ช่างเถอะพี่ไม่อยากรู้แล้ว เห็นอึนซอหน้าแดงแล้วตลก”โบนาก็หัวเราะออกมากลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อึนซอเพิ่งจะเห็นสีหน้ากังวลใจจากอีกฝ่ายไปพอประมวลผลจากการกระทำของคนพี่ได้ก็ต้องพ่นลมหายใจออกมา นี่เธอคงโดนคนพี่แกล้งกันอีกเช่นเคย


    “นี่พี่แกล้งซอเหรอ”


    “เปล่าซักหน่อยนะคะ พี่สงสัยจริงๆพี่ก็เลยถามอึนซอไง”พี่สาวคนสวยยิ้มหวานให้แต่เป็นรอยยิ้มที่อึนซอรู้สึกว่าน่าหมั่นไส้อย่างมาก เกือบจะเคลิ้มไปแล้วไหม!


    “อึนซอ...รู้ไหมว่าเวลาเราตกหลุมรักใครสักคนมันเป็นยังไง”


    “จะไปรู้ได้ยังไงยังไม่เคยชอบใครเลย”เพราะหงุดหงิดจากที่โดนแกล้งเมื่อครู่จึงเสไปมองวิวไม่อยากจะสนใจคนพี่อีก ตอนนี้กระเช้ามันกำลังไต่ลดระดับความสูงลงมาเรื่อยๆ


    “งั้นพี่จะบอกให้เผื่อว่าวันหนึ่งอึนซอตกหลุมรักใคร”


    “อื้อ”


    “เวลาเห็นคนที่เราตกหลุมรักยิ้มเราจะกลั้นยิ้มของตัวเองไว้ไม่ได้เลย เวลาที่หัวเราะก็เหมือนกันมันจะทำให้เราลืมเรื่องแย่ๆไปหมด เวลาที่ได้มองเค้าไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีความสุขจนแทบจะบรรยายไม่ถูกว่ามันมากขนาดไหน ยิ่งถ้าเวลาที่ได้จับมือหัวใจมันก็เต้นแทบไม่เป็นจังหวะเลยล่ะ”พอโบนาพูดประโยคยาวนั่นจบก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อึนซอหันหน้ามาสบกันพอดี สองคนนิ่งเงียบไปไม่มีเสียงพูดใดเล็ดลอดออกมา จนกระทั่งกระเช้าชิงช้าสวรรค์มันหยุดการเคลื่อนไหวพนักงานเดินมาเปิดกลอนที่ล็อกเอาไว้ ทั้งสองคนเดินออกาจากกระเช้าชิงช้าสวรรค์โดยที่มือยังคงจับกันเอาไว้ตั้งแต่...โบนาบอกว่าการตกหลุมรักมันเป็นอย่างไร


    อึนซอรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับความรู้สึกที่คนพี่บอกแต่มันก็เหมือนเมฆหมอกมาบดบังว่า...รู้สึกแบบนี้กับใคร


    เอาไว้ค่อยหาคำตอบแล้วกัน...



    หรือบางทีคำตอบมันก็อาจจะอยู่ตรงหน้าของเขามาตั้งนานแล้วก็ได้     

     

     



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in