เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
et ceteraquarlet
โลกคู่ขนานไม่ได้อยู่ TRAPPIST-1 จักรวาลคู่ขนานไม่ได้อยู่อีกมิตินึง

  • เราพูดไปว่าอยากลองเขียนเรื่องโลก/จักรวาลคู่ขนานดู สืบเนื่องมาจากหลายเดือนก่อนที่นาซ่าได้ประกาศว่ามีการค้นพบ 'ระบบ' ใหม่ ซึ่งมีความคล้ายกับระบบสุริยะของเราและก็มีดาวที่อาศัยอยู่ได้ด้วย
    จริง ๆ เราค่อนข้างกึ่งตื่นเต้นกึ่งเฉย ๆ เพราะดาวที่อยู่ในเขต habitable zone ก็ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจอ


    อันนี้คือทวิตที่เราเคยบ่นไป


    ดังนั้น! วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงสาระที่ว่า
    เคลียร์สมองให้ว่าง ๆ เพราะเรื่องนี้งงและยาวยิ่งกว่าบทความที่แล้วแน่นอน XD
    (เพิ่งมาดูตอนเขียนเสร็จ มันไม่ได้ยาวกว่าอ่ะ 555)
    (บทความนี้อาจจะรูปน้อยสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องนามธรรมสุด ๆ อ่านแบบชาวถึกหน่อยนะ)


  • "โลกคู่ขนานมันอยู่อีกมิตินึง"

    เป็นข้อความของหลาย ๆ คนในแท็กที่พยายามจะแก้ (หรือด่า) การโยงกันมั่วของคนอีกพวกที่กำลังเวิ่นเรื่องโลกคู่ขนาน ซึ่งเราก็เกือบจะยิ้มแล้ว แต่มันผิด 5555 ซึ่งมันผิดตรงคำว่า มิติ หลังจากที่เราไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ในบทความที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่ามันยาก 555 แต่ตอนนี้..

    มิติคืออะไร?

    ส่วนใหญ่คนจะเข้าใจคำว่า มิติ ว่าเป็นพื้นที่ที่มองไม่เห็นซ้อน ๆ กันอยู่ เมื่อก่อนเราเป็นคนนึงที่เข้าใจอย่างนี้ ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่..สารภาพก่อนเลยว่าเรื่องนี้เราไม่ได้เข้าใจแบบกระจ่างแจ้งแจ่มภพสบสมัย เพราะจินตนาการตามยากมากจริง ๆ เพิ่งจะจัดระบบความเข้าใจเรื่องนี้ของตัวเองไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วเหมือนกัน ;w;


    "มิติ ความหมายโดยทั่วไปหมายถึง สิ่งที่บอกคุณสมบัติของวัตถุ ได้แก่ ความกว้าง ความยาว และ ความสูง ส่วนในทางคณิตศาสตร์ มิติ หมายถึงจำนวนตัวเลขที่ต้องการเพื่อระบุตำแหน่งและคุณสมบัติของวัตถุใด ๆ ในปริภูมิ ในศาสตร์ต่าง ๆ อาจนิยามความหมายของคำว่า มิติ แทนจำนวนพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ต้นทุน และ ราคา ในทางเศรษฐศาสตร์" วิกิ

    ทุกคนคงรู้จักประโยคแบบ "รูปร่างคือ 2 มิติ รูปทรงคือ 3 มิติ"
    ก็คงได้ยินกันมาตอนเรียนเรขาคณิตสมัยประถมล่ะเนอะ ซึ่งเอกภพก็เป็นแบบนั้น ไม่ได้เป็นอะไรซ้อน ๆ มองไม่เห็นหรอก แต่เราแค่ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ต่างหาก

    ยกตัวอย่างเช่น เราเป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ในมิติที่ 4 ตัวเราเป็น 3 มิติ เราไม่สามารถเข้าใจมิติที่ 4 หรือสูงไปกว่านั้น / รูปสี่เหลี่ยมเป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ในมิติที่ 3 ตัวมันเป็น 2 มิติ รูปสี่เหลี่ยมไม่สามารถเข้าใจมิติที่ 3 หรือสูงไปกว่านั้นได้



    ทำไมเราถึงไม่สามารถทำความเข้าใจมิติที่เราอยู่หรือสูงกว่าได้?

    เพราะเราไม่สามารถควบคุมมัน = มิตินี้คือตัวกั้นไม่ให้เราไปเกี่ยวกับมิติที่สูงกว่า (นี่คหสต.สุด ๆ) อย่างที่ยกตย.ไปข้างต้น เราอยู่มิติที่ 4 ซึ่งมิตินี้คือ เวลา เราควบคุมมันได้มั้ย? ไม่ / รูปสี่เหลี่ยมอยู่มิติที่ 3 ซึ่งคือความหนา (หรือความสูง) มันควบคุมความหนาได้มั้ย? ทำให้ตัวเองมีความหนาขึ้นมาได้มั้ย? ไม่

    แต่สิ่งที่อยู่ในมิติที่เหนือกว่าจะสามารถคุมมันได้ เช่น เราอยู่เหนือมิติที่ 3 เราคุมความหนาได้ เราเข้าใจความหนา เรามองออกว่ามันเป็นอย่างไร กลับกันรูปสี่เหลี่ยมในกระดาษจะรู้มั้ยว่าความหนาคืออะไร? ก็เหมือนกันกับมนุษย์ที่เราไม่สามารถเข้าใจเรื่องเวลาได้ ย้อนไปอดีตจะท่องอนาคตก็ไม่ได้ ทำให้เราคิดว่าสิ่งที่อยู่ในมิติที่ 5 จะต้องมองเวลาสนุกกันแน่นอน

    เอ้อ อีกอย่าง เราคิดว่าพวกมิติที่สูงกว่าจะสามารถมองมิติที่ต่ำกว่าเป็นก้อน ๆ คือมองเป็นรูปธรรมได้เลยอ่ะ กลับมาที่รูปสี่เหลี่ยมมันจะคิดออกมั้ยว่าความหนาหน้าตาเป็นไง มันก็ไม่รู้หรอก เหมือนกับเราที่แบบเวลาคือไรฟะ นามธรรมโคตร ๆ แต่พวกในมิติที่ 5 ก็คงมองเห็นเวลาอันสุดแสนเข้าใจยากของพวกเราเป็นรูปธรรมแน่นอน (เช่น ใน Interstellar มีฉากนึงที่พระเอกหลุดไปอยู่มิติที่ 5 เห็นเวลาด้วย)



    โอเคพอจะเข้าใจเรื่องมิติกันแล้ว (รึเปล่า? ชั้นว่าชั้นอธิบายงง 555)
    ต่อไปก็เข้าสู่เรื่องโลกหรือจักรวาลคู่ขนานโลด!

    via GIPHY (หนังใน GIF นี้ดีมาก เดี๋ยวกะจะมาเขียนบทความอยู่ รออ่านเถอะนะ ;w;)


  • โลกคู่ขนานหรือจักรวาลคู่ขนานคืออะไร?

    โอเคเข้าใจตรงกันก่อน อาจจะมีคนงง สรุปใช้คำว่าโลกหรือจักรวาลคู่ขนานกันแน่ ซึ่งมันก็แล้วแต่จุดประสงค์ของคนพูด ถ้าใช้คำว่าโลกก็อาจจะหมายความว่ามีอีกโลกที่คล้าย ๆ โลกที่เราอยู่ในจักรวาลนี้ แต่ถ้าใช้คำว่าจักรวาลก็หมายความว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่จักรวาลเดียว
    ป.ล. คำว่าจักรวาล ≠ ระบบสุริยะนะ จักรวาล = เอกภพ (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Universe เหมือนกัน) ซึ่งต่อไปจะขอใช้คำว่าเอกภพคู่ขนาน เพราะดูวิชาการกว่า XD

    เข้าเรื่อง ตามที่พูดไปข้างต้นนิดหน่อย เอกภพคู่ขนานคือจะมีเอกภพอีกที่ที่คล้าย ๆ เรา สมมติโลกนี้เราเป็นหมอ แต่อีกโลกนึงเราเป็นไอดอล ซึ่งคือโลกนั้นก็มีคน ๆ เดียวกันกับโลกเราเลย แต่วิถีชิวิตหรืออะไรหลาย ๆ อย่างอาจจะต่างกัน

    ขอพูดอะไรเป็นวิชาการหน่อย (เผื่อผู้เขียนจะได้ดูมีสาระขึ้นบ้าง) นั่นก็คืออ

    ทฤษฎีแมวของชโรดิงเจอร์ (Schrödinger's Cat)

    เป็นทฤษฎีที่ดังมากเวอร์ หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินถึงจะรู้เนื้อหามันบ้างไม่รู้บ้าง กล่าวคือ ชโรดิงเจอร์นางสมมติว่าถ้าเราเอาแมวไปใส่ในกล่องปิดสนิทที่มีอุปกรณ์ที่ใส่อะตอมของธาตุกัมมันตรังสีซึ่งโอกาส 50:50 ในการสลายตัวภายใน 1 ชั่วโมง หากอะตอมสลายตัวขวดยาพิษก็จะแตก แมวก็เด๊ด (โหดร้าย!)


    แต่เราจะรู้ได้ไงว่าแมวตายไม่ตายนอกจากจะเปิดกล่องดูเท่านั้น? เท่ากับว่าตราบใดที่เราไม่เปิดกล่องเราก็ไม่มีทางรู้ว่าแมวยังอยู่หรือไปเฝ้ายมบาลแมวแล้ว เท่ากับแมวในความคิดเรามันเป็นได้ทั้งเป็นและตาย

    แล้วก็คิดกันต่อมาอีกว่า ถ้าแมวตายก็จะเป็นโลกที่แมวตายไปเลย แต่ถ้าแมวรอดแมวก็จะเป็นโลกที่แมวยังอยู่ ซึ่งผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นทั้ง 2 อันนี้อาจจะจุดที่ทำให้เส้นโลกนั้นต่างกัน

    งงมั้ย งงแน่ ๆ !

    ต่อมาที่จะพูดเราเคยคิดไว้ตอนม.1 (ตอนนี้ ม.6 ละ รู้สึกแก่ orz) แต่ไอเดียยังใช้ได้อยู่ อันนี้เข้าใจยากนิดนึง Stay tune เด้อ

    คือ ทุก ๆ การกระทำ การตัดสินใจ ความคิด การขยับ ทุก ๆ อย่าง ย้ำเลยว่า ทุก ๆ อย่าง ที่เราทำไม่ว่าใครก็ตาม ทุก ๆ สิ่งในจักรวาลนี้ ทำให้เส้นโลกนั้นแตกออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นอนันต์

    ยกตัวอย่าง เราไม่เลือกที่จะเรียนสายวิทย์แต่ไปเรียนสายศิลป์ เท่ากับว่าจะมีเส้นโลกที่เราเรียนสายศิลป์ไปเลย แต่ในเส้นโลกหนึ่งสามารถแยกแตกออกมาได้ไม่รู้จบ เหมือนรากต้นไม้ที่แยกออก ๆ เรื่อย ๆ พอเราเรียนสายศิลป์อาจจะเลือกเรียนอักษรหรือกฎหมาย? ถ้าเรียนกฎหมายจบไปจะทำอะไร? มีให้เลือกมากมาย 

    สรุป ทุก ๆ ครั้งที่เราต้องกระทำหรือคิดอะไรบางอย่าง อะไรก็ได้ที่มันทำให้เราเกิดทางเลือก (ex. วันนี้กินไรดี กะเพรา? ข้าวผัด? ส้มตำ?) ก็จะมีตัวเลือกที่เราได้ตัดสินใจเลือกไปแล้ว (โอเค กินส้มตำ) แต่ถ้าตอนนั้นเราเลือกกินกะเพราไปล่ะ? มันก็จะเป็นอีกเส้นโลกนึงที่เรากินกะเพรา

    คนที่เคยดูอะไรแนว ๆ ย้อนเวลาไรงี้ อาจจะรู้จัก Butterfly Effect ที่การกระทำหนึ่งสามารถส่งผลต่อไปกับเรื่องอื่น ๆ ได้ เส้นโลกที่เรากินส้มตำอาจจะทำให้เราสำลักพริกตาย แต่เส้นโลกที่กินกะเพราเราอาจจะถั่วฝักยาวติดคอตาย ก็คือตายต่างกัน (ไม่ใช่ดูที่ผลลัพธ์นะ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ต่างกันอยู่ดี)



    โอเค้! จบดีกว่ามั้ง รู้สึกยิ่งพิมพ์ยิ่งงง คนเขียนยังงงคนอ่านจะไม่งงกว่าหรอ 555 แต่ถ้ามีคนอ่านแล้วเข้าใจถือว่าเราประสบความสำเร็จละ TwT ขอย้ำว่าทุกอย่างในนี้เป็นความเข้าใจของเรานะ ถ้าเราตีความผิดหรือเข้าใจอะไรผิดก็ทักท้วงได้ค่ะ เพราะก็รู้ดีว่าตัวเองยังไม่แตกฉานด้านนี้นัก 555
    ป.ล. ใครรู้มั่งว่าชื่อบทความคนเขียนเอามาจากอะไร อิอิ

    บายค่ะ บินกลับดาวแพร๊บ
    ใครมีอะไรสงสัยถามหรือทักท้วงได้ที่เม้นหรือทวิต @quarlet ได้เลยค่ะ XD

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sulli (@iRURI)
เพิ่งเข้ามาอ่าน ทฤษฎีแมวของชโรดิงป็นทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาคควอนตัม ที่สามารถมี2สถานะพร้อมกันไม่ใช่หรอคะ
Крестік На Прон (@fb1560671300646)
คิดเหมือนกันเลย ความเปลี่ยนแปลงมีได้ ทุกทิศทาง ใน@time ของเรา หมด และเริ่มใหม่ และรู้สึก ด้วยเวลา แค่ความคิดส่วนตัวนะครับ >,,<
mrten_ (@mrten_)
รู้สึกดีใจที่มีคนรุ่นเดียวกับเรา สนใจเรื่องเดียวกับเรา :)