เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
HunHo Fictionhamsmile1
A lil boy in pajamas | HunHo
  • OS | A lil boy in pajamas
    Pairing: Sehun x Suho
    Author: HamMushroom




    “อีกครึ่งชั่วโมงสินะ”

    “ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย”

    “เฮ้อ นี่มันไม่ใช่มึงเลยเซฮุน”

    ไม่รู้ว่าผมบ่นไปกี่ครั้งแล้วตั้งแต่ก้าวเข้ามาในสนามบินเพื่อรอรับใครบางคน ใครบางคนที่แค่นึกถึงก็สามารถทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง และก็เป็นใครบางคนที่คอยมากวนใจให้คิดถึงอยู่ตลอด 4 ปี

    “รีบกลับมานะ”

    “ลุงจะลืมเรามั้ย”

    “ใครจะไปลืมตัวดื้อแบบมึงได้ลง”

    “โหย ลุงอ่ะ! หวานกับเค้าเป็นบ้างมะ”

    “เอ้า เปี๊ยก มึงควรรู้ได้แล้วนะว่าแฟนมึงไม่เหมือนคนอื่นอ่ะ”

    “เออจริงด้วย ใครจะแก่เหมือนลุงอ่ะ”

    “พูดงี้เดี๋ยวปากแตกนะเปี๊ยก”

    “จะต่อยเราหรอ”

    “เปล่า... จูบจนปากแตกอ่ะหนู”

    “...”

    “เข้าใจมั้ยครับ”

    “ไอ้ลุงงงงงงงงง”


    .
    .
    .


    “หึ ไม่รู้ป่านนี้เปี๊ยกมันจะโตขึ้นรึยัง นมก็ไม่กินต้องให้ย้ำทุกคืน ขนาดเฟสไทม์ไปมันยังไม่ยอมกิน เนี่ย ยังฝันจะสูง 180 หึหึ” แล้วทำไมผมต้องมายืนบ่นเป็นตาแก่ด้วยเนี่ย

    และผมก็ต้องหลุดขำออกมาเมื่อนึกย้อนไปถึงคืนก่อนที่คนตัวเล็กจะต้องบินลัดฟ้าย้ายตามครอบครัวและไปเรียนต่อไกลถึงอเมริกา

    แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาภาพความทรงจำระหว่างเราก็ยิ่งผุดขึ้นมาจนผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่ไหว

    นี่ถ้าคนอื่นมองว่าผมเป็นบ้าขึ้นมานี่คงต้องโทษเจ้าเปี๊ยกมันแล้วแหละ

    ก็ใครใช้ให้เข้ามาเป็นความสุขของผมในทุกๆวันแบบนี้กันล่ะ

    ยิ่งคิดถึงครั้งแรกที่เจอกัน ก็ยิ่งทำให้ริมฝีปากยกยิ้มกว้างขึ้นทุกที

    .
    .
    .

    “ลุง”

    “หือ?” ผมในวัย 23 ปี บัณฑิตจากคณะบริหารที่ตอนนี้กลายเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันยิ่งกว่าธรรมดา ในตอนนี้กำลังเงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียกเขาว่าลุง

    นี่มันเด็กมอต้นที่ไหนวะ

    แล้วออกมาทำไรที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสามทุ่ม

    พ่อแม่มันไม่ว่ารึไง

    “ขอนั่งด้วยได้เปล่า” ผมกวาดสายตามองบรรยากาศรอบๆร้านที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาหาไรกินกันก่อนละสายตากับมามองเจ้าตัวเปี๊ยกตรงหน้าอีกครั้ง

    ใส่ชุดนอนลายสก็อตมากินก๋วยเตี๋ยวเนี่ยนะ เออ จ๊าบชิบหายเลย

    “อ่อ เออ นั่งดิ”

    “ใจมากลุง” อ่ะ เด็กนี่ ใจมันได้ ว่าแต่มันเรียกเขาว่าไงนะ

    “พี่”

    “หือ ลุงว่าไรนะ” เจ้าหนูหน้าขาวเงยหน้าขึ้นมาทำตากลมใส่จนผมถึงกลับไปไม่ถูก

    อะไรอ่ะ ทำไมถึงมีคำว่าน่ารักลอยขึ้นมาในหัวแบบนี้

    “ก็ไม่ใช่ลุงไง เรียกพี่ดิ” แล้วทำไมเขาต้องทำเสียงอ่อนใส่มันด้วยวะ งงตัวเอง

    “ไม่อ่ะ” โอ้โห ดูมันๆ นี่ถ้าเป็นหลานเขาจะจับถอดกางเกงตีให้ตูดลาย

    หือ

    ตูด

    เอ่อ ขาว...

    “ลุง”

    “ห้ะๆ ว่าไง”

    “ไมหน้าแดงอ่ะ”

    “ร้อนโว้ย”

    “ร้อนจริงดิ”

    “เออออ”

    “คงงั้นอ่ะ ผมขี้หนาวไงเลยแบบงงว่านี่ร้อนหรอ” มันพูดออกมาพร้อมยิ้มแปลกๆ คนอะไรยิ้มเหมือนโดเรม่อน เออ แต่ทำไมน่ารักจังวะ

    “เออ ลุง นี่คุยกันมาตั้งนานลืมถามชื่ออ่ะ ผมชื่อจุนมยอนนะ คิมจุนมยอน”

    “โอเซฮุน”

    “ลุง”

    “อะไรอีก” แล้วลูกค้าจะเยอะอะไรขนาดนี้ นั่งจนจะซี้กันผูกสัญญาเป็นลุงหลานกันแล้วยังไม่เห็นแม้แต่ควันน้ำซุป

    “ลุงอายุเท่าไหร่อ่ะ”

    “23”

    “หือ โกหกปะเนี่ย” ไอ้สีหน้าที่ดูไม่เชื่อกันอย่างรุนแรงแบบนี้นี่มันหมายความว่าไง

    “แล้วเราอ่ะ จบมอสามยัง”

    “โหยลุง เห็นงี้นี่ขึ้นมอหกแล้วนะเว้ย” มันตบโต๊ะโวยวายสุดขีด ปากเล็กๆก็คว่ำลงจนอยากบีบให้ช้ำ ไม่รู้ตอนเกิดนี่เกิดมาพร้อมกระดาษแปะหน้าผากว่าน่ารักจังค้าบมารึป่าว

    “หรอ”

    “ไม่เชื่อใช่ปะ”

    “เชื่อดิ”

    “ทำไมเชื่ออ่ะ” เจ้าเปี๊ยกทำหน้างงสุดขีดที่ผมตอบไปแบบนั้น

    ก็นะ

    ใครบอกให้ตั้งวอลโฟนตัวใหญ่ว่า ม.6 แล้วสู้ๆโว้ย แบบนั้นกันล่ะ

    ผมเลยเลือกที่จะชี้ไปที่โทรศัพท์เครื่องบางบนโต๊ะ ที่ตอนนี้ขึ้นภาพหน้าจอเพราะโนติจากไลน์ เมื่ออีกคนมองตามก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับมา

    เออว่ะ แบบนี้ก็มีด้วย

    “ละนี่ลุงทำงานแล้วชะ” ขนาดบอกอายุไปมันก็ยังเรียกเขาลุงอยู่เหมือนเดิม เหนื่อยจะบอกแล้วนะ

    “อืม”

    “ทำงานเนี่ยสนุกมั้ยอ่ะ”

    “ก็ขึ้นอยู่ว่าชอบมั้ย”

    “ละลุงชอบปะ”

    “ไม่รู้สิ ยังสนุกอยู่แต่ไม่รู้ต่อไปเป็นไง”

    “โห ตื่นเต้นแทนอ่ะ”

    และบทสนทนาของเราก็จบลงเมื่อถ้วยก๋วยเตี๋ยวร้อนๆสองชามถูกวางลงตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มหวานๆจากป้าเจ้าของร้าน



    “ลุงอยู่คอนโดนี้อ่อ”

    “อือ”

    “เฮ้ยยย เหมือนกันเลย ผมเพิ่งย้ายมา” ผมหันกลับไปมองอีกคนที่ยิ่งมาเดินคู่กันยิ่งเห็นถึงความต่างของส่วนสูงอย่างตกใจ

    “นี่ไม่เชื่อรึไง”

    “เปล่า”

    “ไม่จริงอ่ะ สายตาลุงบอกไม่เชื่อ งั้นดูนี่” เจ้าเปี๊ยกเลยรีบล้วงกระเป๋าตัวเองพร้อมหยิบคีย์การ์ดที่ทำเอาผมร้องเสียงหลงออกมาทันทีที่เห็นหมายเลขสามตัวบนนั้น

    “เฮ้ย!”

    “ไรอ่ะลุง ห้องนี้มีประวัติหรอ ฮือ ไม่เอานะเว้ย ไหนป๋าบอกเป็นห้องลูกเพื่อนป๋าไงวะ”

    “ไม่ใช่”

    “นั่นไง ไม่ใช่ห้องลูกเพื่อนป๋าจริงๆสินะ” โอ๊ย ผมอยากกุมขมับ นี่ตอนเกิดพระเจ้าคงใส่ส่วนผสมความน่ารักมามากไปจนลืมใส่สติมาให้มันป่ะวะ ทำไมอ๊องขนาดนี้

    “เปี๊ยก คือแบบมึงฟังกูนะ” ผมรีบยกมือไปปิดปากไอ้ตัวแสบที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งบอกให้ผมพูดแบบปกติได้เลย

    “ที่กูตกใจเพราะมันคือห้องข้างกู เข้าใจมั้ย” หัวกลมๆผงกขึ้นลงก่อนมองตาแป๋วกลับมา ผมถึงกับต้องถอนหายใจออกมาก่อนค่อยๆเอามือออก

    รับมือกับไอ้เปี๊ยกแต่ละทีนี่ทำเอาเหงื่อแทบตก

    แต่ไม่รู้ทำไมปากถึงหยุดยิ้มไม่ได้สักที

    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเราสองคน

    ความสัมพันธ์ที่คอยมาเคาะห้องชวนอีกฝ่ายไปกินก๋วยเตี๋ยว

    หรือจะเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้หงุดหงิดเวลาที่มีคนอื่นเข้ามา

    และคงเป็นความสัมพันธ์ที่ทำเอาผมไม่อยากไปไหนและคงไม่ปล่อยให้อีกคนไปไหนเหมือนกันจนต้องหานิยามขึ้นมาเพื่อยึดเราทั้งคู่เอาไว้


    “เปี๊ยก”

    “หือ?” ผมเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังนอนพิงไหล่ผมดูการ์ตูนเรื่องโปรด

    “เป็นแฟนกันมั้ย”

    “ห๊ะ!!!” จุนมยอนในตอนนี้อยู่ในโหมดตกใจที่สุดตั้งแต่ที่ผมรู้จักเค้ามา ใบหน้าขาวของเจ้าเปี๊ยกขึ้นริ้วแดงจนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบเบาๆ

    แมวน้อย... ทั้งแสบ ดื้อ แต่ก็ขี้อ้อน

    “ลุงจะไม่ทิ้งเราใช่ป่าว”

    “มีแต่เราอ่ะจะทิ้งพี่”

    “งือออ~ ไม่ทิ้งหรอก”

    “ให้จริง”

    “จริงๆนะ! ถ้าเราทิ้งลุงใครจะไปรับเบี้ยคนชราให้อ่ะ” ไอ้เด็กแสบนี่!!

    โป๊ก !~

    “โอ๊ยยย เจ็บนะ”

    “เด็กแสบ เร็วตอบมา เป็นมั้ยแฟน”

    “นี่มาถึงจุดที่บังคับเป็นแฟนแล้วหรอ”

    “ตอบ”

    “โหย ไม่โรแมนติกเลยอ่ะ”

    “ไม่เป็น?”

    “เป็น!”

    “แบบนี้ดิค่อยน่ารักหน่อย”

    “หึ่ย!”

    “ไม่ทำปากงั้นดิ น่าเกลียด”

    “ลุง!!” ผมหัวเราะลั่นทันทีที่เห็นหน้าเจ้าตัวแสบ เอ๊ะ ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าแฟนแล้วสินะ

    อ่า ... หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูอีกแล้วเนี่ย

    “หนู หันมาหาพี่หน่อย”

    “งืออออ~ ไม่ต้องเรียกแบบนั้นเลย”

    “หนู หนูครับ หนูค้าบบบบบ”

    “ไอ้ลุง!!”

    จุ๊บ

    “ลุงงงง”

    จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

    “ลูกลิงหน้าแดงหมดแล้วโว้ย” ผมหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อผละหน้าออกมาหลังจากก้มลงไปสูดความหอมจากคนตรงหน้า

    แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวแล้วที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขเพราะครั้งนี้เสียงหัวเราะของจุนมยอนก็ดังไม่ต่างจากผมเท่าไหร่

    รอยยิ้มของเจ้าเปี๊ยกน่ะ ... เป็นความสุขที่สุดของผมแล้วล่ะครับ


    .
    .
    .
    .


    “ลุงงงงง!!” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมหลุดจากภวังค์ก่อนรีบหันมองหาเจ้าของเสียง

    ใครคนนั้นที่สวมเสื้อโค๊ทตัวยาวพร้อมกับกระเป๋าลากใบโต

    ใครคนนั้นที่วิ่งเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ใจผมเต้นแรงได้เสมอ

    “โหวว หนักอ่ะ” ผมเอ่ยทักทันทีที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาสวมกอดจนทำเอาผมรับแทบไม่ทัน

    และผมก็ยังเป็นคนเดิมที่ยังคงพูดหวานไม่เป็น

    “ลุงอ่ะ” แต่แค่คำตัดพ้อสั้นๆ มันกลับทำให้ผมเลือกที่จะพูดบางอย่าง

    “คิดถึงจังเปี๊ยก” เพื่อแลกกับรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด

    “อื้ออ คิดถึงลุงสุดๆเลย”

    และผม โอเซฮุน พนักงานธรรมดาๆที่ตอนนี้ได้เลื่อนขั้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายกับเจ้าเด็กเปี๊ยกในชุดนอนลายสก็อตวันนั้นที่เรียนจบแล้วในวันนี้

    ก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน

    พร้อมกับการเริ่มต้นครั้งใหม่

    ภายใต้คำว่า...

    เรา...อีกครั้ง :)

                             *****************
                                          END

    มาแบบสั้นๆชั่ววูบ 555555555
    ตบตีนุได้ที่ #lilstorywithhunho ? นะคะ
    ชอบอ่านเวลาทุกคนมาติดแท็กมากๆเลยยยย~
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in