เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกกันจนกว่าจะเรียนจบa little student
FINAL นี้พี่ลาก่อย
  •                          จบสิ้นกันเสียที final ที่รัก (เบ้ปากระดับยี่สิบ) ถือว่าได้ปิดเทอมย่อยที่ได้พักผ่อนและชาร์จแบตให้ตัวเองสักนิดนึงก่อนจะเปิดเทอมไปสู้กับวิชาอีกล้านแปดต่อ โพสนี้จะถือเป็นการรีวิวชีวิตในเทอมนี้ว่าผ่านมาได้อย่างไร (แต่เกรดยังไม่ออกและคาดว่าจะออกเป็นของขวัญปีใหม่ให้พอดีเลย เย้!)

                             ก่อนอื่น ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่รักที่คอยไล่ให้ไปอ่านหนังสือสอบในขณะที่ลูกกำลังหลงกับการหาที่เที่ยวหลังสอบอยู่55555 ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยติวหนังสือให้ และคอยผลักดันกันจนวันสุดท้ายที่สอบเสร็จ ไม่มีคำว่าแข่งกันเรียน ไม่มีคำว่าเหยียบขึ้นไปให้สูงกว่า มีแต่คำว่าช่วยกัน ไม่ทิ้งกัน และสุดท้าย ขอบคุณตัวเองที่อดทนอ่านหนังสือสอบอย่างเป็นบ้าเป็นหลังและผ่านการสอบไปได้ด้วยดี...อืม... ดีแหละมั้ง คิดว่าทำได้ หรือได้ทำ เอ งง...นั่นแหละ ผ่านมาแล้วก็แล้วกันไปเน้อ

                              สมัยที่เรายังเรียนม.ปลาย เราคิดว่าการสอบ "ก็แค่" การสอบ สอบให้จบๆ อ่านคืนต่อคืน วิชาไหนไม่สำคัญก็เข้าไปใช้วิชาความรู้ใหม่ในห้องสอบ ถ้าคะแนนเก็บเยอะซะอย่าง เกรดก็ไม่แย่หรอกน่า เราคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่ไม่อ่านหนังสือนะ ก็อ่านเหมือนกัน555555

                                จนเราเข้าสู่ช่วงของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มีตั้งแต่สอบตรง สอบความถนัดแพทย์ สอบ 7 วิชาสามัญ สอบ GAT/PAT แล้วไอ้เจ้า PAT เนี่ยก็ยังแยกออกไปเป็นพวกเลข วิทย์ วิศวะ สถาปัตย์ ครู ภาษาที่ 3 อีก ซึ่งก็ให้นักเรียนเลือกสอบกันตามเกณฑ์ของคณะที่ต้องการจะเข้าศึกษาต่อ ซึ่งในตอนนั้นเราคิดว่าเราอ่านหนังสือเยอะมากๆ ถึงจะมากไม่เท่าใครหลายๆ คน แต่ก็คิดว่ามันเยอะกว่าปกติที่อ่านสอบพวกกลางภาคหรือปลายภาคที่โรงเรียนเสียอีก...ก็แน่ล่ะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยนะ คนแข่งกับเราเป็นแสนๆ สู้กันด้วยความรู้นี่แหละ (แต่ข้อสอบก็ยากเกินที่เรียนไปอีก ไม่เข้าใจจะทำเพื่ออะไร จนถึงทุกวันนี้ก็ยังสงสารน้องๆ อยู่) หลังจากการสอบเข้ามหา'ลัยผ่านไป ก็โล่งใจไปในระดับนึง เพราะในที่สุดก็มีที่เรียนแล้ว...แล้วก็เพิ่งรู้ว่า นั่นมันแค่น้ำจิ้ม ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก. . .

                                  ในที่สุดก็เปิดเทอมปี 1 มหา'ลัยใหม่ เจอสิ่งใหม่ๆ มากมาย รวมไปถึง "การสอบ" แบบใหม่ ไฉไลกว่าม.ปลายแน่นอน... ตอนเรียนก็ยังคงทำตัวชิวประหนึ่งเรียนม.ปลาย พี่ๆ ก็มีบอกมาบ้างว่าปี 1 เนี่ยสบายสุดละนะ รีบพักผ่อน อยากทำอะไรก็ทำซะ เพราะเดี๋ยวปีโตจะไม่มีเวลาให้ทำแล้วนะ เราก็คิดว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงดูทรหดขนาดนั้น เห็นพี่กระดกขวดเอ็มร้อยงี้ อืม...เห็นสภาพตัวเองในอนาคตอยู่รำไร...

                                ตัดภาพมาที่การสอบกลางภาคครั้งแรกในชีวิตนิสิตมหาลัย พูดได้เลยว่าช็อค! อย่างเคมีตอนม.ปลายกว่าจะเรียนเรื่องนึงได้ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ นี่อาจารย์มหาลัยสามารถทำให้มันจบได้ภายใน 3 ชั่วโมง!! และเมื่อการเรียนการสอนจะติดสปีดขนาดนี้ ก็หนีไม่พ้นกับคำที่ว่า "ม.ปลายสอน 3 ปี มหาลัยสอนแค่เทอมเดียว" ใช่แล้ว เนื้อหาที่เรียนในม.ปลายทั้งหมดถูกยกมาเรียนใหม่ในปี 1 ที่ต่างคือ ทุกเรื่องที่เคยเรียนนำมาเรียนเพียงแค่เทอมเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เคมี วิชาอื่นก็เช่นกัน... ด้วยความที่ยังไม่ชินก็ตกใจ "เห้ย อะไรจะรีบขนาดนั้นนนนน" แต่ก็ได้แต่บ่นแล้วเรียนต่อไปสอบให้จบเทอม หลังจากการสอบ แต่มันก็ยังเป็นเนื้อหาที่เราเคยผ่านมาบ้างแหละ ก็ยังมีคุ้นๆ บ้าง(มั้ง)

                                     ...ไฟนอลปี 1 ก็เหมือนเดิม จบเทอม จบปี หมดแล้วปี 1 เย้ โตขึ้นอีกปีแล้ว!!

                                      แล้วก็ตัดภาพมาที่การสอบของปี 2 ปีที่เริ่มเรียนวิชาของภาควิชาชีพตัวเอง ไม่เคยเจอ อะไรหน้าตาแปลก ศัพท์ใหม่ๆ อะไรที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันเล้ย แต่ก็ต้องเรียน เดี๋ยวก็ชินน่ะ...ชินหรอ...อืม...5555

                                
  •                                 การสอบในปี 2 นั้นแตกต่างกับของปี 1 โดยสิ้นเชิง ในปี 1 เนี่ย อย่างน้อยเราก็ยังคุ้นกับเนื้อหาอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ในการสอบ(บางวิชา) เราก็สามารถใช้พื้นฐานที่มีอยู่(อันน้อยนิด) เอาไปทำข้อสอบได้ ก็ช่วยทุ่นแรงการอ่านหนังสือลงไปในระดับนึง

                              แต่สอบของปี 2 หรือปีโตๆ ขึ้นไป ทุกอย่างจะเป็นเนื้อหาที่เราต้องรู้ จำ เข้าใจใหม่ทั้งหมด ทำให้เวลาสอบเหมือนรู้สึกว่ากำลังอ่านหนังสือไปสอบเข้ามหาลัยในตอนม.ปลาย อ่านกันโต้รุ่ง อ่านล่วงหน้ากันเป็นเดือนก็ยังไม่ทันในบางวิชา บางคนก็ไม่ได้นอน บางคนก็อ่านจนท้อ ร้องไห้ เครียด ไมเกรนขึ้น หลายๆ อาการที่เกิดจากความเครียด ที่เครียดยิ่งกว่าการอ่านสอบของเด็กม.ปลายที่สอบเข้ามหาลัย เราเลยรู้สึกว่า การอ่านเพื่อใช้สอบในทั้ง 2 สถานการณ์มันต่างกัน ตรงที่การอ่านของม.ปลายนั้นทำเพื่อเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ทำให้สำเร็จ คือการสอบเข้า แต่การอ่านของเด็กมหาลัยนั้น ทำเพื่อรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ ให้รอดในทุกๆ เทอมที่กำลังผ่านมา และผ่านไป โดยไม่มีข้อบกพร่อง(หรือติดเอฟ) 

                               เหมือนกำลังฝึกความอดทนที่นานมากๆ แต่กว่าจะอดทนได้นานๆ ก็คงจะท้อแท้ เหนื่อย เบื่อ ขี้เกียจ หรืออื่นๆ ที่ทำให้มาบั่นทอนความอดทนของเราให้ลดลงเรื่อยๆ  แต่เราก็ต้องฝึกให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มาบั่นทอนความอดทนของเราให้ได้ ถึงจะใช้เวลานานในการฝึก แต่เราก็เชื่อว่าสุดท้ายมันจะเป็นผลดีต่อตัวเองในอนาคตแน่ๆ เพราะฉะนั้น อดทนเข้าไว้นะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป 

    :)

    จบกันเสียทีเทอมนี้ อีกไม่กี่เทอมเอง แต่ไฟนอลนี้พี่ขอลาล่ะค่ะ บายยย

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in